มิติรัก ของยัยนักเขียน LOVE WRITER
9.3
เขียนโดย SmileAlive
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.32 น.
3 ตอน
9 วิจารณ์
7,250 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 19.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) การเดินทางครั้งใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เฮเซลหญิงสาววัย 22 ปี เธอเป็นนักเขียนตัวน้อยๆอยู่ที่สำนักพิมพ์เล็กๆแห่งหนึ่ง รายได้ในแต่ละเดือนของเธอพอมีพอใช้ไม่ถือว่าหรูหราอะไรมากมาย พอที่จะสามารถดูแลพ่อและแม่ของเธอได้ ครอบครัวของเธอมีสมาชิกอยู่เพียง 3 คนเท่านั้น บ้านของเธอมีลักษณะเป็นลานกว้างเปรียบได้ก็ประมาณสนามฟุตบอล 2 สนาม บรรยากาศรอบๆบ้านรายล้อมไปด้วยต้นไม้นาๆพรรณ หลากหลายชนิด ความสูงของต้นไม้เหล่านี้ ราวๆร้อยเมตรได้ ซึ้งแต่ละต้นต่างแข่งขันกันชูกิ่งก้านสาขา เพื่อที่จะรับแสงแดดในแต่ละวันให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่ได้เป็นที่หน้าแปลกใจอะไรสำหรับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง เพราะพ่อและแม่ของเฮเซลชอบที่จะปลูกต้นไม้มาตั้งแต่เฮเซลยังไม่เกิด และแน่นอนคงจะก่อนที่เขาทั้งคู่จะแต่งงานกันเสียอีก ทั้งคู่ชอบสรรหาพรรณไม้หายากและแปลกๆใหม่ๆที่ไม่ค่อยมีที่ไหนมาปลูกไว้ให้เต็มบ้านไปหมด ราวกับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ป่าไม้ หรือไม่ก็อุทยานประวัติศาสตร์ต้นไม้นาๆพรรณ ยิ่งถ้าเพื่อนของเฮเซลจะมาบ้านเธอละก็ ถ้าไม่นัดแนะสถานที่กันไว้ให้ดี ไม่มีทางที่จะหาบ้านเฮเซลเจอหรอก
“แม่คะ วันนี้สำนักพิมพ์ไม่มีงาน วันนี้หนูขออยู่บ้านนะคะ คงไม่มีที่ไหนที่ดีกว่าที่นี่อีกแล้วละคะ อ่อ หนูของจองสวนหลังบ้านไว้บิ้วอารมณ์แต่งนิยายเรื่องใหม่ของหนูต่อด้วยนะคะ”
“จ้าลูกรัก มีอะไรก็เรียกพ่อกับแม่ได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปปลูกต้นปาล์มบังสูรย์ที่หน้าบ้านไว้เป็นร่มเป็นเงาให้ลูก ตอนนั่งทำงานนะจ๊ะแม่คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อลูกน่าดู”
“เอ๋ ต้นปาล์มตะบังสูงหรอคะ? ต้นอะไรหรอคะเนี่ย ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย”
"ฮ้าๆต้นปาล์มบังสูรย์จ๊ะ ไม่ใช่ปาล์มตะบังสูงนะ เจ้าต้นนี้อะหรอมีใบที่โตสมชื่อบังสูรย์ซึ่งสามารถบังแสงอาทิตย์ได้ คนพื้นเมืองเรียกปาล์มชนิดนี้ว่า “บูเก๊ะลีแป” โดยคำว่า บูเก๊ะ มาจาก บูกิต เป็นภาษามาลายู แปลว่า ภูเขา ส่วนคำว่าลีแป นั้นแปลว่า ตะขาบ ฉนั้นคำว่า บูเก๊ะลีแป จึงแปลว่า ตะขาบภูเขา เข้าใจว่าชาวบ้านคงเรียกชื่อจากช่อดอกของปาล์มชนิดนี้ซึ่งดูคล้ายๆตะขาบจ๊ะ" ^^
"โอ้โห พึ่งจะเคยได้ยินเลยนะคะแม่ หนูว่าต้นไม้ที่มีอยู่ก็แปลกแล้ว เจ้าต้นนี้ก็แปลกไม่แพ้กัน บ้านเราเนี่ยเปิดเป็นสถานศึกษาพรรณไม้หายากซะเลยไหมคะ ฮ้าๆ"
"แม่ก็กะว่าอย่างนั้นละ อนาคตบ้านเราคงไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ ถ้าเป็นอย่างนั้นลูกคงจะหามุมสงบๆ ไว้บิ้วอารมณ์แต่งนิยาย ยากมากๆเลยนะ ^^ แม่ขอไปดูพ่อก่อนละกันบอกพ่อว่าจะมาเอาน้ำไปให้ทาน หายเงียบมานานเลย แม่ไปละ ตั้งใจแต่งนิยายต่อละ "
"คะ ตามสบายเลยคะแม่ มีอะไรเดี๋ยวหนูบอกนะคะ ตอนนี้ัขอทำฟิวลิ่งเขียนนิยายต่อนะคะ"
"จ้า แม่นักเขียนตัวน้อย แม่ไปละ"
"แม่อ่าาาาา หนูโตแล้วนะคะ ชอบคิดว่าหนูเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย"
เฮเซลชอบถูกมองว่ายังเป็นยังเด็กน้อยไร้เดียงสาเสมอ เมื่อได้อยู่กับครอบครัวของเธอ เธอช่างขี้อ้อนนักขนาดแม้เวลาที่เธอจะนอนเธอยังไปขอให้แม่เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังอีก โตแล้วก็เหมือนยังไม่โต ไม่แปลกที่แม่จะเรียกเธอว่านักเขียนตัวน้อย แต่เธอก็ชื่นชอบที่จะให้แม่เธอ เรียกเธอเช่นนั้นเพราะเธอคิดว่า ท่านคงมีความสุขที่เห็นเธอยิ้มและเล่นเหมือนเด็กๆ เธอก็มีความสุขเช่นกัน สุขที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบได้
"อ่าว! แม่หรอคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ" เฮเซลได้ยินเสียงคนเดินมาด้านหลังพุ่มต้นสน
"แต่เอ๋? แม่ไปทางหน้าบ้านเอาน้ำไปให้พ่อทานแล้วนิ" เธอค่อยๆเหลือบสายตาขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย แล้วพบว่า นั้นไม่ใช่แม่ของเธอ
"คะ คะ คะ คุณเป็นใครกันหนะ เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง"
เฮเซลพบกับชายร่างสูงใหญ่ ล่ำบึ้ก ใบหน้าเขาช่างหล่อเหล่าดั่งกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ดวงตาของเขาสีเขียวอมฟ้า ราวกับสีน้ำทะเล คิ้วทั้งสองข้างของเขาดำทึบมีขนคิ้วที่เรียงรายสวยงามเป็นระเบียบ จมูกของเขาเป็นสันดูสง่า ปากของเขาช่างงดงามยิ่งนักราวกับสตรีผู้เลอโฉม
"ผมคือ... คือ... ผมคือ.. ผม ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าผมคือใคร" ชายแปลกหน้าไม่ยอมบอกว่าเขาเป็นใครจึงแกล้งทำเป็น ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน เขาไม่กล้าที่จะไว้ใจคนแปลกหน้าเช่นกัน
"แล้วฉันจะรู้ไหม ว่าคุณคือใคร มาทำอะไรที่นี่ ที่นี่บ้านของฉันนะ"
ชายแปลกหน้ากวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณบ้านของเฮเซล ซึ่งมีต้นไม้รายล้อมรอบบ้าน เขากำลังหาสิ่งที่นำพาเขามาที่นี่และได้สะดุดตากับภาพวาดที่เฮเซลวาดตัวละครในนิยายของเธอไว้
"นั้นไงผม ผมอยู่ในนั้น เมื่อกี้ผมก็ออกมาจากในนั้น ในนั้นหนะ"
เฮเซลหยิบสมุดที่เธอกำลังร่างตัวละครในนิยายเรื่องใหม่ของเธอขึ้นมา และพบว่า รูปร่างและลักษณะของชายแปลกหน้าคนนี้ ช่างเหมือนกับที่เธอจินตนาการขึ้นมาราวกับเขาทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกัน
"คุณอย่าบอกนะว่าคุณออกมาจากไอ้นี่ บ้ากันไปใหญ่ละ คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ไป!!"
"ผมไม่รู้ ก็ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมออกมาจาก สิ่งนั้นหนะ งั้นเดี๋ยวผมกลับไปที่อยู่ที่เดิมก็ได้"
ชายแปลกหน้าเดินถอยหลังกลับไปยืนอยู่หลังต้นสน และยื่นหน้ามองมาทางเฮเซล ด้วยความสงสัยเหมือนเดิม ภายใต้ความคิดที่ว่า หญิงสาวผู้นั้นคือใคร และเขามาที่นี่ทำไม
เฮเซลถึงกับกลั้นขำไม่อยู่ เพราะชายแปลกหน้าคนนี้ ไม่ใช่เพียงแต่ซื่อ อย่างเดียว เขายังทึ้มอีกต่างหากเขาทำตามที่เฮเซลบอกก็จริง แต่การที่เดินถอยหลังทีละก้าวๆ เพื่อกลับไปยืนอยู่ที่เดิมที่เขาเดินออกมา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนปกติเขาจะทำกัน
"นี่คุณ ประชดฉันใช่ไหมนั่น มา มานี่ มานั่งคุยกันให้รู้เรื่องเลย"
ชายแปลกหน้าเดินมานั่งตรงข้ามกับเฮเซล เขานั้นมองเฮเซลตาไม่กระพริบและพยายามที่จะสื่อสารกับเฮเซลให้ได้มากที่สุด ระหว่างที่ทั้งสองเจรจากัน แม่ของเฮเซล เห็นถึงความผิดปกติของลูกสาวเลยเดินมาดู และพบว่า เฮเซลได้นั่ง หัวเราะและพูดคุย เพียงคนเดียว
"คุณคะ นักเขียนเนี่ยเขาจิต ปกติกันทุกคนหรือเปล่าคะ"
"อ่าวคุณ! ก็ปกติสิ ถามแปลกๆ ไม่งั้นเขาจะเป็นนักเขียนได้หรอ ฮ่าๆ (แต่ก็ไม่แน่สำหรับลูกเรานะ)"
"นั้นสิคะ ฉันว่าเสร็จงานแล้วพาลูกเราไปตรวจสภาพจิตบ้างก็ดีนะคะ"
ปล.โปรดติดตามตอนต่อไป จุฟๆ
ขอบคุณที่รับชมคะ ติได้ตามสบายเลยนะคะ
แก้ไขใหม่แล้วนะคะ 14 ตุลาคม เวลา 20.54น
“แม่คะ วันนี้สำนักพิมพ์ไม่มีงาน วันนี้หนูขออยู่บ้านนะคะ คงไม่มีที่ไหนที่ดีกว่าที่นี่อีกแล้วละคะ อ่อ หนูของจองสวนหลังบ้านไว้บิ้วอารมณ์แต่งนิยายเรื่องใหม่ของหนูต่อด้วยนะคะ”
“จ้าลูกรัก มีอะไรก็เรียกพ่อกับแม่ได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปปลูกต้นปาล์มบังสูรย์ที่หน้าบ้านไว้เป็นร่มเป็นเงาให้ลูก ตอนนั่งทำงานนะจ๊ะแม่คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อลูกน่าดู”
“เอ๋ ต้นปาล์มตะบังสูงหรอคะ? ต้นอะไรหรอคะเนี่ย ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย”
"ฮ้าๆต้นปาล์มบังสูรย์จ๊ะ ไม่ใช่ปาล์มตะบังสูงนะ เจ้าต้นนี้อะหรอมีใบที่โตสมชื่อบังสูรย์ซึ่งสามารถบังแสงอาทิตย์ได้ คนพื้นเมืองเรียกปาล์มชนิดนี้ว่า “บูเก๊ะลีแป” โดยคำว่า บูเก๊ะ มาจาก บูกิต เป็นภาษามาลายู แปลว่า ภูเขา ส่วนคำว่าลีแป นั้นแปลว่า ตะขาบ ฉนั้นคำว่า บูเก๊ะลีแป จึงแปลว่า ตะขาบภูเขา เข้าใจว่าชาวบ้านคงเรียกชื่อจากช่อดอกของปาล์มชนิดนี้ซึ่งดูคล้ายๆตะขาบจ๊ะ" ^^
"โอ้โห พึ่งจะเคยได้ยินเลยนะคะแม่ หนูว่าต้นไม้ที่มีอยู่ก็แปลกแล้ว เจ้าต้นนี้ก็แปลกไม่แพ้กัน บ้านเราเนี่ยเปิดเป็นสถานศึกษาพรรณไม้หายากซะเลยไหมคะ ฮ้าๆ"
"แม่ก็กะว่าอย่างนั้นละ อนาคตบ้านเราคงไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ ถ้าเป็นอย่างนั้นลูกคงจะหามุมสงบๆ ไว้บิ้วอารมณ์แต่งนิยาย ยากมากๆเลยนะ ^^ แม่ขอไปดูพ่อก่อนละกันบอกพ่อว่าจะมาเอาน้ำไปให้ทาน หายเงียบมานานเลย แม่ไปละ ตั้งใจแต่งนิยายต่อละ "
"คะ ตามสบายเลยคะแม่ มีอะไรเดี๋ยวหนูบอกนะคะ ตอนนี้ัขอทำฟิวลิ่งเขียนนิยายต่อนะคะ"
"จ้า แม่นักเขียนตัวน้อย แม่ไปละ"
"แม่อ่าาาาา หนูโตแล้วนะคะ ชอบคิดว่าหนูเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย"
เฮเซลชอบถูกมองว่ายังเป็นยังเด็กน้อยไร้เดียงสาเสมอ เมื่อได้อยู่กับครอบครัวของเธอ เธอช่างขี้อ้อนนักขนาดแม้เวลาที่เธอจะนอนเธอยังไปขอให้แม่เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังอีก โตแล้วก็เหมือนยังไม่โต ไม่แปลกที่แม่จะเรียกเธอว่านักเขียนตัวน้อย แต่เธอก็ชื่นชอบที่จะให้แม่เธอ เรียกเธอเช่นนั้นเพราะเธอคิดว่า ท่านคงมีความสุขที่เห็นเธอยิ้มและเล่นเหมือนเด็กๆ เธอก็มีความสุขเช่นกัน สุขที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบได้
"อ่าว! แม่หรอคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ" เฮเซลได้ยินเสียงคนเดินมาด้านหลังพุ่มต้นสน
"แต่เอ๋? แม่ไปทางหน้าบ้านเอาน้ำไปให้พ่อทานแล้วนิ" เธอค่อยๆเหลือบสายตาขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย แล้วพบว่า นั้นไม่ใช่แม่ของเธอ
"คะ คะ คะ คุณเป็นใครกันหนะ เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง"
เฮเซลพบกับชายร่างสูงใหญ่ ล่ำบึ้ก ใบหน้าเขาช่างหล่อเหล่าดั่งกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ดวงตาของเขาสีเขียวอมฟ้า ราวกับสีน้ำทะเล คิ้วทั้งสองข้างของเขาดำทึบมีขนคิ้วที่เรียงรายสวยงามเป็นระเบียบ จมูกของเขาเป็นสันดูสง่า ปากของเขาช่างงดงามยิ่งนักราวกับสตรีผู้เลอโฉม
"ผมคือ... คือ... ผมคือ.. ผม ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าผมคือใคร" ชายแปลกหน้าไม่ยอมบอกว่าเขาเป็นใครจึงแกล้งทำเป็น ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน เขาไม่กล้าที่จะไว้ใจคนแปลกหน้าเช่นกัน
"แล้วฉันจะรู้ไหม ว่าคุณคือใคร มาทำอะไรที่นี่ ที่นี่บ้านของฉันนะ"
ชายแปลกหน้ากวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณบ้านของเฮเซล ซึ่งมีต้นไม้รายล้อมรอบบ้าน เขากำลังหาสิ่งที่นำพาเขามาที่นี่และได้สะดุดตากับภาพวาดที่เฮเซลวาดตัวละครในนิยายของเธอไว้
"นั้นไงผม ผมอยู่ในนั้น เมื่อกี้ผมก็ออกมาจากในนั้น ในนั้นหนะ"
เฮเซลหยิบสมุดที่เธอกำลังร่างตัวละครในนิยายเรื่องใหม่ของเธอขึ้นมา และพบว่า รูปร่างและลักษณะของชายแปลกหน้าคนนี้ ช่างเหมือนกับที่เธอจินตนาการขึ้นมาราวกับเขาทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกัน
"คุณอย่าบอกนะว่าคุณออกมาจากไอ้นี่ บ้ากันไปใหญ่ละ คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ไป!!"
"ผมไม่รู้ ก็ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมออกมาจาก สิ่งนั้นหนะ งั้นเดี๋ยวผมกลับไปที่อยู่ที่เดิมก็ได้"
ชายแปลกหน้าเดินถอยหลังกลับไปยืนอยู่หลังต้นสน และยื่นหน้ามองมาทางเฮเซล ด้วยความสงสัยเหมือนเดิม ภายใต้ความคิดที่ว่า หญิงสาวผู้นั้นคือใคร และเขามาที่นี่ทำไม
เฮเซลถึงกับกลั้นขำไม่อยู่ เพราะชายแปลกหน้าคนนี้ ไม่ใช่เพียงแต่ซื่อ อย่างเดียว เขายังทึ้มอีกต่างหากเขาทำตามที่เฮเซลบอกก็จริง แต่การที่เดินถอยหลังทีละก้าวๆ เพื่อกลับไปยืนอยู่ที่เดิมที่เขาเดินออกมา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนปกติเขาจะทำกัน
"นี่คุณ ประชดฉันใช่ไหมนั่น มา มานี่ มานั่งคุยกันให้รู้เรื่องเลย"
ชายแปลกหน้าเดินมานั่งตรงข้ามกับเฮเซล เขานั้นมองเฮเซลตาไม่กระพริบและพยายามที่จะสื่อสารกับเฮเซลให้ได้มากที่สุด ระหว่างที่ทั้งสองเจรจากัน แม่ของเฮเซล เห็นถึงความผิดปกติของลูกสาวเลยเดินมาดู และพบว่า เฮเซลได้นั่ง หัวเราะและพูดคุย เพียงคนเดียว
"คุณคะ นักเขียนเนี่ยเขาจิต ปกติกันทุกคนหรือเปล่าคะ"
"อ่าวคุณ! ก็ปกติสิ ถามแปลกๆ ไม่งั้นเขาจะเป็นนักเขียนได้หรอ ฮ่าๆ (แต่ก็ไม่แน่สำหรับลูกเรานะ)"
"นั้นสิคะ ฉันว่าเสร็จงานแล้วพาลูกเราไปตรวจสภาพจิตบ้างก็ดีนะคะ"
ปล.โปรดติดตามตอนต่อไป จุฟๆ
ขอบคุณที่รับชมคะ ติได้ตามสบายเลยนะคะ
แก้ไขใหม่แล้วนะคะ 14 ตุลาคม เวลา 20.54น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ