Immortal LoVe, oR sEx... "ได้ผมแล้ว...เฮียต้องรัก
เขียนโดย nooonaa
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.44 น.
แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2557 23.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) ไทยแลนด์ XX : หมดหนทาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBy nooonaa
ไทยแลนด์ XX : หมดหนทาง
"พี่ชิน!"
ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อผมเห็นคนที่โทรเข้ามาหา ผมเลยรีบกดรับสายทันทีเพื่อคนโทรจะได้ไม่ต้องรอผมนาน
"พี่ชินครับ"
(นี่ดีใจขนาดนั้นเลยหรอครับที่ได้ยินเสียงผม) ทำไมแทนตัวเองได้ห่างเหินขนาดนั้นละ มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ
"พี่ชินหายไปไหนมาครับ ผมตกใจแทบแย่"
(ผมต้องจัดการอะไรหลายๆอย่างนี่ครับ) จัดการหลายๆอย่างนั้นมีเรื่องของผมอยู่ด้วยรึป่าว รึว่าพี่ลืมเรื่องของผมไปแล้ว
"แล้วที่โทรมานี่มีอะไรรึป่าวครับ" ผมรีบเข้าเรื่องอย่างน้อยใจ มันเหมือนความหวังผมเริ่มลิบหรี่ยังไงบอกไม่ถูก
(ผมอยากให้คุณช่วยเซ็นเอกสารให้หน่อยครับ)
"งั้นหรอครับ งานที่บริษัทหรอ ถ้างั้นผมไปรอที่ร้านกาแฟนะครับ" พี่ชินตอบรับเล็กน้อยก็วางสายจากผมไป นี่ขนาดผมทุกข์ใจขนาดนี้ยังจะเอางานมาให้ผมอีก คงจะเป็นคำสั่งของแม่อีกนั่นแหละที่ให้ผมเริ่มทำงานในบริษัท นี่ผมก็เริ่มเข้าไปทำงานได้สองทิตย์แล้วละครับตั้งแต่กลับมา ถ้าไม่ทำก็ต้องคอยไปเที่ยวกับน้องต้นหลิว ผมเลยเลือกทำงานที่จะได้ไม่มีเวลาว่างมากจะดีกว่า มันปลอดภัยกว่าเดิมเยอะเลยครับ
แต่พอพี่ชินวางสายไป โทรศัพท์ผมนี่มีสายเข้าไม่เว้นแต่วินาทีเดียว สลับกันไประหว่างแม่กับน้องต้นหลิว ผมเลยตัดสินใจปิดเครื่องไปเลยจะได้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวค่อยไปโดนเทศทีหลัง อันนี้ก็คุ้มกว่าเยอะครับ เห้อ...ชีวิตผมนี่วุนวายจริงเว้ย!!!
น่าเบื่อ!
ผมขับรถมาจอดด้านหลังของร้านคอฟฟี่ช๊อปก่อนจะเดินเข้าไปในร้านนั้น ผมเห็นพี่ชินมาถึงก่อนแล้วเลยรีบตรงเข้าไปหา พี่ชินยิ้มให้ผมเล็กน้อยเมื่อผมนั่งลงก่อนจะยื่นเอกสารมาให้ผมเซ็นต์ นี่กะจะไม่ให้ผมพักหายใจเลยรึไงกัน แค่สั่งกาแฟสักแก้วก็ยังดีนะพี่ชิน ผมหายใจดังเฮือกก่อนจะหยิบปากกาที่ถูกยื่นมาให้ ผมเซ็นต์เอกสารไปโดยไม่ได้อ่านมันสักนิด ไม่ใช่ว่าผมทำงานฉุ้ยหรอกนะครับ แต่มันก็ต้องถูกพ่อพิจารณาอีกรอบอยู่ดี แค่เอามาให้ผมเซ็นต์เป็นพิธีให้เหมือนผมได้ทำงาน บอกแล้วไงว่าผมน่ะ...หุ่นเชิดดีๆนี่เอง
"ไม่อ่านดูสักหน่อยหรอครับ" พี่ชินถามผม ผมเลยเบะปากแบบเบื่อๆให้เต็มสตรีม พี่เขาก็ยิ้มให้ผมอย่างขำๆก่อนจะเปิดหน้าให้ผมเซ็นต่อ เอกสารบ้าอะไรมีแต่ภาษาอังกฤษ นี่พ่อจะลงทุนที่ใหม่งั้นหรอ แต่ช่างมันเถอะมันมำให้รกสมองผมชะมัด สมองอันนี้ไว้คิดเรื่องเฮียคนเดียวพอ
"ขี้เกียจ"
"ฮ่าๆ เป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ"
"เรื่องของผมหน่า แล้วเลิกพูดผมกับคุณสักที ขัดหูชะมัด" ผมทำเป็นบ่นเมื่อพี่ชินเริ่มกวนประสาทผม แต่เจ้าตัวก็แค่ยิ้มให้ผมแบบเดิม
"ก็มันอยู่ในเวลางานนี่ครับ" โอ้ว...รักงานว่างั้น!!
"ครับ คุณกสิดิษ...ผมจะจำไว้นะครับ" ผมเลยล้อเลียนพี่มันไป ผมเลยรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ผมเป็นตัวของตัวเองที่สุด แต่ถ้าจะให้ดีมันต้องมีเฮียอยู่ด้วยผมคงจะมีคงามสุขกว่านี้ ว่าแต่พี่ชินไม่ได้ข่าวเฮียเลยหรอ
"พี่ชิน...แล้วเรื่องที่ผม....." ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงกับพี่มันดี มันเป็นเรื่องของผมแต่ผมกลับรอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่น น่าสมเพชที่สุดจริงๆ
"เรื่องของคุณนาชากับคุณน้ำเงินน่ะหรอครับ ผมว่าก็ดำเนินไปด้วยดีนะครับ" ดำเนินไปด้วยดี คืออะไรวะ
"นี่พี่หมายความว่าไงกัน ผมไม่เห็นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วนี่ผมจะแต่งงานอีกสองอาทิตย์แล้วนะ" ผมเริ่มมีอารมณ์ใส่พี่ชินอย่างลืมตัว สรุปแล้วมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยหรอ
"จะไม่มีได้ไงละครับ คุณท่านทั้งสองก็ดูปกติไม่อารมณ์เสียเรื่องของคุณเลย ก็ถือว่าดีแล้ว" อะไรกันเนี่ย มาล้อเล่นอะไรกับผมตอนนี้ มันจะหมดเวลาแล้วนะ อีกแค่สองอาทิตย์...ผมก็จะไร้อิสระอีกต่อไป
นี่ตกลงไม่มีใครช่วยผมเลยหรอ...ผมเหลือตัวคนเดียวงั้นหรอ
นี่เฮียไม่สนใจผมจริงๆใช่มั้ยถึงไม่ทำอะไรเลย กลับเงียบหายไปอีก ตกลงว่าผมต้องแต่งงานจริงๆงั้นสิ
แต่งงาน...กับต้นหลิว
แค่คิดน้ำตาก็จะไหล
หมดแล้วชีวิตผม...มันหมดแล้ว
ผมไม่พูดอะไรต่ออีกก่อนจะลุกออกจากโต๊ะช้าๆ แล้วเดินกลับไปที่รถ แต่ผมกลับไม่มีแรงที่จะขับรถกลับบ้านเลย นี่ผมคงต้องพักสักหน่อยแล้วละ มันเหนื่อยและเจ็บปวดเกินไป
ก๊อกๆ
"นาชาเสร็จรึยังลูก นี่จะได้ฤกษ์จดทะเบียนสมรสแล้วนะ เราต้องรีบไป" ต้องไปแล้วงั้นหรอ..เห้อ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเปิดประตูออกไปพบแม่ของผม ผมเห็นวานามองผมด้วยสายตาที่สงสารผมเต็มทน ผมก็ทำได้แค่ยิ้มให้น้องเท่านั้น ผมจะแสดงอาการอ่อนแอออกมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผมจะทำให้น้องเป็นกังวลกับผมอีก ให้ผมเครียดกับเรื่องนี้คนเดียวเถอะครับ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องของผมคนเดียว
หลังจากวันนั้นที่ผมต่อต้านน้องต้นหลิว แม่ก็บ่นผมใหญ่ถึงขนาดจองโต๊ะหรูๆให้ผมไปง้อน้อง แล้วอย่างผมนะหรอ ที่มีแต่คนคอยมาง้อ เลยซัดอาหารไม่ลืมหูลืมตาเลย กินอย่างเดียว...ของฟรีเว้ย น้องมันก็วีดผมสะร้านแทบแตก ผมก็ยิ้มแล้วนั่งฟังไป ถ้าต่อต้านอีกคราวนี้ผมคงต้องไปนอนหน้าบ้านน้องแน่ แต่พอผมไม่ทำอะไรเลย คุณแม่ผิงอินก็รีบหาฤกษ์วันจดทะเบียนสมรสให้ทันทีเพราะท่านบอกว่าผมนิ่งเกินไปมันแปลกๆต้องรีบ ผมนี่ช็อคเลยครับ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว นี่ผมว่าพวกเค้าต้องทำงานเป็นทีมได้น่าเหลือเชื่อมาก อยากได้ลูกเขยจนตัวสั่นเลยว่างั้น
อยากได้ก็จะจัดให้ ยังไงก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วนิ
ผมจะยอมแต่งงาน...เผื่อบางทีผมอาจจะลืมเฮียเงินได้บ้างก็ยังดี
ลืมไปให้หมด...กับคนที่ทิ้งผมได้ลงคอ
รถเรามาจอดที่ว่าการอำเภอเวลาเก้าโมงเช้าแป๊ะโดยมีครอบครับฝั่งนู้นมากันครบยกเว้นอาหวังเหมือนเดิม พอผมลงจากรถปุ๊บน้องต้นหลิวก็มากอดแขนผมปั๊บ วานานี่ค้อนตาเขียวเลยครับ น้องมันก็ไม่ชอบต้นหลิวสักเท่าไหร่ เคยทะเลาะกันมาก่อนด้วยเพราะมันอยากให้ผมได้กับน้ำมนต์ ผมเองก็พยายามแกะมือน้องต้นหลิวออกเมื่อผมเห็นคุณลุงมองผมแบบไม่ค่อยชอบใจ แต่คุณแม่ผิงอินกลับหัวเราะชอบอกชอบใจสะงั้น
"คุณหญิงคะ ดิฉันว่าเข้าไปข้างในกันดีกว่าคะ อีกหน้านาทีก็จะถึงเวลาแล้ว" แม่ผมรีบบอกกับคุณแม่ เธอก็ยิ้มกว้างทันทีก่อนจะต้อนคนให้เข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เราสองคนได้นั่งตรงหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนของเรา ผมมองไปหาวานาที่ส่งสายตาแย่ๆมาให้ผมเช่นกัน ผมหายใจเข้าลึกก่อนจะมองหน้าต้นหลิว
"แน่ใจแล้วหรอครับที่จะแต่งงานกับพี่" ผมถามน้องอีกครั้ง เจ้าหล่อนหน้าหงิกใส่ผมก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างไวเมื่อเห็นแม่ผมมองมาทางเรา
"มั่นใจสิคะ" เห้อ...งั้นก็คงจะเป็นไปตามนั้นงั้นสิ
"แต่เรายังเด็กอยู่เลยนะครับ"
"เด็กที่ไหนคะพี่นาชา!!" เธอจิกตาใส่ผมแล้วพูดใส่ผมเสียงเขียว ผมเลยได้แต่มองน้องมันนิ่งๆ
"จดเลยคะ ได้ฤกษ์แล้ว" เอาเลิกได้มะ ผมดันอยากได้คำนั้นสะแล้ว...แล้วผมก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วด้วย
ผมไม่อยากจดแล้ว
ผมอยากกลับบ้าน
บ้านที่มีแค่ผมกับเฮีบเงิน
เฮียเงิน...ช่วยผมด้วย
"คุณนาชาครับ เซ็นต์ตรงนี้นะครับ" ผมมองตามนิ้วมือที่หยาบกร้านนั้นมาชี้ที่ท้ายกระดาษที่มันเป็นชื่อผม
ผมมองมันอยู่นานแต่ก็ไม่ยอมหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นต์ ผมมองไปทางแม่ผมที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความที่อยากจะขอความเห็นใจสักครั้ง แต่แม่กลับหยิบปากกามายัดใส่มือผม ผมมองปากกาในมือแล้วก็เจ็บปวดใจ
"เซ็นต์สินาชา เลยฤกษ์มาแล้วนะ" ฤกษ์หรอครับแม่ ถ้าจะบังคับกันขนาดนี้ถึงฤกษ์ดีก็ไม่มีความสุขหรอก
"เซ็นต์สักทีสิคะพี่นาชา จะอิดออดไปทำไมกันคะ"
ผมยิ้มเยาะให้กับตัวเองอีกครั้งก่อนจะเริ่มเซ็นต์ชื่อตัวเองลงไป
ลาก่อนครับเฮียเงิน
"ขอโทษนะครับ" อยู่ดีๆก็มีเสียงดังขัดผมอย่างกะทันหันเมื่อผมจะจรดปลายปากกาลง ทุกคนรวมทั้งผมหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างใจตุ่มๆต่อมๆอย่างมีความหวัง
แต่แล้วสิ่งที่ผมเห็นกลับเป็นใครไม่รู้ที่ยืนถือกระเป๋าเอกสารใบโตอยู่ตรงประตู แต่พอเขาคนนั้นเอ่ยปากออกมามันเล่นทำเอาผมแทบหายใจไม่ออก
"ผมชื่อวรวุทธ เป็นทนายความของคุณน้ำเงินครับ"
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
130518
เฮียเงิน!! แกจะเอาทนายมาทำไมวะ 555
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ