ยิงประตูสู่ฝัน ภาคฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2014
-
เขียนโดย อักษรพริ้ว
วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 04.18 น.
4 ตอน
5 วิจารณ์
9,721 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 15.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ประตูที่ 2 : รองเท้าสตั๊ดมหัศจรรย์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ สนามฟุตบอลหญ้าเทียมริมถนนพระรามสอง ทันทีที่ดุหยิบรองเท้าออกจากระเป๋า
เพื่อนๆก็เข้ามาขอดู นำโดย ไอ้เกรียง ต่างคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยมาก บางคนเอา
ไปลองใส่ โดยเฉพาะ ไอ้เกมส์ที่มีเท้าขนาดเดียวกับเขา แต่ปรากฎว่าเกมส์ใส่ไม่ได้ทั้งๆที่
รองเท้าทุกคู่ของเขา เกมส์มันจะใส่ได้และเขาก็ใส่ของไอ้เกมส์ได้ทุกคู่
“เฮ้ย พวกมึงพร้อมกันยัง วันนี้มีลงทีมนะ ทีมเดิมเมื่อวานนี้แหละกูให้เวลาอีกสิบนาทีนะ” เสียงเกรียงตะโกนมา
ระหว่างที่ดุกำลังเดาะบอลอยู่ อัศวินก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่ไม่ได้มาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว”
“พี่ออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ”
“อือ..ใช่ก็ไม่มีคนพาพี่ออกมานี่ ต้องมีคนใส่รองเท้าคู่นี้พี่ถึงจะออกมาข้างนอกได้ ขณะพูด
อัศวินก็หันซ้ายหันขวาแล้วก็ถามโน้นถามนี่ด้วยความตื่นเต้นตลอดเวลา ดุเดาะบอลไปคุยกับอัศวิน
ไปโดยที่คนอื่นไม่ได้ยินได้ฟังด้วย โดยที่ดุไม่ได้สังเกตุว่ามีคนๆหนึ่งเฝ้าดูเขาอยู่ด้วยความแปลกใจ
จนอดรนทนไม่ไหวและเดินเข้ามาหาเขา
“เอ้ย ดุ กูว่ามึงแปลกๆไปนะ” ช็อตนั่นเองที่ถาม
“แปลกยังไงวะ”ดุถามกลับโดยที่สายตาไม่ได้ละจากลูกฟุตบอลที่กำลังเดาะอยู่
“ก็ปกติมึงเดาะบอลได้ไม่นานเท่านี้นี่ เมื่อก่อนกูเห็นมึงเดาะได้ไม่เกินห้าสิบลูกก็ล่วงแล้ว แต่นี่กูเห็น
มึงเดาะมาจะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วยังไม่มีวี่แววจะล่วงเลย”
“อ้าว..คนเรามันต้องมีพัฒนากันมั่งสิโว้ย กูก็แอบไปฝึกของกูมั่งสิ ทำไมคนเราจะพัฒนากันมั่งไม่ได้
หรือไง” ดุตอบแบบทีเล่นทีจริง แต่ในใจก็ตื่นเต้นที่สามารถเดาะบอลได้เยอะขึ้นโดยที่เขาแถบจะ
ไม่รู้ตัวเลย “มึงฝึกยังไงของมึงวะ ท่าทางมึงดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย การควบคุมบอลก็ดูนิ่มนวล
ผิดกับเมื่อก่อนเป็นคนละคนเลยไหนมึงมีเคล็ดลับการซ้อมแบบไหนลองบอกกูมั่ง เผื่อกูจะได้เอาไป
ซ้อม กูจะได้เก่งๆเหมือนมึง” “เฮ้ย..ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอก กูก็ซ้อมทุกวันแค่นั้นเอง” ดุพยายาม
กลบเกลื่อนเพื่อนซี้ “แล้วนี่เมื่อไรจะลงทีมซักทีวะ กูวอร์มจนเหงื่อแห้งแล้วนะ”
“อีกเดี๋ยวมั้ง กูเห็นไอ้เกรียงเดินไปติดต่อกับทีมโน้นอยู่ นั่นไงมันเดินกลับมาแล้ว” ช็อตบอกพร้อม
กับชี้มือไปทางเกรียงที่เดินตรงเข้ามา “เฮ้ย..อีกห้านาทีเตรียมลงทีมกันได้แล้ว มา..มา พวกมึงมา
รวมกลุ่มทางนี้ ไอ้เกมส์ ประตู ไอ้เหลิม กับ ไอ้นวย แล้วก็ไอ้บอย เล่นหลัง ไอ้ช็อตกับไอ้ก้อง เล่น
กลาง ไอ้ดุ เล่นหน้า เอาตามนี้ก่อน อย่าลืมนะเมื่อวานใครได้คอมเม้นอะไรก็ทำตามด้วย โดยเฉพาะ
มึง ไอ้ดุ” เสียงเกรียงกำชับมา
“เพื่อนดุนี่พูดเก่งดีนะ เข้าใจจัดตัวลงสนามด้วย”เสียงอัศวินออกความเห็นมา
“ใช่พี่มันเก่งแต่มันเก่งแต่ทฤษฎีนะ ปฎิบัติไม่ได้เรื่อง เรียน ป.ตรี จบมาด้วยกันทั้งหมดนี่แหละครับ”
“เหรอ..แหมดีจังเรียนกันจบแล้วยังได้มาเจอกันอีก สมัยก่อนพวกพี่เรียนจบแล้วจบเลยไม่ค่อยได้
เจอกันแบบนี้หรอก แล้วนี่พวกดุ เรียนจบกันมานานยัง” “สิบกว่าปีแล้วครับ ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ มี
เกือบหกสิบคน พอครบสี่ปีเหลือรอดมาแค่ ยี่สิบสามคนเองครับตรงนี้เองจึงทำให้พวกผมรักกันมาก”
เขาเล่าให้อัศวินฟังด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข เออ! พี่แล้วเกมส์ซ้อมแข่งวันนี้เอาไงครับ ทีมที่จะซ้อม
ด้วยวันนี้ เป็นทีมเดียวกับเมื่อวาน” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อนึกขึ้นได้ อัศวินนิ่งไปครู่ ก็ถามย้อนกลับ
มาว่า “กองหลังเป็นไงบ้าง”
“ตัวสูงครับประมาณ 180 เซนติเมตร เล่นลูกกลางอากาศดีทั้งคู่”
“อืม..จ่ายบอลตามช่องหรือทำชิ่ง หนึ่งสองแล้วกัน ตัวสูงๆน่าจะกลับตัวช้า หรือความเร็วไม่มีก็ได้ พี่
ไม่ห่วงเรื่องการยิงประตูหรอก เพราะยังไงก็ยิงเข้า แต่พี่ห่วงว่าดุจะมีจังหวะยิงประตูหรือเปล่าเท่านี้น
เอง ถ้าสลัดตัวประกบไม่ได้ก็ลำบากครับ แต่ไม่เป็นไรพี่มีทางแก้ เดี๋ยวลองเล่นดูก่อน ไม่ต้องตื่นเต้น
เล่นเหมือนที่เคย มีจังหวะยิงก็ยิง ไม่มีจังหวะยิงก็คืนบอลให้เพื่อน แต่มีข้อแม้อยู่ข้อนะ ถ้าได้ลูกฟรี
คิก ดุต้องเป็นคนเตะเองนะ รับรองเข้าทุกลูก ไป..โน้นเพื่อนเรียกแล้ว” อัศวินตัดบทเมื่อหันไปเห็น
เกรียงโบกมือเรียกดุให้ลงสนาม
เมื่อดุเดินลงไปในสนาม ก่อนเกมส์เริ่ม เขาเดินไปกระซิบกระซาบกับซ็อตอยู่ครู่หนึ่งก็เดินออก
มา “ครึ่งละยี่สิบนาทีนะครับ พักครึ่งห้านาที มาครับเชิญหัวหน้าทีมมาเสี่ยงเลือกแดนครับ” เสียงผู้
ตัดสินอธิบายมา
“ทีม วทบ.เลือกก่อนครับ”
“หัวครับ”ช็อต ตอบสั้นๆ
“งั้นทีมสิงห์สนามซ้อมก้อยนะครับ”
“ครับ” หัวหน้าทีมสิงห์สนามซ้อมรับคำมา
ผู้ตัดสินโยนเหรียญ ปรากฎออกมาเป็นหัว
“ทีม วทบ เป็นฝ่ายเลือกครับ จะเลือกเล่นลูกก่อนหรือเลือกแดนครับ”
ช็อตเงยหน้าดูทิศทางลม นิดหนึ่ง “อืม..เลือกแดนนี้ครับ”พร้อมกับชี้มือประกอบไปทางซ้ายมือ
“สรุป ทีม วทบ.จะบุกจากซ้ายไปขวา สำหรับทีมสิงห์สนามซ้อมจะเริ่มเขี่ยลูกก่อน ขอให้ทั้งสองทีม
เล่นกันให้เต็มที่นะครับ ถ้าได้ยินเสียงนกหวีดขอให้หยุดเกมส์แต่ถ้าไม่ได้ยินเสียงนกหวีดเล่นกันต่อ
ไปนะครับ” เสียงผู้ตัดสินอธิบายมา เกมส์กำลังจะเริ่มขึ้น แต่ที่นอกสนามกองเชียร์ของทีม
วทบ.เสียงเริ่มดังมากขึ้น สาเหตุก็เพราะบรรดาแม่บ้านของแต่ละคนที่ยกกันมาเชียร์นั่นเอง
ปรี๊ด…เสียงผู้ตัดสินเป่าเริ่มเกมส์ ทีมสิงห์สนามซ้อมเป็นฝ่ายเขี่ยลูก ทันทีที่บอลสัมผัสเท้าครบสอง
จังหวะ ดุ ก็วิ่งไล่บอลเพื่อกดดันคู่ต่อสู้ โดยมีอัศวินเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ และเขาก็ค้นพบ
ว่าการที่มีอดีตทีมชาติไทยคอยให้คำแนะนำ ในการวิ่งไล่บอลทำให้เขาไม่ต้องเปลืองแรงมาก
เหมือนเมื่อก่อน และดุก็สามารถแย่งบอลได้--- แล้วจ่ายคืนไปให้ช็อตตั้งเกมส์--ช็อตจ่ายบอลส้นๆ
ไปให้ก้องทางริมเส้นด้านซ้าย--ก้องพาบอลเข้ามาในแดนของทีมสิงห์สนามซ้อมโดยมีบอยคอย
ประคองอยู่ทางด้านหลัง—ก้องเงยหน้ามองไปที่ปากประตูไม่เห็นมีใคร—เลยจ่ายคืนมาให้ช็อต—
ช็อตเลี้ยงบอลตัดเข้ากลางหลบผู้เล่นของทีมสิงห์สนามซ้อมไปหนึ่งคน
“ดุระวังนะเดี๋ยวจังหวะนี้ ช็อตจะแทงบอลทะลุช่องมาให้ คอยดูดีๆ พอช็อตแทงบอลตามช่องมาให้
ดุตามไปไม่ต้องจับนะ ยิงจังหวะเดียวไปเลย ถ้าจับบอลดุจะไม่มีจังหวะยิงเพราะกองหลังเบอร์สาม
จะกระแทกดุกระเด็นก่อน เตรียมตัวนะ ใกล้แล้ว”เสียงอัศวินให้คำแนะนำมา
และจังหวะนี้เองช็อตก็เห็นช่องที่ดุวิ่งทำทางให้ --ช็อตแทงบอลตัดหลังแนวรับของทีมสิงห์สนาม
ซ้อมทันที --กองหลังเบอร์สามที่ตามประกบ ดุอยู่ กลับตัวไม่ทันเพราะต้องกลับตัวก่อนแล้วค่อย
สปีดตามบอล—ไม่เหมือนดุที่พร้อมจะสปีดตามบอลอยู่แล้วทุกเมื่อ แล้วบอลก็เข้าทางปืนของดุ
ที่เท้าขวา ระยะห่างจากประตูยี่สิบเมตร ถ้าเขาจับบอลก่อนหนึ่งจังหวะเขาคงโดนกองหลังของทีม
ฝ่ายตรงเข้าปะทะจนเสียจังหวะอย่างที่ อัศวิน ธงอิเนตร บอกอย่างแน่นอน—ผู้รักษาประตูยืนปิดมุม
อยู่เสาแรก “ดุ เล็งไปที่เสาสอง ปั่นโค้งให้เสียบเสาสองเลย” เสียงอัศวินแนะมา
“แต่ผมยังไม่ได้จังหวะเลยนะครับ แล้วระยะทางก็ยังไกลอยู่”
“เชื่อพี่ ยิงเลย”อัศวินคำรามมาเบาๆ
ดุ ลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง ก็ตัดสินใจปั่นด้วยเท้าขวา ลูกนี้เป็นลูกที่ยิงยากมากเพราะบอลจะวิ่งหนีเท้า
ตลอดเวลา เพราะฉนั้น เขาจะต้องวางเท้าให้ดีๆ และตั้งแต่เขาเล่นฟุตบอลมา เขายังไม่เคยยิงลูกใน
ลักษณะนี้เข้าเล่นสักที แต่ว่าทันทีที่ข้างเท้าด้านในสัมผัสบอล ครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากครั้ง
ก่อนๆอย่างบรรยายไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่ จากนั้นเสียง เฮ้..ทางฝั่งทีม วทบ.ก็ดัง
ขึ้นทันที ช็อต วิ่งเข้ามาแตะมือกับเขา พร้อมกับพูดว่า
“เฮ้ยเสียบเสาสองเลยนะมึง..ฟลุ๊คเปล่าวะ”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะว่ามันเข้าได้ไง คงฟลุ๊คมั้ง”ดุตอบทั้งๆที่ยังตั้งสติไม่ได้เนื่องจากยังตื่นเต้นอยู่
ไม่หาย ระหว่างที่เขาเดินกลับมาที่แดนของตัวเอง อัศวินก็เอ่ยมาว่า
“เป็นไงเห็นผลเลยมั้ย ยิงสวยด้วยนะนี่” “ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าผมจะยิงเข้า ปกติลูกแบบนี้ผมจะ
ยิงออกประจำเลย”“ยังมีอีกครับ ลูกยากกว่านี้ก็เข้าครับ ไปฝ่ายโน้นเริ่มเขี่ยบอลแล้ว” อัศวินเตือนมา
ทีมสิงห์สนามซ้อมเริ่มเขี่ยบอล และพยายามจะต่อบอลทำเกมส์บุกเข้าใส่ทีม วทบ แต่ก็ติด เหลิม
และนวยหมด และจังหวะนี้เองทีมสิงห์สนามซ้อมทำเกมส์บุกขึ้นมาแต่โดน บอยตัดบอลไปได้
“ดุเรียกบอลจากบอยเลย พักอกเอาบอลลงนะ แล้วยิงตรงนี้เลย รับรองเข้า แต่ต้องยิงหลังเท้านะ”
อัศวินบอกมา “พี่แต่มุมมันแคบนะ มันจะเข้าเหรอ” ดุท้วงมา
“เชื่อพี่เถอะว่าเข้า อัดมุมแคบไปเลย” ดุนิ่งไปอึดใจ ก็ชูมือขึ้นพร้อมกับตะโกนเรียกให้เพื่อนส่งบอล
มาให้ “ไอ้บอย โยนมาให้กูเลย”
บอยที่กำลังจะใหลบอลเข้ากลางให้ช็อตเพื่อตั้งเกมส์ใหม่ก็ชงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจโยนให้ดุที่
ยืนโล่งๆอยู่มุมซ้ายของประตูทีมสิงห์สนามซ้อม ดุเอาอกพักบอลลงพื้นแต่บอล วิ่งลงพื้นแรงไป
หน่อย “ยิงหลังเท้าเลยไม่ต้องลังเล” เสียงอัศวินเน้นเสียงหนักจากลำคอ
ดุตัดสินใจยิงด้วยหลังเท้าทันที ด้วยมุมที่แคบและระยะทางยังถือว่าไกลอยู่พอสมควร หลังจากที่
เท้าดุสัมผัสกับลูกฟุตบอลไปแล้วเขาก็นึกว่ายังไงๆก็คงไม่เข้าหรอก ประตูคงรับได้อย่างแน่นอน
เพราะมุมแคบเหลือเกิน แต่ที่ไหนได้ลูกฟุตบอลที่พุ่งไปจากหลังเท้าของเขา เสียบเสยเพดานเข้า
ประตูไปด้วยความรุนแรง กองเชียร์ที่ยืนอยู่รอบๆสนามของทั้งสองทีม เฮ้..กันทั้งสนาม โดยเฉพาะ
ทางฝั่งทีม วทบ เสียงดังเป็นพิเศษ “เป็นไงพี่บอกแล้ว ว่าเข้าทุกลูก คราวนี้เชื่อพี่หรือยังนี่ขนาดเอา
บอลลงไม่ดีนะเนี่ย แต่ยังยิงเข้า”อัศวินบอกมาด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ
“พี่มันจะเข้าทุกลูกเลยเหรอครับ”
“ครับเข้าทุกลูก ถ้าดุมีจังหวะยิงนะ รับรองเข้าทุกลูก”
ตอนนี้ดุเริ่มมั่นใจแล้ว ตลอดเวลาที่เหลืออยู่ของครึ่งแรก เขาพยายามเรียกบอลจากเพื่อน แต่พอดุ
ได้บอลเขาก็ไม่มีจังหวะยิงประตูเลย เพราะกองหลังของทีมสิงห์สนามซ้อมเริ่มประกบเขาอย่างใกล้
ชิดตลอดเวลา ทำให้เขาไม่มีจังหวะยิงประตูเลย
“พี่อัศวิน จะหมดครึ่งแรกแล้ว ผมยังไม่มีจังหวะยิงเลย”ดุบ่นออกมา
“ใจเย็นๆ ตอนนี้กองหลังเริ่มรู้แล้วว่าปล่อยดุไว้ไม่ได้”
“แล้วผมจะทำไงดีครับพี่ อยากยิงอีกสักประตูหนึ่งน่ะ”
“อืม..เอางี้ลงไปล้วงบอลต่ำเลย ได้บอลมา แล้วพยายามลากขึ้นมาเลยวงกลมกลางสนามเข้ามาใน
แดนของทีมสิงห์สนามซ้อมแล้วยิงเลย” “เฮ้ย…พี่มันไกลนะนั่นระยะเกือบสี่สิบเมตรนะครับพี่ มันจะ
เข้าเหรอ”ดุร้องออกมาด้วยความไม่แน่ใจ “เอาน่า รับรองเข้าชัวส์”เสียงอัศวินตอบมาด้วยความมั่นใจ
“เอางั้นเหรอพี่” “เออ..น่า เชื่อพี่สิไป! โน้น ก้องตัดบอลได้แล้ว ดุวิ่งลงไปเอาบอลเลย”อัศวินแนะ
มา ดุวิ่งลงไปเรียกบอลจากเพื่อนทันที ก้องจ่ายเรียดมาให้ดุ เขาเงยหน้ามองนิดหนึ่ง ด้านซ้ายของ
เขามีช็อตประคองอยู่ ด้านขวามีก้อง ดุทำท่าเหมือนจะส่งให้ช็อตเพื่อหลอกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามให้
เสียจังหวะ พอฝ่ายตรงข้ามเสียหลัก เขาเปลี่ยนสปีดทันที เพื่อกระชากบอลไปข้างหน้า หลบผู้เล่น
คนหนึ่งไปได้ ตอนนี้บอลเข้ามาสู่ในแดนของฝ่ายสิงห์สนามซ้อมแล้ว
“ดุ ได้ระยะแล้วยิงเลย” เสียงอัศวินเตือนมา ระยะประมาณ สี่สิบเมตรถือว่ายังไกลมาก แต่เขาก็
ตัดสินใจยิงทันทีด้วยเท้าขวา ทันทีที่เท้าของดุสัมผัสกับบอล ลูกฟุตบอลวิ่งเข้าหาประตูด้วยความ
แรงแถมบอลยังติดใซด์ก้อยด้วยทำให้ผู้รักษาประตูรับยากอีก ประกอบกับความเร็วของบอลไม่ตกลง
เลยทำให้ลูกนี้พุ่งเข้าเสียบสามเหลี่ยมมุมบนซ้ายไปอย่างสวยงาม
เสียงเฮ้..ของทางฝั่งทีมวทบดังลั่นเลย ส่วนกองเชียร์ของฝั่งทีมทีมสิงห์สนามซ้อมต่างก็อ้าปากค้าง
กันเป็นแถว หลายคนเริ่มที่จะถามว่ากองหน้าของทีม วทบคือใคร ตอนนี้ดุเริ่มที่จะตกเป็นเป้าสายตา
ของคนรอบๆสนามแล้ว “เฮ้ย..ใครวะกองหน้าที่ยิงไกลเมื่อกี้นี้ยิงโคตรไกลเลย”เสียงคนที่ยืนดูอยู่
ข้างๆสนามถามเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่เท่าที่กูยืนดูอยู่นี่เขายิงไปแล้วสามลูก
แต่ละลูกสวยๆทั้งนั้นเลย” “ตัวสโมรสรเปล่าวะ” “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่กูไม่เคยเห็นหน้าเลย”
ในสนาม ช็อตกับก้องวิ่งเข้ามาหาดุพูดยิ้มๆ ว่า “เฮ้ยวันนี้ฟลุ๊คบ่อยจังนะ นี่ลูกที่สามแล้วนะมึง” เสียง
ช็อตแซวมา “กูก็ยิงไปตามจังหวะนั่นแหละเห็นมันใกล้หมดเวลาแล้ว ก็เลยเสี่ยงยิงไป ดันฟลุ๊คเข้า
เฉยเลยไปกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาแล้ว ไปพักกันกูเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” ดุตอบแบบเลี่ยงๆ
และเปลี่ยนเรื่องทันที “แหม..ยิงสวยทุกลูกเลยนะมึง ไปกินไรมาวะคมจังวันนี้”เกรียงแซวมา
“ใช่ๆ วันนี้คมมากสงสัยผีเข้ามันมั้ง”เกมส์ผสมโรงด้วย
ระหว่างที่พักดื่มน้ำกันอยู่พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายนั้น อัศวินก็สื่อสารทางจิตกับดุว่า
“เป็นไงมั้ง เห็นหรือยังว่ารองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้ามหัศจรรย์”
“จริงพี่ แต่มันจะดีเหรอพี่ มันจะเวอร์ไปเปล่ายิงเป็นเข้าแบบนี้”
“ดีแล้วครับ เราจะได้เป็นจุดเด่นให้พวกที่อยู่ในวงการฟุตบอลเขาเห็น ทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ตั้ง
ไว้ได้ง่ายขึ้น” “เอางั้นเหรอพี่”ดุย้อนถามมาสั้นๆ “เชื่อพี่เถอะ ถ้าดุยังโชว์ฟอร์มอยู่แบบนี้ อีกเดี๋ยวก็
จะมีคนมาชวนดุให้ไปเล่นทีมสโมสรแน่นอน” ดุนิ่งคิดไปนิดหนึ่ง แล้วก็ถามอัศวินต่อว่า “แล้วครึ่ง
หลังจะเอาไงดีครับพี่” “เล่นเหมือนเดิมครับ แต่ยิงอีกลูกแล้วลองเปลี่ยนให้เพื่อนลงไปเล่นแทน
มั่ง”อัศวินตอบม า“อ้าวทำไมเหรอครับพี่”ดุย้อนถามด้วยความสงสัย
“ลองให้คนอื่นลงเล่นบ้าง ทีมจะได้เปรียบเทียบว่าระหว่างมีดุเป็นกองหน้ากับกองหน้าคนอื่นมันต่าง
กันแค่ไหน แล้วอีกอย่างที่สำคัญที่สุดคือเปิดโอกาสให้กับใครคนหนึ่งได้เข้ามาคุยกับดุบ้าง”
“อะไรนะครับ พี่ว่าไงนะ”ดุถามแบบงง “ลองหันไปดูซ้ายมือครับ จะเห็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่ง
มองดูดุเล่นมาได้พักใหญ่แล้ว” พออัศวินพูดจบดุก็หันไปมองทางซ้ายมือของตัวเอง ก็เป็นจริงอย่าง
ที่อัศวินว่า เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ผิวสีเข้ม ใส่เสื้อบอลสีขาว กางเกงขายาวสีดำ นั่งมองมาที่ดุ พอดุ
หันไปชายคนนี้ก็ยิ้มให้ ดุยิ้มตอบนิดหนึ่งพร้อมกับก้มหัวให้ “เขาเป็นใครเหรอครับพี่”
“พี่คิดว่า เขาคงจะเป็นคนในวงการฟุตบอลนั่นแหละ แต่อย่าพึ่งไปสนใจเลย เดี๋ยวเขามาคุยกับเรา
เดี๋ยวก็รู้เองครับ”อัศวินตอบมา “เฮ้ย..ดุลงสนามโว้ยกรรมการเรียกแล้ว”เสียงไอ้เกรียงตะโกนเรียก
มา “เออๆ รู้แล้ว โวยวายจริงมึงนี่”ดุรับคำพร้อมกับบ่นพึมพำแล้วเดินตามเพื่อนลงสนามไป
เริ่มครึ่งหลัง ทีม วทบ เป็นฝ่ายเริ่มเขี่ยบอลก่อน เข้าสู่ครุ่งหลังดุแถบจะไม่ได้สัมผัสบอล
เลย บอลมาไม่ถึงเขาเพราะทางฝั่งทีมสิงห์สนามซ้อมเริ่มจะได้ครองเกมบุกมากขึ้น แต่ทีมสิงห์สนาม
ซ้อมก้ไม่คมพอที่จะเจาะตาข่ายของทีม วทบ ได้ เกมเป็นแบบนี้จนเข้าสู่ช่วงกลางของครึ่งหลังขระที่
ทีม สิงห์สนามซ้อมบุกเพลินๆนั้น เกมส์ที่เป็นผู้รักษาประตูของทีม วทบ รับลูกยิงของทีมสิงห์สนาม
ซ้อมได้ก็เลยสาดบอลโด่งมาที่หน้าปากประตูของทีมสิงห์สนามซ้อมซึ่งมีดุยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ดุเอา
บอลลงได้เพราะเหลี่ยมดีกว่าและกำลังจะกระชากหนีกองหลังของทีมสิงห์สนามซ้อม แต่กองหลัง
ของทีมสิงห์สนามซ้อมไม่ยอมพยายามดึงเสื้อของดุไว้ทำให้ไปต่อไม่ได้และช็อทนี้เองกรรมการก็
เป่าฟาว์ลให้ดุทันที ทีม วทบ ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ ระยะประมาณสามสิบเมตร เยื้องไป
ทางซ้ายมือ เข้าทางคนที่ถนัดเท้าขวาพอดีเลย ปกติหน้าที่เล่นลูกตั้งเตะก็จะเป็นช็อตรับหมด ลูกนี้ก็
เช่นกันช็อตถือบอลมากำลังจะเอามาตั้งที่จุด “ดุเข้าไปขอช็อตยิงลูกนี้เองนะ พอยิงเข้าแล้วเปลี่ยน
ตัวออกเลย”เสียงอัศวินบอกมาทางกระแสจิต ดุคิดนิดหนึ่ง ก็ทำตามที่อัศวินบอกโดยเดินเข้าไปหา
ช็อต“เฮ้ย..ช็อตกูขอยิงเองนะ” ช็อตมองหน้าดุยิ้มๆแล้วพูดว่า “ถึงมึงไม่ขอกูก็กำลังจะบอกให้มึงยิง
อยู่พอดี”ช็อตพูดจบก็เดินมาตบไหลเขาทีหนึ่ง แล้วเดินไปกดดันกำแพง
ลูกนี้เป็นลูกฟรีคิกที่ระยะประมาณเกือบสามสิบเมตร เยื้องซ้ายมือนิดหน่อย เป็นฟรีคิกจังหวะเดียว
ตอนนี้ประตูกำลังสั่งตั้งกำแพงสามคนเพื่อปิดเสาแรก “จะยิงยังไงดีพี่” ดุถามอัศวินมา
“เอาแบบคลาสสิคแล้วกัน ปั่นไซด์ครับข้ามหัวกำแพงบังคับให้เข้ามุมบนด้านซ้ายของเสาแรกไป
เลย”อัศวินตอบมาด้วยเสียงเรียบๆ
ตอนนี้ดุมั่นใจแบบร้อยเปอร์เซนต์แล้วว่าลูกนี้ต้องเข้าอย่างแน่นอน เขาบรรจงวางบอลลงยังจุดที่
ฟาวล์ จากนั้นถอยหลังไปทางซ้ายประมาณห้าก้าว ตอนนี้กำแพงเข้ามาเพิ่มเป็นสี่คนแล้ว รอบๆ
สนามที่สองทีมนี้กำลังแข่งอยู่ มีคนมามุงดุกันเต็มสนามเพราะมีคนไปเล่าให้ฟังกันปากต่อปากว่า
กองหน้าเบอร์ 9 ของทีม วทบยิงคมมากยิงเข้าทุกลูก คนที่อยู่ในสนามใกล้เคียงก็เลยหันมาสนใจ
กับลูกฟรีคิกลูกนี้มากขึ้น ตอนนี้ดุตกเป็นเป้าสายตาของคนนับร้อยแล้ว
ดุสูดลมหายใจเข้าปอดทีหนึ่ง แล้ววิ่งเข้าหาบอล เท้าซ้ายวางเลยบอลนิดหนึ่งปลายเท้าซ้ายชี้ออก
ไปทางซ้าย ส้นเท้าซ้ายบิดเข้าหาลูกฟุตบอล ลำตัวเอียงไปข้างหลังเล็กน้อย เท้าด้านในของข้าง
ขวาสัมผัสลูกบอลแบบปั่นๆทันทีที่บอลพุ่งออกจากเท้าของเขา สปีดของบอลแรงมาก และลูกไซด์
โค้งแบบเห็นๆข้ามหัวกำแพงไปแล้ว ลูกมันโด่งเหมือนจะข้ามคาน แต่เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
จากลูกโด่งๆที่เกือบจะข้ามคานอยู่แล้ว ลูกบอลกับฮุคลงล่างซึ่งพอดีกับสามเหลี่ยมบนซ้ายของประตู
อย่างสวยงามทันที เฮ้….เฮ้….เสียงเชียร์บองทีม วทบ ดังขึ้นผสมผสานกับเสียงเชียร์ของคนที่ดูอยู่
รอบๆสนามดังให้แซ่ด..ไปหมด
“เฮ้ย..มันยิงเข้าอีกแล้ว นี่ลูกที่สี่แล้วนะ ทำไมวันนี้มันคมจังวะ ยิงกี่ลูกก็เข้า” เสียงเกรียงเอ่ยออก
มาดังๆด้วยความยินดีที่เพื่อนรักทำประตูได้ติดๆกันถึงสี่ประตูแล้ว สร้างความปราบปลื้มให้กับเพื่อนๆ
กันถ้วนหน้า “นั่นสิ มันจะเก่งเกินไปแล้ว ไอ้นี่” เสียงทีปเพื่อนอีกคนพูดออกด้วยสีหน้ายิ้มๆเช่นกัน
“แต่กูว่ามันคงฟลุ๊คมากกว่ามั้ง วันนี้อาจเป็นวันของมันก็ได้”เสียงเปียล้อๆมาอีกคน
ตอนนี้นอกสนามเริ่มมีเสียงพูดคุยกันให้แซ่ดไปหมด ทุกคนสงสัยว่าคนที่ยิงฟรีคิกเป็นใคร “เฮ้ยใคร
วะ ยิงสวยจัง”เพื่อที่อยู่ข้างๆเอ่ยปากถามกับคนที่มายืนดูอยู่ก่อนแล้ว
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เท่าที่กูยืนดูอยู่นี่ เขายิงไปคนเดียวสี่ลูกแล้วโดยเฉพาะลูกที่สาม ยิงโคตร
ไกลเลยมึงทั้งไกลทั้งแรงผู้รักษาประตูหมดสิทธิ์รับเลยมึง”
“ใครวะกูอยากรู้จักซะแล้วซิ ถ้ายิงได้อย่างนี้ทุกลูกกูว่าติดทีมชาติเลยเหอะ”
“เออ กูก็ว่างั้น นี่กูว่ายิงได้คมกว่ากองหน้าทีมชาติไทยอีกนะมึง”
ในสนาม ช็อตกับก้องวิ่งเข้ามาแสดงความยินดีกับดุ
“เฮ้ย..ของมันพัฒนากันได้โว้ย”ดุตอบแบบทีเล่นทีจริง
ร้อมกับพูดว่า “แน่นนอนจริงมึง ยิงยังไงก็เข้านะ เมื่อก่อนกูเห็นมึงยิงออกทุกลูกนี่” ก้องพูดออกมา
ขำๆ “เออๆมึงเก่ง กูเชื่อมึงแล้วว่าวันนี้เป็นวันของมึง” ช็อตประชดมาพร้อมกับหัวเราะร่า
“เฮ้ย ช็อตเดี๋ยวกูจะเปลี่ยนตัวให้ไอ้ทีปลงมาเล่นแทนกูนะ”
“เออ ตามใจมึงแล้วกัน” ช็อตตอบมา
จากนั้นดุก็เปลี่ยนตัวกับ ทีป ให้ลงมาเล่นแทนเขา พอดุเดินออกจากสนาม เมย์ ก็ส่งขวดน้ำให้พร้อม
กับพูดว่า “วันนี้ไปทำไรมายิงกี่ลูกก็เข้าจะเก่งเกินไปล่ะ”
“แหม.. เมย์ ดุจะเก่งมั่งไม่ได้เหรอ แต่เก่งยังไงก็แพ้เมย์อยู่ดีนั่นแหละ” ดุพูดยิ้มๆ พร้อมกับโอบเอว
ภรรยาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างสนาม
“นี่ๆดุ เมื่อกี้มีคนมาถามชื่อน่ะ ถามว่าชื่ออะไร เป็นนักบอลสโมรสรไหนหรือเปล่า อายุเท่าไร”
“ใครเหรอ”เขาย้อนถามมาสั้นๆ
“เมย์ก็ไม่รู้จักเหมือนกัน โน้นไงเขากำลังเดินมาหาพอดีเลย”เมย์ตอบพร้อมกับชี้มือให้ ดุ ดู
เขาหันไปดูตามที่ภรรยาชี้มือบอก ก็เห็นผู้ชายคนที่ อัศวิน ธงอินเนตร บอกไว้กำลังเดินตรงเข้ามาหา
เขาพอดี “สวัสดีครับน้องดุ ผมชื่อ ภิญโญ นิจสุวรรณ ครับ ผมเป็นที่ปรึกษาของทีมสโมสร อ่างทอง
เอฟซี ครับ”แนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือมาให้จับ ดุยื่นมือจับตอบ “ครับพี่ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ผมขอเวลาสัก สิบห้านาทีได้มั้ยครับ”ภิญโญ พูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ
ดุหันไปมองหน้าเมย์นิดหนึ่ง อย่างขอความคิดเห็น เมย์พยักหน้าพร้อมกับ ลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวเมย์ขอตัวไปคุยธุระกับเพื่อนก่อนนะคะ เชิญคุยกันตามสบายค่ะดุเดี๋ยวเมย์ไปคุยกับปูก่อนนะ”
เมย์หันมาบอกสามีเสร็จแล้วก็เดินจากไป
“น้องดุ แต่งงานยังครับ” เสียงภิญโญ ทำลายความเงียบมา
“แต่งมาได้สามปีแล้วครับ”ดุตอบยิ้มๆพร้อมกลับหันไปมองภรรยาตัวเองที่เดินไปนั่งคุยกับปูที่เป็น
แฟนเกมส์อย่างสนุกสนาน “ยังไม่มีน้องเหรอครับ”
“คิดว่าจะมีปลายปีนี้พอดีเลยครับ เอ่อ..พี่มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”ดุตอบพร้อมกับถามกลับทันที
ด้วยความสงสัย “งั้นพี่เข้าเรื่องเลยนะครับเห็นว่าน้องดุ จบวิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดอ่างทองเหรอ
ครับ” ดุ มองหน้าคนที่ชื่อ ภิญโญ นิด ก่อนพยักหน้าพร้อบกับพูดว่า “ครับ พี่ ผมจบมาตอนปี 46
ครับ” “งั้นก็คุ้นเคยกับจังหวัดอ่างทองซิ”ภิญโญ ถามยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ครับพี่ คุ้นเคยดีครับ ก็เรียนที่อ่างทองมาตั้ง สี่ปีเต็มๆ หลังจากจบแล้วผมก็ทำงานที่อ่างทองอีก
หนึ่งปีเต็มผมก็เลยคุ้นเคยกับอ่างทองดีครับ”
“ ดุ สนใจที่จะเป็นนักเตะให้กับทีมอ่างทองมั้ยครับ” อยู่ๆภิญโญก็ถามประโยคนี้ออกมา ซึ่งสร้าง
ความตกตะลึงให้กับ ดุ เป็นอย่างยิ่ง
“เป็นไง พี่ว่าแล้วว่าต้องมีคนมาชวนดุให้เป็นนักบอลอาชีพ” เสียงอัศวินสอดมาทางกระแสจิต
“อะไรมันจะรวดเร็วแบบนี้พี่อัศวิน ผมยังตั้งตัวไม่ติดเลย”ดุตอบอัศวินไปด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ใจเย็นๆครับ ลองฟังข้อเสนอเขาดูก่อน”อัศวินแนะนำมาด้วยเสียงเรียบๆ
“คือยังนี้ครับ ตอนนี้ทางผู้ใหญ่หลายๆท่านในจังหวัดอ่างทองได้ให้การสนับสนุนกับทีมสโมสร
อ่างทอง เอฟซี กันอย่างออกหน้าออกตา และหลายๆคนก็ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงครับและก็มี
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้เสนอชื่อผมให้เข้ามารับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของทีม พอดีวันนี้ผมมาเที่ยวหา
เพื่อนที่เป็นเจ้าของสนามบอลแห่งนี้ ระหว่างที่พี่เดินดูรอบๆสนามก็มาเห็นน้องดุกำลังยิงประตูแรกให้
กับทีมอยู่และหลังจากนั้นพี่ก็นั่งดู น้องดุยิงอีกสามประตู พี่บอกตรงๆ พี่อยากได้ น้องดุ มาร่วมทีม
ด้วยพี่ว่าถ้าดุมาเล่นให้ทีมพี่ ด้วยฝีเท้าการยิงประตูแบบนี้ เชื่อว่าน้องดุจะต้องพาทีมอ่างทอง เอฟซี
ไปถึงเป้าหมายที่ทางผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆท่านตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน”
ดุ นิ่งคิดไปนิดหนึ่ง แล้วถามกลับมาว่า “ตอนนี้ทีมอ่างทอง เอฟซี มีใครเป็นโค้ชครับ”
“คุณประดิษฐ์ มีสันทัด เป็นโค้ชครับ ตอนนี้ อ่างทอง เอฟซี แข่งมาห้านัดมีอยู่ สิบคะแนน ชนะสาม
เสมอหนึ่ง แพ้หนึ่ง อยู่อันดับ ห้า ของตารางครับ สำหรับทีมอ่างทอง เอฟซี อยู่ในลีคดิวิชั่นสองครับ
อยู่ในโซนภาคกลางและภาคตะวันออก โซนนี้มีอยู่ 18ทีมครับปีนี้ทีมของเรามีโอกาสเลื่อนขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 สูงครับ คือพูดง่ายๆว่าเป็นทีมที่มีอนาคตครับ” ภิญโญร่ายยาวมา
ดุนิ่งคิดแป๊บหนึ่ง “เอาไงดีพี่อัศวิน” ดุถามอัศวินทันที
“ก็น่าสนใจนะ แต่พี่ว่าแล้วแต่ดุแล้วกันพี่ให้เลือกเอาเองครับ เพราะอยู่ทีมไหน ดุก็เป็นดาวซัลโวอยู่
แล้ว ตัดสินใจเอาเองครับ แต่พี่จะแนะนำว่าให้เลือกอยู่ทีมที่มีโอกาสติดทีมชาติไทยให้ได้เร็ว
ที่สุด”อัศวินแนะมา
ดุนิ่งไปเดี๋ยวหนึ่งก็เอ่ยปากว่า น่าสนใจครับพี่ภิญโญแต่เรื่องนี้ผมต้องขออนุญาติปรึกษา
ภรรยาผมก่อนนะครับ แล้วอีกอย่างตอนนี้ผมมีงานประจำอยู่ที่กรุงเทพด้วย คือต้องคิดเยอะนิดครับ”
“โอ้..ได้ครับ ผมไม่รีบหรอก นี่นามบัตรผมครับ ถ้าตัดสินใจได้แล้วหรืออยากขอคำปรึกษาจากผม
สามารถโทรติดต่อผมได้ที่เบอร์นี้นะครับ” พูดจบก็ยื่นนามบัตรส่งมาให้ดุ เขารับนามบัตรมา พร้อมกับ
ถามว่า “นัดหน้าเจอใครครับ”
“นัดหน้า ไปเยือนประจวบ เอฟซี ทีมอันดับสามของตารางครับ ถ้าคุณดุสนใจนี่เป็นตั๋วครับ”ภิญโญ
ตอบมาพร้อมกับส่งตั๋วมาให้สองใบ ดุ รับมาพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณเบาๆ
“เดี๋ยวผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมมีธุระที่จะต้องไปสมุทรสาครต่อครับ อย่าลืมครับตัดสินใจได้
แล้วโทรหาผมได้ตลอดเวลา”พูดจบภิญโญก็ยกมือตบไหลเขาแล้วเดินจากไปทิ้งให้ดุนั่งคิดอยู่คน
เดียว ระหว่างที่นั่งคิดเพลินๆอยู่นั้น อัศวินก็เอ่ยปากถามว่า “เครียดเหรอครับ น้องดุ”
“เปล่าครับพี่ แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ เออพี่ ผมมีอะไรจะถามพี่อัศวินครับ”ดุชวนอัศวินคุยพร้อมกับยก
ขวดน้ำขึ้นดื่ม “พี่มั่นใจมั้ยครับว่า คนหนึ่งคน กับผีหนึ่งตัว และรองเท้าสตั๊ด อีกหนึ่งคู่จะทำให้คน
ไทยทั้งประเทศได้สมหวังกับการได้ไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายสักที”
อัศวิน หัวเราะออกมากับคำพูดของเขา “ผีหนึ่งตัวเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่ว่าพี่เป็นผีเหรอครับ”
“อ้าว หรือไม่จริงพี่” ดุตอบยิ้มๆ
เมื่ออัศวินหยุดหัวเราะ อัศวินให้คำตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเข้มๆ
“พี่มั่นใจครับดุ มั่นใจแบบร้อยเปอร์เซนต์ด้วย”
“อะไรทำให้พี่มั่นใจแบบนั้นครับ ผมว่ากว่าเราจะติดทีมชาติคงเหนื่อยกันเลือดตาแทบกระเด็นเชียว
ล่ะ” “สาเหตุทีพี่มั่นใจว่าเราสองคน เอ้ยไม่ใช่..หนึ่งคนกับผีหนึ่งตัวและรองเท้าสตั๊ดมหัส
จรรย์อีกหนึ่งคู่จะพาฟุตบอลทีมชาติไทยไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายได้ ก็เพราะว่าพี่ได้
เจอดุไง ดุจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาบอลไทยได้ไปเล่นบอลโลกครับ”
ดุนิ่งไปอึดใจหนึ่ง สายตามองพวกเพื่อนๆวิ่งไล่บอลในสนาม ตอนนี้จิตใจของดุเริ่มที่จะสองจิต
สองใจ เพราะว่าถ้าเขาตัดสินใจเลือกที่จะเล่นบอลอาชีพเพื่อนกรุยทางไปสู่การเป็นนักเตะทีมชาติ
ไทยเขาจะต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปแน่นอน อันดับแรก งานประจำที่กรุงเทพ เขาอาจจะต้อง
ลาออก ตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้ว อัศวินก็เหมือนจะรู้ว่าดุกำลังสับสนและต้องการเวลาในการที่จะ
ตัดสินใจ เขาเลยปล่อยให้ดุนั่งคิดคนเดียวเงียบๆตามลำพัง
อึดใจใหญ่ๆ ดุก็สื่อสารกับอัศวินทางกระแสจิตว่า “พี่อัศวินครับ ผมตัดสินใจแล้วครับ”
“ว่ามาครับ พี่รอฟังอยู่”อัศวินสื่อสารมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“ผมเอาด้วยกับพี่ครับ ถึงไหนถึงกันครับ เพราะนี่มันก็เป็นความฝันของผมเหมือนกันแล้วอีกอย่างนี่ก็
เป็นความฝันของคนไทยทุกคนด้วย แน่นอนว่าการตัดสินใจแบบนี้ชีวิตผมอาจจะเสี่ยงหน่อย เพราะ
ถ้าเราทำไม่สำเร็จ ผมจะเสียโอกาสทางด้านหน้าที่การงานไปเลย แต่ไม่เป็นไรครับผมมั่นใจในตัวพี่
อัศวินครับ แต่มีข้อแม้อยู่ข้อนะครับ ไม่รู้พี่จะยอมหรือเปล่า”
“ว่ามาครับ พี่ฟังอยู่”
“ผมขอเลือกทีมสโมรสรเองครับ ผมจะเล่นให้กับทีมอ่างทอง เอฟซีครับ”
“ได้ครับไม่มีปัญหา เพราะอยู่ทีมไหนเราก็เป็นดาวซัลโวอยู่แล้วว่าแต่ว่า ทีมอ่างทอง เอฟซี นี่อยู่
ลีคไหนของเมืองไทยครับ คือพี่ไม่ค่อยได้ยินชื่อน่ะ”
“อยู่ดิวิชั่นสองครับ ห่างจะลีคสูงสุดของไทยเราอยู่สองระดับ”ดุตอบมา
อัศวินนิ่งคิดไปอึดใจหนึ่งก็ตอบกลับมาว่า “มีเหตุผลมั้ยครับที่เลือกทีมนี้”
“มีครับ เวลาซ้อมผมต้องไปซ้อมที่อ่างทอง ซึ่งบ้านเกิดผมอยู่ลพบุรี ผมสามารถเดินทางมาซ้อมได้
สะดวก เพราะผมคิดว่าผมจะลาออกจากงานประจำ และตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านที่ลพบุรีครับแล้วอีก
ข้อที่สำคัญที่สุดคืออ่างทองเปรียบเสมอบ้านหลังที่สองของผมครับ ผมจะภูมิใจมากที่ได้เล่นให้กับ
ทีมนี้เพราะผมเรียนที่อ่างทอง มาสี่ปีเต็มๆทำให้ผมมีความผูกพันกับจังจังหวัดนี้มากเป็นพิเศษ
ครับ”ดุให้เหตุผลมาด้วยความหนักแน่นมั่นคง
“ครับพี่ก็เห็นด้วย แล้วต่อไปนี้เราจะเริ่มต้นทำอะไรก่อนดีครับ”อัศวินถามความเห็นมา
“วันอาทิตย์นี้ไปประจวบคีรีขันต์ครับ ไปดูทีมอ่างทอง เอฟซีลงเตะที่นั่น” ดุบอกมา
“แต่วันอาทิตย์ ดุมีแข่งบอลนะครับ”อัศวินแย้งมาเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับพวกเพื่อนผมมันเล่นกันได้ ตอนนี้เราต้องรีบแล้วครับ ถ้าเราอยากที่จะติดทีมชาติไทย
เร็วๆเราจะรอเวลาไม่ได้ เพราะเวลาในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเซียใกล้เข้ามา
แล้ว สองนัดแรกที่เตะแบบเหย้าเยือนผมไม่ห่วงหรอก แต่ผมจะห่วงก็ตอนที่รอบคัดเลือกรอบสอง
แบบแบ่งกลุ่มนั่นแหละที่ไทยเราชอบตกรอบเป็นประจำ”
“อืม..เอาไงก็เอาครับ ดีเหมือนกัน ดุวางแผนอกสนาม ส่วนพี่วางแผนการเล่นในสนาม”อัศวินเห็น
ด้วยและแบ่งหน้าที่ให้อย่างชัดเจนหลังจากได้ข้อสรุปกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดุกับอัศวินก็ยิ้มอย่าง
เบิกบานให้กันทางกระแสจิต โดยหารู้ไม่ว่าเส้นทางที่ทั้งสองจะก้าวเดินต่อจากนี้จะเต็มไปด้วย
อุปสรรคและความกดดันอย่างมหาศาล
สิ้นสุดประตูที่ 2 รองเท้าสตั๊ดมหัศจรรย์
เพื่อนๆก็เข้ามาขอดู นำโดย ไอ้เกรียง ต่างคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยมาก บางคนเอา
ไปลองใส่ โดยเฉพาะ ไอ้เกมส์ที่มีเท้าขนาดเดียวกับเขา แต่ปรากฎว่าเกมส์ใส่ไม่ได้ทั้งๆที่
รองเท้าทุกคู่ของเขา เกมส์มันจะใส่ได้และเขาก็ใส่ของไอ้เกมส์ได้ทุกคู่
“เฮ้ย พวกมึงพร้อมกันยัง วันนี้มีลงทีมนะ ทีมเดิมเมื่อวานนี้แหละกูให้เวลาอีกสิบนาทีนะ” เสียงเกรียงตะโกนมา
ระหว่างที่ดุกำลังเดาะบอลอยู่ อัศวินก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่ไม่ได้มาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว”
“พี่ออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ”
“อือ..ใช่ก็ไม่มีคนพาพี่ออกมานี่ ต้องมีคนใส่รองเท้าคู่นี้พี่ถึงจะออกมาข้างนอกได้ ขณะพูด
อัศวินก็หันซ้ายหันขวาแล้วก็ถามโน้นถามนี่ด้วยความตื่นเต้นตลอดเวลา ดุเดาะบอลไปคุยกับอัศวิน
ไปโดยที่คนอื่นไม่ได้ยินได้ฟังด้วย โดยที่ดุไม่ได้สังเกตุว่ามีคนๆหนึ่งเฝ้าดูเขาอยู่ด้วยความแปลกใจ
จนอดรนทนไม่ไหวและเดินเข้ามาหาเขา
“เอ้ย ดุ กูว่ามึงแปลกๆไปนะ” ช็อตนั่นเองที่ถาม
“แปลกยังไงวะ”ดุถามกลับโดยที่สายตาไม่ได้ละจากลูกฟุตบอลที่กำลังเดาะอยู่
“ก็ปกติมึงเดาะบอลได้ไม่นานเท่านี้นี่ เมื่อก่อนกูเห็นมึงเดาะได้ไม่เกินห้าสิบลูกก็ล่วงแล้ว แต่นี่กูเห็น
มึงเดาะมาจะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วยังไม่มีวี่แววจะล่วงเลย”
“อ้าว..คนเรามันต้องมีพัฒนากันมั่งสิโว้ย กูก็แอบไปฝึกของกูมั่งสิ ทำไมคนเราจะพัฒนากันมั่งไม่ได้
หรือไง” ดุตอบแบบทีเล่นทีจริง แต่ในใจก็ตื่นเต้นที่สามารถเดาะบอลได้เยอะขึ้นโดยที่เขาแถบจะ
ไม่รู้ตัวเลย “มึงฝึกยังไงของมึงวะ ท่าทางมึงดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย การควบคุมบอลก็ดูนิ่มนวล
ผิดกับเมื่อก่อนเป็นคนละคนเลยไหนมึงมีเคล็ดลับการซ้อมแบบไหนลองบอกกูมั่ง เผื่อกูจะได้เอาไป
ซ้อม กูจะได้เก่งๆเหมือนมึง” “เฮ้ย..ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอก กูก็ซ้อมทุกวันแค่นั้นเอง” ดุพยายาม
กลบเกลื่อนเพื่อนซี้ “แล้วนี่เมื่อไรจะลงทีมซักทีวะ กูวอร์มจนเหงื่อแห้งแล้วนะ”
“อีกเดี๋ยวมั้ง กูเห็นไอ้เกรียงเดินไปติดต่อกับทีมโน้นอยู่ นั่นไงมันเดินกลับมาแล้ว” ช็อตบอกพร้อม
กับชี้มือไปทางเกรียงที่เดินตรงเข้ามา “เฮ้ย..อีกห้านาทีเตรียมลงทีมกันได้แล้ว มา..มา พวกมึงมา
รวมกลุ่มทางนี้ ไอ้เกมส์ ประตู ไอ้เหลิม กับ ไอ้นวย แล้วก็ไอ้บอย เล่นหลัง ไอ้ช็อตกับไอ้ก้อง เล่น
กลาง ไอ้ดุ เล่นหน้า เอาตามนี้ก่อน อย่าลืมนะเมื่อวานใครได้คอมเม้นอะไรก็ทำตามด้วย โดยเฉพาะ
มึง ไอ้ดุ” เสียงเกรียงกำชับมา
“เพื่อนดุนี่พูดเก่งดีนะ เข้าใจจัดตัวลงสนามด้วย”เสียงอัศวินออกความเห็นมา
“ใช่พี่มันเก่งแต่มันเก่งแต่ทฤษฎีนะ ปฎิบัติไม่ได้เรื่อง เรียน ป.ตรี จบมาด้วยกันทั้งหมดนี่แหละครับ”
“เหรอ..แหมดีจังเรียนกันจบแล้วยังได้มาเจอกันอีก สมัยก่อนพวกพี่เรียนจบแล้วจบเลยไม่ค่อยได้
เจอกันแบบนี้หรอก แล้วนี่พวกดุ เรียนจบกันมานานยัง” “สิบกว่าปีแล้วครับ ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ มี
เกือบหกสิบคน พอครบสี่ปีเหลือรอดมาแค่ ยี่สิบสามคนเองครับตรงนี้เองจึงทำให้พวกผมรักกันมาก”
เขาเล่าให้อัศวินฟังด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข เออ! พี่แล้วเกมส์ซ้อมแข่งวันนี้เอาไงครับ ทีมที่จะซ้อม
ด้วยวันนี้ เป็นทีมเดียวกับเมื่อวาน” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อนึกขึ้นได้ อัศวินนิ่งไปครู่ ก็ถามย้อนกลับ
มาว่า “กองหลังเป็นไงบ้าง”
“ตัวสูงครับประมาณ 180 เซนติเมตร เล่นลูกกลางอากาศดีทั้งคู่”
“อืม..จ่ายบอลตามช่องหรือทำชิ่ง หนึ่งสองแล้วกัน ตัวสูงๆน่าจะกลับตัวช้า หรือความเร็วไม่มีก็ได้ พี่
ไม่ห่วงเรื่องการยิงประตูหรอก เพราะยังไงก็ยิงเข้า แต่พี่ห่วงว่าดุจะมีจังหวะยิงประตูหรือเปล่าเท่านี้น
เอง ถ้าสลัดตัวประกบไม่ได้ก็ลำบากครับ แต่ไม่เป็นไรพี่มีทางแก้ เดี๋ยวลองเล่นดูก่อน ไม่ต้องตื่นเต้น
เล่นเหมือนที่เคย มีจังหวะยิงก็ยิง ไม่มีจังหวะยิงก็คืนบอลให้เพื่อน แต่มีข้อแม้อยู่ข้อนะ ถ้าได้ลูกฟรี
คิก ดุต้องเป็นคนเตะเองนะ รับรองเข้าทุกลูก ไป..โน้นเพื่อนเรียกแล้ว” อัศวินตัดบทเมื่อหันไปเห็น
เกรียงโบกมือเรียกดุให้ลงสนาม
เมื่อดุเดินลงไปในสนาม ก่อนเกมส์เริ่ม เขาเดินไปกระซิบกระซาบกับซ็อตอยู่ครู่หนึ่งก็เดินออก
มา “ครึ่งละยี่สิบนาทีนะครับ พักครึ่งห้านาที มาครับเชิญหัวหน้าทีมมาเสี่ยงเลือกแดนครับ” เสียงผู้
ตัดสินอธิบายมา
“ทีม วทบ.เลือกก่อนครับ”
“หัวครับ”ช็อต ตอบสั้นๆ
“งั้นทีมสิงห์สนามซ้อมก้อยนะครับ”
“ครับ” หัวหน้าทีมสิงห์สนามซ้อมรับคำมา
ผู้ตัดสินโยนเหรียญ ปรากฎออกมาเป็นหัว
“ทีม วทบ เป็นฝ่ายเลือกครับ จะเลือกเล่นลูกก่อนหรือเลือกแดนครับ”
ช็อตเงยหน้าดูทิศทางลม นิดหนึ่ง “อืม..เลือกแดนนี้ครับ”พร้อมกับชี้มือประกอบไปทางซ้ายมือ
“สรุป ทีม วทบ.จะบุกจากซ้ายไปขวา สำหรับทีมสิงห์สนามซ้อมจะเริ่มเขี่ยลูกก่อน ขอให้ทั้งสองทีม
เล่นกันให้เต็มที่นะครับ ถ้าได้ยินเสียงนกหวีดขอให้หยุดเกมส์แต่ถ้าไม่ได้ยินเสียงนกหวีดเล่นกันต่อ
ไปนะครับ” เสียงผู้ตัดสินอธิบายมา เกมส์กำลังจะเริ่มขึ้น แต่ที่นอกสนามกองเชียร์ของทีม
วทบ.เสียงเริ่มดังมากขึ้น สาเหตุก็เพราะบรรดาแม่บ้านของแต่ละคนที่ยกกันมาเชียร์นั่นเอง
ปรี๊ด…เสียงผู้ตัดสินเป่าเริ่มเกมส์ ทีมสิงห์สนามซ้อมเป็นฝ่ายเขี่ยลูก ทันทีที่บอลสัมผัสเท้าครบสอง
จังหวะ ดุ ก็วิ่งไล่บอลเพื่อกดดันคู่ต่อสู้ โดยมีอัศวินเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ และเขาก็ค้นพบ
ว่าการที่มีอดีตทีมชาติไทยคอยให้คำแนะนำ ในการวิ่งไล่บอลทำให้เขาไม่ต้องเปลืองแรงมาก
เหมือนเมื่อก่อน และดุก็สามารถแย่งบอลได้--- แล้วจ่ายคืนไปให้ช็อตตั้งเกมส์--ช็อตจ่ายบอลส้นๆ
ไปให้ก้องทางริมเส้นด้านซ้าย--ก้องพาบอลเข้ามาในแดนของทีมสิงห์สนามซ้อมโดยมีบอยคอย
ประคองอยู่ทางด้านหลัง—ก้องเงยหน้ามองไปที่ปากประตูไม่เห็นมีใคร—เลยจ่ายคืนมาให้ช็อต—
ช็อตเลี้ยงบอลตัดเข้ากลางหลบผู้เล่นของทีมสิงห์สนามซ้อมไปหนึ่งคน
“ดุระวังนะเดี๋ยวจังหวะนี้ ช็อตจะแทงบอลทะลุช่องมาให้ คอยดูดีๆ พอช็อตแทงบอลตามช่องมาให้
ดุตามไปไม่ต้องจับนะ ยิงจังหวะเดียวไปเลย ถ้าจับบอลดุจะไม่มีจังหวะยิงเพราะกองหลังเบอร์สาม
จะกระแทกดุกระเด็นก่อน เตรียมตัวนะ ใกล้แล้ว”เสียงอัศวินให้คำแนะนำมา
และจังหวะนี้เองช็อตก็เห็นช่องที่ดุวิ่งทำทางให้ --ช็อตแทงบอลตัดหลังแนวรับของทีมสิงห์สนาม
ซ้อมทันที --กองหลังเบอร์สามที่ตามประกบ ดุอยู่ กลับตัวไม่ทันเพราะต้องกลับตัวก่อนแล้วค่อย
สปีดตามบอล—ไม่เหมือนดุที่พร้อมจะสปีดตามบอลอยู่แล้วทุกเมื่อ แล้วบอลก็เข้าทางปืนของดุ
ที่เท้าขวา ระยะห่างจากประตูยี่สิบเมตร ถ้าเขาจับบอลก่อนหนึ่งจังหวะเขาคงโดนกองหลังของทีม
ฝ่ายตรงเข้าปะทะจนเสียจังหวะอย่างที่ อัศวิน ธงอิเนตร บอกอย่างแน่นอน—ผู้รักษาประตูยืนปิดมุม
อยู่เสาแรก “ดุ เล็งไปที่เสาสอง ปั่นโค้งให้เสียบเสาสองเลย” เสียงอัศวินแนะมา
“แต่ผมยังไม่ได้จังหวะเลยนะครับ แล้วระยะทางก็ยังไกลอยู่”
“เชื่อพี่ ยิงเลย”อัศวินคำรามมาเบาๆ
ดุ ลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง ก็ตัดสินใจปั่นด้วยเท้าขวา ลูกนี้เป็นลูกที่ยิงยากมากเพราะบอลจะวิ่งหนีเท้า
ตลอดเวลา เพราะฉนั้น เขาจะต้องวางเท้าให้ดีๆ และตั้งแต่เขาเล่นฟุตบอลมา เขายังไม่เคยยิงลูกใน
ลักษณะนี้เข้าเล่นสักที แต่ว่าทันทีที่ข้างเท้าด้านในสัมผัสบอล ครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากครั้ง
ก่อนๆอย่างบรรยายไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่ จากนั้นเสียง เฮ้..ทางฝั่งทีม วทบ.ก็ดัง
ขึ้นทันที ช็อต วิ่งเข้ามาแตะมือกับเขา พร้อมกับพูดว่า
“เฮ้ยเสียบเสาสองเลยนะมึง..ฟลุ๊คเปล่าวะ”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะว่ามันเข้าได้ไง คงฟลุ๊คมั้ง”ดุตอบทั้งๆที่ยังตั้งสติไม่ได้เนื่องจากยังตื่นเต้นอยู่
ไม่หาย ระหว่างที่เขาเดินกลับมาที่แดนของตัวเอง อัศวินก็เอ่ยมาว่า
“เป็นไงเห็นผลเลยมั้ย ยิงสวยด้วยนะนี่” “ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าผมจะยิงเข้า ปกติลูกแบบนี้ผมจะ
ยิงออกประจำเลย”“ยังมีอีกครับ ลูกยากกว่านี้ก็เข้าครับ ไปฝ่ายโน้นเริ่มเขี่ยบอลแล้ว” อัศวินเตือนมา
ทีมสิงห์สนามซ้อมเริ่มเขี่ยบอล และพยายามจะต่อบอลทำเกมส์บุกเข้าใส่ทีม วทบ แต่ก็ติด เหลิม
และนวยหมด และจังหวะนี้เองทีมสิงห์สนามซ้อมทำเกมส์บุกขึ้นมาแต่โดน บอยตัดบอลไปได้
“ดุเรียกบอลจากบอยเลย พักอกเอาบอลลงนะ แล้วยิงตรงนี้เลย รับรองเข้า แต่ต้องยิงหลังเท้านะ”
อัศวินบอกมา “พี่แต่มุมมันแคบนะ มันจะเข้าเหรอ” ดุท้วงมา
“เชื่อพี่เถอะว่าเข้า อัดมุมแคบไปเลย” ดุนิ่งไปอึดใจ ก็ชูมือขึ้นพร้อมกับตะโกนเรียกให้เพื่อนส่งบอล
มาให้ “ไอ้บอย โยนมาให้กูเลย”
บอยที่กำลังจะใหลบอลเข้ากลางให้ช็อตเพื่อตั้งเกมส์ใหม่ก็ชงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจโยนให้ดุที่
ยืนโล่งๆอยู่มุมซ้ายของประตูทีมสิงห์สนามซ้อม ดุเอาอกพักบอลลงพื้นแต่บอล วิ่งลงพื้นแรงไป
หน่อย “ยิงหลังเท้าเลยไม่ต้องลังเล” เสียงอัศวินเน้นเสียงหนักจากลำคอ
ดุตัดสินใจยิงด้วยหลังเท้าทันที ด้วยมุมที่แคบและระยะทางยังถือว่าไกลอยู่พอสมควร หลังจากที่
เท้าดุสัมผัสกับลูกฟุตบอลไปแล้วเขาก็นึกว่ายังไงๆก็คงไม่เข้าหรอก ประตูคงรับได้อย่างแน่นอน
เพราะมุมแคบเหลือเกิน แต่ที่ไหนได้ลูกฟุตบอลที่พุ่งไปจากหลังเท้าของเขา เสียบเสยเพดานเข้า
ประตูไปด้วยความรุนแรง กองเชียร์ที่ยืนอยู่รอบๆสนามของทั้งสองทีม เฮ้..กันทั้งสนาม โดยเฉพาะ
ทางฝั่งทีม วทบ เสียงดังเป็นพิเศษ “เป็นไงพี่บอกแล้ว ว่าเข้าทุกลูก คราวนี้เชื่อพี่หรือยังนี่ขนาดเอา
บอลลงไม่ดีนะเนี่ย แต่ยังยิงเข้า”อัศวินบอกมาด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ
“พี่มันจะเข้าทุกลูกเลยเหรอครับ”
“ครับเข้าทุกลูก ถ้าดุมีจังหวะยิงนะ รับรองเข้าทุกลูก”
ตอนนี้ดุเริ่มมั่นใจแล้ว ตลอดเวลาที่เหลืออยู่ของครึ่งแรก เขาพยายามเรียกบอลจากเพื่อน แต่พอดุ
ได้บอลเขาก็ไม่มีจังหวะยิงประตูเลย เพราะกองหลังของทีมสิงห์สนามซ้อมเริ่มประกบเขาอย่างใกล้
ชิดตลอดเวลา ทำให้เขาไม่มีจังหวะยิงประตูเลย
“พี่อัศวิน จะหมดครึ่งแรกแล้ว ผมยังไม่มีจังหวะยิงเลย”ดุบ่นออกมา
“ใจเย็นๆ ตอนนี้กองหลังเริ่มรู้แล้วว่าปล่อยดุไว้ไม่ได้”
“แล้วผมจะทำไงดีครับพี่ อยากยิงอีกสักประตูหนึ่งน่ะ”
“อืม..เอางี้ลงไปล้วงบอลต่ำเลย ได้บอลมา แล้วพยายามลากขึ้นมาเลยวงกลมกลางสนามเข้ามาใน
แดนของทีมสิงห์สนามซ้อมแล้วยิงเลย” “เฮ้ย…พี่มันไกลนะนั่นระยะเกือบสี่สิบเมตรนะครับพี่ มันจะ
เข้าเหรอ”ดุร้องออกมาด้วยความไม่แน่ใจ “เอาน่า รับรองเข้าชัวส์”เสียงอัศวินตอบมาด้วยความมั่นใจ
“เอางั้นเหรอพี่” “เออ..น่า เชื่อพี่สิไป! โน้น ก้องตัดบอลได้แล้ว ดุวิ่งลงไปเอาบอลเลย”อัศวินแนะ
มา ดุวิ่งลงไปเรียกบอลจากเพื่อนทันที ก้องจ่ายเรียดมาให้ดุ เขาเงยหน้ามองนิดหนึ่ง ด้านซ้ายของ
เขามีช็อตประคองอยู่ ด้านขวามีก้อง ดุทำท่าเหมือนจะส่งให้ช็อตเพื่อหลอกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามให้
เสียจังหวะ พอฝ่ายตรงข้ามเสียหลัก เขาเปลี่ยนสปีดทันที เพื่อกระชากบอลไปข้างหน้า หลบผู้เล่น
คนหนึ่งไปได้ ตอนนี้บอลเข้ามาสู่ในแดนของฝ่ายสิงห์สนามซ้อมแล้ว
“ดุ ได้ระยะแล้วยิงเลย” เสียงอัศวินเตือนมา ระยะประมาณ สี่สิบเมตรถือว่ายังไกลมาก แต่เขาก็
ตัดสินใจยิงทันทีด้วยเท้าขวา ทันทีที่เท้าของดุสัมผัสกับบอล ลูกฟุตบอลวิ่งเข้าหาประตูด้วยความ
แรงแถมบอลยังติดใซด์ก้อยด้วยทำให้ผู้รักษาประตูรับยากอีก ประกอบกับความเร็วของบอลไม่ตกลง
เลยทำให้ลูกนี้พุ่งเข้าเสียบสามเหลี่ยมมุมบนซ้ายไปอย่างสวยงาม
เสียงเฮ้..ของทางฝั่งทีมวทบดังลั่นเลย ส่วนกองเชียร์ของฝั่งทีมทีมสิงห์สนามซ้อมต่างก็อ้าปากค้าง
กันเป็นแถว หลายคนเริ่มที่จะถามว่ากองหน้าของทีม วทบคือใคร ตอนนี้ดุเริ่มที่จะตกเป็นเป้าสายตา
ของคนรอบๆสนามแล้ว “เฮ้ย..ใครวะกองหน้าที่ยิงไกลเมื่อกี้นี้ยิงโคตรไกลเลย”เสียงคนที่ยืนดูอยู่
ข้างๆสนามถามเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่เท่าที่กูยืนดูอยู่นี่เขายิงไปแล้วสามลูก
แต่ละลูกสวยๆทั้งนั้นเลย” “ตัวสโมรสรเปล่าวะ” “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่กูไม่เคยเห็นหน้าเลย”
ในสนาม ช็อตกับก้องวิ่งเข้ามาหาดุพูดยิ้มๆ ว่า “เฮ้ยวันนี้ฟลุ๊คบ่อยจังนะ นี่ลูกที่สามแล้วนะมึง” เสียง
ช็อตแซวมา “กูก็ยิงไปตามจังหวะนั่นแหละเห็นมันใกล้หมดเวลาแล้ว ก็เลยเสี่ยงยิงไป ดันฟลุ๊คเข้า
เฉยเลยไปกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาแล้ว ไปพักกันกูเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” ดุตอบแบบเลี่ยงๆ
และเปลี่ยนเรื่องทันที “แหม..ยิงสวยทุกลูกเลยนะมึง ไปกินไรมาวะคมจังวันนี้”เกรียงแซวมา
“ใช่ๆ วันนี้คมมากสงสัยผีเข้ามันมั้ง”เกมส์ผสมโรงด้วย
ระหว่างที่พักดื่มน้ำกันอยู่พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายนั้น อัศวินก็สื่อสารทางจิตกับดุว่า
“เป็นไงมั้ง เห็นหรือยังว่ารองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้ามหัศจรรย์”
“จริงพี่ แต่มันจะดีเหรอพี่ มันจะเวอร์ไปเปล่ายิงเป็นเข้าแบบนี้”
“ดีแล้วครับ เราจะได้เป็นจุดเด่นให้พวกที่อยู่ในวงการฟุตบอลเขาเห็น ทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ตั้ง
ไว้ได้ง่ายขึ้น” “เอางั้นเหรอพี่”ดุย้อนถามมาสั้นๆ “เชื่อพี่เถอะ ถ้าดุยังโชว์ฟอร์มอยู่แบบนี้ อีกเดี๋ยวก็
จะมีคนมาชวนดุให้ไปเล่นทีมสโมสรแน่นอน” ดุนิ่งคิดไปนิดหนึ่ง แล้วก็ถามอัศวินต่อว่า “แล้วครึ่ง
หลังจะเอาไงดีครับพี่” “เล่นเหมือนเดิมครับ แต่ยิงอีกลูกแล้วลองเปลี่ยนให้เพื่อนลงไปเล่นแทน
มั่ง”อัศวินตอบม า“อ้าวทำไมเหรอครับพี่”ดุย้อนถามด้วยความสงสัย
“ลองให้คนอื่นลงเล่นบ้าง ทีมจะได้เปรียบเทียบว่าระหว่างมีดุเป็นกองหน้ากับกองหน้าคนอื่นมันต่าง
กันแค่ไหน แล้วอีกอย่างที่สำคัญที่สุดคือเปิดโอกาสให้กับใครคนหนึ่งได้เข้ามาคุยกับดุบ้าง”
“อะไรนะครับ พี่ว่าไงนะ”ดุถามแบบงง “ลองหันไปดูซ้ายมือครับ จะเห็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่ง
มองดูดุเล่นมาได้พักใหญ่แล้ว” พออัศวินพูดจบดุก็หันไปมองทางซ้ายมือของตัวเอง ก็เป็นจริงอย่าง
ที่อัศวินว่า เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ผิวสีเข้ม ใส่เสื้อบอลสีขาว กางเกงขายาวสีดำ นั่งมองมาที่ดุ พอดุ
หันไปชายคนนี้ก็ยิ้มให้ ดุยิ้มตอบนิดหนึ่งพร้อมกับก้มหัวให้ “เขาเป็นใครเหรอครับพี่”
“พี่คิดว่า เขาคงจะเป็นคนในวงการฟุตบอลนั่นแหละ แต่อย่าพึ่งไปสนใจเลย เดี๋ยวเขามาคุยกับเรา
เดี๋ยวก็รู้เองครับ”อัศวินตอบมา “เฮ้ย..ดุลงสนามโว้ยกรรมการเรียกแล้ว”เสียงไอ้เกรียงตะโกนเรียก
มา “เออๆ รู้แล้ว โวยวายจริงมึงนี่”ดุรับคำพร้อมกับบ่นพึมพำแล้วเดินตามเพื่อนลงสนามไป
เริ่มครึ่งหลัง ทีม วทบ เป็นฝ่ายเริ่มเขี่ยบอลก่อน เข้าสู่ครุ่งหลังดุแถบจะไม่ได้สัมผัสบอล
เลย บอลมาไม่ถึงเขาเพราะทางฝั่งทีมสิงห์สนามซ้อมเริ่มจะได้ครองเกมบุกมากขึ้น แต่ทีมสิงห์สนาม
ซ้อมก้ไม่คมพอที่จะเจาะตาข่ายของทีม วทบ ได้ เกมเป็นแบบนี้จนเข้าสู่ช่วงกลางของครึ่งหลังขระที่
ทีม สิงห์สนามซ้อมบุกเพลินๆนั้น เกมส์ที่เป็นผู้รักษาประตูของทีม วทบ รับลูกยิงของทีมสิงห์สนาม
ซ้อมได้ก็เลยสาดบอลโด่งมาที่หน้าปากประตูของทีมสิงห์สนามซ้อมซึ่งมีดุยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ดุเอา
บอลลงได้เพราะเหลี่ยมดีกว่าและกำลังจะกระชากหนีกองหลังของทีมสิงห์สนามซ้อม แต่กองหลัง
ของทีมสิงห์สนามซ้อมไม่ยอมพยายามดึงเสื้อของดุไว้ทำให้ไปต่อไม่ได้และช็อทนี้เองกรรมการก็
เป่าฟาว์ลให้ดุทันที ทีม วทบ ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ ระยะประมาณสามสิบเมตร เยื้องไป
ทางซ้ายมือ เข้าทางคนที่ถนัดเท้าขวาพอดีเลย ปกติหน้าที่เล่นลูกตั้งเตะก็จะเป็นช็อตรับหมด ลูกนี้ก็
เช่นกันช็อตถือบอลมากำลังจะเอามาตั้งที่จุด “ดุเข้าไปขอช็อตยิงลูกนี้เองนะ พอยิงเข้าแล้วเปลี่ยน
ตัวออกเลย”เสียงอัศวินบอกมาทางกระแสจิต ดุคิดนิดหนึ่ง ก็ทำตามที่อัศวินบอกโดยเดินเข้าไปหา
ช็อต“เฮ้ย..ช็อตกูขอยิงเองนะ” ช็อตมองหน้าดุยิ้มๆแล้วพูดว่า “ถึงมึงไม่ขอกูก็กำลังจะบอกให้มึงยิง
อยู่พอดี”ช็อตพูดจบก็เดินมาตบไหลเขาทีหนึ่ง แล้วเดินไปกดดันกำแพง
ลูกนี้เป็นลูกฟรีคิกที่ระยะประมาณเกือบสามสิบเมตร เยื้องซ้ายมือนิดหน่อย เป็นฟรีคิกจังหวะเดียว
ตอนนี้ประตูกำลังสั่งตั้งกำแพงสามคนเพื่อปิดเสาแรก “จะยิงยังไงดีพี่” ดุถามอัศวินมา
“เอาแบบคลาสสิคแล้วกัน ปั่นไซด์ครับข้ามหัวกำแพงบังคับให้เข้ามุมบนด้านซ้ายของเสาแรกไป
เลย”อัศวินตอบมาด้วยเสียงเรียบๆ
ตอนนี้ดุมั่นใจแบบร้อยเปอร์เซนต์แล้วว่าลูกนี้ต้องเข้าอย่างแน่นอน เขาบรรจงวางบอลลงยังจุดที่
ฟาวล์ จากนั้นถอยหลังไปทางซ้ายประมาณห้าก้าว ตอนนี้กำแพงเข้ามาเพิ่มเป็นสี่คนแล้ว รอบๆ
สนามที่สองทีมนี้กำลังแข่งอยู่ มีคนมามุงดุกันเต็มสนามเพราะมีคนไปเล่าให้ฟังกันปากต่อปากว่า
กองหน้าเบอร์ 9 ของทีม วทบยิงคมมากยิงเข้าทุกลูก คนที่อยู่ในสนามใกล้เคียงก็เลยหันมาสนใจ
กับลูกฟรีคิกลูกนี้มากขึ้น ตอนนี้ดุตกเป็นเป้าสายตาของคนนับร้อยแล้ว
ดุสูดลมหายใจเข้าปอดทีหนึ่ง แล้ววิ่งเข้าหาบอล เท้าซ้ายวางเลยบอลนิดหนึ่งปลายเท้าซ้ายชี้ออก
ไปทางซ้าย ส้นเท้าซ้ายบิดเข้าหาลูกฟุตบอล ลำตัวเอียงไปข้างหลังเล็กน้อย เท้าด้านในของข้าง
ขวาสัมผัสลูกบอลแบบปั่นๆทันทีที่บอลพุ่งออกจากเท้าของเขา สปีดของบอลแรงมาก และลูกไซด์
โค้งแบบเห็นๆข้ามหัวกำแพงไปแล้ว ลูกมันโด่งเหมือนจะข้ามคาน แต่เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
จากลูกโด่งๆที่เกือบจะข้ามคานอยู่แล้ว ลูกบอลกับฮุคลงล่างซึ่งพอดีกับสามเหลี่ยมบนซ้ายของประตู
อย่างสวยงามทันที เฮ้….เฮ้….เสียงเชียร์บองทีม วทบ ดังขึ้นผสมผสานกับเสียงเชียร์ของคนที่ดูอยู่
รอบๆสนามดังให้แซ่ด..ไปหมด
“เฮ้ย..มันยิงเข้าอีกแล้ว นี่ลูกที่สี่แล้วนะ ทำไมวันนี้มันคมจังวะ ยิงกี่ลูกก็เข้า” เสียงเกรียงเอ่ยออก
มาดังๆด้วยความยินดีที่เพื่อนรักทำประตูได้ติดๆกันถึงสี่ประตูแล้ว สร้างความปราบปลื้มให้กับเพื่อนๆ
กันถ้วนหน้า “นั่นสิ มันจะเก่งเกินไปแล้ว ไอ้นี่” เสียงทีปเพื่อนอีกคนพูดออกด้วยสีหน้ายิ้มๆเช่นกัน
“แต่กูว่ามันคงฟลุ๊คมากกว่ามั้ง วันนี้อาจเป็นวันของมันก็ได้”เสียงเปียล้อๆมาอีกคน
ตอนนี้นอกสนามเริ่มมีเสียงพูดคุยกันให้แซ่ดไปหมด ทุกคนสงสัยว่าคนที่ยิงฟรีคิกเป็นใคร “เฮ้ยใคร
วะ ยิงสวยจัง”เพื่อที่อยู่ข้างๆเอ่ยปากถามกับคนที่มายืนดูอยู่ก่อนแล้ว
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เท่าที่กูยืนดูอยู่นี่ เขายิงไปคนเดียวสี่ลูกแล้วโดยเฉพาะลูกที่สาม ยิงโคตร
ไกลเลยมึงทั้งไกลทั้งแรงผู้รักษาประตูหมดสิทธิ์รับเลยมึง”
“ใครวะกูอยากรู้จักซะแล้วซิ ถ้ายิงได้อย่างนี้ทุกลูกกูว่าติดทีมชาติเลยเหอะ”
“เออ กูก็ว่างั้น นี่กูว่ายิงได้คมกว่ากองหน้าทีมชาติไทยอีกนะมึง”
ในสนาม ช็อตกับก้องวิ่งเข้ามาแสดงความยินดีกับดุ
“เฮ้ย..ของมันพัฒนากันได้โว้ย”ดุตอบแบบทีเล่นทีจริง
ร้อมกับพูดว่า “แน่นนอนจริงมึง ยิงยังไงก็เข้านะ เมื่อก่อนกูเห็นมึงยิงออกทุกลูกนี่” ก้องพูดออกมา
ขำๆ “เออๆมึงเก่ง กูเชื่อมึงแล้วว่าวันนี้เป็นวันของมึง” ช็อตประชดมาพร้อมกับหัวเราะร่า
“เฮ้ย ช็อตเดี๋ยวกูจะเปลี่ยนตัวให้ไอ้ทีปลงมาเล่นแทนกูนะ”
“เออ ตามใจมึงแล้วกัน” ช็อตตอบมา
จากนั้นดุก็เปลี่ยนตัวกับ ทีป ให้ลงมาเล่นแทนเขา พอดุเดินออกจากสนาม เมย์ ก็ส่งขวดน้ำให้พร้อม
กับพูดว่า “วันนี้ไปทำไรมายิงกี่ลูกก็เข้าจะเก่งเกินไปล่ะ”
“แหม.. เมย์ ดุจะเก่งมั่งไม่ได้เหรอ แต่เก่งยังไงก็แพ้เมย์อยู่ดีนั่นแหละ” ดุพูดยิ้มๆ พร้อมกับโอบเอว
ภรรยาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างสนาม
“นี่ๆดุ เมื่อกี้มีคนมาถามชื่อน่ะ ถามว่าชื่ออะไร เป็นนักบอลสโมรสรไหนหรือเปล่า อายุเท่าไร”
“ใครเหรอ”เขาย้อนถามมาสั้นๆ
“เมย์ก็ไม่รู้จักเหมือนกัน โน้นไงเขากำลังเดินมาหาพอดีเลย”เมย์ตอบพร้อมกับชี้มือให้ ดุ ดู
เขาหันไปดูตามที่ภรรยาชี้มือบอก ก็เห็นผู้ชายคนที่ อัศวิน ธงอินเนตร บอกไว้กำลังเดินตรงเข้ามาหา
เขาพอดี “สวัสดีครับน้องดุ ผมชื่อ ภิญโญ นิจสุวรรณ ครับ ผมเป็นที่ปรึกษาของทีมสโมสร อ่างทอง
เอฟซี ครับ”แนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือมาให้จับ ดุยื่นมือจับตอบ “ครับพี่ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ผมขอเวลาสัก สิบห้านาทีได้มั้ยครับ”ภิญโญ พูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ
ดุหันไปมองหน้าเมย์นิดหนึ่ง อย่างขอความคิดเห็น เมย์พยักหน้าพร้อมกับ ลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวเมย์ขอตัวไปคุยธุระกับเพื่อนก่อนนะคะ เชิญคุยกันตามสบายค่ะดุเดี๋ยวเมย์ไปคุยกับปูก่อนนะ”
เมย์หันมาบอกสามีเสร็จแล้วก็เดินจากไป
“น้องดุ แต่งงานยังครับ” เสียงภิญโญ ทำลายความเงียบมา
“แต่งมาได้สามปีแล้วครับ”ดุตอบยิ้มๆพร้อมกลับหันไปมองภรรยาตัวเองที่เดินไปนั่งคุยกับปูที่เป็น
แฟนเกมส์อย่างสนุกสนาน “ยังไม่มีน้องเหรอครับ”
“คิดว่าจะมีปลายปีนี้พอดีเลยครับ เอ่อ..พี่มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”ดุตอบพร้อมกับถามกลับทันที
ด้วยความสงสัย “งั้นพี่เข้าเรื่องเลยนะครับเห็นว่าน้องดุ จบวิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดอ่างทองเหรอ
ครับ” ดุ มองหน้าคนที่ชื่อ ภิญโญ นิด ก่อนพยักหน้าพร้อบกับพูดว่า “ครับ พี่ ผมจบมาตอนปี 46
ครับ” “งั้นก็คุ้นเคยกับจังหวัดอ่างทองซิ”ภิญโญ ถามยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ครับพี่ คุ้นเคยดีครับ ก็เรียนที่อ่างทองมาตั้ง สี่ปีเต็มๆ หลังจากจบแล้วผมก็ทำงานที่อ่างทองอีก
หนึ่งปีเต็มผมก็เลยคุ้นเคยกับอ่างทองดีครับ”
“ ดุ สนใจที่จะเป็นนักเตะให้กับทีมอ่างทองมั้ยครับ” อยู่ๆภิญโญก็ถามประโยคนี้ออกมา ซึ่งสร้าง
ความตกตะลึงให้กับ ดุ เป็นอย่างยิ่ง
“เป็นไง พี่ว่าแล้วว่าต้องมีคนมาชวนดุให้เป็นนักบอลอาชีพ” เสียงอัศวินสอดมาทางกระแสจิต
“อะไรมันจะรวดเร็วแบบนี้พี่อัศวิน ผมยังตั้งตัวไม่ติดเลย”ดุตอบอัศวินไปด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ใจเย็นๆครับ ลองฟังข้อเสนอเขาดูก่อน”อัศวินแนะนำมาด้วยเสียงเรียบๆ
“คือยังนี้ครับ ตอนนี้ทางผู้ใหญ่หลายๆท่านในจังหวัดอ่างทองได้ให้การสนับสนุนกับทีมสโมสร
อ่างทอง เอฟซี กันอย่างออกหน้าออกตา และหลายๆคนก็ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงครับและก็มี
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้เสนอชื่อผมให้เข้ามารับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของทีม พอดีวันนี้ผมมาเที่ยวหา
เพื่อนที่เป็นเจ้าของสนามบอลแห่งนี้ ระหว่างที่พี่เดินดูรอบๆสนามก็มาเห็นน้องดุกำลังยิงประตูแรกให้
กับทีมอยู่และหลังจากนั้นพี่ก็นั่งดู น้องดุยิงอีกสามประตู พี่บอกตรงๆ พี่อยากได้ น้องดุ มาร่วมทีม
ด้วยพี่ว่าถ้าดุมาเล่นให้ทีมพี่ ด้วยฝีเท้าการยิงประตูแบบนี้ เชื่อว่าน้องดุจะต้องพาทีมอ่างทอง เอฟซี
ไปถึงเป้าหมายที่ทางผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆท่านตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน”
ดุ นิ่งคิดไปนิดหนึ่ง แล้วถามกลับมาว่า “ตอนนี้ทีมอ่างทอง เอฟซี มีใครเป็นโค้ชครับ”
“คุณประดิษฐ์ มีสันทัด เป็นโค้ชครับ ตอนนี้ อ่างทอง เอฟซี แข่งมาห้านัดมีอยู่ สิบคะแนน ชนะสาม
เสมอหนึ่ง แพ้หนึ่ง อยู่อันดับ ห้า ของตารางครับ สำหรับทีมอ่างทอง เอฟซี อยู่ในลีคดิวิชั่นสองครับ
อยู่ในโซนภาคกลางและภาคตะวันออก โซนนี้มีอยู่ 18ทีมครับปีนี้ทีมของเรามีโอกาสเลื่อนขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 สูงครับ คือพูดง่ายๆว่าเป็นทีมที่มีอนาคตครับ” ภิญโญร่ายยาวมา
ดุนิ่งคิดแป๊บหนึ่ง “เอาไงดีพี่อัศวิน” ดุถามอัศวินทันที
“ก็น่าสนใจนะ แต่พี่ว่าแล้วแต่ดุแล้วกันพี่ให้เลือกเอาเองครับ เพราะอยู่ทีมไหน ดุก็เป็นดาวซัลโวอยู่
แล้ว ตัดสินใจเอาเองครับ แต่พี่จะแนะนำว่าให้เลือกอยู่ทีมที่มีโอกาสติดทีมชาติไทยให้ได้เร็ว
ที่สุด”อัศวินแนะมา
ดุนิ่งไปเดี๋ยวหนึ่งก็เอ่ยปากว่า น่าสนใจครับพี่ภิญโญแต่เรื่องนี้ผมต้องขออนุญาติปรึกษา
ภรรยาผมก่อนนะครับ แล้วอีกอย่างตอนนี้ผมมีงานประจำอยู่ที่กรุงเทพด้วย คือต้องคิดเยอะนิดครับ”
“โอ้..ได้ครับ ผมไม่รีบหรอก นี่นามบัตรผมครับ ถ้าตัดสินใจได้แล้วหรืออยากขอคำปรึกษาจากผม
สามารถโทรติดต่อผมได้ที่เบอร์นี้นะครับ” พูดจบก็ยื่นนามบัตรส่งมาให้ดุ เขารับนามบัตรมา พร้อมกับ
ถามว่า “นัดหน้าเจอใครครับ”
“นัดหน้า ไปเยือนประจวบ เอฟซี ทีมอันดับสามของตารางครับ ถ้าคุณดุสนใจนี่เป็นตั๋วครับ”ภิญโญ
ตอบมาพร้อมกับส่งตั๋วมาให้สองใบ ดุ รับมาพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณเบาๆ
“เดี๋ยวผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมมีธุระที่จะต้องไปสมุทรสาครต่อครับ อย่าลืมครับตัดสินใจได้
แล้วโทรหาผมได้ตลอดเวลา”พูดจบภิญโญก็ยกมือตบไหลเขาแล้วเดินจากไปทิ้งให้ดุนั่งคิดอยู่คน
เดียว ระหว่างที่นั่งคิดเพลินๆอยู่นั้น อัศวินก็เอ่ยปากถามว่า “เครียดเหรอครับ น้องดุ”
“เปล่าครับพี่ แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ เออพี่ ผมมีอะไรจะถามพี่อัศวินครับ”ดุชวนอัศวินคุยพร้อมกับยก
ขวดน้ำขึ้นดื่ม “พี่มั่นใจมั้ยครับว่า คนหนึ่งคน กับผีหนึ่งตัว และรองเท้าสตั๊ด อีกหนึ่งคู่จะทำให้คน
ไทยทั้งประเทศได้สมหวังกับการได้ไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายสักที”
อัศวิน หัวเราะออกมากับคำพูดของเขา “ผีหนึ่งตัวเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่ว่าพี่เป็นผีเหรอครับ”
“อ้าว หรือไม่จริงพี่” ดุตอบยิ้มๆ
เมื่ออัศวินหยุดหัวเราะ อัศวินให้คำตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเข้มๆ
“พี่มั่นใจครับดุ มั่นใจแบบร้อยเปอร์เซนต์ด้วย”
“อะไรทำให้พี่มั่นใจแบบนั้นครับ ผมว่ากว่าเราจะติดทีมชาติคงเหนื่อยกันเลือดตาแทบกระเด็นเชียว
ล่ะ” “สาเหตุทีพี่มั่นใจว่าเราสองคน เอ้ยไม่ใช่..หนึ่งคนกับผีหนึ่งตัวและรองเท้าสตั๊ดมหัส
จรรย์อีกหนึ่งคู่จะพาฟุตบอลทีมชาติไทยไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายได้ ก็เพราะว่าพี่ได้
เจอดุไง ดุจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาบอลไทยได้ไปเล่นบอลโลกครับ”
ดุนิ่งไปอึดใจหนึ่ง สายตามองพวกเพื่อนๆวิ่งไล่บอลในสนาม ตอนนี้จิตใจของดุเริ่มที่จะสองจิต
สองใจ เพราะว่าถ้าเขาตัดสินใจเลือกที่จะเล่นบอลอาชีพเพื่อนกรุยทางไปสู่การเป็นนักเตะทีมชาติ
ไทยเขาจะต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปแน่นอน อันดับแรก งานประจำที่กรุงเทพ เขาอาจจะต้อง
ลาออก ตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้ว อัศวินก็เหมือนจะรู้ว่าดุกำลังสับสนและต้องการเวลาในการที่จะ
ตัดสินใจ เขาเลยปล่อยให้ดุนั่งคิดคนเดียวเงียบๆตามลำพัง
อึดใจใหญ่ๆ ดุก็สื่อสารกับอัศวินทางกระแสจิตว่า “พี่อัศวินครับ ผมตัดสินใจแล้วครับ”
“ว่ามาครับ พี่รอฟังอยู่”อัศวินสื่อสารมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“ผมเอาด้วยกับพี่ครับ ถึงไหนถึงกันครับ เพราะนี่มันก็เป็นความฝันของผมเหมือนกันแล้วอีกอย่างนี่ก็
เป็นความฝันของคนไทยทุกคนด้วย แน่นอนว่าการตัดสินใจแบบนี้ชีวิตผมอาจจะเสี่ยงหน่อย เพราะ
ถ้าเราทำไม่สำเร็จ ผมจะเสียโอกาสทางด้านหน้าที่การงานไปเลย แต่ไม่เป็นไรครับผมมั่นใจในตัวพี่
อัศวินครับ แต่มีข้อแม้อยู่ข้อนะครับ ไม่รู้พี่จะยอมหรือเปล่า”
“ว่ามาครับ พี่ฟังอยู่”
“ผมขอเลือกทีมสโมรสรเองครับ ผมจะเล่นให้กับทีมอ่างทอง เอฟซีครับ”
“ได้ครับไม่มีปัญหา เพราะอยู่ทีมไหนเราก็เป็นดาวซัลโวอยู่แล้วว่าแต่ว่า ทีมอ่างทอง เอฟซี นี่อยู่
ลีคไหนของเมืองไทยครับ คือพี่ไม่ค่อยได้ยินชื่อน่ะ”
“อยู่ดิวิชั่นสองครับ ห่างจะลีคสูงสุดของไทยเราอยู่สองระดับ”ดุตอบมา
อัศวินนิ่งคิดไปอึดใจหนึ่งก็ตอบกลับมาว่า “มีเหตุผลมั้ยครับที่เลือกทีมนี้”
“มีครับ เวลาซ้อมผมต้องไปซ้อมที่อ่างทอง ซึ่งบ้านเกิดผมอยู่ลพบุรี ผมสามารถเดินทางมาซ้อมได้
สะดวก เพราะผมคิดว่าผมจะลาออกจากงานประจำ และตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านที่ลพบุรีครับแล้วอีก
ข้อที่สำคัญที่สุดคืออ่างทองเปรียบเสมอบ้านหลังที่สองของผมครับ ผมจะภูมิใจมากที่ได้เล่นให้กับ
ทีมนี้เพราะผมเรียนที่อ่างทอง มาสี่ปีเต็มๆทำให้ผมมีความผูกพันกับจังจังหวัดนี้มากเป็นพิเศษ
ครับ”ดุให้เหตุผลมาด้วยความหนักแน่นมั่นคง
“ครับพี่ก็เห็นด้วย แล้วต่อไปนี้เราจะเริ่มต้นทำอะไรก่อนดีครับ”อัศวินถามความเห็นมา
“วันอาทิตย์นี้ไปประจวบคีรีขันต์ครับ ไปดูทีมอ่างทอง เอฟซีลงเตะที่นั่น” ดุบอกมา
“แต่วันอาทิตย์ ดุมีแข่งบอลนะครับ”อัศวินแย้งมาเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับพวกเพื่อนผมมันเล่นกันได้ ตอนนี้เราต้องรีบแล้วครับ ถ้าเราอยากที่จะติดทีมชาติไทย
เร็วๆเราจะรอเวลาไม่ได้ เพราะเวลาในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเซียใกล้เข้ามา
แล้ว สองนัดแรกที่เตะแบบเหย้าเยือนผมไม่ห่วงหรอก แต่ผมจะห่วงก็ตอนที่รอบคัดเลือกรอบสอง
แบบแบ่งกลุ่มนั่นแหละที่ไทยเราชอบตกรอบเป็นประจำ”
“อืม..เอาไงก็เอาครับ ดีเหมือนกัน ดุวางแผนอกสนาม ส่วนพี่วางแผนการเล่นในสนาม”อัศวินเห็น
ด้วยและแบ่งหน้าที่ให้อย่างชัดเจนหลังจากได้ข้อสรุปกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดุกับอัศวินก็ยิ้มอย่าง
เบิกบานให้กันทางกระแสจิต โดยหารู้ไม่ว่าเส้นทางที่ทั้งสองจะก้าวเดินต่อจากนี้จะเต็มไปด้วย
อุปสรรคและความกดดันอย่างมหาศาล
สิ้นสุดประตูที่ 2 รองเท้าสตั๊ดมหัศจรรย์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ