ObserveR “คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!”
เขียนโดย nooonaa
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.21 น.
แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2557 23.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
33) "คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!" 22 : ความหลังของขาโหด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความby nooonaa
"คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!" 22 : ความหลังของขาโหด
+ผงฝุ่น+
"เฮียร์...ไอ้เฮียร์ หยุดก่อน"
ผมพยายามวิ่งตามร่างสูงที่เดินนำแก๊งอยู่ข้างหน้า จนเพื่อนคนหนึ่งต้องสะกิดให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าผมกำลังวิ่งตาม มันเลยหยุดฝีเท้าลงก่อนจะเดินย้อนกลับมาหาผม
"มึงวิ่งมาทำไมเนี่ย" มือใหญ่ยกขึ้นมาปาดเหงื่อที่ซึมออกมาเล็กน้อยให้ก่อนจะหันกลับไปบอกเพื่อนตัวเอง
"ไปก่อนเถอะ" สิ้นเสียงนั่น...ทุกคนที่ยืนดูพวกเราอยู่ก็ต่างเดินกลับไปที่ประจำ ส่วนหัวหน้าแก๊งก็หันกลับมาพาผมไปนั่งที่ห้องชมรมฟุตบอล
"หายใจทันไหมนั่น" ดูมันจะดุเล็กน้อยพอพาผมมานั่งพักได้ ผมเลยก้มหน้านิ่งเพราะรู้สึกผิดก่อนจะดึงมืออีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ แต่มันกลับทรุดตัวลงนั่งระหว่างขาผมก่อนจะเกลี่ยเอาผมที่ปกหน้าไปเกี่ยวหูเบาๆให้
"เป็นอะไรไปอีกล่ะ"
อ่า...ก็น่าจะรู้นี่
"กะ กูขอโทษนะ ที่สร้างปัญหาให้" ผมเอ่ยขอโทษออกไปเพราะรู้สึกผิดจริงๆ แต่นิ้วเรียวกลับเชยคางผมให้ขึ้นมามองหน้ากันก่อนจะยื่นหน้าขึ้นมาประทับที่ริมฝีปากผมเบาๆ
"มึงไม่เคยสร้างปัญหาให้กู...แล้วจะมาขอโทษทำไม"
ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ก็ในเมื่อเรื่องมันชัดขนาดนั้น
"แต่..."
"ฝุ่น...ถึงมึงจะให้กูทำอะไรกูก็จะทำ เพราะกูยินดีจริงๆ"
"แต่มึงต้องมาเสียศักดิ์เพราะกูนะ" ถึงมึงจะยินดี แต่ศักดิ์ศรีของมึงก็ต้องสำคัญกว่า การที่จะให้ใครมาเหยียบย่ำมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด
"หึ...ศักดิ์ศรีกูมันกินได้ที่ไหน แต่มึงสิ...ที่กินได้" สิ้นเสียงเจ้าเล่ห์นั่น มันก็ยกยิ้มแปลกๆ ซึ่งมันเล่นเอาผมขนลุกไปทั้งตัว
"มึงก็หื่นตลอด" ผมผลักไหล่กว้างนั้นเล็กน้อยก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีไม่ให้มันเห็นว่าตอนนี้หน้าผมแดงยิ่งกว่าแตงโมซะอีก
แต่แล้วร่างสูงตรงหน้ากลับไม่พูดอะไรต่อ มันกลับกดคอผมให้ก้มลงไปหามันเรื่อยๆจนริมฝีปากของเราสองคนประกบกันอีกครั้ง แล้วไม่นานลิ้นนุ่มก็ค่อยๆเข้ามาเชยชมภายในจนผมต้องจิกไหล่กว้างแน่น ก่อนที่สุดท้ายภายในร่างกายผมจะเอ่อล้นไปด้วยความร้อนโดยที่อีกฝ่ายก็ดูจะร้อนไม่แพ้กัน
"ฝุ่น...กูว่ามันถึงเวลาแล้วที่มึงจะต้องรู้เรื่องของกู" ทันทีที่ริมฝีปากนุ่มถูกถอนออก เสียงกระซิบที่แผ่วเบาก็ค่อยๆเอ่ยบอกผมพร้อมกับที่มือใหญ่เอื้อมมากุมมือผมไว้แน่น
"ระ เรื่องอะไรหรอ" อยู่ๆก็มาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แถมยังดูจริงจังจนผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ
แต่มันไม่ยอมพูดอะไรเลยสักนิด กลับลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือมาให้
"มีอะไรหรอ..."
"มากับกูสิ..." เสียงเย็นและใบหน้านิ่งเรียบเฉยนั่นทำเอาผมต้องยื่นมือไปจับมือใหญ่นั่น ก่อนที่อีกฝ่ายพาผมเดินไปที่หน้าประตูโรงเรียน
"เราจะไปไหนหรอ" ผมรั้งอีกคนไว้เพราะเรากำลังจะก้าวเท้าออกจากประตูโรงเรียน แต่มันกลับไม่ยอมบอก เอาแต่กระชับมือผมให้แน่นขึ้นก่อนจะดึงให้เดินตามตัวเองไปอีกครั้ง
ไม่นานเราสองคนก็อยู่ห่างจากโรงเรียนได้ไกลพอสมควร...แต่แล้วร่างสูงด้านข้างก็หยุดแวะซื้อดอกไม้ พอซื้อเสร็จมันก็โบกรถแท็กซี่ทันที
"ไปวัด...ครับพี่" มันบอกคนขับจนผมเริ่มสงสัย เลยเขย่าแขนล่ำนั้นเบาๆเพื่อให้หันมา แล้วถามในคำถามเดิมอีกครั้ง
"ไปวัดทำไม"
"ไปหาแม่กู" สิ้นเสียงนั้นก็เล่นเอาใจผมหล่นลงไปที่ตาตุ่มทันที ผมเองก็ช็อกไม่น้อยที่อยู่ๆมันก็จะพาผมไปหาแม่ที่วัด ก็เพราะมันคงไม่มีอะไรมากนอกจากคุณแม่ท่านได้...เสียไปแล้ว
"เสียใจด้วยนะ"
"อืม...ขอบใจ"
แล้วเราสองคนก็ไม่พูดอะไรต่อ ตัวผมเองก็ไม่คิดจะถามด้วย เพราะผมรู้ว่าความเจ็บปวดในเรื่องแบบนี้มันคืออะไร และมันทรมานขนาดไหน ถึงปากจะไม่เอ่ยแต่ดวงตาที่ฉายออกมา...มันบ่งบอกได้ดีทีเดียว
หลังจากที่เราฝ่ารถติดมาได้...ไอ้เฮียร์ก็เดินถือดอกไม้ช่อนั้นนำผมไปข้างในตัววัด ผมเองก็เดินตามเงียบๆโดยไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเลยจนในที่สุด...ผมกับมันก็มายืนอยู่ที่หน้าเจดีย์สถูปอันสวย
"แม่ครับ นี่...ผงฝุ่น แม่จำมันได้ไหม"
จำ?
จำอะไรกัน
"สวัสดีครับ" ผมเอ่ยทักทายท่านทั้งๆที่ใจก็ยังสงสัยในสิ่งที่อีกคนพูด ก็มันพูดเหมือนกับว่าผมนั้นเคยเจอท่านมาก่อน
แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลยนะ
"วันนี้ผมพามันมาหาแม่ด้วยนะ" แล้วร่างสูงก็ค่อยๆวางช่อดอกไม้นั้นลงหน้าเจดีย์ก่อนที่วงแขนใหญ่จะเกี่ยวเอวผมให้เข้าไปใกล้
ผมเองก็นิ่งไม่พูดอะไร แต่ตาก็ยังมองที่รูปของท่านไม่วางตา ท่านสวยมากจนผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมมันถึงได้หล่อขนาดนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยก็คือ...ทำไมผมถึงคุ้นใบหน้าสวยนั้นจัง
ผมเคยเจอท่านมาแล้วงั้นหรอ
"กูเคยเจอแม่มึงมาก่อนหรอ" และแล้วผมก็เก็บความสงสัยไว้ต่อไม่ได้ มันเลยพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องบางอย่างที่ทำให้ผมอึ้งจนพูดไม่ออก
"เมื่อตอนเด็กๆ แม่จะชอบพากูไปที่บ้านไม้ ทำให้พวกเราได้เจอมึงที่นั่น...ที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน"
จริงหรอ!
"แล้วทำไมกูถึงจำอะไรไม่ได้ล่ะ"
"ไม่รู้สิ รู้แต่ว่า...วันสุดท้ายที่กูเจอมึง ก็คือวันสุดท้ายที่กูเจอแม่กูกับแม่มึง"
!!!
อะไรนะ!
แค่นั้นผมก็มองไปยังป้ายตรงหน้าแทบจะทันที ก่อนจะพบว่าวันที่ท่านตายนั้นมันตรงกับวันที่แม่ผมตาย
เหี้ย! นี่มันอะไรกัน!
ตอนนี้สมองผมตื้อไปหมดแล้วครับ...ตื้อแล้วก็พูดอะไรไม่ออกด้วย ผมเลยค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อก่อนที่ร่างสูงเองก็ทรุดตัวลงนั่งตาม
"กูเข้าใจว่าทำไมพี่มึงถึงไม่อยากให้กูยุ่งกับมึง กูเข้าใจว่าทำไมพี่มึงถึงเกลียดกูนัก" อยู่ๆมันก็เพิ่มอีกเรื่องให้ผม ผมเลยหันไปมองมันก่อนจะพบสายตาคมนั้นกำลังแสดงความรู้สึกผิดออกมาได้อย่างชัดเจน
"เฮียร์...มึงมองกูแบบนั้นทำไม" มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมันอยากจะขอโทษอะไรบางอย่างกับผม แต่ก็พูดไม่ออก
"ฝุ่น...มึงสัญญาได้ไหมว่ามึงจะไม่เกลียดกู มึงจะไม่เกลียดกูอย่างกับเฮียถ่าน"
อึก!!!
"มึงพูดอะไรน่ะ! ทำไมกูจะต้องเกลียดมึงด้วย!" ใจผมนั้นสั่นไม่เป็นจังหวะก่อนขที่ค้ำน้ำหนักตัวผมไว้นั้นทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันที ไอ้เฮียร์เองก็ตกใจที่ผมล้มลงไปแบบนั้น ร่างสูงเลยช้อนตัวผมขึ้นอกก่อนจะอุ้มพาผมไปนั่งดีๆตรงแม่น้ำข้างวัด
"มึงไหวไหม" เสียงเย็นถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะเอื้อมมือมาบีบที่ขาผมเบาๆ ผมเลยจับมือใหญ่นั้นมาประสานไว้แน่นก่อนจะจับคางแหลมให้หันมาหน้ากันตรงๆ
"บอกกูมาเดี๋ยวนี้! ทำไมมึงถึงกลัวว่ากูจะเกลียดมึง" นี่สินะคือสิ่งที่ผมพยายามค้นหาว่าอะไรคือกำแพงที่กั้นไว้ไม่ให้ผมเข้าไป แต่วันนี้มันกำลังจะพังลงเพราะอีกคนไม่อยากจะปิดบังผมอีกต่อไปแล้ว
"........"
"เฮียร์...พูดมันออกมาสิ"
มันไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่มึงจะเงียบ
และแล้วร่างสูงก็ค่อยๆหายใจเข้าลึกๆเหมือรพพยายามเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนที่มันจะกลับมาจ้องตาผมตรงๆ
"วันนั้นวันที่แม่มึงตาย...เราไปเล่นที่สวนสาธารณะด้วยกันตามปกติ แต่พอเฮียถ่านมาเห็นก็เข้ามาอุ้มมึงไปจากกู ท่าทางเฮียจะอารมณ์เสียมาก แต่พอกูจะวิ่งตามมึงไป...ก็มีรถขับผ่านมาพอดี แม่มึงก็เลยเข้ามาช่วยไม่ให้กูถูกรถชน แต่ว่าแม่มึง....ฝุ่น กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้แม่มึงตายนะ"
อึก!
พูดไม่ออก...ผมพูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ
ถึงได้ว่าทำไมพี่ถ่านถึงดูเกลียดไอ้เฮียร์นัก แถมไม่ฟังอะไรเลยด้วยซ้ำ ซ้ำยังหาเรื่องอีกคนโดยไร้เหตุผล แต่สิ่งที่ผมฟังวันนี้...มันก็ไม่ใช่ความผิดของมันสักหน่อย แถมพ่อก็บอกกับผมทุกครั้งที่พูดถึงแม่...ว่าแม่ตายเพราะช่วยชีวิตคนอื่นไว้ ดังนั้นผมเชื่อว่าท่านเองก็คงไม่ต้องการให้พวกเราอาฆาตแค้นใครแน่
ดังนั้น...ผมก็ควรจะให้อภัยมัน
"ไม่เป็นไร...มันไม่ใช่ความผิดของมึงสักหน่อย" ผมประกบใบหน้าหล่อนั้นไว้มั่นก่อนจะส่งยิ้มให้เพื่อบอกว่าเรื่องทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความผิดของมันหรือของใคร ร่างสูงเองก็คงตกใจที่ผมไม่เกลียดอย่างที่เคยคิด เลยคว้าตัวผมเข้าไปกอดแน่น
"ขอบใจ...ขอบใจมากนะ"
"มึง..." เสียงมันสั่นเหมือนดีใจมาก เล่นเอาต้องลูบแผ่นหลังกว้างนั้นเบาๆ ผมเองก็ดีใจที่มันยอมรับและเล่าให้ผมฟัง พวกเราจะได้ไม่มีเรื่องค้างคาใจกันอีก
"แล้ว...แล้วเรื่องของแม่มึงล่ะ ที่บอกว่าท่านตายวันเดียวกับแม่กูน่ะ" พอรู้สึกว่าอีกคนเริ่มนิ่งผมก็เอ่ยปากถามอีกเรื่องทันที มันเลยดันผมออกช้าๆก่อนจะถอนหายใจออกมายาวจนผมเริ่มรู้สึกเครียดตาม
"ตอนแรกกูก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมแม่ถึงชอบพากูมาที่บ้านไม้นัก ตอนนั้นกูรู้อย่างเดียวว่ากูชอบมาเพราะจะได้มาเจอมึง แต่ทุกวันที่กูกลับบ้านไป...กูจะเห็นแม่แอบนั่งร้องไห้คนเดียวทุกวัน จนวันนั้น...พอกูกลับบ้าน แม่ก็..." แล้วเสียงเย็นนั้นก็เงียบไปสักพัก ผมเลยกระชับมือใหญ่นั้นแน่นเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร ตาคมเลยปรายมามองผมเล็กน้อยก่อนจะเล่าต่อ
"แม่...ผูกคอตายที่บ้านนั้น"
!!!!
สัด!
ผมตกใจจริงๆที่ได้ยินแบบนั้น ทำไมมันต้องมาเจอเรื่องบ้าๆในวันเดียวกันด้วย!
"ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเล่าหรอก" พอแล้วล่ะ...ไม่ต้องอดทนเล่าเพื่อกูแล้ว กูไม่ต้องการที่จะรู้อะไรอีกแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอก" แล้วมันก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับก้มหน้านิ่ง ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมเห็นว่าตามันสั่นจนเกือบจะร้องออกมาอยู่แล้ว
คงจะทรมานมากเลยสินะ
แล้วมันจะไม่เป็นอะไรได้ยังไงกัน
"มึง..." ให้ตายสิ! ผมไม่ชอบแบบนี้เลย
"พอหลังจากจัดงานศพแม่เสร็จ พ่อก็เริ่มเปลี่ยนไป...พ่อไม่ค่อยกลับบ้าน แต่พอกลับมาครั้งแรกในรอบหลายอาทิตย์...ท่านก็พาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาด้วย แล้วที่สำคัญกว่านั้น...ผู้หญิงคนนั้นมีลูกติดอีกหนึ่งคน"
สรุปแล้วที่แม่ของมันนั่งร้องไห้เพราะพ่อมีผู้หญิงคนอื่นงั้นหรอ
มึงคงจะ...เจ็บปวดมากเลยสินะ
"มึงถึงย้ายมาอยู่ที่บ้านไม่ใช่ไหม" คงจะเข้ากับสองแม่ลูกนั้นไม่ได้...ผมก็พอจะเข้าใจ
ให้ตายเถอะ...ชีวิตยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าอีก
"ที่จริงแล้วกูก็เข้ากับแม่เลี้ยงได้ดี ท่านเองก็รักกูเหมือนลูกคนหนึ่ง...แต่คงจะรักกูมากไปเลยทำให้ลูกชายแท้ๆของเขาไม่พอใจ"
"เขาอายุเท่ามึงหรอ"
"หึ...เรียนอยู่ที่เดียวกันเลยล่ะ"
!!!
"อย่าบอกนะว่า!"
เด็กคนนั้นคือ...ท่านประธาน!
บ้าไปแล้ว! นี่มันยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีกนะ!
"มันพยายามแย่งของๆกูทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นคนสำคัญ มันทำได้แม้กระทั่งทำให้พ่อผิดหวังในตัวกู แต่กูก็ไม่สนใจหรอก เพราะกูเองก็ไม่อยากยุ่งกับคนที่ทำให้แม่กูตาย แต่สิ่งหนึ่งที่กูรับไม่ได้ก็คือ....มันรู้ว่ากูรักมึง"
!!!
บ้าน่า!
"ฝุ่น...มึงอย่ายุ่งกับมันเข้าใจไหม กูไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรมึง ถึงเข้ามาทำดีกับมึงอย่างนั้น" ถึงได้ว่าพวกมันถึงเขม่นกันเหมือนโกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่นี่ผมไม่นึกเลยจริงๆว่ามันจะลึกซึ้งถึงขนาดนี้ มันเองก็คงอยากจะบอกแต่ก็ไม่กล้าที่จะเล่า คงกลัวผมจะไม่เชื่อ
ซึ่งมันก็ไม่น่าเชื่อจริงๆนั่นแหละ
"เข้าใจแล้ว...กูจะไม่ยุ่งกับเขาอีก" ถึงอีกใจจะไม่อยากตัดสินว่าอีกคนไม่ดีแต่ถ้าให้ผมเลือกระหว่างมันกับไอ้เฮียร์ ผมก็คงไม่ต้องคิด
ดังนั้นผมขออยู่ห่างๆจากประธานนักเรียนจะดีกว่า
"แล้วที่มึงออกมาอยู่ที่บ้านไม้...พ่อมึงไม่ว่าหรอ"
"ไม่หรอก...เขาทำแต่งานจนไม่มีเวลาสนใจใครหรอก จะสนใจก็แค่....กูยังคงเรียกเขาว่าพ่อหรือเปล่า"
อ่า...บางที่สิ่งที่ผมคิดว่าชีวิตมันช่างวิเศษวิโสมากกว่าคนอื่นก็คงจะไม่ใช่แล้วล่ะ เพราะดูท่าชีวิตของมันดูจะน่าเจ็บปวดมากกว่าใครเขา
"ไม่เป็นไรนะมึง...ยังไงมึงก็ยังมีกูนะ" แล้วผมก็เอนตัวลงไปซบอกกว้างอีกฝ่ายเพื่อปลอบ มันเลยกระชับตัวผมให้ชิดตัวเองมากขึ้นก่อนที่ปลายคางแหลมจะเกยลงมาบนหัวผม
"ขอบใจมึงมากนะ"
"อืม" ขอแต่มึงมีความสุขเวลามีกู...มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่รึไงกัน
ตึ่ง!
แต่แล้วอยู่ๆเสียงข้อความในมือถือของผมก็ดังขึ้นขัด ผมเลยดึงตัวเองออกมาจากอ้อมกอดอุ่นนั่นแล้วเอามันออกมาดู
'วันนี้พ่อกลับบ้านนะ'
เอ๋...วันนี้วันศุกร์แล้วนี่นา
"ใครส่งมาหรอ"
"พ่อน่ะ เขาบอกว่าจะกลับบ้านวันนี้" ผมบอกกับอีกฝ่ายก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้าที่เดิม แต่พอผมบอกแบบนั้น...ใบหน้าหล่อก็ดูสลดขึ้นมาทันที
"เป็นอะไร" แหนะ...ดูมองกูเข้า
มันมองผมเหมือนกำลังจะตัดพ้ออะไรสักอย่าง จนผมต้องถามมัน
"เปล่า"
"มาเปล่าอะไร...ก็เห็นอยู่" อย่ามาสตอกับกูนะมึง!
"กูก็แค่...."
"แค่อะไร" มาเว้นวรรคให้อยากรู้อีก มันเลยหันหน้ากลับไปมองแม่น้ำพร้อทจะเอนหลังไปกับพนักเก้าอี้ก่อนจะค่อยๆเอาท่อนแขนมาปิดตาไว้
"ก็แค่คืนนี้กูจะต้องนอนคนเดียวอีกแล้ว"
จึก!
มะ มันกำลังเศร้าที่ผมจะต้องนอนที่บ้านใช่ไหม
บะ บ้า!
"มึง..." เล่นเอาผมพูดอะไรไม่ออกเลยอะ
"ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่สามคืนเอง...ก็คงทนได้"
คงทนได้?
นี่มันกลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"อย่ามาเว่อน่า" ผมทุบอกกว้างนั้นเบาๆอย่างหมั่นไส้ที่มันพูดเกินจริง แต่มันกลับคว้ามือผมไว้ก่อนจะดึงมันมาหอมช้าๆ
"มึงไม่รู้หรอกว่ากูคิดถึงมึงขนาดไหนเวลามึงต้องกลับไปนอนบ้านน่ะ"
สงสัยวันนี้มันคงเป็นที่อีกฝ่ายยอมเปิดใจกับผม มันถึงพาลมาเปิดใจเรื่องนี้ด้วย ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ
"มึงก็มานอนบ้านกูสิ...มันไม่เห็นยากเลย"
"จริงดิ!" ทันทีที่ผมพูดแบบนั้น ร่างสูงถึงกับตกใจหันมาถามผมด้วยสีหน้าจริงจังมาก ผมเลยพยักหน้ารับก่อนจะยืดตัวไปจูบริมฝีปากนุ่มนั้นเร็วๆ
จุ๊บ
"มุมนี้มึงก็น่ารักนะไอ้เฮียร์" มันเหมือนกับผมได้รู้จักมันในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งผมรู้สึกดีมากจริงๆ
"ฮึ่ม! พูดให้มันดีๆ กูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะ" อยู่ๆมันก็ตีสีหน้าดุใส่ผมเหมือนเดิมก่อนที่มันจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีไปที่อื่น
"อะ อ่าว...ไหงเป็นงี้อะ"
นี่ผมงงมันแล้วนะ...เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงเลยมึงเนี่ย!
แต่มันไม่สนใจผมเลยครับ เอาแต่เดินหนีลูกเดียว ผมเลยต้องวิ่งตามจนมันโบกรถแท็กซี่ได้ผมถึงจะได้หยุดวิ่ง
เหี้ย เหนื่อย สัดๆ
ผมนั่งหอบตัวโยนจนอีกฝ่ายขำ ผมเลยกระทุ้งศอกเข้าให้จนมันต้องกุมหน้าท้องนิ่ง แต่พอมันหายเจ็บ...มันก็ตรงเข้ามาล็อกคอผมแล้วกดให้ต่ำจนหน้าผมซบลงบนตักหนานั่น
"กล้าหือกับกับหรอสัด!"
"เหี้ย! เจ็บนะเว้ย!" ผมนั้นพยายามปัดมือออกให้วุ่นไปหมด แต่แรงทันนี่อย่างกับช้างสาน เล่นเอาต้องร้องยอมแพ้...นั่นแหละ ถึงจะเลิกแกล้ง
"พอได้แล้ว...เหนื่อยแล้ว"
"จะหือกับกูอีกไหม"
เหี้ย!
"เออ! ไม่ทำแล้ว!" อย่าให้ถึงทีกูนะมึง!
"หึๆ" แล้วมันก็ปล่อยคอผมออกก่อนจะนั่งขำตัวโยนจนน่าหมั่นไส้ ผมเลยยกนิ้วกลางให้มันไปทีก่อนจะกลับมาจัดผมตัวเองให้หายยุ่ง
"ฝากไว้ก่อนเถอะมึง"
"หึๆ"
แล้วไม่นานผมกับมันก็มาถึงบ้านผม มันก็เดินมาส่งเพราะอยากสวัสดีพ่อ แต่พอมาถึงผมก็เห็นรถสีดำคันสวยมาจอดอยู่หน้ารั้วบ้าน
"พ่อคร้าบ...กลับมาแล้วหรอ" ทันทีที่ผมเปิดประตูรั้วเข้ามาก็เจอพ่อกำลังนั่งทำสวนอยู่ แต่พอท่านเห็นผม...ท่านก็รีบวางพลั่วลงพร้อมกับยกมือขึ้นมารับผมไว้
"คิดถึงจังเลยผงฝุ่น...ไหนๆ มาหอมหน่อยสิ๊" ทันทีที่ผมวิ่งไปหา พ่อก็สวมกอดผมไว้ทันทีก่อนจะกดจมูกลงมาหอมแก้มทั้งสองข้างอย่างที่ชอบทำ ผมเองก็ต้องทำเป็นเล่นตัวไม่ให้หอมเยอะ เพราะไม่งั้นพ่อจะหายคิดถึงผมไว
"ไม่ให้หอมแล้ว โทษฐานที่พ่อชอบทิ้งผมให้อยู่บ้านนานๆ" ผมแกล้งงอนท่านนิดหน่อยจนท่านหัวเราะกลั้วอย่างชอบอกชอบใจ แต่ก็ยังมิวายก้มลงมาหอมแก้มผมอีกครั้ง
"ก็พ่องานยุ่งนี่"
"ไม่รู้ล่ะ...ยังไงก็ไม่ให้หอมแล้ว" แล้วผมก็พยายามเบี่ยงหน้าหลบท่านครับ ท่านเองก็ดูจะเล่นกับผมไม่เลิกจนท่านเห็นไอ้เฮียร์อยู่ตรงหน้าถึงจะหยุดแกล้งผม
"อะ อ่าว...นั่นใครน่ะ"
"สวัสดีครับ...ผมเฮียร์ครับ" ทันทีที่ร่างสูงแนะนำตัวเองพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ นัยน์ตาเรียวนั้นถึงกลับเบิกกว้างเหมือนกำลังตกใจอะไรบางอย่าง ซึ่งมันเล่นทำเอาอีกคนถึงกับผงะถอยหลังไปเพราะความกลัว ผมเลยเขย่าแขนพ่อเบาๆก่อนจะแนะนำไอ้เฮียร์อีกที
"มันเป็นเพื่อนผมที่โรงเรียน"
"อะ อ่อหรอ...สวัสดีๆ เป็นไงบ้าง สบายดีไหมเรา" พอท่านรู้สึกตัวท่านก็รีบทักทายอย่างเป็นกันเองกับมันทันที มันเลยค่อยๆก้าวขึ้นมาข้างหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"สบายดีครับ...คุณลุงล่ะครับ สบายดีไหมครับ"
"ดีๆ เห็นหน้าตาหนุ่มๆอย่างนี้แต่ที่จริงจะหกสิบแล้วนะ ฮ่าๆ" แล้วพ่อก็หัวเราะออกมาจนผมขำในมุขแป๊กๆนั้น แต่ผมว่าพ่อคงกำลังพยายามไม่ตกใจให้มากต่อหน้าไอ้เฮียร์ที่ได้เจอมัน
"พูดอะไรอะ พ่อเนี่ยนะหนุ่ม"
"เอ้า...เห็นอย่างนี้ก็มีสาวๆมาสมัครขอเป็นเมียพ่อเยอะนะ"
ดูๆ หลงตัวเองจริงๆนะเนี่ยพ่อผม
"ให้มันมีจริงๆเถอะ...เออพ่อ ว่าแต่นั่นรถใครหรอ ถึงมาจอดหน้าบ้านเราน่ะ" ผมชี้ไปที่รถสีดำคันหรูนั้นก่อนที่พ่อจะมองตามแล้วแบะมากใส่เล็กน้อย
"ของไอ้พวกห้วงก้างแถวนี้นั่นและ"
พวกหวงก้าง?
ใครกัน
"ว่าแต่วันนี้หนูว่างไหม อยู่ทานข้าวกับลุงก่อนสิ วันนี้ลุงจะทำบาบีคิวกินกัน" ดูท่าท่านจะไม่ได้ติดใจอะไรไอ้เฮียร์ ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ ไอ้เฮียร์เองก็คงโล่งไม่น้อยถึงยิ้มตอบรับคำชวนโดยง่าย
"งั้นผมต้องขอรบกวนคุณลุงด้วยนะครับ"
"รบกวนอะไรกัน เพื่อนของลูกลุงก็เหมือนลูกลุงนั่นแหละ ฮ่าๆ" เสียงหัวเราะนั่นทำเอาบรรยากาศโดยรอบดูมีสีสันขึ้น ผมกับไอ้เฮียร์เลยขอตัวขึ้นมาบนห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะลงไปช่วยพ่อเตรียมของเพื่อทำอาหารเย็น แต่พอลงมา...อาหารที่พ่อเตรียมไว้ดูท่าจะเยอะเกินที่เราจะเกินกันหมด
"ทำไมมันเยอะอย่างนี้อะพ่อ"
"เยอะที่ไหน...แค่พ่อคนเดียวก็หมดแล้ว" พูดเป็นเล่นไป
"ถ้าไม่หมดนะพ่อ"
"บ่นพ่ออีกแล้ว...ไปๆ ช่วยไปเอาของในครัวออกมาไป อ่อ! ฝุ่น...ล้างผลไม้ออกมาด้วย พ่อลืม"
"ครับ" ผมรับคำสั่งก่อนจะเดินเข้าไปเอาของในครัวโดยมีไอ้โย่งเดินตามเข้าไปติดๆ แต่พอลับตาคนได้มันก็ทะลึ่งจับนั่นกอดนี่จนผมต้องดุมันเสียงเข้ม
"เดี๋ยวพ่อก็เห็นหรอก...ปล่อย"
"ไม่เห็นหรอกน่า"
นี่! ขอเวลาสักวิได้ไหมที่มึงจะไม่หื่นกับกูเนี่ย
"ไอ้เฮียร์! ถ้ามึงไม่ช่วยก็ออกไปเลย ไป!" นี่ขนาดพ่ออยู่นะ มันยังไม่เกรงใจอะไรกันเลยแล้วดูดิ...เผลอเดี๋ยวเดียวมันฝากรอยไว้ตรงหลังหูผมแล้วอะ
เดี๋ยวถ้าพ่อมาเห็นนะมึงเอ๊ย!
"ก็เวลามึงหันหลังทำอาหาร...มันดูเซ็กซี่นี่หว่า"
มึงก็เซ็กซี่ตลอดนั่นแหละ...ไอ้บ้า
"พอเลยๆ ออกไปได้แล้ว ยกไอ้นั่นไปด้วยดิ!" พอเริ่มทนไม่ไหวก็ต้องรีบพามันออกมาครับ แต่พอออกมันก็ออกจริงๆนะ ออกโดยไม่ยกอะไรไปเลยสักจาน ผมเลยต้องรีบเรียกมันให้กลับมายกไป แล้วทันก็ไม่ยกไปเฉยด้วยนะ...มันยังมีมือว่างพอที่จะมากอดเอวผมไว้ด้วย นี่ตกลงมันจะกลัวพ่อผมบ้างได้มะ หรือว่ามันไม่มีโอกาสเป็นแบบนั้น ก็น่าจะใช่นะ....ก็มันด้านนี่
แต่พอพวกเราก้าวเท้าออกมาจากครัวได้ แม่เจ้า ไม่อยากจะคิดว่านี่มัรเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผม ก็ดูสิ...ผมแม่งเจอมัจจุราชกำลังถือไม้เบสบอลยืนจังก้าอยู่กลางบ้าน
เหี้ยแล้วไง!
"เฮียถ่าน!"
"พี่ถ่าน! มันไม่ได้ทำอะไรผมนะ"
โอ๊ย! ใจเย็นๆนะพี่มึง กูสู้ไม่ไหวนะถ้าถือไม้อันใหญ่ขนาดนั้น
ถึงแม้ว่าผมจะบอกว่าอีกคนไม่ได้แกล้งผมอย่างเมื่อก่อน แต่พี่มันก็ยังคงเอาแต่จ้องตาอย่างอาฆาตแค้น ไอ้เจมส์เลยรีบดึงอีกคนให้ถอยออกมา แต่ก็เหมือนกับเอามดมาฉุดช้าง เพราะพี่ถ่านไม่แม้ที่จะขยับเลยสักนิด
ทำไงดีวะกู!
"พี่ถ่าน...."
"ไอ้ถ่าน...ใจเย็นๆ" เหี้ยแล้ว! ขนาดไอ้เจมส์ยังเอาพี่ถ่านไม่อยู่เลย แบบนี้ผมไม่แย่เอาหรอเนี่ย
ตายแน่ๆ
ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง
"พ่อครับ! พี่ถ่านจะตีเพื่อนผม!" พอคิดว่าต้องช่วยไอ้เฮียร์ให้รอดพ้นจากไม้มหาบึ่มนั่น ปากมันก็เรียกอีกคนให้มาช่วยด้วยความเคยชิน ก่อนที่คนที่น่าจะช่วยพวกผมได้ก็เดินตามเสียงผมมาพร้อมกับที่ตาเอาแต่จ้องที่ไม้เบสบอลนั่น
ความหวังของพวกผมอยู่ที่พ่อนะ!
จัดกานให้ได้นะพ่อ!
"ผงถ่าน! แกล้งอะไรเพื่อนน้อง" แต่แล้วพ่อก็ทำเพียงแค่ยกเบียร์ขึ้นซดอย่างสบายใจ เหมือนกับไม่เห็นว่าเรื่องนี้มันจะหนักหนาอะไร แต่พวกผมนี่สิ...ขานั้นเริ่มสั่นจนทนไม่ไหวอยู่แล้ว ผมเลยรีบวิ่งไปดึงพ่อให้มาบังไอ้เฮียร์ไว้ เผื่อพี่ถ่านเกิดชักกระตุกขึ้นมาจะได้ยั้งมือทัน
ผมไม่ได้อกตัญญูนะ แต่รู้ว่าพี่ถ่านไม่กล้าทำอะไรพ่ออยู่แล้ว ดังนั้นก็เอาท่านมาป้องกันไว้จะดีกว่านะ แหะๆ
"พ่อดูพี่ถ่านดิ ถือไม้เบสบอลด้วย" พอพ่อมาบังไอ้เฮียร์ได้...ผมก็ฟ้องต่อเลยตรับ กะเอาให้พี่ถ่านหยุดน่ากลัวได้สักครึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ยังดี แต่ผมก็คงประเมินพี่ถ่านต่ำเกินไป เพราะทันทีที่พ่อช่วยพูดให้ พี่ถ่านนั้นก็ทำเพียงแค่...นิ่ง
"เป็นนักเลงรึไง ไปๆ เอาไปเก็บแล้วออกไปกินข้าว"
พ่อ! ทำไงต่ออะ! อย่าคิดนานดิ!
ผมว่ามันไม่ไหวแล้วล่ะ ถ้าพี่ถ่านไม่ลวแบบนี้...อาจจะต้องมีใครบางคนตายก็ได้
"ทุกคนออกไปกินกันก่อนไป" แต่แล้วพ่อก็เอ่ยปากไล่ทุกคนให้ออกไปด้วยน้ำเสียงที่ทุกคนในบ้านรู้ง่านี่คือการเอาจริง ผมนั่นขนลุกซู่เลยครับ...เพราะผมไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้มานานมากตั้งแต่พี่ถ่านชกคนที่แกล้งผมครั้งนั้น ผมเลยต้องรีบพาไอ้เฮียร์ออกมาให้ห่างจากพื้นที่อันตรายตรงนั้นก่อนที่ไอ้เจมส์จะเดินตามออกมา แต่ก็ยังมิวายที่จะหันหลังไปมองร่างสูงอยู่นั่น
ไม่เป็นไรหรอกไอ้เจมส์...ยังไงพ่อเขาก็ไม่กล้าทำอะไรพี่ถ่านหรอก
"เห้อ...เกือบตายไหมล่ะกู" แต่แล้วเสียงถอนหายใจจากใครอีกคนที่ดูโล่งอกมากที่รอดออกมาได้นั้นเรียกความสนใจจากพวกเราทุกคน ผมเลยหันไปมองมอวก็พบว่าใบหน้าหล่อนั้นดูคลายความเครียดขึ้นมาก ก่อนที่มันจะโดนอีกคนดุเข้าให้
"มึงจะมาที่นี่ทำไมวะ"
"อาเขาชวนกูมาเว้ย ไม่มาก็เสียมารยาทดิ"
"อ่อหรอครับมึง หึ เขาชวนมึงหรือมึงเสนอหน้ามา!"มันยังคงไม่เชื่อว่าพ่อเป็นคนชวน ไอ้โย่งเองก็เอาแต่เถียงใหญ่จนผมเริ่มรู้สึกรำคาญ
"จริงๆเว้ย แต่กูมาเพราะคิดว่าเฮียถ่านไม่อยู่ ถ้ารู้ว่าอยู่กูก็ไม่มาให้เสียวท้องเล่นหรอก"
เพี้ยะ!
"ทำไมถึงไม่รู้จักโตสักทีห๊ะ! แกต้องแยกให้ออกสิว่าอะไรถูกอะไรผิด อย่าเอาความหลังมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้!"
พี่ถ่าน!
พ่อ!
และแล้วเสียงฝ่ามือกระทบเนื้อก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เล่นเอาผมแทบจะหยุดหายใจ ทำไมมันถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้นี่มันเป็นความผิดของผมรึเปล่า
โอ๊ย! อยากจะบ้าตายเว้ย!
ผมนั้นไม่รู้ว่าข้างในมันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่รู้ๆก็คือ...พ่อไม่เคยทำแบบนี้กับพวกเราเลยสักครั้ง
"ก็รู้อยู่ว่าใครเป็นต้นเหตุ ดังนั้นอย่ามาโยนความผิดให้คนอื่น!"
อึก!
หมายความว่าอย่างไงกัน? ใครเป็นต้นเหตุงั้นหรอ?
ปัง!
แต่แล้วร่างบางที่ยืนมองอยู่ข้างนอกก็เริ่มทนไม่ไหว มันผลักประตูเข้าไปข้างในท่ามกลางความตรึงเครียดนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปคว้าข้อแขนอีกฝ่ายให้เดินตามออกมาอย่างรวดเร็ว
เหี้ย! ใจกล้าได้อีกมึง!
พอมันลากพี่ถ่านออกมาได้ มันก็พาพี่ผมขึ้นรถคันสีดำหรูนั่นก่อนจะขับออกไปโดยไม่สนใจใครเลยสักนิด ผมกับไอ้เฮียร์เลยหันกลับมามองหน้ากันอย่างรู้สึกผิด จนพ่อนั้นได้เดินออกมาข้างนอกที่ผมอยู่บ้าน ก่อนจะชวนกินข้าวด้วยน่าทีสบายๆเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
แต่จะให้ผมทำเป็นนิ่งไม่ได้หรอก นั่นมันพี่ชายผมนะ
"พ่อ...พี่ถ่านจะเป็นอะไรไหม" สิ้นคำถามของผม พ่อก็หยุดชะงักทันที เหมือนกับว่าท่านเองก็กังวลไม่น้อย มันเลยยิ่งทำให้ผมไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่าพี่จะโอเค
"ไม่เป็นอะไรหรอก...มาๆ มากินข้าวกันเถอะ"
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ
"แล้วพี่ถ่านจะโกรธผมไหม"
"ผงฝุ่น...ผงถ่านเคยโกรธหนูรึไง พอๆ หยุดพูดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาเถอะ...พ่อหิวแล้ว" พ่อดูอยากจะจบเนื่องนี้ซะ คงไม่อยากจะทำให้บรรยากาศดูตรึงเครียดไปมากกว่านี้ ซึ่งผมก็ต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้
เดี๋ยวค่อยไปขอโทษพี่ถ่านละกัน มันคงจะไม่สายเกินไปหรอกนะ
"ปะ ไปกินข้าวกัน" ผมเลยชวนอีกคนให้ไปกินข้าว แต่มันกลับรั้งมือผมไว้ก่อนจะเอามือมาทาบลงบนแก้มของผมเบาๆ แล้วเอาแต่พูดอะไรไม่รู้ แต่ไม่รู้ทำไม...คำพูดของมันถึงดูพิเศษมากขนาดนี้
"ฝุ่น...กูจะทำให้เฮียถ่านยอมรับกูให้ได้ มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ"
ไอ้เฮียร์
"ยังไงกูก็ต้องเป็นคนดูแลมึงต่อจากเฮีย ดังนั้นมึงช่วยรอกูหน่อยนะ"
อ่า...ทำไมต้องมองกลับมาอย่างจริงจังขนาดนั้น หรือว่านี่จะคือคำสัญญาของมึง
บ้า...คนโหดอย่างมึงเนี่ยนะจะสัญญาเป็น
แต่ถ้ามันใช่...กูก็แม่งดีใจเลยว่ะ
"อืม...ทำให้สำเร็จไวๆนะ"
เพราะตัวกูเองก็ไม่อยากจะคบกับมึงแบบหลบๆซ่อนๆใครเหมือนกัน
เข้าใจตรงกันนะ...ไอ้ขาโหดของกู
+++++++++++++++++++++++++++++
141120
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ