RaJa “สยบให้...เพราะใจรัก”
เขียนโดย nooonaa
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.24 น.
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556 20.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ความคิดที่ 10 : รั้งไว้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBy nooonaa
ความคิดที่ 10 : รั้งไว้
อดทนไว้
อดทนไว้
อย่าร้อง
พอแล้ว
ปังๆๆๆๆๆ
"เจ้าถิ่น เปิดประตูให้เราเถอะ เจ้าถิ่น" เสียงเคาะประตูดังระงมไปทั่วห้องนอนของผมที่ผมเองก็ใช้มันเป็นที่กำบังจากสิ่งทุเรศน่าขยะแขยง แล้วเมื่อไรผมจะหยุดร้องสักที ถึงมันจะไม่มีเสียงสะอื้นออกมาสักแอะ แต่น้ำตามันดันไหลไม่หยุด มันเจ็บจริงๆครับ กับการที่เราเป็นตัวอะไรไม่รู้ให้เขามาเสพสุขจากร่างกายของเราเมื่อเขาต้องการ แล้วเราก็ทำได้แค่นั่งรอให้เขากลับมาเชยชมเราใหม่ มันเหมือนพวกนางบำเรอยังไงยังงั้น ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังเป็นแบบนั้นเอง
ถึงได้มานั่งน้ำตาไหลพรากแบบนี้
เพราะมันเหมือนหมดคุณค่าไปทันทีที่เขาเอาเราไปรวมกับผู้หญิงเหล่านั้น
"เจ้าถิ่น ได้โปรด เปิดประตูให้เราเถอะ" ยังจะมาขออะไรจากผมอีก ที่ผมให้ไปมันยังไม่พอรึไง
"เจ้าถิ่น เราขอโทษ เปิดประตูให้เราเถอะ"
ขอโทษ
ขอโทษหรอ
แค่คำขอโทษเองงั้นหรอวะ คิดว่าพูดออกมาแล้วกูจะใจอ่อนงั้นหรอ อย่าหวัง!
แต่ทำไม ทำไมขาผมถึงกลับพาเดินไปหาประตูบานนั้นที่กลั้นแค่เราสองคนไว้ ทำไมถึงทำแบบนี้
ไอ้ขาไม่รักดี
หรือที่จริงแล้วเป็นเพราะหัวใจผมเอง
"เจ้าถิ่น อย่าทรมานเราแบบนี้สิ ออกมาเถอะ"
อย่าไปฟังมัน มันแค่หลอกให้เราตายใจเท่านั้นเอง แต่ทำไมมือผมกลับจะไปหมุนลูกบิดซะแล้ว
ไม่นะเว้ย อย่าเชียวนะ มันก็แค่คนที่หยามเรา อย่าไปสนใจมัน
"เจ้าถิ่น...." นั่นเป็นทำสุดท้ายที่ผมได้ยิน ทำไมมันเงียบไปละ มันไปแล้วหรอ แค่นี้ก็อดทนรอไม่ได้ ถ้าจะมาทำแค่นี้จะมาทำไมให้เสียความรู้สึก ผมกร่นด่ามันในใจจนผมเผลอสบถออกมาเสียงดัง
"ไอ้ชีคบ้าเอ้ย!!!"
"เจ้าเรียกเราหรอ"
เห้ย!!!
ผมรีบหันควับไปทางต้นเสียงที่อยู่อีกฝั่งของห้องผม มันมาได้ไง มันโผล่มาได้ไงวะ
"มึงเข้ามาได้ยังไง" ใบหน้าหล่อนั้นยิ้มหวานให้ก่อนจะชี้ไปที่ทางมา
"หน้าต่างน่ะ" หน้าต่าง แม่เจ้า! มึงลงทุนปีนขึ้นมาขนาดนี้เลยรึไงวะ
"ใครให้เข้ามา มึงออกไปเลยนะเว้ย กูไม่อยากเห็นหน้ามึง!!" ผมกดเสียงให้ต่ำที่สุดเท่าที่เคยทำ ให้มันรู้ว่าอย่ามายุ่งกับผมตอนนี้ และยังไม่พร้อมที่จะอภัยให้มันด้วย
"อย่าพูดอย่างนั้นสิ มันเจ็บมากเลยนะ"
"แล้วที่มึงทำนี่กูไม่เจ็บเลยใช่มั้ย ไอ้เหี้.ย! กูสรรหาคำมาด่ามึงไม่ถูกแล้วจริงๆ" ให้ตายเถอะ หัวผมจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ทำไมต้องมาสับสนเรื่องของมันเนี่ย
"ด่ามาเถอะ ด่ามาเลยจนกว่าเจ้าจะหายโกรธเรา แต่เราขอ...อย่าเกลียดเราเลย"
"โห มึงขอได้ทุเรศมาก ก็ที่กูโกรธมึงเพราะมึงทำให้กูเกลียดนี่แหละ แล้วก็ไม่ต้องมาพร่ำให้เปลืองสมองกู ออกไป!!!!!" ผมตวาดไล่มันสุดเสียงจนร่างหนาชะงักนิ่งไป
"เจ้าเกลียดเราขนาดนั้นเลยหรอ..." เห้ย อย่ามาทำหน้าหมาหงอยแบบนั้นนะเว้ย เพราะมันทำให้กู....ใจอ่อน
"เออ!! เกลียดมาก!!" ไอ้ปากนี่ มึงจะไวไปมั้ย กูยังไม่ได้บอกให้พูดเลย
"เจ้าถิ่น..."
"อย่ามาเรียกชื่อกู!!"
"เจ้าเกลียดเราขนาดนี้เลยหรอ..เจ้าถิ่น" ร่างสูงถามผมอีกครั้งก่อนจะค่อยๆก้าวเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ผมเองก็หลบตามันทันทีที่ตาคมคู่นั้นสั่นเหมือนต้องการคำตอบจริงๆ
"ถ้าอย่างนั้นเราจะไม่มาให้เจ้าเห็นหน้าอีก เราสัญญา แต่ขอแค่ให้เจ้าอยู่ที่นี่กับเราอีกหน่อยได้หรือไม่ แล้วเราหลังจากนั้นเราจะพากลับไทยทันที "
อะไรนะ...พากลับไทย!
มันก็น่าจะดีใจนี่ แต่ทำไมใจมันวูบหล่นแบบนี้ นี่ผมเป็นอะไรไป มันยอมคืนศักดิ์ศรีของผมมาแล้วก็ดีแล้วนี่ ใช่มั้ย....
ร่างหนาเดินเข้ามาใกล้ผมที่ยืนอยู้หน้าประตูห้องเรื่อยๆจนผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อน ก่อนยกมือใหญ่ขึ้นมาลูบแก้มผมเบาๆ ผมไม่ปัดมันออกสักนิด แต่กลับเงยหน้าขึ้นไปสบตาคมคู่นั้นอีก
"อย่าร้องไห้อีกเลยนะ เราขอโทษ" ใบหน้าหล่อนั้นโน้มลงมาใกล้หน้าผมมากขึ้นก่อนที่ริมฝีปากบางนั้นจะกดทับลงมา ผมเองก็แค่ยืนรอรับจูบอันแสนเย็นนั่นก่อนที่มันจะถอนออก
"เราขอโทษ" และนั่นก็เป็นคำสุดท้ายที่ผมได้ยินจากเขาก่อนที่มันจะเดินออกจากห้องผมไป แล้วผมก็ไม่ได้เห็นหน้าคมนั่นอีกเลย...ตามที่มันสัญญา
มันก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง จะได้เป็นอิสระสักที
แต่มันดีแล้วจริงๆหรอ
ผมทำแบบนี้มันถูกแล้วใช้มั้ย แต่ทำไมใจผมถึงเจ็บแบบนีิ้
ก๊อกๆๆ
"ท่านเจ้าถิ่นครับ ได้เวลาอาหารเย็นแล้วครับ"
"อืม"
นี่ก็เป็นอีกวันที่ผมเป็นมาตลอดสองวัน อาซลานเองก็จะยกอาหารมาให้ผมที่ห้องแบบนี้เป็นประจำ ผมไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากนอนคิดเรื่องที่เกิดขึ้น มันรู้สึกแย่ยังไงชอบกล เหมือนผมจะตัดสินใจอะไรผิดไปสักอย่าง แล้วมันก็ยิ่งทำให้มันผิดต่อหัวใจของผม
"ผมวางไว้ตรงนี้นะครับ"
"อืม" ผมตอบรับแบบขอไปทีก่อนที่อาซลานจะเดินออกจากห้องไป แต่ผมลืมอะไรไปรึป่าว ผมมีเรื่องที่ต้องถามอีกคนไม่ใช่หรอ ถามเกี่ยวกับอิสระของผม
"เดี๋ยวก่อน"
"ครับ"
"เมื่อไหร่ผมจะได้กลับไทยครับ" นี่คือคำถามที่มึงต้องการถามงั้นหรอ เจ้าถิ่น!!!
"อีกไม่นานหรอกครับ อีกแค่สองสามวันเอกสารก็พร้อมแล้ว" สามวันเองหรอ
"อย่างนั้นหรอ"
"มีอะไรอีกมั้ยครับ" มีอะไรอีกมั้ย....มีสิ แต่คนอย่างผมจะกล้าถามได้ยังไงกัน
"ท่านชีคตอนนี้ไม่ได้เสวยอะไรมากว่าสองวันแล้วครับ ท่านทรงแต่งานและไม่ยอมออกจากห้องเลย ท่านกลัวว่าถ้าท่านออกมาแล้วคุณจะเห็นแล้วคุณจะบังคับให้ท่านพากลับไทย ผมเป็นห่วงท่านมากจริงๆกลัวท่านจะไม่สบาย"
ขนาดนั้นเลยหรอ แล้วทำไมถึงไม่กินข้าว แถมยังทำแต่งาน แล้วแบบนี้ร่างกายก็อ่อนแอน่ะสิ
"แล้วมาบอกผมทำไม" เอาอีกแล้วกู ปากไม่ตรงกับใจ
"ผมคิดว่ามีท่านคนเดียวที่จะช่วยท่านชีคของผมได้" จะให้ช่วยอะไรละ ในเมื่อผมเป็นคนไล่เขาไปกับปากเอง
"ผมจะทำอะไรได้ละ ผมมันก็แค่นางบำเรอชั่วครั้งชั่วคราว"
หึ....ทุเรศจริงๆ
"ท่านเข้าใจอะไรผิดไปแน่ นางบำเรอนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาพักบนวังหลังนี้ แต่จะให้พักอยู่หลังวัง ส่วนท่านเองก็ได้พักอยู่บนนี้แสดงว่าท่านก็ไม่ใช่นางบำเรอของท่านชีค"
"ว่าอะไรนะ" พักอยู่หลังวัง
"แล้วที่ผมเห็นวันนั้นละ" เห็นคาตาเลยด้วย แุมยังได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักมีความสุขลั่นห้องขนาดนั้น แล้วยังจะมาแก้ตัวแทนเจ้านายตัวเองรึไง
"มันเป็นเรื่องธรรมดาของท่านที่จะต้องสรงน้ำพร้อมกับพวกนาง เพราะท่านต้องมีข้ารับใช้สรงน้ำให้" มันฟังดูแปลกๆวะ เหมือนกำลังแก้ตัวยังไงไม่รู้ แต่มันทำให้หัวใจผมพองโต
ท่าจะบ้าไปแล้ว
"อย่างนั้นหรอ แต่ผมเห็นเออ...แบบ...จูบกันด้วย..." กระดากปากวะ
"อาซลาน!!!!"
เห้ย!!
อยู่ๆเสียงตวาดของคนในบทสนาก็ดังลั่นห้องผมไปหมด เล่นเอาผมกับคนที่ถูกเรียกชื่อสะดุ้งไปตามๆกัน
"ฝ่าบาท" เมื่อเห็นว่าใครมาอาซลานก็แทบจะก้มหัวชิดอก ผมเองก็ได้เห็นใบหน้าบึ้งตึงแบบอารมณ์เสียสุดๆมากจากใบหน้าหล่อนั้น ใบหน้าหล่อคมที่ผมไม่ได้เจอมาสองวัน แต่ตอนนี้มันกับซีดเซียวจนเห็นได้ชัด
"ใครให้เจ้าเข้ามาอยู่ในห้องของเจ้าถิ่น" น้ำเสียงที่ดูมีอำนาจจนขนผมลุกเกลียว ก่อนมันจะเดินเข้ามากลั้นระหว่างผมกับอาซลาน จนตอนนี้ผมไม่สามารถเห็นอีกคนที่เพิ่งคุยกันไปได้เบยสัดนิด
น่ากลัวจริงๆพอไอ้ชีคนี่มันมีน้ำโหแบบนี้
"กระหม่อมแค่เอาอาหารมื้อเย็นมาให้ท่านเจ้าถิ่นตามคำสั่งพะย่ะค่ะ"
"คำสั่งของเราคือให้นำอาหารมาให้แต่ไม่ได้ให้มาคุยกับคนของเรา เราไม่ชอบ!!" อะไรวะ แค่คุยก็ไม่ได้ เราใครเป็นคนของมึง พูดให้มันดีๆนะเว้ยไอ้แขก!
"ขอประทานอภัยฝ่าบาท" พอเสียงดุต่อว่าเสร็จ ร่างสูงของอาซลานก็ก้มขอโทษเกือบเก้าสิบองศา ก่อนอีกคนจะสั่งเสียงเข้มอีก
"ออกไปได้แล้ว!" อาซลานรีบเดินออกไปจากห้องผมอย่างรวดเร็วจนตอนนี้ในห้องผมมีแค่เราสองคนเท่านั้น แต่ทำไมหัวใจผมกลับเต้นเร็วเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง
ใบหน้าหล่อนั้นมองผมด้วยสายตาเศร้าๆแต่ปนอะไรสักอย่างจนผมสงสารขึ้นมาจับจิต เหมือนสายตานั้นพยายามบอกว่าเสียใจและขอโทษ แต่เหลือแค่ว่าผมเองที่จะยกโทษให้หรือไม่
"เราขอโทษที่มาให้เจ้าเห็นหน้าอีก เราจะไปเดี๋ยวนี้" ร่างหนาทำท่าจะเดินกลับออกไปทันทีที่ผมขมวดคิ้วอย่างสับสน แต่ผมยังไม่อยากให้ไปเลย ผมควรจะทำไงดี ต้องรั้งไว้สิ แล้วจะรั้งยังไงละ อย่าเพิ่งไป...
"เดี๋ยวสิ...ทานข้าวเย็นด้วยกันมั้ย?"
**********************************************************
130526
ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะตั้งแต่เม้นแรกจนถึงเม้นที่สุดท้ายเลยคะ. และขอขอบคุณทุกคะแนนที่รีดเดอโหวตให้ด้วยนร้า ครั้งแรกเลยอะที่ได้10/10จากรีดเดอสามท่าน 555 ไรเตอเกือบยกท่านชีคให้ไปนอนกอดแล้วคะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
เจอกันตอนหน้าคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ