Overnight คืนนี้กับ 4 หัวใจของยัยวายร้าย

9.6

เขียนโดย LazyGirl

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.34 น.

  32 บท
  189 วิจารณ์
  46.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 10.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) ไม่รู้จะขอบคุณยังไง...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“ต่อให้โลกสลาย หายไปกับตา

ต่อให้ดาวบนฟ้า ลบเลือนห่างไกล

ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม

ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ

 

เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว

จะไม่มีความเหงาเข้ามากล่ำกลาย

เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม

สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป…”

 

                “ว้าว!! เพราะมาก!!” 

                “เพลงนี้ร้องให้ร็อคใช่เปล่า >O<”

                เเหม...คนพวกนั้นก็ไม่ได้โง่นี่นา ดูออกด้วยว่าฉันร้องเพลงนี้ให้ใคร โฮะๆ

                “ที่ฉันถูกเรียกตัวมาร้องเพลงในวันนี้เพราะหัวหน้าวงไม่ว่าง ไม่คิดเลยนะว่าจู่ๆจะโผล่มาแบบนี้ ฉันนึกว่าเธอกำลังขายปีกไก่ปิ้งอยู่ซะอีก ฮ่าๆ” ดินสอที่รับหน้าที่เป็นพิธีกรชั่วคราวพูดแซวตามสคริปทำเอาคนอื่นๆหัวเราะกันเป็นแถว ทำไมอีตาเบสต้องเขียนสคริปเอาฮาแบบนี้ด้วยนะ ไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลย

                “เพราะทุกคนช่วยอุดหนุนต่างหากถึงได้ขายหมดแบบนี้ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะ ^O^” ฉันยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณทุกคน ถ้าไม่มีพวกนี้คงไม่มีฉันบนเวทีในตอนนี้ =_=^

                “ได้ข่าวว่าเพลงนี้ทิงเจอร์เป็นคนเลือกเองเลยนี่นา ดีนะที่มาร้องทัน”

                “จะไม่ทันได้ยังไงล่ะ ฉันตั้งใจเลือกเพลงนี้ให้คนสำคัญเชียวนะ” ฉันพูดพลางปรายตามองไปยังคนที่ยืนข้างล่างเวทีคนหน้าสุด และเขาคนนั้นก็ส่งยิ้มให้อย่างเขินๆ

                “ว้าวววว”

                “คู่นี้เขาหวานกันออกสื่ออีกแล้ว >O<”             

                เสียงตะโกนด้วยความอิจฉาดังไปทั่ว แฟนน่ารักๆที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใจคนที่เรารักอย่างฉันหายากนะจะบอกให้ ฮุฮุ

                “ฉันมอบเพลงนี้ให้กับคนสำคัญคนหนึ่ง และทุกคนคงรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร” ฉันพูดออกไมค์อย่างยิ้มๆแล้วมองผู้คนมากมายที่ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวหน้าเวที

                “ช่ายยยยย พวกเรารู้!”

                “ร็อคใช่เปล่า >O<”

                “ใช่…เขาคนนั้นคือร็อค ชายคนที่ฉันคบเป็นคนแรก"...ฉันเงียบไปชั่วครู่เพื่อให้ทุกคนสนใจ

                "เราอาจจะสร้างความวุ่นวายและทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ฉันก้มหัวให้กับทุกคนจนเกิดเสียงฮือฮาออกมาเป็นเเถวๆ คงไม่คิดล่ะสิว่าฉันจะขอโทษใครต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้…ฉันก็เป้นคนมีความคิดเหมือนนกันะน ถึงเเม้จะคิดช้าหรือคิดได้ทีหลังก้เถอะ แต่มันก็ไม่สายไปที่จะขอโทษไม่ใช่เหรอ 

                ฉันมันชอบทำให้คนอื่นคิดมากจริงๆ เป็นตัววุ่นวายพาทุกคนเดือดร้อนไปหมด

                “แต่ทั้งหมดที่ทำคือความรักที่ฉันมีต่อร็อค” เมื่อฉันพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ความเงียบก็เข้าเล่นงาน…ไม่มีเสียงใดทั้งสิ้นแม้กระทั่งเสียงของผู้ชม คนข้างๆที่เป็นพิธีกรชั่วคราวก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน

                “ทำขนาดนี้แล้วอย่าทำให้ฉันต้องปวดหัวเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกเลยนะ….ฉันขอยกเลิกกฎที่เราตั้งขึ้นมา"

                เพราะกฎบ้านั่น...

                "ฉันรักนายนะร็อค..” ฉันปล่อยให้ตัวเองพูดไปตามความรู้สึก เรื่องที่เพื่อนห่วงมากที่สุดอาจจะเป็นเรื่องกฎนั่นได้ ถ้าไม่มีตั้งแต่แรก ฉันคงไม่ต้องมาไล่ตีชาวบ้าน ไม่ต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาท แค่ทำให้ชีวิตรักของเราดำเนินไปเหมือนอย่างคู่อื่นๆก็พอแล้ว…ไม่จำเป้นต้องโดดเด่นเพื่อซื้อใจเขา เเค่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ก็พอ ถ้าเราซื่อสัตย์และรักกันจริง กฎแบบนั้นมันไม่จำเป็นหรอก

                “ว้าวววว ปรบมือสิครับ รออะไรอยู่” เบสเดินขึ้นเวทีพร้อมกับเสียงว้าวปรบมือแปะๆ

                “กรี๊ดดดดดดด!! ทิงร็อค FC >O<”

                “น่ารักมากกกกกก”

                “ที่เหลือก็ดูว่าร็อคเขาจะเข้าใจในสื่งที่เธอสื่อหรือเปล่า ทำได้ดีมาก” เบสก้มลงกระซิบข้างหูแล้วยกมือขึ้นลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน นี่ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ -_-

                “ช่วงเวลาแห่งความรักก็จบลงแล้ว ปล่อยให้ทั้งสองคนไปเคลียร์กันเองดีกว่าเนอะ ^O^” เบสวิ่งไปหน้าเวทีแล้วตะโกนใส่ไมค์เรียกความคึกครื้นแก่ผู้ชมทั้งหลาย

                “เอ้า หมดเวลาของเธอแล้ว ลงไปซะสิ”

                “ไล่กันแบบนี้เลยเหรอเบส -_-” อีหมอนี่ชอบพูดจากวนประสาทอยู่เรื่อย แกกล้าไล่คนสวยลงจากเวทีได้ยังไงยะ!

                “อ้าว ฉันนึกว่าเธอจะลงไปจู๋จี๋กับร็อคซะอีก ก็ตามสคิปที่เราเตรียมมาเธอร้องแค่เพลงนี้เพลงเดียวไม่ใช่เหรอ?” นายเบสยักคิ้วกวน ทำหน้าแบบนั้นต้องการรองเท้าไปคาบใช่ไหม?

                “นี่!! เบสพูดเรื่องสคริปออกสื่อได้ยังไงคะ อายเค้า >_<” ดินสอรีบวิ่งเอามือมาปิดปากนายเบสทันที นั่นสิ ไปพูดเรื่องสคริปออกสื่อทำไม เดี๋ยวคนอื่นเขาก็รู้กันหมดหรอก =_=

                แต่การพูดผิดบทของหมอนี่ได้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้คนมากมาย ลืมไปเลยว่าอีตาเบสถนัดเรื่องสร้างเสียงหัวเราะ  ถึงแม้เขาจะเป็นพวกห้าวชอบเรื่องชกต่อยเป็นชีวิตจิตใจก็เถอะ -_-

                “ตกลงยังไงจ๊ะคนสวย?” หมอนั่นเอียงคอถามฉันอย่างกวนประสาท ถ้ายังไม่เลิกทำกิริยาแบบนั้นได้เจอรองเท้าส้นตึกของฉันแน่! -_-^

                “ฉันจะร้องกับนาย…ไม่สิ กับวงนี้…เป็นครั้งสุดท้าย” สิ้นประโยค เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นราวกับเกิดแผ่นดินไหวยังไงยังงั้น 

                และฉันก็ถนัดทำเรื่องน่าประหลาดใจเหลือเกิน -_-

                “อะไรนะ! ทิงเจอร์บอกจะร้องเป็นครั้งสุดท้ายเหรอ!”

                “หมายความว่ายังไง?”

                คำถามมากมายเกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาทั้งหลายตะโกนถามอย่างสงสัย

                “ยัยบ้าทิงเจอร์ ที่พูดนั่นหมายความว่ายังไง!!” ไม่แม้แต่กระทั่งนายหัวหอม เขาก็โวยวายเหมือนคนอื่นๆ ยัยดินสอที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้พูดอะไรแต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่อยากรู้…

                “ฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นหัวหน้าวง เพราะฉะนั้นฉันขอมอบหน้าที่หัวหน้าวงให้เบส ฉันจะให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบ และพาคนอื่นๆไปถึงฝั่งฝันให้ได้ นายจะรับปากฉันได้หรือเปล่า?” ฉันหันหน้าไปถามเบสที่ยืนเกาหัวอยู่ข้างๆ นายน่ะเหมาะที่สุดแล้ว…

                “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะเธอบริหารไม่ได้เรื่องเลย” เขาคลี่ยิ้มออกเล็กน้อยก่อนจะผลักหัวฉันด้วยนิ้วชี้ ทำไมอีตานี่ชอบเล่นหัวคนอื่นอยู่เรื่อย เห็นฉันเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้วทำไมต้องประจานเรื่องๆแย่ของฉันต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ด้วยนะ ไอ้คนปากเสีย!

                “เอ้า! อดีตหัวหน้าวง PLSTER ขอร้องเพลงต่ออีกหน่อย แล้วเราจะรออะไรอยู่ล่ะ มาเริ่มกันเล้ย!!”

                “วู้วววว!!!” จากความตกใจกลายเป็นความคึกครื้น เสียงเฮฮาเกิดขึ้นอีกครั้งด้วยทักษะการสร้างความสนุกของเบส เขาเป็นผู้นำที่ดีจริงๆนั่นแหละ

                แล้ววันนั้นฉันก็ร้องเพลงบนเวทีกับ เบส ดินสอ และวง PLASTER เป็นครั้งสุดท้าย ระเบิดความมันออกมาจนถึงขีสุด ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นที่ประทับใจและอยู่ในความทรงจำของทุกคน เป็นครั้งแรกที่เหงื่อไหลออกมามากขนาดนี้ นี่เป็นความสุขที่ไม่อาจลืมได้ ลาก่อน PLASTER…

                หวังว่านายจะไปถึงฝันนะ…

 

 

                22.39

                บ้านหัวหอม

                “เอ้าฉลองง!!!”

                เคล้งง

                เสียงแก้วกระทบกันพร้อมกับเสียงตะโกนของหัวหอม ตอนนี้เราทั้งหมดวง PLASTER ยัยหัวเห็ด นายหัวหอม ดินสอ เบส ร็อค และฉัน ได้มารวมตัวที่บ้านอันกว้างใหญ่ที่ร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าพอแม่ 

                นายหัวหอมจัดว่าเป็นคนมีฐานะระดับหนึ่ง น่าเศร้าที่วันหยุด 31 ธันวาคม พ่อและแม่ของหัวหอมต้องไปสัมนาต่างจังหวัด บ้านอันกว้างขวางก็เลยร้างอย่างที่เห็น แต่มันก็ดีสำหรับเด็กๆอย่างพวกเรา ถือโอกาสที่ท่านผู้ปกครองไม่อยู่จัดปาร์ตี้ขนาดหย่อมๆที่มีแค่คนรู้จักเท่านั้นที่มาสังสรรค์ร่วมกัน คนเยอะมันน่ารำคาญนี่นา คนยิ่งเยอะเรื่องยิ่งมาก เผลอๆยัยลีนาฝรั่งขี้นกอาจจะมางานนี้ด้วยก็ได้ เกลียดขี้หน้ายัยนั่นจะตาย -_-

                “เธอมาบ้านแฟนฉันได้แบบนี้ขอแม่มาแล้วใช่ไหม เอิ๊ก” ยัยหัวเห็ดสะอึกเหล้าอ้าแขนคล้องคอฉัน ยัยนี่ไปไวกว่าที่คิดแฮะ สงสัยจะถูกอีตาหัวหอมมอมแน่เลย ร้ายชะมัด

                “ถ้าไม่ขอก็คงมาไม่ได้หรอก เธอถามฉันแบบนี้ประมาณ 20 ครั้งได้ เมาแล้วใช่ไหมเนี่ย -O-” ฉันผลักหัวยัยขี้เมาออกไปไกลๆ ตัวยัยนี่เริ่มสาบเหล้าแล้วเดี๋ยวกลิ่นมันจะติดตัวฉัน =_=

                อ้อ ก่อนที่จะเริ่มปาร์ตี้ ฉันจัดการอาบน้ำแต่งตัวหวีผมหวีเผ้าให้มันเรียบร้อยก่อน  ฉีดน้ำหอมเข้าไปหน่อยเป็นเสน่ห์ดึงดูดชายอันเป็นที่รัก อยู่หน้าเตาไฟหน้ามันมาทั้งวันแล้วขอสวยบ้างเถอะ! หลายคนคงจะสงสัยว่า ‘กลัวตัวเหม็นแล้วทำไมยังมาดื่มเหล้าอีก ยิ่งดื่มมันก็ยิ่งมีกลิ่นติดตัวไม่ใช่เหรอ?’ ฉันจะคลายความสงสัยนั้นให้เอง (ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครสงสัยก็เถอะ -_-) เพราะฉันยังไม่อยากเหม็นกลิ้นเหล้าถึงได้มายืนอยู่ที่ซุ้มฟรุตพันซ์กับดินสอ ถึงแม้พันซ์จะมีเหล้าผสมอยู่บ้างแต่กลิ่นมันก็ไม่แรงเท่าเรด กับ แอปโซลูดที่พวกนั้นดื่มกันหรอก เครื่องดื่มบ้าอะไรก็ไม่รู้กลิ่นอย่างกับดินน้ำมัน แค่ได้กลิ่นก็อยากอ้วกแล้ว แหวะ!

                “เธอไม่อยากเมากับพวกนั้นเหรอ?” ดินสอเอ่ยถามพลางชี้นิ้วไปทางเบส หัวหอม หัวเห็ด และร็อคที่กำลังกะโกนคุยกันเสียงดัง

                “ฉันกลัวสมองไปก่อนเที่ยงคืนน่ะ รอเคาท์ดาวน์ค่อยไปดื่มกับพวกนั้นก็ได้ ฉันไม่รีบ” ฉันตอบแล้วยกแก้วตัวเองขึ้นจิบ รสชาติถือว่าใช้ได้ แต่มันขมไปหน่อย สงสัยจะขมมะนาว -_-

                “เธอล่ะไม่อยากเมาบ้างเหรอ?" ฉันถามกลับ

                “ไม่ล่ะ ฉันไม่ดื่ม อีกอย่างต้องเฝ้าหัวเห็ดด้วย ดูท่าจะเมาแล้วนะ” ดินสอหัวเราะเล็กน้อยพลางชี้ไปทางเพื่อนตัวดีที่กำลังเต้นท่าอีกาออกจากรัง น่าอายชะมัด =_=

                “โธ่เอ๊ยยย ยัยสองคนนี้ทำไมมายืนตรงนี้เหมือนเพื่อนไม่รักอย่างนั้นล่ะ เอ้า มานี่ๆ มาล้อมวงคุยกันเถอะ” เบสที่ดูเหมือนจะเมาแต่ก็ไม่เมา หมอนั่นลากแขนฉันกับดินสอเข้าไปในวงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เอ๊ะ! อีหมอนี่แพ้แอลกอฮอล์ไม่ใช่เหรอ! -O-

                “เบส นายไหวไหมเนี่ย? หน้าแดงหมดแล้วนะ” หน้าแดงแบบแดงโคตรน่ากลัวเลย ถ้าฉันไม่รู้จักอีตานี่คงคิดว่าเขาเป็นโรคผิวหนังประหลาดแน่ๆ หน้าแดง แขนแดง เขาดื่มยาพิษหรืออะไรเข้าไปกันแน่

                “ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันไม่เคยแพ้แอลกอฮอล์ มีแต่แอลกอฮอล์ที่แพ้ฉัน ฮ่าๆ” สมองอีตานี่คงบินไปไกลแล้วล่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ เพ้อเจ้อ =_=

                “เธอยังไม่เมาใช่ไหม?” ร็อคเข้ามาโอบเอวแล้วก้มลงกระซิบถามที่ข้างหู

                “นายเห็นฉันกินอะไรล่ะ จะเมาได้ยังไง” ฉันยกแก้วฟรุตพันซ์ให้เขาดู แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเมาหรอก

                “สองคนนี้เผลอแป็บเดียวไม่ได้เลยนะ สวีทกันอีกแล้ว แหม…” หัวหอมออกปากแซวแล้วตบบ่าร็อคดังตุบ

                “เบาๆเพื่อน เมาแล้วมือหนักเหมือนกันนะ -_-” ร็อคปัดมือหนาของหัวหอมออกจากไหล่ของตัวเอง

                “เฮ้ย พูดจาให้มันดีๆหน่อย ฉันยังไม่เมา แค่ไม่เหมือนเดิม ฮ่าๆ” พูดจบ อีตาหัวหอมก็ยกแก้วขึ้นดืมต่อ โอ๊ย! สภาพแบบนี้จะดูแลยัยหัวเห็ดไหวไหมเนี่ย

                “ทิงเจอร์ พวกเราเป็นห่วงเธอมากขนาดไหนคงรู้แล้วใช่ไหม?” จู่ๆเบสที่สมองบินไปไกล ไปทำอีท่าไหนไม่รู้สมองถึงกลับเข้าที่เดิมแล้วพูดจาเหมือนคนมีสติดี

                “อืม…ฉันขอโทษที่ทำให้พวกนายต้องคิดมากนะ ต่อไปนี้ฉันจะรับฟังข้อผิดพลาดของตัวเองที่พวกนายบอก จะฟังคำตักเตือนของพวกนายโดยไม่โวยวาย…จะพยายามก็แล้วกัน” ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวก็เถอะ แต่ถ้าเป็นคำพูดของเพื่อนที่ฉันรักอย่างพวกนายฉันก็พร้อมที่จะเปิดใจฟัง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่รำคาญความหวังดีเหล่านั้นอีก!

                “พูดเรื่องอะไรกัน ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ร็อคขมวดคิ้วสงสัยแล้วมองทุกคนไปมา

                “ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังนะ” ฉันจับมือเขาแล้วบีบมันเบาๆพลางส่งยิ้มให้ เรื่องของเราไว้ค่อยคุยกันสองคน เรายังไม่เคลียร์เรื่องกฎนั่นเลย ยังไม่รู้เลยว่าร็อคเห็นด้วยหรือเปล่า…

                “เออ พวกแกสองคนรักกันแบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันกับหัวหอมจะได้สบายใจ เอิ๊ก!” ยัยหัวเห็ดเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งที่สภาพดูไม่ได้ซะขนาดนั้น ปวดหัวกับเพื่อนคนนี้มาก -_-

                “ร็อค แกดูแลยัยทิงดีๆล่ะ คบกันมาก็นานแล้ว จะครบ2ปีแล้วด้วย ช่วยกันประคับประคองชีวิตรักให้ราบรื่น เวลาทะเลาะกันก็อย่าใช้อารมณ์ มีมือที่3ก็อย่าใช้กำลังตัดสิน ที่สำคัญพวกเธอยกเลิกกฎบ้าบอนั่นซะ เข้าใจไหม?” หัวเห็ดจับบ่าทั้งสองข้างของร็อคและมองเข้าไปในดวงตาของเขาเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ

                “หัวหอม…ฉันว่านายเมาแล้ว ไปนอ-”

                “รับปากฉันก่อนว่าจะยกเลิกไอ้กฎบ้านั่น!” หัวหอมไม่ฟังสิ่งที่ร็อคพูด เขาต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้

                “ถ้านั่นเป็นความสุขของทิงเจอร์ ฉันก็พร้อมจะทำมัน นายก็รู้ว่าฉันรักทิงเจอร์มาก ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อทิง” ร็อคมองดวงตาสีดำของหัวหอมกลับด้วยดวงตาที่จริงใจของตัวเอง

                หัวหอมเงียบไปสักพักก่อนจะคบี่ยิ้มออกมา...

                “ดีมากเพื่อนรัก! รักกันเหมือนอย่างที่ฉันรักยัยหัวเห็-”

                “อ้วกกกกกก!!!!!!”

                เสียงอ้วกดังเท่าคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่พัดพาบรรยากาศดีๆหายไปจนหมด ให้ตายเถอะ ใครมาอ้วกเวลานี้กันนะ!

                “อ๊ะ!! หัวเห็ดเป็นอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวฉันไปหาน้ำมาให้นะ” ดินสอที่รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ยัยหัวเห็ดขี้เมารีบวิ่งไปหาน้ำมามากรอกปากให้เพื่อนทันที ทำไมถึงเมาไวขนาดนี้เนี่ย นี่ยังไม่ 5 ทุ่มเลยนะ

                “โอยยย ฉันก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เบส พาฉันไปเข้าห้องน้ำที…” หัวหอมที่มีดวงตาเยิ้มเคลิ้มผิดกับตอนที่คุยเรื่องของฉันกับร็อคเมื่อกี้ หมอนั่นโบกมือไปมาตามหาที่ยึดเพื่อให้ร่างกายทรงตัวอยู่ได้ ตัวก็ใหญ่ เดินเซแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้มหรอก -O-

                “มาๆ เดี๋ยวฉันพาแกไปห้องน้ำเอง เฮ้อ…ผัวเมียคู่นี้โคตรเหมือนกันเลยว่ะ” เบสบ่นอุบอิบแล้วจับหัวหอมที่ยืนพิงพนังให้ยืนดีๆ

                “เอาน่า นานๆที ฮ่าๆ”

                แล้วทั้งสองคนก็หายเข้าไปในบ้าน เหลือแค่ฉันกับร็อคทื่ยืนท่ามกลางดวงดาวและเสียงดนตรีที่ลอดออกมาจากลำโพง

                “นี่…เธอจะออกจากวงจริงเหรอ?” ร็อคพูดขึ้นแล้วมองไปยังสมาชิกวงคนอื่นๆที่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนาน

                “อืมใช่…ก็อย่างที่นายได้ยินเมื่อตอนอยู่บนเวที ฉันมันมีคุณสมบัติไม่พอ” พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ความรู้สึกผิดที่มีอยู่ในใจก็บังคับให้กดหัวตัวเองให้ต่ำลง

                “ดูเธอไม่ค่อยใส่ใจเลย โลโก้หรือสโลแกนของวงก็ยังไม่สน”

                “เธอเป็นคนก่อตั้ง เป็นคนเริ่มต้น แต่ไม่เคยสนใจ เธอจะสนก็ต่อเมื่อมีงานสำคัญ”

                “ที่บอกว่างานสำคัญน่ะ หมายถึงวันสำคัญแค่ของเธอกับร็อคสองคนเท่านั้น”

            คำพูดของเบสมันลอยเข้ามาในหัว เขาเหมือนจะพยายามบอกฉัน ว่าที่ฉันสร้างวงนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการซื้อใจร็อค สร้างในขึ้นมาเพื่อเป็นข้อผูกมัด…และเอาความฝันของทุกคนมาเล่นทิ้งขว้าง

                “ไอ้เบสมันพูดอะไรให้เธอฟังใช่ไหม!” เขาหันไปมองเบสที่เพิ่งเดินไปส่งหัวหอมด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

                “เปล่า…ไม่ใช่สักหน่อย…ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ” ฉันเอื้อมมือไปดึงแขนเขาไว้เพื่อบอกให้ใจเย็นลง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น มันเป็นที่ตัวฉันเอง

                “แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับบทเพลงที่เธอตั้งใจร้องให้ ฉันไม่ได้ยินเสียงของเธอนานมาก ยังเพราะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย ฉันละสายตาจากเธอไม่ได้จริงๆ” ร็อคกุมมือฉันแน่นแล้วจ้องเข้ามายังนัยน์ตาสีดำสนิทของฉัน

                “ไม่ต้องมาชมเลย ฉันก็ตั้งใจร้องเพลงทุกเพลงให้นายฟังนั่นแหละน่า จำไว้ด้วยว่านายเป็นคนแรกที่ได้ยินฉันร้องเพลง และก็เป็นคนแรกที่ฉันร้องให้ด้วย ดีใจซะ!” ฉันก้มหน้างุดเพราะจู่ๆก็รู้สึกเขินอายดวงตาเจ้าเลห์นั้นขึ้นมา >_<

                “รู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำ ฉันรู้เสมอว่าบทเพลงที่เธอร้องออกมาไม่ว่าจะเพลงไหนก็ตาม เพลงเศร้าหรือเพลงรัก เพลงทุกเพลงที่เธอเปล่งเสียงออกมาเธอตั้งใจร้องให้ฉันฟัง เพราะฉะนั้นฉันถึงได้ตั้งใจฟัง…เสียงของเธอ” เขาพูดต่อและก้มหน้าลงมาเรื่อยๆ

                “ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว เราไปจากตรงนี้กันเถอะ” จู่ๆเขาก็คว้ามือแล้วจูงไปทางประตูบ้าน

                “เดี๋ยว จะไปไหน? งานเลี้ยงยังไม่เลิกเลยนะ”

                “ไปที่ที่มีแต่เรา ฉันอยากอยู่เคาท์ดาวน์กับเธอแค่2คน” เขายิ้มให้ฉันก่อนเราจะเดินมาถึงหน้ารถ bigbike ขนาดใหญ่สีเหลือง

                “เอ้า ใส่ซะ” เขาขึ้นควบรถแล้วส่งหมวกกันน็อคให้ฉันสวม ดึกขนาดนี้คงไม่มีตำรวจมาตั้งด่านหรอกมั้ง…แต่ใส่กันไว้ก่อนก็ได้ อีหมอนี่ขับรถน่ากลัวจะตายไป กันไว้ดีกว่าแก้ =_=

                “แล้วเราจะไปไหน?” คำถามนี้เกิดขึ้นอีกครั้งก่อนที่ฉันจะขึ้นไปนั่งข้างบนไอ้รถคันสีเหลืองนี่

                “น่า…ขึ้นมาเถอะ เธอขี้สงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” โธ่! ก็คนมันอยากรู้นี่ แต่เอาเถอะ ทำตามที่บอกก็ได้ ฉันทำมุ่ยไม่สบอารมณ์ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วขึ้นควบซ้อนท้ายโดยไม่บ่นสักคำ ดีนะที่วันนี้ฉันใส่กางเกงมา ถ้าใส่กระโปราคงต้องลำบากในการนั่งมากแน่ๆ

 

 

                ลมเย็นยามค่ำคืนกระทบกับแขนจนรู้สึกเย็นไปหมด รอบตัวมีแต่ต้นไม้และภูเขา ไม่มีแสงไฟใดนอกแสงจากไฟหน้ารถของเขา เขาขับรถไปตามทางเรื่อยๆไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ไปไหนกันนะ อยากรู้ชะมัด

                “เอ้า ถึงแล้ว” เมื่อรถจอด ฉันก็ทึ่งกับความสวยงามตรงหน้า

                “ว้าว! นายรู้จักที่นี่ได้ยังไง” ฉันอุทานออกมาพร้อมกับเบิกตากว้างชื่นชมความงามของเมืองยามราตรี แสงไฟส่องประกายจากทุกพื้นที่เหมือนกับอัญมณีมีค่าที่คอยส่องแสงระยิบระยับ

                “อ๊ะ!! นั่นมันบ้านของหัวหอมนี่” ฉันชี้ไปทางบ้านทรงไทยสีน้ำตาลอ่อน มองจากมุมนี้เหมือนบ้านของอีตานั่นเล็กนิดเดียวเลยแฮะ

                “นี่คือภูเขาที่สูงที่สุดของเมืองนี้ ยังมีจุดชมวิวอื่นๆอีกนะ แต่คนมันเยอะ ฉันไม่อยากพาเธอไปเท่าไหร่” เขาพูดแล้วขับรถไปข้างหน้าต่อ

                “เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลยนะ” ให้ตายเถอะ นายไม่รู้หรือยังไง เวลาที่ผู้หญิงเจอสิ่งสวยงามพวกนางจะไม่พลาดที่จะเก็บรูปมันไว้ ฉันจะถ่ายรูปมัน T^T

                “ไว้ฉันพาเธอมาวันอื่นก็ได้ เราไปที่บ้านกันก่อนเถอะ”

                “บ้าน?” ฉันทวนคำพูดของเขาอีกครั้ง บ้านที่ว่าหมายถึงอะไร

                “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองล่ะน่า” จบประโยคนั้นก็ไม่มีประโยคใดออกมาจากปากของเขาอีกเลย คิดจะเล่นเป็นใบ้กับฉันหรือไงเนี่ย =_=

                ไม่นานรถคันใหญ่ก็ดับนิ่งหน้าบ้านต้นไม้หลังหนึ่ง มันเป็นบ้านไม้เก่าๆดูน่ากลัว มันคงสวยมากถ้าตั้งเป็นสง่าในตอนเช้า ตามทางเดินมีเเสงไฟสลัวๆทำให้เห็นบ้านชัดขึ้น มันเป็นบ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ในที่แคบๆ

                “เข้าไปข้างในกันเถอะ”

                “นี่…ที่ไหน?” ฉันยังไม่กล้าเดินเข้าไป ก็มันน่ากลัวนี่ แถมยังไม่รู้เลยว่าที่นี่มันที่ไหน อะไรก็ดูเป็นปริศนาไปหมด =_=

                “ฉันเช่าบ้านต้นไม้หลังภูเขาของไอ้หัวหอมน่ะ เวลาเบื่อๆเซ็งๆก็มาอยู่ที่นี่แหละ”

                “ทำไมนายไม่เคยบอกฉันเลยล่ะ?”

                “ก็กะมาเซอร์ไพร์วันนี้ไง เลิกถามมากแล้วเข้าไปข้างในกันเถอะ” เขาจับข้อมือแล้วลากลงจากรถ

                เมื่อเดินมาตามทางก็จะเจอกับบันไดบ้าน3ขั้น ภายในมีโซฟาสีเขียว1ตัวกับเก้าอี้อีก2 และมีโต๊ะเล็กๆกับแจกันดอกไม้สำหรับรับแขก ซ้ายมือเป็นห้องน้ำเปิดกว้างไม่มีหลังคา เพื่อให้รับบรรยากาศอันบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่ แต่คิดเหรอว่าฉันจะอาบน่ะ -_-

                ภายในมีแค่นี้…แค่นี้จริงๆ ข้างโซฟาสีเขียวมีบันไดแคบๆให้ขึ้นไปสำรวจ และเมื่อฉันขึ้นไปดูก็พบฟูกที่นอนขนาด6ฟุตและหน้าต่างที่เปิดรับท้าลม หัวเตียงมีหลอดไฟที่ส่องแสงสีส้มออกมา ดุดรเเมนติกไปอีกแบบ

                “ชอบไหม?” เขาถามทันทีที่ขึ้นมานั่งบนฟูกข้างๆฉัน

                “น่ารักดีนะ เราจะนอนกันที่นี่เหรอ?” ฉันถามพลางกวาดสายตามองดูรอบๆ ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ลำพังจะเป็นยังไงนะ…อย่างแรกคือหิวตาย ดูท่าแล้วไม่น่าจะมีของกิน -_-

                แต่ที่นี่อากาศดีมากจริงๆ ถ้าเราอยู่ด้วยกันที่นี่ทั้งคืนจนถึงเช้ามันก็ไม่เลว เขาเป็นคนเก็บความลับได้ดีเหมือนกันนะ ไม่มีท่าทีแปลกๆที่บอกว่ามีพิรุธได้เลย เดาไม่ออกเลยว่าเขาแอบมีบ้านเล็กๆซ่อนอยู่

                “นี่…อีก 5 เดือนก็ครบรอบ 2 ปี แล้วนะ” ร็อคเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆแล้วเอื้อมมือมาจับมือเล็กๆของฉันไปกุมไว้

                “อืม เวลามันผ่านไปไวเหมือนกันเนอะ เหมือนฉันเพิ่งรู้จักนายแค่แป็บเดียวเอง” ฉันตอบด้วยรอยยิ้มบางๆพลางใช้มือปัดผมที่บังใบหน้าของเขาออก เวลาที่เราอยู่ด้วยกันลำพังสองคน เขากลายเป็นคนที่วิเศษ ความดิบเถื่อนหายไปจากตัวเขาจนหมด เหลือเเค่คนที่อ่อนโยน คนดีที่อยู่ตรงหน้าฉัน

                “ใช่…ฉันรักเธอมากนะทิงเจอร์ ฉันไม่อยากให้เธอจากฉันไปไหนเลย…”

                “ฉันก็เหมือนนาย…” เขาก็รู้สึกเหมือนกันสินะ เพราะรักมาถึงอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา ไม่อยากให้ไปไหน ไม่จากกันไปไกล ไม่ทิ้งกัน…

                “ฉันหงุดหงิดทุกครั้งที่มีคนมายุ่งกับเธอ” ร็อคหันหน้าไปทางหน้าต่างเพื่อไม่ให้ฉันเห็นใบหน้าที่หงุดหงิดของเขา

                “ฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง…และไม่ชอบให้นายไปยุ่งกับใคร…ร็อค ฉันไม่อยากทำร้ายใครอีกแล้วนะ เรื่องกฎนอกใจนั่น…”

                “ถ้าเธอต้องการที่จะยกเลิกกฎนั้น ฉันก็ทำให้เธอได้ อย่าคิดมากเลยนะ…” เขายกมือขึ้นลูบเส้นผมอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มบางๆถูกระบายบนใบหน้าของเขา ความดุร้ายที่ใครๆต่างเกรงกลัว สิ่งเหล่านั้นไม่มีอยู่ในตัวเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน…

                “ขอบคุณมาก ฉันคิดว่านายจะไม่ยอมซะอีก”

                “ฉันทำเพื่อเธอได้หมดทุกอย่าง เพื่อความสุขของเธอ…”

                “นายให้ฉันมามากเลย ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี…” ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้ฉันเครียดหนักถึงขั้นเป็นบ้าไล่ตบตีชาวบ้านโดยไม่อายและไม่กลัวความผิด ถึงอย่างนั้นเขาก็มอบความรักให้ฉันตลอด พาฉันไปไหนต่อไหน มีของพิเศษให้ทุกวันสำคัญ เขาดูแลฉันมาเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ฉันให้เขากลับเป็นเพียงแค่บทเพลงกระจอกๆที่นานๆทีจะให้เขาครั้ง…รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยสร้างความประทับใจให้เขาสักเท่าไหร่เลย…เขาจะเบื่อฉันบ้างไหมนะ

                “วันนี้เป็นโอกาสที่เธอจะมอบของขวัญให้ฉัน”

                “ให้?” ให้ของขวัยอย่างนั้นเหรอ แต่ฉันไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะ

                “เรื่องที่เรายังติดค้างกัน จำได้ไหม?...” เขายิ้มให้ฉันก่อนจะพูดต่อ “ฉันพูดดอะไรในวันนั้น ที่เธอไปนั่งกินเค้กกับไอ้ไลน์นั่น”

                วันนั้น…ที่ร้าน I-Love Cake

                หลังจากที่ฉันออกมาจากร้าน ฉันก็กล่าวขอโทษที่วันนั้นฉันอยู่กับไลน์…

                “ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าฉันสำนึกผิดแล้ว ขอโทษนะ”

                “เฮ้อ...แค่คำขอโทษสำหรับฉันมันยังไม่พอหรอกนะ” ร็อคกอดอกพลางอมลมไว้ในปากแล้วเชิดหน้าขึ้น ท่าทางแบบนี้เขาหายโกรธฉันแล้วนี่นา ทำท่าแบบนี้ต้องอยากได้อะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ

                “แล้วนายจะเอาอะไรล่ะ?”

                “ให้หมดทุกอย่างหรือเปล่า^^” ร็อคคลี่ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง เวลาคนหน้าโหดยิ้มเนี่ยน่ารักชะมัด

                “อื้ม ก็ถ้าเป็นนายก็ให้หมดนั่นแหละ ^^”

                “ไว้วันสิ้นปีจะบอก อย่าลืมที่พูดล่ะ สัญญานะ ^^”

                “อื้ม ^^”

 

                “อ๋อ จำได้สิ” เกือบลืมไปเลยแฮะ ว่าแต่เขาจะขออะไรล่ะ ให้นวดไหล่ให้เหรอ? =_=

                “เธอสัญญาแล้วนะว่าเธอให้ทุกอย่าง…”

                “อื้ม ว่ามาสิ”

                “ถ้างั้นฉันขอ…”

                วี๊ดดดด บึ้มม!!

                ประกายแสงสีแดงของพลุที่จุดเวลาเที่ยงคืนตรงเป็นสัญลักษณ์บอกว่าตอนนี้เข้าสู่วันใหม่ของปีใหม่แล้ว เสียงของมันเบนความสนใจฉันจากร็อค มันสวยงามมาก...เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่มันดียิ่งกว่าเดิมเถอะ ทิ้งสิ่งเลวร้ายให้อยู่กับปีที่ผ่านมา ฉันจะทิ้งกฎบ้านั่น กฎที่ไม่สมควรมีตั้งแต่แรก สิ่งเลวร้ายที่ตัวเองได้กระทำลงไป ความใจร้อนที่ทำให้เพื่อนและครอบครัวคิดมาก ฉันจะทิ้งมันให้หมด และจะสร้างทิงเจอร์คนใหม่ เป็นผู้หญิงที่มีค่ากว่าเดิม…

                เสียงของพลุดังต่อเนื่องนานหลายนาทีกว่าจะหยุด ถึงเราจะอยู่บนภูเขาที่สูงที่สุดแต่จากมุมนี้ก็เห็นพลุพวกนั้นอย่างชัดเจน และเสียงพลุมันก็กลืนเสียงของร็อคจนฉันแทบไม่ได้ยิน ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ฉันได้ยินเมื่อกี้นั้นฟังผิดหรือเปล่า…

                “เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ?” ฉันหันหน้าเข้าหาร็อคด้วยรอยยิ้มหลังจากที่มองพลุอันสวยงามนั่นจนเต็มอิ่ม ร็อคเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยคำขอของเขาออกมา…

                “ฉันอยากมีอะไรกับเธอ”

                …

                อยาก…มีอะไรกับฉัน อย่างนั้นเหรอ?!

                รอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าถูกลบออกด้วยคำพูดของเขา

                “ร็อค เราคุยกันเรื่องนี้กันแล้วนะ ฉันไม่-”

                “แต่เธอบอกว่าจะให้ทุกอย่าง” เขาขัดขึ้นก่อนที่ฉันจะพูดจบ

                “แต่เรื่องนี้ฉันให้นายไม่ได้จริงๆ ฉันเคยเล่าเรื่องของฉันสัยเป็นเด็กฟังแล้วไม่ใช่เหรอ นายก็รู้นี่”

                “เราคบกันมานานมากเลยนะทิงเจอร์ ฉันอดทนมามากแค่ไหนเวลาอยู่กับเธอแค่2คน เท่านี้ยังแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่พออีกเหรอ? นี่จะครบ 2 ปีอยู่แล้วนะ ฉันไม่เคยได้แตะเธอเลย!”

                “ถ้าฉันบอกว่าไม่…ก็คือไม่” ฉันกดเสียงให้ต่ำลง การคุยกับร็อคเวลาที่เขาขึ้นเสียง ฉันต้องเป็นฝ่ายที่ใจเย็น เขาเป็นคนน่ากลัวมาก ถ้าหากว่าทำอะไรให้เขาไม่พอใจล่ะก็…

                “นี่…ฉันยอมเธอมาตั้งมากมาย ให้อะไรเธอก็เยอะ ฉันรักเธอมากและไม่คิดจะมีคนอื่น ฉันมีแค่เธอคนเดียวเธอก็รู้ เธอไม่เชื่อใจฉันเหรอ?”

                “เชื่อสิ…” ฉันเชื่อว่าเขามีฉันคนเดียว เราบริสุทธิ์และซื่อสัตยืต่อกัน ข้อนั้นฉันรู้ดี แต่…สำหรับเรื่องนี้…

                “งั้นเธอก็ต้องยอม…แต่ถ้าไม่ ฉันจะไป-”

                “อย่า! นายจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ฉันรีบคว้าข้อมือเขาให้กลับมาทันที คิดจะทิ้งฉันให้อยู่ในที่แบบนี้ลำพังจริงๆเหรอ? นายมันใจร้ายเกินไปแล้ว! ฉันอยู่คนเดียวในที่ที่น่ากลัวแบบนี้ไม่ได้ แบตโทรศัพท์ก็หมด จะโทรเรียกใครให้มารับก็ไม่ได้…ทำไมเขาถึงกล้าขู่ฉันนะ  

                “ทีนี้จะยอมได้หรือยัง?” เขายักคิ้วถามอีกครั้ง…และคำตอบของฉันคือความเงียบ ฉันค่อยๆคลายมือออกจากมือของเขาอย่างช้าๆ จะให้ฉันยอมอย่างนั้นเหรอ…เรื่องแบบนี้อาจจะรรมดาสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับฉันมันไม่ธรรมดา

                “ฉันคบเธอมานานมาก ไม่เคยรักใครเท่าเธอมาก่อน ฉันยอมทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว เธอจะทำเพื่อฉันบ้างไม่ได้เหรอ? ไม่รักฉันแล้วหรือไง?...” ร็อคจับมือฉันแน่น ที่เขาพูดมามันก็ถูก ถึงแม้เขาจะแกล้งฉันโดยการไปควงหญิงอื่นก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็กลับมา…

                “อย่าคิดอะไรบ้าๆแบบนั้นได้ไหม ฉันรักนายมากพอๆกับที่นายรักฉัน อย่าพูดเหมือนว่าฉันไม่รักนายอีกนะ!”

              “ถ้ารัก เธอก็ต้องทำเพื่อฉันได้”

                …

                รัก…

                เพราะรักมากถึงต้องยอมเสียสละ แม้จะต้องแลกด้วยร่างกาย…

                เราก็คบกันมานาน คบกันเกือบ2ปีแต่เขาไม่เคยแตะต้องตัวฉันเลย อย่างมากก็แค่กอดกับจูบ ซึ่งนานๆทีฉันจะยอมให้เขาทำ เป็นคู่อื่นๆคงได้เสียกันตั้งแต่4เดือนแรกแล้ว หรือไม่ก็อาจจะวันแรกที่คบกันเลยก็ได้ คิดๆดู…เราคบกันมาได้ยังไงตั้ง1ปีโดยไม่มีอะไรที่ลึกซึ้งเลย คนที่หวงเนื้อหวงตัวอย่างฉันไม่น่าจะใช่สเป็คเขา เขาควรจะทิ้งฉันเพราะความน่าเบื่อไปตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ทนมาจนถึงวันนี้…

                ถึงเวลาที่ฉันควรมอบสิ่งมีค่าให้คนที่รักแล้วเหรอ?

                …ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมา นี่เป้นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต…

                “นายจะมีแค่ฉันคนเดียวใช่ไหม?” ฉันจะต้องมั่นใจว่าเขาจะไม่ทิ้งฉัน…

                “คำถามนั้นเธอรู้อยู่แก่ใจ ฉันทั้งรักทั้งหวง คนที่รับตัวตนแย่ๆของฉันได้ก็มีแต่เธอเท่านั้น…ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้กับใคร นอกจากเธอ”

                ถ้าเขาพูดแบบนั้น…ฉันก็จะเชื่อ

                “อืม…” นั่นคือคำตอบของฉัน…

                ท่ามกลางความเงียบสงัดยามราตรี เขาพาฉันลงนอนแล้วขึ้นคร่อมพร้อมทาบริมฝีปาลงมาอย่างอ้อยอิ่ง ฝ่ามือหนาลูบไล้ใบหน้าสีชมพูอย่างเย้ายวนก่อนจะเลื่อมือลงมาปลดกระกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ฉันยกมือขึ้นป้องตามสัญชาตญาณแต่ก็ถูกมือของเขาจับกดไว้ที่ข้างตัว ริมฝีปากนั้นขยับไปเรื่อยๆไม่มีท่าทีว่าจะหบุด ไออุ่นจากเขาตวัดไปมาในโพรงปาก ลมหายใจจากเขาที่รดลงมาบริเวณแก้มพอทำให้คลายหนาวลงได้บาง เขาสอดแขนไปใต้ตัวของฉันแล้วจัดการปลดตะขอชั้นในออกอย่างง่ายดาย ริมฝีปากของเขาที่สัมผัสริมฝีปากของฉันตอนนี้มันเลื่อนลงมาที่ต้นคอ เหมือนเด็กน้อยที่กำลังเล่นของเล่นอย่างสนุกสนาน ใบหน้าของเขาซุกไซร้ไปมาตามซอกคอและมือที่ว่างอยู่ก็จับชั้นในให้เปิดออก

                “ร..ร็อค” ฉันยกมือขึ้นจับมือของเขาอย่างแรง พยายามบอกว่าหยุดทำเถอะ…ฉันเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว

                “…”

                ไม่มีเสียงตอบกลับ

                เขาดันมือฉันออกแล้วบีบเค้นก้อนเนื้ออย่างหมั่นเขี้ยว ฉันได้แต่กัดริมฝีปากเอาไว้เพื่อระงับความเจ็บปวดไว้ในใจ แรงที่กดลงมามันหนักมากจนทำให้รู้สึกเจ็บไปหมด…ความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ที่เขามีให้ฉันมันหายไปไหน…

                ความเสียใจบวกกับความเจ็บปวดเท่ากับน้ำตา…จู่ๆมันก็ไหลออกมา ฉันเสียสละร่างกายให้เขาได้มีความสุขแท้ๆ แต่ทำใจของฉันมันกลับทุกข์อย่างนี้

                เมื่อเขาฝากรอยไว้ที่ซอกคอสำเร็จ เขาก็เลื่อนใบหน้าลงมาจนถึงเนินอกขาวเนียน ลมหายใจที่หอบถี่ทำให้ใจฉันเต้นรัว เขาจะทำอะไรฉันอีก…เริ่มจะไม่ไหวแล้ว…

                มือข้างหนึ่งขยี้อกเล่นอย่างสนุก ส่วนอีกข้างก็เลื้อยไปข้างล่างพยายามดึงกางเกงลงแต่ไม่เป็นผล เพราะฉันจับกางเกงไว้แน่นไม่ยอมให้หลุด ของข้างล่างนี้ขอเก็บไว้ได้ไหม อย่ายุ่งกับมัน…ขอร้องล่ะ ฉันยังไม่พร้อม…

                “ทิงเจอร์ สรุปเธอจะเอายังไงกันแน่?” เขาเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วแล้วจ้องฉันด้วยสายตาที่ดุร้าย เขาไม่เคยมองฉันแบบนั้นมาก่อนเลยนะ….

                “ฉันกลัว…” ฉันเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่กล้าสบตาดวงตาคู้นั้น มันน่ากลัว…จนฉันไม่อยากจะทำอะไรแล้ว

                “ฉันไม่ทำเธอท้องหรอก” พูดจบเขาก็ก้มหน้าจัดการกับอกของฉันต่อ มือของเขาที่ดึงดางเกลงงไม่ได้ก็ลูบไล้วนไปมาบริเวณต้นขาจนเสียวสะท้านไปหมดทั้งร่าง

                ฉันควรจะมีความสุขกับเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ทรมานแบบนี้…

                นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่ มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องการเลย ฉันต้องการฉลองกับเขาสองคนก็จริง แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้…

                ภาพในอดีตที่ตีวนกลับเข้ามาในหัว

 

                ร่างกายของชายที่คุ้นเคยกระทบกับหญิงสาวแปลกหน้าบนเตียงในห้องนอน

 

                มือของเขาเคลื่อนไหวอยู่เสมอและในสุดมันก็ล้วงเข้าไปในกางเกง…

                “ฮึก,,,” ฉันกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นี่มันไม่ใช่ตัวฉัน ทำไมฉันต้องฝืนขนาดนี้…ร็อคที่เคยฟังคำของฉันมาตลอดอยู่ที่ไหน เขาไปอยู่ที่ไหนกัน!

                “เธอร้องไห้ทำไม? คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วเหรอ?” เขาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะมองหน้าฉันด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์

                ไม่มีเสียงใดลอดออกจากปากของฉัน มีเพียงแค่มือน้อยๆที่เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

                “มันผ่านมานานแล้ว เธอเลิกคิดถึงเรื่องนั้นซะ”

                “แต่ฉัน…”

                “ฉันเบื่อเธอก็ตรงนี้แหละ ผู้หญิงอะไรเล่นตัวชะมัด!”

                “นายคบฉันเพื่อหวังจะทำแบบนั้นอย่างเดียวงั้นเหรอ?” ฉันหันหน้ากลับไปมองตาเขาอีกครั้ง คำพูดเมือกี้ทำเหมือนฉันไม่มีค่าอะไร เห็นฉันเป้นตัวอะไรกันแน่

                “ไม่ใช่แบบนั้น วัยเราๆใครเขาก็มีกันทั้งนั้น มีแต่เธอที่เรื่องมากไม่ยอมสักที เอาเรื่องในอดีตมาอ้าง ถามจริงๆไม่เบื่อบ้างหรือไงที่วันๆเราทำได้แค่จับมือ มีไม่กี่ครั้งที่เราได้กอดกัน พอจะจูบก็ต้องขออนุญาต คิดว่ามันไม่เกินไปหรือไง?”

                “ถ้าฉันมันได้ยากขนาดนั้นแล้วนายจะทนอยู่กับฉันทำไมล่ะ” ฉันพยุงร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อไล่ให่ชายที่คร่อมตัวฉันอยู่ออกไปให้พ้นๆ

                “ก็เพราะว่าฉันรักเธอ มีแค่เธอคนเดียว ไม่เชื่อใจหรือไง?”

                “เชื่อสิ แต่-”

                “ถ้าเชื่อก็นอนลงไป” เขากดฉันลงอีกครั้งแล้วทาบริมฝีปากลงมาบดขยี้ ครั้งนี้มันรุนแรงกว่าเดิมจนฉันหายใจแทบไม่ออก เขากระหายในกามดึงกางเกงฉันสุดแรงจนมันไปกองที่ข้อเท้าอย่างง่ายดาย ฉันพยายามขัดขืนแต่ไม่เป็นผล แรงเขามีมากเหลือเกิน ทั้งผลักทั้งทุบแต่เขาก็จับมือทั้งสองข้างนั้นไว้ได้ ผู้หญิงเป็นเพศที่บอบบางไร้ทางสู้ ทำไมเขาถึงทำกับฉันแบบนี้!

                “อยู่นิ่งๆ!” เขาตะคอกใส่ก่อนกดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง มือข้างขวาที่ว่างเลื่อนลงมาบริเวณท้องน้อยและล้วงเข้าไปในกางเกงชั้นในที่เหลือเพียงตัวสุดท้าย…

                “โอ๊ย!!!” เสียงร้องหลงหลุดออกมาจากปากของชายตรงหน้า เลือดสีแดงสกปรกไหลออกมาจากปากเน่าๆของเขาไม่หยุด

                ฉันใช้โอกาสขณะที่เขากำลังตกใจกับความเจ็บปวดจนไม่ทันได้ระวังตัวผลักร่างโตออกอย่างสุดแรงแล้วดึงกางเกงกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

                “ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!!” เขาตะโกนกลับมาอย่างเหลืออดพร้อมพุ่งตัวมาทางฉัน

                เพี๊ยะ!!

                “!!!”

                ตุบ!

                พลั่ก!

                “พอได้แล้ว เป็นบ้าหรือไง!!” เขารวบมือท้งสองข้างของฉันที่พยายามตบหน้าและทำร้ายตัวเอง มันไม่มีทางอื่นแล้ว ฉันโง่เกินไปที่หลงเชื่อคำพูดลวงๆบ้าบ้อของเขา ฉันมันสิ้นคิด ไร้สติที่อยากจะมอบสิ่งสำคัญให้กับคนเลวๆอย่างเขา คำพูดเหล่านั้นที่ออกมาจากของเขา มันก็เหมือนกับสิ่งที่ฉันเคยทำ มันเป็นคำพูดเพื่อซื้อใจ เป็นข้อผูกมัดในการมีอะไรกับฉัน!

                “ฉันให้อภัยตัวเองไม่ได้!! นี่เป็นการลงโทษที่ฉันยอมมอบร่างกายให้กับคนบ้าๆอย่างนาย ร็อคคนเดิมที่ฉันรู้จักมันหายไปไหน คนที่เข้าใจฉันทุกอย่างแม้กระทั่งอดีตที่ฉันพบเจอ มันหายไปไหนแล้ว!!”

                “เลิกเอาอดีตมาอ้างสักที ฉันเบื่อที่จะฟังมันแล้ว!”

                “นายมันเห็นแก่ได้ ไม่ต่างจากพ่อของฉันเลย!!” ฉันทั้งตะโกนทั้งผลักคนที่อยู่ตรงหน้า ดวงตามันพร่ามัวเพราะน้ำตาแห่งความหลงผิดมันไหลออกมาไม่ยอมหยุด กลิ่นคาวเลือดของตัวเองคลุ้งเต็มปาก ฉันตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ มัวแต่โง่งมงายกับรักจอมปลอมแบบนี้คนอย่างฉันมันคงไม่มีวันมีค่าขึ้นมาหรอก

                เป็นวันใหม่ที่น่าสมเพชสิ้นดี!

                “ไหนนายบอกว่าเข้าใจความรู้สึกของฉันยังไงล่ะ”

                “เรื่องอดีตฉันไม่อยากฟังอีกแล้ว เลิกจมอยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่องสักทีเถอะน่า!”

                “ฉันคงไม่มีค่าพอให้นายแคร์สินะ!” อดีตของฉันคือเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนั้นเหรอ…เหอะ! มันไม่เกิดขึ้นกับตัวนายนี่ จะไปรู้อะไร!

                “ทิงเจอร์ ฉัน-”

                “ไอ้ร็อค!!!!”

                เคล้ง!!!

                จู่ๆแจกันสีขาวก็พุ่งเข้าหัวของร็อคอย่างแรงจนแตก

                “แกลงมาเคีลยร์กับฉันเดี๋ยวนี้!!” ชายที่ไว้ทรงผมไม่เหมือนใครขึ้นมากระชากคอเสื้อขอร็อค ตอนนี้เรา3คนอยู่บนฟูกใหญ่ๆด้วยกันจนมันแคบไปหมด

                “บ..เบส!” เขามาที่นี่ได้ยังไง แถมยังมาทันเวลาอีก แล้วหัวหอมกับคนอื่นๆล่ะ มาด้วยหรือเปล่า!

                “เธอไม่ต้องมองหาไอ้พวกขี้เมาหรอก สองคนหัวเห็ดกับหัวหอมฉันฝากให้ดินสอดูแล” เขาหันมาพูดกับฉันก่อนจะหันกลับไปชกหน้าร็อคอีกครั้ง

                พลั่ก!!

                “นึกว่าแกหายหัวไปไหน ที่แท้ก้มาอยู่ที่นี่นี่เอง…”

                “ยุ่งมาเข้าเรื่อง!” ร็อคผลักร่างหนาออก่อนจะพุ่งหมัดเข้าที่หน้าเบส

                ผวะ!!

                “แกเข้ามาขัดแบบนี้อีกแล้วนะ อยากตายมากนักหรือไง?” ‘อีกแล้ว’ ที่ร็อคพูด หมายความว่ายังไง…

                “โชคดีที่ครั้งนี้เข้ามาขวางทัน ไม่งั้นทิงคงท้องเหมือนยัยโซอี้แฟนคนก่อนของแกเมื่อปีที่แล้วไปแล้ว!”

                อะไรนะ!

                “เหอะ! เด็กนั่นไม่ใช่ลูกของฉัน” ร็อคถ่มเลือดลงบนฟูกอย่างไม่แคร์แล้วจ้องเบสกลับด้วยสายตาที่เหี้ยมโหด

                “ยังกล้าพูดอยู่อีก! ยัยนั่นก็ไม่ต่างจากทิงที่เชื่อใจนายหมดใจแต่กลับถูกนายหักหลัง ฉันก็โง่หลงเชื่อว่านายจะรักทิงจริงๆแต่ไม่เลย มันก็เหมือนเดิม ทำแบบนี้ทุกปี!”

                ทุกปี..มันหมายความว่ายังไงกันแน่!!

                “เบส ที่พูดนั่น…”

                “เธอลงไปรอข้างล่าง แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง” เบสหันหน้ามาคุยกับฉันปนตะคอก เขาคงฉุนมากสินะ…แล้วไอ้เรื่องที่ว่านั่นมันคืออะไร ฉันไม่เข้าใจ!

                “ทิงเจอร์! มันไม่ได้เป็นอย่างที่หมอนี่พูดนะ!”

                “ไอ้เลว!!”

                พลั่ก!!

                เบสผลักร็อคจนตัวเซติดผนัง นี่มันเรื่องบ้าอะไร ไอ้คำที่เบสพูดนั่นมันหมายความว่ายังไงกันแน่!!

 

 

                ในที่สุดฉันก็กลับมาถึงบ้านของหัวหอมด้วยเสื้อผ้าที่มีแต่รอยเลือดของตัวเอง กลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ถูกอาบด้วยน้ำตา…ร่างที่ไร้วิญญาณกับความเจ็บปวดเมื่อรู้ความจริง…

                ร็อคมาจากเมือง ‘ลาพิโดส’ เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความเลว ผู้คนในเมืองเป็นผู้ที่ขาดการอบรมและรักในการทำเรื่องผิดศีลธรรม…เขาถนัดเรื่องหลอกคบผู้หญิงเพื่อความสุขส่วนตัว ทำเหมือนผู้หญิงเป็นของเล่น

                เขาคบกับหญิงมากหน้าหลากตาและจะขอมีอะไรกันทุกครั้งในวัน ‘สิ้นปี’ ที่เลือกวันนี้เพราะจะได้เป็นวันที่ไม่มีใครลืม เพื่อให้เขาได้อยู่ในความทรงจำของเธอคนนั้นตลอดกาล และเขาก็พลาดที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ ‘โซอี้’ ท้อง…

                แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่แคร์ มาตามล่าหาเหยื่อที่เมือง ’อีลิคโอ้’ ต่อ เมืองนี้ที่มีแต่ความวุ่นวาย และพบกับฉัน…เสน่ห์ของเขาคือคำพูดที่ดึงดูดผู้คน ฉันถูกเขาหลอกอย่างง่ายดายและกลายเป็นของเล่นของเขาเป็นเวลาหลายปี…เบสรู้หมดทุกอย่างและคอยเตือนคอยบอกเสมอ แต่ฉันไม่ฟัง เหมือนกับโดนมนตืสะกดให้เชื่อร็อคเพียงผู้เดียว หรือฉันมันโง่ตั้งแต่แรกก็ไม่รู้…โง่ที่มองไม่เห็นความจริง… แต่เบสกลับเห็นร็อคเปลี่ยนไปเมื่ออยู่กับฉัน เขาคิดว่าร็อคจะเปลี่ยนไป แต่ไม่เลย มันเหมือนเดิม…

                ไม่รู้จะขอบคุณยังไง…ถ้าเบสมาช่วยไม่ทัน ฉันอาจจะมีชะตากรรมเดียวกับโซอี้ก็ได้…

                เพราะฉะนั้นฉันถึงเกลียด เกลียดทุกคนที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น เกลียดทุกอย่างที่เป็นเขา!

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา