Change The World มาเฟียสาว ห้าวนะคะ

9.7

เขียนโดย EnDeaR

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.47 น.

  2 ตอน
  4 วิจารณ์
  8,770 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 00.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) มาเฟียจำเป็น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   ฉันต้องการจะเป็นเพียงแค่เด็กสาวมัธยมปลายธรรมดาจริงๆนะ ถ้าไม่เพียงแต่วันนั้นที่ฉันได้รู้ว่าตัวเองมีพ่อ มีปู่ มีครอบครัวที่ไม่รู้จัก และได้รับรู้ว่าฉันต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งยังกับละครน้ำเน่า เมื่อเพียงแค่ 2 หัวข้อให้เลือกเท่านั้น!!

 

 

 

ตอนที่ 1 มาเฟียจำเป็น

 

                ฉัน! ชิราอิชิ เคียวกะ เด็กสาวมัธยมปลายอายุ 17 ผู้แสนจะธรรมดาอาศัยอยู่กับแม่สองคนในเมืองเก่าเกียวโต ฉันเป็นเด็กสาวร่างสูงไว้ผมยาวสลวยสีดำเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น และป๊อบเอามากๆในหมู่ผู้หญิงด้วยกันนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่ชอบใจเอาเสียเลย ฉันจึงตั้งใจจะปรับลุคที่ดูเทห์นิดๆของตัวเองให้สมหญิงแทน ทั้งที่ตั้งปณิธานไว้แบบนั้น แต่ว่า…

                “ยินดีต้อนรับกลับมาครับท่านเคียว!” เสียงตะโกนของเหล่าชายในชุดสูทที่ยืนโค้งให้อย่างนอบน้อมต่อร่างที่นั่งเท้าคางไขว่ห้าง มันแลดูดีในสายตาของพวกเขาบ้างสินะ

                “ช่างสง่างามเหมือนท่านริวอิจิโร่จริงๆ” การเยินยอยังคงมีต่อไม่ขาดสาย แต่มันไม่ทำให้คนฟังสำราญเบิกบานใจแม้แต่น้อยนอกจากการนั่งทำหน้าหงุดส่งแววตาจิกกราดไปทั่ว

                ทว่ายิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งทำให้มีเสียงชื่นชมมากกว่าเดิม

                นี่มันอะไรกันเนี่ย…โอย แม่นะแม่ รอจบเรื่องนี้ก่อนเหอะ!

                ใช่ เหตุการณ์มันเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ก่อนที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังบาทาขนาดนี้ วันที่เราได้รู้ว่าพ่อของเราเป็นใคร

                1 สัปดาห์ก่อน…

                “กลับมาแล้ว” เด็กสาวเอ่ยเสียงดังขณะที่เธอกำลังถอดรองเท้ากองไว้ข้างชั้นวาง วันนี้เธอดูจะตื่นเต้นกว่าปกติเพราะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นที่โรงเรียน

                เคียวกะไม่รีรอที่จะเดินหายูกะผู้เป็นแม่ซึ่งมักจะนั่งถักผ้าพันคอรอเธออยู่ในห้องนั่งเล่นหลังกลับจากทำงาน

                “แม่--วันนี้เพื่อนในห้องนะ…” เสียงเธอนำร่องก่อนที่จะโผล่เข้าไปในห้อง ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของผู้เป็นแม่ทำให้เธอสงสัย “เกิดอะไรขึ้นคะ” เคียวกะทรุดตัวลงข้างๆใจคอไม่ดี

                “เคียวกะ แม่…” เธอสะอื้นจับแขนลูกสาวแน่น

                “เกิดอะไรขึ้นแม่เล่าให้หนูฟังที แม่เป็นอะไร?”

                “คือ…”

                หลังจากที่แม่ของเธอเริ่มเล่า หน้าเธอก็เริ่มซีดขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะไร้รอยเลือดฟาด ริมฝีปากแห้งผากจนค้างแข็งพิกล

                “ก็อย่างที่ว่ามานี่แหละ มันทำให้แม่หนักใจเหลือเกิน” หญิงวัยกลางคนหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตา

                “ยะ--อย่ามาล้อเล่นน่ะ เรื่องราวน้ำเน่าพรรค์นี้มันจะไปมีอยู่จริงได้ยังไง” เคียวกะเริ่มขึ้นเสียงแล้วลุกขึ้นยืน “หนูจะออกไปข้างนอกไม่ต้องโทรตามนะ!” สิ้นคำเธอก็หมุนตัวเตรียมเดินจากไป

                “ใช่สิ! แม่มันโชคร้ายเองที่ไปแต่งงานกับคนแบบนั้นทำให้ลูกลำบาก แถมตอนนี้ยังหาเรื่องมาให้ลูกลำบากใจอีก แม่เป็นแม่ที่แย่จริงๆ กระซิกๆ” ยูกะสะอื้นเสียงดัง

                เอาเข้าไปสิ! มุขตัดพ้อตัวเองอีกแล้วทำเอาซะเรากลายเป็นลูกอกตัญญูไปซะอย่างนั้น

                “แล้วมันมีที่ไหนบ้าง” เธอโพล่งขึ้นแล้วหันมามอง “ไอ้ตัวเลือกบ้าบอแบบนั้น มันมีอยู่ในโลกนี้ด้วยเหรอ!”

                ร่างสูงกว่าตวาดแว้ดอย่างหัวเสีย ใครมันจะไปคิดว่าเรื่องพิลึกพิลั่นแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเธอซึ่งใช้ชีวิตสาวน้อยธรรมดามาตลอด 17 ปี

                พ่อของเธอเป็นมาเฟีย! ปู่ของเธอก็เป็นมาเฟีย! หลังพ่อเธอเสียปู่ก็ต้องดูแลแก๊งค์แทนเพราะหลานชายคนเล็ก(เด็กที่เกิดจากภรรยาหลวงของพ่อเธอ)พึ่งจะอายุได้ 13 ปีเพียงเท่านั้น ยังเด็กเกินกว่าที่จะมารับผิดชอบอะไรเทือกนี้ แล้วตอนนี้ปู่ของเธอร่างกายไม่แข็งแรงป่วยเป็นมะเร็งจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ความหวังเพียงหนึ่งเดียวจึงมาตกอยู่กับเธอ ซึ่งเป็นหลานอีกคนที่เหลืออยู่ เมื่อผู้เป็นปู่ส่งคนมาตามตัวแม่ไปพบและขอร้องให้พาเธอไปที่แก๊งค์

                “หนูเป็นผู้หญิงจะเป็นมาเฟียได้ยังไง” เธอยังคงเถียงต่อไปพยายามสังเกตอากัปกิริยาของอีกฝ่าย

                “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ปู่ท่านเค้ามีให้ 2 ทางเลือก” ผู้เป็นมารดาเหมือนจะมีความหวังแต่ยังคงสะอื้นอยู่

                “นี่มีตัวเลือกให้หนูด้วยเหรอเนี่ย ดีใจตายเลย” เธอเค้นเสียงหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม เริ่มคิดว่าโลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกทีแล้วสิ “ลองว่ามาเดี๋ยวหนูพิจารณาเอง”

                หญิงวัยกลางคนทำท่าปาดน้ำตาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

                “หนูต้องแต่งงาน”

                “โอเค รู้เรื่อง” เธอตอบส่งๆ “ห๊ะ อะไรนะ!” เธอคำรามลั่น

                “คือเราต้องหาคนที่ไว้ใจได้มาช่วยดูแลแก๊งค์และกิจการของตระกูล ต้องหาข้อผูกมัดไว้เพื่อไม่ให้เค้าบิดพลิ้วหรือคิดไม่ซื่อ” ยูกะรีบอธิบาย เพราะเห็นเค้าลางๆว่าอาจจะมีระเบิดลง

                “แล้วอีกข้อล่ะ” เธอกัดฟันพูด ยืนกอดอกรอฟังตัวเลือกที่สอง

                “หนูต้องปลอมเป็นชาย” ผู้เป็นแม่ตอบสั้นๆ

                “จะบ้าเร๊อะ!!” เสียงตะโกนของเธอดังจนแทบจะได้ยินไปทั่วซอย

                “ในแก๊งค์ไม่มีคนรู้ว่าเคียวกะเป็นผู้หญิงนอกจากแม่และคุณปู่ แม่ว่าทางนี้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หนูก็ไม่ต้องแต่งงานและยังใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนได้ตลอดรอดฝั่ง”

                เคียวกะหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาและเทของทั้งหมดลงพื้น ตลับเครื่องสำอางหล่นแตกกระจาย

                “นี่ลูกพกของพวกนี้ด้วยเหรอ” คนที่นั่งอยู่มองด้วยความประหลาดใจ

                “เพื่อนในห้องให้มา และพึ่งสอนหนูแต่งหน้าวันนี้” เธอพูดอย่างขมขื่น “ไม่ว่าหัวข้อไหนหนูก็ไม่เลือกทั้งนั้น หนูไม่รู้ว่าหนูมีพ่อ และก็ไม่รู้จักญาติฝั่งพ่อมาตั้งนานแล้ว”

                “ถ้าไม่มีพ่อเคียวกะจะเกิดมาได้ยังไงล่ะ!” แม่ของเธอเริ่มเถียงเสียงแข็งขึ้น

                “ก็แม่บอกเองนี่ว่าจำไม่ได้ว่าพ่อเป็นใครเพราะตอนนั้นมันมืดมากและแม่ก็เมามาก งั้นหนูจะต้องไปสนใจทำไมหนูมีแม่คนเดียวก็พอ”

                 คำพูดจาที่เหมือนจะซึ้งกินใจแต่ไม่ใช่ในสถานการณ์นี้เลย ยูกะลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับลูกสาวหน้าเคร่ง แต่แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง

                 “มะ--แม่แค่อยาก--จะช่วยคุณปู่ ทะ--ท่านมีพระ--คุณกับแม่มะ มากเหลือเกิน ทุกวันนี้ที่--เรามีใช้ก็เงินของท่าน--ทั้งนั้น แล้วจะให้แม่--อกตัญญูไม่ช่วยเหลือท่านแม่ทำไม่ได้ พ่อที่อยู่บนสวรรค์เองกะ--ก็ต้องเสียใจช้ำใจที่เคียวกะใจดำขนาดนี้ อย่างน้อยๆ--ก็อยากให้เคียวกะทำอะไรในฐานหลานบ้างก่อนที่คุณปู่เค้าจะ…”

                 เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามที่จะไม่โมโห เป็นครั้งแรกที่มุขพ่อบนสวรรค์และปู่อาจเด๊ดสะมอเร่ถูกหยิบยกมาใช้

                 “พอๆ ขอหนูตัดสินใจก่อนว่าจะเลือกข้อไหน ขอเวลาคิดสัก 1 เดือนละกัน”

                  “2 วัน” ยูกะบอก “คุณปู่ต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วนเพราะตอนนี้ไม่มีใครเป็นหัวหลักดูแลแก๊งค์”

                  “เรื่องแบบนี้ใช้เวลา 2 วันในการตัดสินใจ!? จะบ้าตาย! นี่มันเกี่ยวพันกับชีวิตหนูทั้งชีวิตเลยนะแม่!” เธอขยี้หัวอย่างอารมณ์เสีย แทบอยากจะหายไปจากตรงนี้เสียจริงๆ

                  “เคียวกะ…”

                   “ 3 วัน! หนูขอเวลา 3 วัน ถ้าน้อยกว่านี้หนูจะไม่ตอบตกลง!”

                   …เรื่องมันก็เป็นแบบนั้นแหละ แล้วดูเหมือนทั้งปู่(ที่ยังไม่เคยเห็นหน้าซะที)กับแม่จะรู้ดีว่าเราเลือกข้อไหนถึงได้เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว

                     เคียวกะแอบลอบถอนหายใจ ผมยาวสลวยที่เธอเฝ้าดูแลมาถูกหั่นซะสั้น หน้าอกที่ได้รูปก็ต้องถูกสเตย์รัดพันไว้ ด้วยความที่เธอตัวสูงและใบหน้าไม่ส่อเค้าเพศใดเพศหนึ่งทำให้ง่ายต่อการปลอมแปลงตัว เธอต้องย้ายมาอยู่โตเกียวและเปลี่ยนชื่อนามสกุลเพื่อเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งใหม่ที่ซึ่งปู่ของเธอเป็นหุ้นส่วนอยู่

                  ไอซาวะ เคียวยะ คือ นามใหม่ที่เธอได้รับมาหมาดๆในฐานะบุตรชายคนโตแห่งตระกูลไอซาวะ เจ้าของธุรกิจจิวเวรี่และการขนส่งขนาดใหญ่ เพียงแค่วันแรกที่ปรากฏตัวยังบ้านหลักเธอก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี

                เคียวกะต้องทำตัวให้สมชายและมีความเป็นผู้นำ เพราะถ้าเกิดมีใครล่วงรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงล่ะก็ ความน่าเชื่อถือจะดิ่งลงเหวทันที โชคยังดีที่ใบหน้าเธอละม้ายคล้ายกับผู้เป็นพ่อจึงไม่มีใครคิดสงสัยอะไร

                “ท่านเคียวยะครับ นายท่านใหญ่ต้องการที่จะคุยด้วย”ลูกน้องของแก๊งค์คนหนึ่งเดินมาบอก

                “อ้าว ปู่ไม่ได้อยู่โรงพยาบาลเหรอ?” เธอเผลอถามออกมาอย่างหลุดมาด ก่อนจะรีบปรับให้เป็นนิ่งขรึม “พาฉันไปพบคุณปู่ที”

                แล้วเธอก็ออกเดินตามคนนำทางไปอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะหลีกหนีสถานการณ์แบบนี้เป็นที่สุด

                บ้านหลักตระกูลไอซาวะนั้นเป็นทรงญี่ปุ่นแบบเก่าและกว้างขวางไม่น้อย มีสวนดอกไม้และบ่อปลาคาร์ฟเหมือนกับของพวกตระกูลเก่าแก่แบบในหนัง มันดูจะปกติธรรมดากว่าที่คิดถ้าไม่นับว่ามีคนแปลกๆใส่ชุดสูทสีดำเดินสวนไปมาเป็นว่าเล่น

                “ถึงแล้วครับ” คนนำทางเอยแล้วผายมือไปที่ประตูเลื่อนบานใหญ่

                ครืด

                ประตูถูกเลื่อนออกเผยให้เห็นสองร่างที่อยู่ข้างใน ร่างหนึ่งคือผู้เป็นแม่ที่กำลังจิบชาและคุยกันอย่างออกรส ส่วนอีกร่างที่อยู่บนผ้านวมหนานุ่มนั้น…

                “อ้าวเคียว เข้ามาซิลูก” ยูกะเชิญชวน ประตูข้างหลังถูกปิดลงทำให้เธอไม่สามารถหันกลับออกไปได้

                เด็กสาวทิ้งตัวลงและคุกเข่าเดินเข้ามานั่งข้างๆแม่ของตนเอง แต่ดวงตาสีดำยังคงจ้องมองชายชราที่นั่งอยู่บนที่นอน

                “คุณ…ปู่” เธอโพล่งเรียกออกไป แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวสร้างความตกใจให้กับคนที่มองอยู่

                มือเหี่ยวย่นและหยาบก้านค่อยๆเอื้อมมาลูบหัวด้วยความเอ็นดู เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมา

                “ปู่ขอโทษนะที่ทำให้หลานเดือดร้อน”

                น้ำเสียงของคุณปู่ สีหน้าอันอ่อนโยน นี่คือคุณปู่ตัวเป็นๆ ปู่ของเรา!

                เคียวกะพยายามกลั้นสะอื้นแต่มันก็อยากยิ่ง เธอใช้หลังมือปาดน้ำตาพยายามที่จะให้มันหมดไป

                “หนูดีใจนะคะที่ได้เจอคุณปู่” ดวงหน้ามนช้อนมองเพื่อสื่อความรู้สึกของตน ทว่ายูกะแอบลอบบ่นพึมพำเพราะสัปดาห์ก่อนเด็กสาวยังร้องโวยวายค้านหัวชนฝา

                “ปู่จะรีบรักษาตัวให้หายให้เร็วที่สุด เคียวกะจะได้ไม่ต้องลำบาก” ริวอิจิโร่วางมืดบนบ่าเธอราวกับให้คำมั่น

                “ไม่เป็นไรค่ะ อะไรที่หนูกับแม่ช่วยได้พวกเราก็จะช่วย และพวกเราจะช่วยดูแลคุณปู่ด้วย” เคียวกะส่งยิ้มกว้าง ทว่า…

                “เดี๋ยวนะลูก ที่ว่าพวกเรานี่หนูหมายความว่ายังไง?” ยูกะขัดคอ จ้องมองลูกสาวที่สูงกว่าตนเอง

                “ก็หนูกับแม่” เธอตอบอย่างงงๆ ทำไมอีกฝ่ายถึงเข้าใจอะไรยากจัง

                “เอ่อ เคียวกะ แม่ไม่ได้อยู่ที่ด้วยกันกับหนูหรอกนะ” ผู้เป็นแม่บอกอย่างประหม่า

                เด็กสาวพูดไมออกหันไปมองสบตาปู่เพื่อขอความช่วยเหลือ

                “ยูกะมีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปอยู่บ้านเดิม ส่วนหลานต้องอยู่ที่นี่ภายใต้การดูแลของคุณชิโยะ”

                ได้ยินแบบนั้นเด็กสาวก็นั่งนิ่งค้างแข็งไปเหมือนรูปสลัก เพราะชิโยะที่ปู่ของเธอหมายถึงนั้นคือภรรยาหลวงของพ่อซึ่งเป็นคนเข้มงวดเอามากๆ

                “ไม่ต้องห่วงน่ะ ตอนนี้ลูกเป็นชาย คุณชิโยะไม่มาวุ่นวายอะไรมากหรอก” ยูกะกระซิบและจับมือลูกสาวขึ้นมาบีบแน่นให้ความมั่นใจ “แม่คิดว่านะ”

                “เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในตอนที่ปู่ไม่อยู่บ้าน ถ้าเป็นเรื่องของที่บริษัทหรือแก๊งค์ให้หลานปรึกษากับคุริวนะ แต่ตอนนี้หมอนั่นเดินทางไปต่างประเทศกว่าจะกลับก็อาทิตย์หน้า” ริวอิจิโร่ชี้แจง ทว่ามันแทบจะไม่เข้าหัวเธอแล้ว เริ่มจะทั้งโกรธและเคืองแม่กับปู่นิดๆ

                “ตอนนี้เราปล่อยให้คุณปู่พักผ่อนต่อดีกว่า แล้วค่อยเข้ามาหาท่านใหม่” ยูกะรีบตัดบทแล้วพยุงเคียวกะให้ลุกขึ้นตามเธอไปอย่างว่าง่าย

                เมื่อทั้งสองเดินห่างออกมาไกลพอดู เคียวกะที่เริ่มได้สติเตรียมจะแหวชุดใหญ่ แต่ร่างเล็กกว่ากลับปิดปากเธอไว้ก่อน

                “แม่มีความจำเป็นจริงๆที่ต้องกลับไปอยู่บ้าน เห็นใจแม่เถอะนะเคียวกะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ทว่าคราวนี้คนอ่อนวัยกว่ารู้สึกได้ว่าเป็นความจริง เธอดึงมือของแม่ออกเบาๆแล้วพูดขึ้น

                “หนูจะยอมอยู่ที่นี่ แต่ไม่นานหรอกนะ ถ้าหนูทนไม่ไหวหนูก็จะหนีกลับบ้าน ถ้าหนูไม่พอใจหนูก็จะหนีกลับบ้าน ถ้าหนูคิดถึงบ้านหนูก็จะหนีกลับบ้าน โอเคนะ” เธอว่าหน้าตายทว่าทำให้คนฟังอมยิ้ม

                “ยังไงก็จะกลับบ้านสินะ” ยูกะถอนหายใจยาว

                “หรือหนูกลับไม่ได้ล่ะ?”

                “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ก็หนูเป็นลูกของแม่นี่นา

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา