ObserveR “คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!”
เขียนโดย nooonaa
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.21 น.
แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2557 23.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) "คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!" 18 : อันธพาลพิชิตอันธพาล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความby nooonaa
"คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!" 18 : อันธพาลพิชิตอันธพาล
+ผงฝุ่น+
เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
เหมือนร่างนี้มันไร้การควบคุม
"ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองมันเป็นอะไร ทำไมมันถึงดูแห้งเหี่ยวยังไงชอบกล ขนาดพยายามออกมาสังสรรค์แต่มันก็ไม่ได้ผล หรือว่านี่จะเป็นอาการเริ่มต้นของโรคซึมเศร้า"
ป้าบ!
"ซึมเศร้าเหี้ยไร! เขาเรียกว่าอกหักเว้ย!"
ฝ่ามือน้อยๆของไอ้ห่าสันดารเสียอย่างไอ้แซม ได้เข้ามาป้าบเข้าที่หลังอย่างจัง มันดูเหมือนกับว่ามันต้องเจ็บมาก แต่ผมกลับยังนิ่งโดยที่หัวนั้นขมำไปนอนหมอบบนพื้นโต๊ะซะแล้ว
นี่ขนาดแม้แต่อาการเจ็บ...มันก็ยังไม่รู้สึก
"หรือว่ากูเป็นอัมพาต ถึงไม่รู้สึกอะไรเลย" ไม่รู้สึกอำไรจริงๆ
"ยังจะเพ้ออีกนะมึง!"
ป้าบ!
เห้อ...
"สัดฝุ่น! ป้าบที่สองแล้วมึงยังนอนนิ่งอยู่อีก! มึงบ้าป่าววะ!"
นั่นสิ ขนาดมึงตบหัวกูครั้งที่สอง กูก็ยังนิ่ง...ไม่รู้สึกเหี้ยอะไรเลย
'เพราะมึงไงล่ะไอ้เฮียร์ เพราะ...กูรักมึง'
จี๊ด!
ละ แล้วทำไม แล้วทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บที่หัวใจขนาดนี้ เพียงแค่ประโยคบอกรักบ้าๆนั่นมันผุดเข้ามาในหัว นี่ตกลงว่าผมเป็นอะไรกันแน่
"คิดมากอีกแล้วนะมึง...มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่มึงคิดก็ได้" ว่าแล้วฝ่ามือใหญ่ของไอ้เป๋าก็เข้ามาลูบหัวผมเบาๆเหมือนพยายามจะปลอบใจ ก่อนเสียงเหยียดหยามจะรุมเข้ามาด่าผมอีกครั้ง
"มึงมันโง่ไงไอ้ฝุ่น แค่ได้ยินสองสามประโยคก็คิดไปเรื่อย มึงอาจจะได้ยินผิดก็ได้ แบบ...'เพราะมึงไงล่ะไอ้เฮียร์ เพราะ...กูเป็นเพื่อนรักมึง' อะไรอย่างเนี่ย"
แบบนั้นมันก็ดีสิวะ มันจะดีมากๆเลยด้วย มากจนกูยอมถวายหัวให้ถ้ามันเป็นเรื่องจริง
"ไม่เอาน่าแซม นายยิ่งพูด เพื่อนก็ยิ่งคิดมากกว่านะ...เรากลับขึ้นเรียนกันเถอะ แล้วมึง...จะไปกับพวกกูมั้ย"
ไอ้เป๋าคงจะสงสารผมจับใจ เลยพยายามยุติเรื่องนี้ โดยเอาไอ้ตัวปากหมาขึ้นห้อง ผมเองก็ต้องพยายามเลิกคิด เพราะผมคิดเรื่องมันสองคนมาร่วมสามชั่วโมงแล้ว
"อืม กะ...."
"ไอ้ฝุ่น! อาเฮียมา!" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบตกลงเพื่อนว่าจะไปด้วย ไอ้แซมก็ร้องเสียงหลงขัดทัพขึ้นมาก่อน ก่อนนิ้วเรียวจะช่วยนำทางไปอีกฝั่ง จนผมเห็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตา กำลังแบกร่างเพรียวขึ้นหลังไปทางโต๊ะม้าหินแหล่งซ่องสุมของพวกมัน
"ทำไมไอ้เจมส์ถึงกอดคออาเฮียแน่นขนาดนั้นวะ แล้วดูนั่นดิ...แก้มชนกันแล้ว"
เห็น กูเห็นแล้ว
"คนขี่หลังกันก็ต้องทำอย่างนี้แหละ" มันไม่มีอะไรหรอก เพราะถ้ามันมีอะไร ผมคงขาดใจแน่
"ใช่หรอวะ แล้วทำไมต้องยิ้มหวานเชื่อมใส่กันด้วย"
"เขาคง..."
"เหี้ย! หยอกล้อซะเหมือนคู่รักเลยเว้ย"
คู่รัก!
"พอ! หยุดเห่าสักที! มันจะรักหรือมันจะเหี้ยอะไรกูก็ไม่สน เพราะตอนนี้กูไม่ไหวแล้วเว้ย!"
เฮือก!
เจ็บ! อึก!
"เห้ย! ไอ้ฝุ่น!"
อยู่ๆอากาศหายใจผมก็หายไปในพริบตา ก่อนที่ตัวผมจะนิ่งค้างและทรุดลงไปหมอบที่พื้น ทุกคนในบริเวณนั้นก็ดูตกใจมากที่ผมมีอาการแปลกๆแบบนั้นแต่ก็ไม่รู้จะเข้ามาช่วยผมอย่างไรดี รวมทั้งเพื่อนๆของผมที่ยืนตาค้างไร้สติ และดูเหมือนอาการผมมันจะไม่สามารถหายเป็นปกติได้ จนในวินาทีสุดท้ายที่ผมเกือบจะขาดใจ มือใหญ่ของใครบางคนก็เข้ามาคว้าลำคอผมให้หงายขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะตรงเข้ามาประทับแล้วปล่อยลมร้อนใส่ปอดผมอย่างไว
เฮือก!
ไอ้เฮียร์
อีก อีก นิดเดียว
"เฮือก...." ในที่สุด...อากาศมันก็เข้าปอดจนได้ ผมนี่แทบจะหายใจเข้าออกถี่เพื่อเรียกอัตราการเต้นของหัวใจให้เต้นเป็นปกติ ก่อนที่เสียงตวาดจะดังลั่นไปทั่วบริเวณ
"จะยืนมุงกันทำไม! มันมีอะไรให้มอง! แยกย้ายไปกันได้แล้ว"
เสียงนี้...มันไม่ใช่ไอ้เฮียร์นี่!
ผมพยายามลืมตาขึ้นมาดู ก็เห็นบุคคลที่ใจนั้นคิดว่าต้องมาช่วยนั้นกำลังยืนมองผมอยู่ห่างออกไปหลายเมตร มันยืนมองแบบที่ใครๆก็ดูออกว่าไร้ความรู้สึก ก่อนที่มือเล็กของไอ้เจมส์จะสะกิดให้มันออกตัวเดิน
ไอ้เฮียร์! นั่นมึงจะไปไหน
ผมพยายามจะลุกขึ้นแล้ววิ่งตามสองคนนั้นไป แต่ร่างกายมันกลับอ่อนแรงจนทรุดกลับไปนั่งบนพื้นอีกรอบ ก่อนที่เสียงทุ้มที่เคยตวาดไปเมื่อกี้จะค่อยๆดุผมเสียงเบา จนผมต้องละสายตาจากสองคนนั้น
"อย่าเพิ่งลุกสิ นายกำลังแย่อยู่นะ"
"ประธาน...." ผมมองตามเสียงดุนั้นจนเห็นร่างหนาที่ได้ช่วยผมไว้ ก่อนอีกฝ่ายจะค่อยๆพยุงผมให้ลุกขึ้นยืน
"ไม่ ไม่เป็นอะไรครับ ผมไหวอยู่"
"หน้าเขียวขนาดนี้ยังบอกว่าไหวอยู่อีกหรอ"
เออ...หน้าผมแย่ขนาดนั้นเลยหรอวะ
ผมเลยเงียบไม่พูดอะไรจนมือใหญ่ดันให้ผมออกเดินนำหน้า ผมก็เดินไปโดยไม่คิดอะไร ก่อนเสียงทุ้มของไอ้เป๋าจะดังขึ้น พร้อมกับที่มืออีกข้างเข้ามาคว้าข้อแขนผมไว้
"ฝุ่น ไม่ไปเรียนหรอวะ"
"ปะ..."
"ไปได้ไง นายต้องไปพักที่ห้องพยาบาลก่อน เดี๋ยวช็อกขึ้นมาอีกแล้วจะแย่นะ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ ร่างหนาก็ชิงตอบให้ ผมเลยทำได้แค่ยิ้มแหยะแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างช่วยไม่ได้
ไม่นานผมก็ถึงห้องพยาบาลพร้อมกับประธานที่ค่อยประคองไม่ให้ผมล้ม ถึงแม้ว่าผมจะบอกสักกี่ครั้งว่าผมโอเคและสามารถเดินไปได้เองแต่เขาก็ไม่ยอม รั้นที่จะเป็นคนพาผมไปส่ง จนผมได้เอนหลังลงกับเตียงสีขาว ร่างหนาถึงจะยอมถอยห่าง แต่ถึงอย่างนั้น มือใหญ่ก็ยังมิวายเข้ามาทาบเข้าที่แก้มของผมอยู่นั่น
"หน้านายซีดมากเลยนะ"
"เออ..." มันใกล้ไปมั้ย ไม่ใช่มือนะ แต่เป็นหน้าของมึงน่ะ ที่มึงยื่นเข้ามาใกล้ซะลมหายใจอุ่นเป่ารดหน้าซะแก้มกูเริ่มร้อนผ่าวแล้วนะ
"นายไม่สบายแน่...หน้าแดงมากเลย"
จะให้กูสบายได้ไงล่ะไอ้ห่า ใกล้จนจมูกจะรวมกันอยู่แล้วเนี่ย
แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้มาก เลยทำได้แค่เอียงหน้าหนีไปทาง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มขำผมเบาๆ
"เขินเป็นด้วยหรอ" มือใหญ่เริ่มรัรานเข้ามาขยี้หัวผมอย่างถือวิสาสัก่อนที่ใบหน้าคมจะหยุดมองหน้าผมนิ่งอีกครั้ง ผมเองก็นิ่งตามไม่ขยับเพราะมันรู้สึกอะไรบางอย่างที่เขาคนนี้อยากจะให้ผมรู้
"......"
"ทำไมนายถึงไม่ให้ใครสักคนเขามาดูแลนายล่ะ สักคนที่ไว้ใจได้"
เอ๋!
"เออ...." พูดขนาดนี้...แล้วผมจะไปต่อได้รึ
"ฉันตกใจมากนะ...ที่อยู่ๆนายก็ล้มลงไปแบบนั้น ถ้าเมื่อกี้ฉันไปไม่ทัน นายอาจจะ..."
ผมฟังแบบนั้นก็ต้องสะอึก เพราะมันเหมือนกับว่าคำพูดนั้นมันกำลังเสียดแทงเข้าไปในหัวใจผม เสียดแทงเพราะมันคือเรื่องจริงทั้งหมด
ก็ในเมื่อคนที่ใจมันคิดอยากจะให้ดูแล เขากำลังดูแลคนอื่นอยู่ แล้วคนอย่างผมที่ใจง่ายยอมเป็นของมัน....จะไปมีค่าอะไร
เห้อ...
"ทำไมถอนหายใจอย่างนั้นล่ะ"
"เออ..." ผมถอนหายใจอย่างลืมตัวเลยเป็นเหตุให้อีกคนสงสัยกับการกระทำนั้น ก่อนที่ใบหน้าคมจะค่อยๆไล่สำรวจอาการบนหน้าผม
จะให้ตอบยังไงดีล่ะ
"อึดอัดหรอ...ที่อยู่กับฉันน่ะ"
ห๊ะ!
"ไม่ๆ ไม่นะครับ ผมไม่ได้อึดอัดหรอก เออ....ผมแค่...." เอาไงดีวะ แม่ง! พูดไม่ออกอะ
โอ๊ย! ใครก็ได้! ช่วยกูที!!!
"โอ๊ย! ปวดท้อง!!! อาจารย์คร้าบ...อยู่มั้ย!" เสียงสวรรค์เหมือนมาโปรด อยู่ๆก็มีคนเข้ามาร้องโวยวายในห้องพยาบาลดังลั่นไปหมด ก่อนที่ร่างขาวของคนคุ้นตาจะโผล่พรวดเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับประธานนักเรียนพร้อมกับนอนคั่นกลางเสร็จสรรพ
เห้ยๆ อะไรกันวะ ตกใจหมด
“ไอ้เจมส์!” เป็นไรวะ อยู่ๆก็โผล่มาแบบนี้
“เรียกชื่อกูหาพ่อมึงรึไง ไอ้ห่า เงียบไปเลย ส่วนมึงไอ้สัดประธาน...แม่งไม่มีเรียนรึไง ไปๆ กูจะนอนเว้ย” อยู่ๆมันก็กราดด่าเขาไปทั่ว แถมยังดันหลังประธานให้ออกไปด้วย ผมมองก็งงที่มันทำแบบนั้น ทั้งๆที่มันก็มานอนบนเตียงผม แถมยังร้องบอกจะนอน ยิ่งเมื่อกี้ปากก็ร้องว่าปวดท้องอีก ไอ้ห่า...กูไม่ได้โง่
เป็นไรมากปะ มึงน่ะ
ท่านประธานเองก็งง ที่อยู่ๆก็โดนไล่ที่ แต่ก็ยอมออกไปง่ายๆเพราะไอ้เจมส์มันตีมึนไล่เขาไป ก่อนที่มือเล็กจะกดล็อคประตูห้องพยาบาล แล้วค่อยๆย่างก้าวช้าๆมาหาผมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำไปด้วยพิษไข้
ป้าบ!
“เหี้ย! ตบหัวกูทำเพื่อ!” สัด กูเจ็บนะเว้ย ทำไมต้องมาตบกันด้วยวะ กูไปทำอะไรกับห๋ำมึงรึไง ไอ้ห่า!
“ตบให้กับความโง่ของมึงนั่นไง โง่คั่กๆ โง่โคตรอะไอ้ห่า” ด่ากูไม่วะ มึงชักบ้าและอ้นี่ กูชักจะงงกับมึงและนะ
“กูไปทำอะไร ทำไมต้องมาด่ากูแบบนั้นด้วย” กูยังไม่ชำระความเรื่องมึงกับไอ้เฮียร์เลยนะ กล้ามาบอกรักกันลับหลังกูนะไอ้สัด
ยิ่งพูดยิ่งแค้นเว้ย!
“มึงกำลังทำให้พวกกูเดือดร้อนอีกแล้วนะ ไอ้ห่านี่ก็คิดบ้าคิดบออะไรกันเนี่ย กูจะไม่ไหวกับพวกมึงสองคนแล้วนะเว้ย” กูก็ไม่ไหวกับพวกมึงเหมือนกันนั้นแหละ พวกมึงยิ่งกว่าพวกชาติชั่ว หักหลังได้แม้กระทั่งเพื่อน
เออ! เพื่อนร่วมห้องเว้ย! กูรู้ตัว!
แต่กูก็เป็นเพื่อนพวกมึงนะ...ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย
กูเจ็บมากๆนะ....พวกมึงรู้ตัวกันบ้างมั้ย
คราวนี้ผมไม่เถียง เพราะน้ำตาที่คลั่งค้างอยู่ภายในกำลังทำท่าจะไหลออกมาซะให้ได้ ผมเลยเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง
“ไอ้ห่า กูยังด่าไม่จบ ลุกขึ้นมาให้กูด่าก่อน!” ยังอยากจะห่ากูอีกงั้นหรอ
ก็ได้
“เชิญ...อยากด่าเท่าไหร่ก็เชิญ” ผมบอกกับอีกคนอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวเอง
เหนื่อย...เหนื่อยเกินไปแล้ว
“นี่มึงท้ากูเรอะ...นี่มึงกล้าท้ากูเรอะไอ้ห่า!”
“อืม” อยากคิดอะไรก็คิด
“ไอ้สัด! กูยิ่งไม่มีแรงอยู่นะเว้ย อย่ามาซ่ากับกูนะ!” เสียงมันดูวีนแตกมากเลยครับ มันคงจะถึงจุดสุดยอดของมันแล้วล่ะ ผมเลยค่อยๆพลิกตัวกลับไปหามันแล้วมองใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำกว่าเดิมนั้น
เหมือนพิษไข้มันจะกำเริบ
“งั้นก็อย่ามายุ่งกับกูสิ อยากจะไปทำอะไรหรือบอกรักใครก็อย่ามายุ่งกับกู”
“พูดเรื่องเหี้ยอะไร” มันคงงงในสิ่งที่ผมพูด สีหน้ามันถึงงุนงงขนาดนั้น แต่ผมก็ทำเป็นนิ่งไม่พูดอะไรต่อ จนอีกฝ่ายเดินมานอนบนเตียงข้างๆผม
“กูพอเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วล่ะ เหมือนมึงจะได้ยินที่กูพูดกับไอ้เฮียร์สินะ” มันถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆด้วย
“กูไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับความรักของพวกมึงหรอก กูไม่ได้เป็นอะไรกับพวกมึงนี่”
“ไอ้ห่า พูดเหี้ยไรวะ พูดแต่ละคำนี่ไม่เกี่ยวอะไรกับที่กูพูดเลย มึงนี่โง่หรือแกล้งโง่วะไอ้สัด”
หือ ยังกล้ามาด่ากูอีกนะมึง เออ...ใครจะไปฉลาดแบบมึงล่ะไอ้ห่า
“กูไม่ได้โง่ ถ้ากูโง่...กูก็คงไม่รู้ว่าพวกมึงรักกัน”
จี๊ด
เหี้ย...โคตรจี๊ดอะ จี๊ดแม่งเหี้ยๆเลยสัด
“ฮ่าๆ งั้นหรอๆ” แต่แล้วไอ้เด็กเวรด้านข้างก็ดันหัวเราะใส่ผม ผมนี่แทบอยากจะกระโดดถีบใส่หน้ามันเหลือเกิน แต่ก็ทำได้แค่หันไปจิกตาใส่เท่านั้น
“หยุดหัวเราะกูนะ”
“เออๆ ก็ได้ๆ กูเข้าใจ...ว่ามึงเขิน” เขินเหี้ยไร กูกำลังจะขึ้นเว้ย อารมณ์อยากเตะปากคนเนี่ย
“.......” แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ มันเองก็คงรู้ว่าผมไม่เล่นด้วยแล้ว เลยค่อยๆเกริ่นกับผมเบาๆ
“เอาน่าๆ อย่าคิดอะไรให้มากเลย กูกับมันรักกันก็จริง แต่รักแบบเพื่อนนะ เพื่อนที่เหมือนพี่น้องกันน่ะ”
อะไรนะ!
“มึงพูดบ้าอะไร” มันยังไม่เข้าใจ
“กูรักมันแบบน้องกู เพราะกูกับมันรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ คราวนี้มึงจะเลิกคิดมากได้ยัง”
ตึกตักๆ
สัด!
“มึง...หลอกกูหรอ” อย่านะเว้ย อย่าหลอกกูนะไอ้ห่า กูไม่ยอมนะเว้ย
“หลอกทำเหี้ยอะไร ถึงแม้ว่ากูจะรักมันแบบที่มึงคิด แต่มันก็ไม่รักกูหรอก เพราะมันรักมีคนรักอยู่แล้ว”
คนรัก?
“ใคร...คนรักของมัน” ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันทำให้ผมรู้สึกแย่ยังไงก็ไม่รู้
ถึงปากจะถามออกไป แต่ใจมันไม่อยากจะรู้คำตอบสักนิด เพราะมันอาจจะทำให้ผมช็อกก็ได้
“อยากรู้ก็ไปถามมันดิ มันอยู่ที่สวนหลังตึกน่ะ”
“แล้วมึงมาบอกกูทำไม”
“ก็มันกำลังเป็นบ้าไงวะ แม่งเสือกยอมไปกับไอ้ประธานนั่น มันโกรธจนพังล็อกเกอร์ชมรมไปสามตู้แล้ว”
ห๊ะ!
มันโกรธหรอ จะโกรธผมทำไม
“มันจะโกรธกูทำไม ก็ในเมื่อมันไม่สนใจกูเลยสักนิด” ตอนนั้น....มันทำแค่มองเท่านั้น
สายตาที่ไร้ความรู้สึกแบบนั้น
“มันแบกกูอยู่นี่ แล้วอีกอย่าง...กูห้ามไม่ให้มันไปช่วยเองแหละ เพราะเด็กพี่มึงกำลังมองพวกกูอยู่ ถ้ามันไปช่วยมึง...มันโดนพี่มึงกระทืบอีกแน่”
ผมฟังแล้วก็อึ้ง เพราะพี่ถ่านอีกแล้วหรอ ทำไมพี่ถึงกล้าทำเรื่องบ้าๆแบบนี้โดยไม่คิดจะกลัวอะไรเลย นี่พี่ใช่พี่ถ่านของผมจริงๆรึป่าว
“ไอ้เจมส์ แล้วกูต้องทำยังไง พี่ถ่านถึงจะเลิกยุ่งกับพวกกู” มันไม่ทำไมผมถึงถาม แต่ในความรู้สึก...ผมว่ามันอาจจะช่วยผมได้
“มีอยู่สองทาง” ใบหน้าน่ารักช่างคิดอยู่สักพัก ก็เอ่ยปากกับผมอย่างเย็นชา
“อะไร บอกกูมาเลย กูจะทำทุกอย่าง” เพราะกูอยากจะให้ไอ้เฮียร์เลิกเจ็บตัวสักที
“หนึ่ง...เลิกยุ่งกับมัน”
“ห๊ะ! ไม่มีทาง กูไม่มีทางเลิกยุ่งกับมันแน่!” เรื่องอะไรกันวะ ฝันไปเถอะ
ผมร้องเสียงหลงแบบไม่ต้องคิด จนอีกฝ่ายมันมองด้วยสายตาขบขันก่อนที่มันจะหัวเราะใส่เล็กน้อย ผมก็เลยต้องหันหน้าหนีเพื่อหลบสายตามัน แต่มันกลับดันหน้าผมให้หันมามองตามันเหมือนเดิม
“หึ กูรู้เว้ย ถึงมึงจะเลิกยุ่ง แต่ไอ้ห่านั้นไม่ยอมเลิกยุ่งกับมึงหรอก หลงซะขนาดนั้น” ประโยคสุดท้ายนี่เล่นเอาจุกเลยครับ แถมทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆด้วย
“แล้วอย่างที่สองล่ะ” ผมเลยตัดบทมันเพราะตัวเองไม่สามารถเถียงอะไรได้ อีกคนก็คงรู้เลยยิ้มใส่ผมก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเฟื้อย
“วิธีนี้มันพูดเหมือนง่ายนะ แต่กูว่า...โคตรยากอะ”
วิธีอะไร
“บอกมาดิ เผื่อกูทำได้” กูพร้อมจะทำทุกอย่างเลยนะ
“วิธีนี้...มีชื่อว่า” พอไอ้เจมส์มันฟังผมเสร็จ ก็ค่อยๆบอกชื่อวิธี...แต่เล่นเอาใจผมสั้นแปลกๆ
“ชื่อว่า....” อย่ามาลากเสียงยาวน้ามึง กูยิ่งใจไม่ดีอยู่
“อันธพาลพิชิตอันธพาล”
หือ....
“งง สัดๆ เลยว่ะ”
วิธีเหี้ยอะไรของมึงอีกวะ
มันจะรอดมั้ย...แค่ชื่อกูก็งงแล้วเถอะ!
“ไม่ต้องมาทำหน้างงเว้ย...เอาหูมา” ฝ่ามือเล็กควักเรียกให้ผมเอาหูเข้าไปใกล้ ผมเองก็ทำตามก่อนที่มันจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้...แล้วเริ่มกระซิบวิธีของมันให้ผมฟังช้าๆ
“มึงก็แค่....”
“สัด! เอาจริงหรอวะ!”
เหี้ยเอ้ย! จะรอดมั้ย! วิธีของมึงเนี่ย!
อันธพาลพิชิตอันธพาล
"ตามตรงนะไอ้ห่าเจมส์....พี่กูฉลาดกว่าที่มึงคิดเยอะ" ไม่มีทางที่คนอย่างพี่ถ่านจะมาหลงกลใครได้ แม้กระทั่งมึง
แต่พอผมพูดไปแบบนั้น มันกลับส่ายหัวเหมือนเอื่อมระอาผมเต็มทน ก่อนที่มันจัใช้มือขาวๆมาตบหน้าผมเบาๆสิงสามที
"เพราะกูรู้ว่ามันฉลาดไง กูถึงต้องมานั่งขอให้คนโง่ๆอย่างมึงช่วย"
จึก!
"อื่อหือ...จี๊ดแปลกๆว่ะ" สัด!เหมือนโดนตีนลูบหน้าเลยว่ะ
มึงคงไม่ได้ด่าว่ากูโง่ใช่มะ...บอกกูทีสิ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
140707
สองเคะวางแผนไรกันอะ บอกกันมั่งสิ ห้าๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ