Sulfur Love (RE-Write)

9.2

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.57 น.

  57 บท
  25 วิจารณ์
  132.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) คำตอบบางอย่างไม่จำเป็นต้องรอการพิสูจน์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 7
℃คำตอบบางอย่างไม่จำเป็นต้องรอการพิสูจน์ Ⓢ
 
                [Cheetah]
ถึงวันแข่งกีฬาซักทีนะ  อุส่าห์ซ้อมกันมาตั้งนานหวังว่าจะได้ที่ 1 กับเขาบ้างนะ   TT  ผมมองบรรยากาศรอบๆโรงเรียนตอนมืดๆแบบนี้โรงเรียนนี้ดูหลอนๆดีเหมือนกันนะ  วันนี้ทุกคนตื่นกันตั้งแต่ตี 3 เพื่อมาฟิตร่างกายกันแต่เช้า  ตอนแรกผมจะให้มันตื่นมาโรงเรียนตี2ด้วยซ้ำ  แต่สงสารพวกน้องๆมัน --;
                “รดน้ำสนามหญ้าอีกล่ะ เบื่อจริง แล้วจะซ้อมยังไงวะ!!”
                ผมมองไปทางต้นตอเสียงที่ก่อความรำคาญใกล้ๆสนามหญ้าที่ติดกับสนามบาส  เด็กชมรมบอลคนนั้นอีกแล้ว  คนที่ย้อมผมแดงแบบไม่เกรงใจอาจารย์ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นเพื่อนกับวิวนะ
                “จะไปซ้อมที่ไหนล่ะครับท่านรอง  ท่านประธานก็จะมาแล้วด้วยTT”
                “ไปเตะลานจอดรถแล้วกัน”
                มันบอกกับสมุนมัน
                “ลานจอดรถมันมีประวัตินะท่านรอง -o-;;”
                “ประวัติไร”
                “ก็ที่เด็กโดดตึกลงมา ตายไงพี่ พวกเด็กศิลป์ที่ไปวาดรูปแถวนั้นมันเจอประจำ  ชอบนั่งอยู่บนหลังคารถอาจารย์  แล้วพอใครผ่านไปเจอมันก็จะถามหาไดอารี่ที่หายไป แล้วก็..”
                “พอๆ ไม่อยากฟังล่ะ”
                ผมเห็นน้องมันอุดหูไม่ฟังที่สมุนมันเล่า  สงสัยจะกลัว ฮ่าๆ
                “แล้วไงซ้อมไหนอ่ะครับ”
                “สนามบาสนี่แหละ ”
                สนามผมนี่นา เฮ้ย! ได้ไง
                “สนามบาสมีไว้เล่นบาส  ไม่ใช่บอล”
                ผมพูดลอยๆ  น้องมันเดินตรงมาหาผม  แถมยืนประจันหน้าผมอีก  ขนาดผมอยู่ชมรมบาสยังสูงแพ้มันอีกหรอเนี่ย--;
                “มีอะไร”
                ผมถาม
                “ยืมใช้ชั่วคราวน่า อย่างกนักเลย”
                มันพูด
                “นักกีฬาฉันจำเป็นต้องใช้  คงแบ่งให้พวกนายไม่ได้ ขอโทษด้วยนะ^^”
                “มีตั้ง 2 สนาม”
                “สนามม.ต้น กับม.ปลาย ให้พวกตัวสำรองซ้อมด้วย เต็มพอดี”
                “ไม่ให้ก็จะยึด เฮ้ย! ยึดพื้นที่”
                จะล้มล้างชมรมบาหรอวะ  พอมันสั่งพวกนักบอลเกือบ 30 คนก็วิ่งกันเข้าไปในสนามบาสอันคับแคบ
                “เฮ้ย! เดี๋ยว ”
                ผมวิ่งเข้าไปลากไอ้นักฟุตบอลจอถึกพวกนั้นแต่โดนล็อกแขนไว้ซะก่อน  ผมมองหน้าไอ้คนที่ล็อกแขนผม  ไม่ล็อกป่าวยังดึงตัวผมไปใกล้มันอีก-o-!
                “ไม่ให้เข้าไปหรอก^^”
                เด็กนั่นพูด  ผมดิ้นแรงๆ ต้องหลุดให้ได้ละวะ
                “เด็กแขนเคล็ดหรอก”
                มันบอก
                “งั้นก็ปล่อยได้ล่ะ”
                มันปล่อยผมออก  ผมมองไปทางสนามที่มีสภาพเละเทะจนน่าตกใจเมื่อกี้เห็นตัวสำรองม.ต้นเอาลูกบอลมาโยนใส่ห่วงบาสด้วย อยากตายจริงๆTT แล้วยังไอ้พวกนักบอลที่เตะบอลอัดขานักบาสผมอีก  มันเป็นการตัดกำลังกันชัดๆ-*-  ผมมองไปเห็นสาวน้อย(?)ในชุดหรีดเดอร์กระโปรงสั้นของโรงเรียน  ใบหน้าน่ารักๆนั่นดูเศร้าสร้อยไม่ร่าเริงตั้งแต่เกิดเรื่องในห้องน้ำวันนั้น  ผมเลยเดินไปนั่งตรงขั้นบันไดข้างๆ
                “วันนี้น่ารักจังเลย^^”
                นัยน์ตากลมโต เหลือบมองผม
                “ขอบคุณครับ”
                น้องซัลยิ้มหน่อยๆ แล้วก็ก้มหน้ากลับไปเหมือนเดิม  เฮ้อ~ คงไม่สบายใจสินะที่ทำให้ไอ้เซลไม่ได้ลงแข่ง  แถมไอ้เซลก็เล่นหายหัวไปไม่มาโรงเรียนเลยด้วย  ผมตบไหล่น้องเขาเบาๆแล้วพูด
                “ไม่ต้องคิดมากหรอกนะเรื่องนั้น  เซลมันโกรธใครไม่ได้นานหรอกเชื่อพี่”
                น้องเขาเงยหน้าขึ้นมามองผมหน่อยๆ ผมเลยพูดต่อ
                “โดยเฉพาะ ซัล มันไม่กล้าโกรธนานหรอก”
                “ผมหรอ”
                น้องเขาพูดพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
                “ตอนที่ซัลกับเซลทะเลาะกันน่ะ เซลก็เป็นฝ่ายง้อก่อนใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ^^”
                “........................”
                บรรยากาศย่ำแย่ลงทุกทีๆ ผมจะพลิกวิกฤติได้มั้ยเนี่ย TT
                “ซัลอย่าคิดมากน่า เชื่อพี่”
                “.........พี่เซลเขาคงเกลียดผมแล้ว”
                “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกๆ^^”
                ผมวิ่งเข้าไปในตึกฉีกท้ายปฏิทินมาเขียนที่อยู่คอนโดไอ้เซลแล้วเอาไปให้น้องเขา  น้องเขามองหน้าผมงงๆแต่ก็รับไป
                “ไปง้อมันตามที่อยู่นี่แล้วกันนะ^^”
                น้องเขาพยักหน้ารับ  แล้วก็กำกระดาษไว้แน่นสงสัยกลัวจะหายไปเหมือนไอ้เซลฮ่าๆ
                “พี่อยากจะรู้จังเลยว่าระหว่างซัลกับไอ้เซล ใครจะฉลาดกว่ากัน^^”
                “หือ?”
                น้องเขาเอียงคอทำหน้างงๆ ผมไม่เข้าใจเจ้าพวกนี้เลยจริงๆ หน้าตาดูฉลาดกันทั้งคู่แท้ๆ  แต่กลับไม่ฉลาด  ไม่สิ ไม่เฉลียวใจมากว่า ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญของตัวเองแท้ๆ  เรื่องความรักมันเป็นอะไรที่ใกล้ตัวเกินไปจนมองไม่เห็น  หรือพวกมันไม่ยอมรับว่ามันชอบผู้ชายด้วยกันเองนะ-_-;
                “ซัลถามตรงๆเลยนะ”
                “ครับ?”
                “ชอบเพื่อนพี่มั้ย?”
                ขุดครับ  น้องเขาก้มหน้าขุดดินใหญ่เลย ฮ่าๆ  ขอขุดให้เจอน้ำมันไปเลยละกันนะ
                “ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร  แต่พี่อยากให้ซัลฉลาดนำหน้าไอ้เซลมันน่ะ^^”
                “......................”
                “ถ้ารู้คำตอบเมื่อไหร่ ไม่ต้องบอกพี่นะ”
                “....................”
                “ไปบอกเซลมันโน่น ไปขึ้นรถก่อนนะ^^”
                ผมมองในหน้าหวานที่ฉาบไปด้วยสีแดง  น่ารักจังวะ  แล้วค่อยเดินไปขึ้นรถบัส  จริงๆเดินไปก็ได้แท้ๆโรงเรียนใกล้กันแค่นี้  ผมเดินขึ้นมาชั้นบน  ชั้นล่างพวกสาวๆเขาจองจะร้องคาราโอเกะครับ  อย่าให้ดังมากแล้วกันจะหลับ=.=
                “ไอ้วิว มึงนอนอย่างนั้นแล้วกูจะนั่งยังไง-*-”
                เจ้าเด็กหัวแดงยืนเท้าเอวบ่นวิวเด็กชมรมผม
                “มึงไปนั่งที่อื่นไปกูจะนอน-_-++”
                วิวเปิดผ้าเช็ดหน้าแล้วเอ่ยปากบ่นบ้าง  แล้วมันก็เปิดหน้าตามเดิม
                “มึงกูก็ง่วง กูตื่นมาซ้อมตี4นะมึง-o-!”
                “แต่กูตื่นมาตี 3 !! เลิกกวนกูได้ละ ไป๊!!”
                วิวโบกมือไล่เพื่อนมันแถมถีบส่งด้วย  ผมมองหาที่นั่งจะให้น้องมันนั่งไม่มีเลยแหะ  มีที่เดียวข้างๆผมนี่แหละ
                “น้อง!”
                ผมเรียก  น้องมันหันมาทำหน้างง
                “มานั่งนี่มา”
                ผมชี้ลงที่เบาะข้างๆผม 
                “นึกว่าชมรมบาสจะไม่ชอบชมรมบอลซะอีก”
                มันพูด  ก็จริงก็พวกมันชอบมาแย่งสนามชมรมบาสไปเตะบอลนี่ครับ  แถมยังชอบมาโหนๆเพิ่มกล้ามกันแถวๆแป้น  เห็นแล้วหมั่นไส้ครับ!  ยังไม่พอชอบเตะบอลอัดหัวเด็กชมรมบาสด้วย  ผมก็เคยโดนเกือบทุกวันๆละ4-5ครั้งและที่สำคัญฝีเท้ามันเนี่ยแหละ-*-!!  มันเดินมานั่งข้างๆผมหงกหัวขอบคุณผม
                “ท่านรองชมรมบอลกับรองประธานชมรมบาสนั่งด้วยกันด้วย~”
                ไอ้เด็กบอลเบาะหลังมันพูด  เดี๋ยวก็จับเลาะฟันซะหรอก!
                “เห็นอนาคตอันสดใสของสองชมรมขึ้นมารางๆแล้ว^^”
                ประธานชมรมบอลเบาะข้างๆพูด
                “ถ้าต้ายอมให้รองชมรมบอลมานั่งด้วย  อีกหน่อยคงให้ชมรมนายมาซ้อมที่สนามเราได้สบายแล้วละนะ^^”
                พี่บีกินพูด 
                “ให้นั่งด้วยไม่ได้แปลว่ายอมให้ยึดสนามไปใช้นะครับพี่^^”
                ผมพูดตอบพี่ๆ อย่าเหลิงไปหน่อยพวกชมรมบอลเอ๋ย~ ผมนอนพิงขอบหน้าต่างมองวิวระหว่างทางไปพลางๆ  ในรถสงบเงียบเป็นป่าช้า  แม้แต่ข้างล่างที่สาวๆนั่งก็ไม่มีเสียงไหนบอกจะร้องคาราโอเกะไง  รู้งี้ไปยึดซะก็ดี  นอนสบายกว่าข้างบนตั้งเยอะTT
                ควับ!
                “เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย”
                ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆไอ้เด็กข้างๆเอาแขนมาพาดตัวผม  แถมเขยิบเข้ามาจนชิดเลยด้วย-o-;
                “ไอ้ซอสอย่าไปปล้ำพี่เขานะเว้ย^^”
                พี่ประธานฟุตบอลเอ่ยพลางยิ้มกริ่ม
                “เห็นหน้าสวยแบบนั้นแต่โหดนะเว้ย ฮ่าๆ”
                พี่บีกิน
                “ผมจะปรับเบาะ”
                มัน
                “ก็บอกสิครับน้อง^^;”
                ผมบอกมัน ผมดันแขนมันออก  เบาะมันปรับครั้งนึงลงไปทั้งสองเบาะที่ปรับมันเลยมีอันเดียว ผมปรับให้มัน
                “ขอบคุณฮะ ผมนึกว่าพี่หลับอยู่เลยไม่อยากปลุกน่ะ”
                มันพูด  พร้อมขยับตัวออกห่าง ผมก็พยักหน้ารับๆ  แล้วก็นอนตะแคงชิดหน้าต่าง ทำไมรถมันขับช้าแบบนี้นะ....
 
 
 
                ผมนั่งเหนื่อยหอบขอบอยู่ริมสนาม  พอไม่มีไอ้เซลไม่รู้จะเล่นเข้าขากับใครดีเลยแฮะ  อย่างน้อยก็ชนะไอ้โรงเรียนเขียวๆนี่ได้ละนะ  ผมมองสาวๆ+หนึ่งหนุ่มน้อยที่ยังเต้นไม่เลิกมีคนไปถ่ายรูปเต็มเลย  กระโปรงสั้นๆกับขาขาวๆนี่มันเกือบทำให้สติผมหลุดกลางสนามซะแล้ว   กองเชียร์ข้างสนามโรงเรียนเราก็สวยโรงเรียนนี้ก็สวย  เลือกมองไม่ถูกเลยแหะ-.,-
                “ซัลถ่ายรูปหน่อยดิ”
                ผมเดินไปหาน้องซัลที่กำลังกินน้ำอยู่  น้องหันมามองผมนัยน์ตาเบิกกว้างเกือบเท่าไขห่าน
                “ไม่เอาอ่ะครับ ผมอายอ่ะ>///<”
                น้องเขาพูดพลางส่ายหัวไปมา
                “ทีโรงเรียนอื่นยังให้ถ่ายเลย ทำไมพี่ถ่ายไม่ได้อ่ะ”
                “ก็มัน......-////-”
                น้องเขายืนจิ้มนิ้วตัวเองยืนบิดไปบิดมา  ถ่ายซะเลยละกัน ฮ่าๆ
                “น่ารักดี ไปละ^^”
                “ทำไมพี่ต้าทำแบบนี้อ่าT-T”
                น้องเขายืนโวยวายผมไม่สนฮะ  แกล้งเด็กแล้วมีความสุข ผมเดินออกจากโรงยิมจะไปที่รถไปเอากระเป๋าตังค์มาซื้อไรกินซะหน่อย
                “นี่ๆขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ”
                ผมหันหลังไปเจอเด็กชุดเขียว  มากับเพื่อนอีก4-5 ผมยิ้มๆจะถ่ายตอนนี้เลยหรอ  เหงื่อยังท่วมอยู่เลยนะ
                “จะถ่ายหรอ เช็ดหน้าก่อนนะ  อ่ะถ่ายๆ”
                ผมยืนยิ้มเก๊กหล่อให้พวกเธอถ่ายรูป 
                “ขอบคุณค่ะ”
                เธอพูดแล้วก็เดินไปแต่ยังไม่ไกลพอที่เธอสมควรจะนินทาผมนะ
                “ยังมีพวกย้อมผมทองอยู่อีกหรอเนี่ย”
                “แต่ก็เขากับเขาออก เขาเป็นลูกครึ่งหรือป่าวแก”
                “หล่อ แต่ดูเสี่ยวๆไปหน่อยนะ”
                พวกเธอพูดเกี่ยวกับผมสีบลอนด์อันเด่นชัดของผม  ไม่ได้ย้อมซะหน่อยก็ผมเป็นลูกครึ่งออกจะเสี้ยวซะมากกว่านะ ปู่เป็นคนญี่ปุ่น  ย่าเป็นคนไทย ยายเป็นคนไทย-จีน ตาเป็นคนฝรั่งเศส  หน้าผมเลยบอกไม่ถูกว่าจะเป็นคนชาติไหนดี ผม
บลอนด์แบบฝรั่ง ผิวขาวเหมือนคนจีน  ตาเล็ก หน้าสวยเหมือนคนญี่ปุ่น  ผมยืนขยี้หัวตัวเองอยู่หน้าประตูรถเคยคิดจะย้อมหลายรอบแล้ว  แต่ตอนเด็กๆมีเด็กคนนึง
บอกว่าผมสีนี้มันสวยผมเลยไม่ย้อม^^ 
                “จะไปไรกิน มึงเอาไรป่าว”
                เสียงน้องหัวแดงนี่หว่า
                “เอาทุกอย่างที่มึงมีปัญญาจ่าย”
                วิวตอบ
                “ก็ไปช่วยกูหิ้วดิ”
                “กูง่วง ซื้อชามาให้กูด้วย”
                ผมหยิบกระเป๋าตังค์ข้างบนแล้วก็เลยลงบันไดไป  ปล่อยให้พวกมันอยู่ข้างบนกันสองคน  แต่ดูเหมือนอีกคนจะเดินตามผมลงมา
                “พี่ไปไหนอ่ะ”
                เด็กหัวแดงมันถามผม  ตามมารยาทก็ต้องตอบสินะ
                “ไปซื้อขนมน่ะ^^”
                “ผมไปด้วย หิว”
                มันพูดแล้วก้าวขายาวๆนำหน้าผมไป  กลับกันสิ มันต้องเดินตามผมไม่ใช่หรอแล้วไหงผมต้องเดินตามมันอ่ะ-o-;
 
 
 
 
                ผมนั่งรออยู่หน้าร้านค้า  ไม่ได้อยากกินขนมพวกนี้เท่าไหร่อยากกินสายไหมที่ขายอยู่นอกโรงเรียนต่างหาก  แต่......นั่นมันขนมเด็ก  ผมโตแล้วจะไปกินอะไรเด็กๆแบบนั้นได้ยังไง  ถ้ารุ่นน้องมาเห็นมันคงล้อผมตายเลยTT
                “ไม่กินอะไรหรอ”
                มันเดินออกมาแล้วถามผม  ถุงขนมเต็มมือเลย เหมามาสินะ
                “ขนมแบบนั้นไม่ค่อยชอบน่ะ^^”
                ผมตอบ  น้องมันนั่งลงข้างๆผมแล้วก็แกะไอติมโคนกิน น่ากินจังเลยอ่ะ-.-
                “อยู่ต่อหน้าผมทำตัวตามสบายก็ได้นะ”
                หือ มันพูดอะไรของมัน
                “ฉันก็ทำตัวตามสบายๆนี่^^”
                “แต่รอยยิ้มนั่นมันดูฝืนๆนะ”
                ดูออกด้วยหรอ  แต่ผมก็ติดการพูดไปยิ้มไปจนชินแล้วนี่นา
                “งั้นหรอ โทษทีนะ^^”
                “ถึงจะเป็นผู้นำคนแต่ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่แสนใจดีอยู่ตลอดเวลาก็ได้นะ”
                “บางทีก็โหดบ้างแหละ ไม่ได้ใจดีตลอดซักหน่อย-3-”
                “หมายถึงทำตัวเป็นเด็กบ้างก็ได้ เอ้า!”
                มันยื่นไอติมรูปคิตตี้สีหวานแหววมาให้ผม –o- ;  มันจะเด็กเกินไปหรือป่าวน่ะ
ผมรับมาแล้วก็ลองกินดู  ทำไมต้องมากินอะไรต๊องๆแบบนี้ด้วยนะ งับ!-_-;
                “ไปเดินเที่ยวกันดีกว่า ไป^^”
                มันลุกขื้นยืนตรงหน้าผม  มือใหญ่ๆยื่นมาเชิญให้ผมลุกขึ้นไปเดินเล่นด้วยกัน  ผมนั่งนิ่งไม่ขยับตัวราวกับว่าเห็นภาพซ้อนทับของคนตรงหน้ากับเด็กผู้ชายในความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นเด็กของผม  เด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดร้อนแรงที่สาดส่องลงมากลับดูเจิดจ้ามากว่าแสงดวงตะวันดวงนั้น  รอยยิ้มสดใสนั่นทำให้ผมเผลอยื่นมือออกไป  มือแสนอบอุ่นจับมือผมไว้แล้วดึงให้ยืนขึ้นแล้วก้าวเดินไปพร้อมๆกัน 
 
 
 
[Celsius]
 
                เวลาขาเจ็บแล้วต้องมานั่งแก่วอยู่บ้านแบบนี้มันน่าเบื่อจริงๆ  วันแรกขาบวมจนยัดรองเท้าไม่เข้าเลย  แถมเดินแทบไม่ได้ต้องโทรตามไอ้ต้าไอ้พาไปโรง’บาล  หมอบอกดีที่กระดูกไม่หัวแค่ข้อเท้าเคล็ดเอ็นช้ำนิดหน่อย  แต่นิดหน่อยของหมอเนี่ยมันทำให้ผมเดินเกือบไม่ได้ทั้งอาทิตย์เลยนะ--;  น่าโมโหทั้งเจ้าเด็กนั่นจริงๆเลย  ซุ่มซ่ามสุดๆมันเกือบล้มผมเลยต้องกระโดดไปรับมันไว้  แล้วสุดท้ายผมก็เจ็บแทนมันซะงั้น  แถมอดลงแข่งด้วยรอบนี้  แต่สงสัยผมจะทำเกินไปหน่อยนะที่จะถ่ายคลิปมันในห้องน้ำกะว่าแค่ทำนิดๆหน่อยๆก็พอดันหลอมตัวเกือบปล้ำมันไปซะได้-_-;;
                “หนังสือไรวะเนี่ย?”
                ผมหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโซฟาขึ้นมา  เมื่อวานไอ้ต้ามันมาเยี่ยมเอารูปไอ้เด็กนั่นมาให้ดู  เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันเป็นหรีดฯแถมเพื่อนผมยังส่งเข้ามือถือให้อีก  ผมหยิบหนังสือที่มีหน้าปกเป็นสาวสวยหุ่นสะบึ้มในชุดซีทรูสีหวานขึ้นมาดู  เปิดอ่านไปพลางๆพลิกไปคอลัมน์ที่ใครๆก็ต้องอ่าน-.,- ไม่ได้ทะลึ่งนะแต่มันเป็นธรรมดา
                S.E.X COLUMN by เจ้ดำ
     สวัสดีจ้าคุณผู้อ่านทั้งหลายทั้งกระทิง กระเทย เก้ง กวาง ชะนีหรือชายแท้หญิงเทียม  วันเจ้ดำบินกลับมาตอบคำถามคลายข้อสังสัยให้แกะน้อยที่หลงทางแล้วนะจ๊ะ ฉบับแรกเลยดีกว่าไม่ต้องฟังฉันบ่นมาก
                        สวัสดีครับเจ้ดำ  ผมมีเรื่องสงสัยนิดหน่อยอยากจะถามเจ้ครับแต่มันเป็นเรื่องของเพื่อนผมนะครับ  ผมสงสัยว่ามันจะชอบผู้ชายด้วยกันเองน่ะครับ  แต่ผมไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือป่าว  เจ้ช่วยบอกข้อสังเกตเล็กๆน้อยๆให้ผมรู้หน่อยนะครับ  อีกข้อนึงแล้วผู้ชายเนี่ยมันอะไรๆกันครั้งแรกต้องทำยังไงครับ-///-
                                                            คาซิโนบ่อนไก่ใต้ทางด่วน
                พรึ่บ!
                               
                ผมปิดหน้าหนังสือลงทันทีO.O  เปิดมาก็ชายxชายเลยหรอเนี่ย  กะว่าจะมาอ่านปัญหาของสาวๆซะหน่อย-.-;  ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะก้มอ่านต่อ(ซะงั้น) 
 
แหมๆ  ไอ้เรื่องรักๆใคร่ๆจะชายๆหรือหญิงๆมันก็เหมือนกันหมดแหละ  ง่ายๆเลยนะเพื่อนหนูช่วงนี้เขาเป็นยีราฟหรือป่าว 

ไม่มาก็รอๆมันเข้าไป  
เปิดประเด็นคุยทีไรต้องเอาเรื่องคนนั้นมาพูด
หรืออาจจะชอบหาเรื่องให้โดนด่าก็ได้

แต่บางคนอาจจะขี้อาย  ก็เป็นแบบข้อ 1 จ้า
                                                                
                ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูเบอร์ใครวะ “น้องซัล” เบอร์มันหรอ  มาอยู่ในเครื่องผมได้ไงอ่ะ  ผมไม่เคยขอเลยนะ  ไอ้ต้าแน่ๆมันแอบเมมไว้แน่ๆเลยไอ้ตัวแสบ  แถมมีเมลล์ให้ซะด้วย-o-;;
 
            แต่ผู้ชายบางคนไม่ค่อยกล้ายอมรับใจตัวเองหรอกค่ะว่าชอบผู้ชายด้วยกัน  เพราะคิดว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น!!  พอรู้สึกชอบผู้ชายเลยคิดว่าตัวเองแปลก  ก็เลยต่อต้านหัวใจตัวเองซะเลย  ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะ  แต่เจ้เชียร์ให้ยอมรับซะ  เพราะสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องหลบๆซ่อน  โลกมันเปิดกว้างแล้วนะหนู  หัดดูทีวีซะบ้าง!!
กูไม่ได้ชอบโวย  กูชอบเนยต่างหาก  กูไม่ได้ชอบมานนนนนนนนนน!!!
 
             เจ้ว่าผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องนี้และกำลังอ่านอยู่ตอนนี้คงโอดครวญโหยหวนกันไปตามๆกันอยู่แน่ๆค่ะนะคะ
 
แม่ งรู้ได้ไงวะ หลอนหว่ะ-o-;;~
                                            
             เจ้แนะนำเลยนะ ฮ่าๆ ลองให้เพื่อนหนูไปจับผู้ชายคนนั้นมาจูบซักทีรับลองรู้ซึ้งถึงใจตัวเองแน่นอนค่ะ  ถ้าจูบไปแล้วไม่รู้สึกดี  แปลว่าไม่ชอบค่ะ  แต่ถ้าจูบแล้วอยากทำอย่างอื่นต่อ  เพื่อนหนูก็เป็นแน่นอนค่ะ!!(ถ้าไม่ใช่จะนอนให้ถีบหน้าเลยค่ะ^^)
 
อ่านไปแล้วย้อนมอง  จูบหรอ เคยไปแล้ว-/////-
จูบแล้วจะทำอย่างอื่นต่อ ............... ชัดเลย กูเป็นเกย์หรอออออOoO!!  ว้ากก! ผมปาหนังสือทิ้งทันที  นี่มันเรื่องอะไรกัน !!!
                ผมหยิบมือถือขึ้นมาหารูปใครคนนั้น   อยู่ไปก็รกเครื่องลบๆทิ้งไปน่ะแหละ  ผมเลื่อนๆหา อ่ะ! เจอละ  รูปเด็กนั่นใส่ชุดเชียร์แขนกุดโชว์แขนขาว  กระโปรงมันสั้นไปนะเลยเข่าไปหลายคืบเลย  เกล้าจุกสองข้างแถมผูกโบว์ด้วย  ทำท่าเอานิ้วจิ้มๆกันอยู่  ใบหน้าหวานๆนั่นแดงระเรื่อเล็กน้อย   ลบต้องลบ  ถ้ากูลบไม่ได้ก็แปลว่ากูชอบมันจริงๆสิ  มันที่เป็นผู้ชาย!!
                ต้องการลบภาพนี้
            [ใช่][ยกเลิก]
                ผมนั่งจ้องมือถืออยู่ครู่นึง  รูปมันก็น่ารักดีนะ-///-  หาดูยากด้วย เฮ้ย!!ไม่ใช่ละผมพยายามเลื่อนนิ้วไปที่คำว่าลบ  แต่นิ้วมันไม่กระดิกสงสัยจะเล่นเกมมากไปนิ้วเลยค้างกูต้องลบ  ของแค่นี้เองทำไมทำไม่ได้  กูชอบเนยๆๆ ไม่ใช่ซัลลลลลล
               
                ก๊อกๆ
 
                ผมวางมือถือแล้วเดินไปที่ประตู  สงสัยไอ้ต้าจะมา  แต่แม่ งก็ไม่โทรบอกล่วงหน้าซะงั้น  จะฝากซื้อของหน่อย
               
                แอ๊ด~
               
                ผมเปิดประตูออก   ผมยืนอึ้งมองคนตัวเล็กผิวขาวหน้าตาราวกับตุ๊กตาสวมเสื้อกล้ามแบบบีบอยสีน้ำเงิน  กางเกงขาสั้นเหนือเข่าโชว์ขาขาว  แถมติดกิ๊ฟเพนกวินสีน้ำเงินอีกด้วย  มันยิ้มน้อยๆให้ผม  มาทำไม  มาทำอะไรตอนนี้-o-!!
               
                ปึ๊ก!
               
                “โอ๊ย!”
                เสียงร้องดังมาจากข้างนอก  กับเสียงประตูที่ดังแปลกๆทำให้ผมต้องเปิดประตูพรวดอีกรอบ  ผมยกแขนเล็กๆที่โดนประตูหนีบขึ้นมาดู  แขนที่รอยแดงเป็นแนวยาวมีรอยถลอกหน่อยๆ
                “ก็เห็นอยู่ว่าจะปิดประตูจะยื่นแขนเข้ามาทำไม!”
                ผมตวาดมันเสียงดัง  ถ้าแขนหักจะทำยังไงล่ะ  แรงผมไม่ใช่เบาๆซะด้วย
                “ผะ....ผมซื้อของมาฝากครับ”
                มันก้มหน้ายื่นถุงกระดาษมาให้ผม  ทำไมมันชอบทำให้ผมรู้สึกเป็นคนผิดอยู่เรื่อยนะ
                “ขอบใจ”
                ผมพูดพร้อมยื่นมือไปรับ
                “เอ่อ... เรื่องวันนั้น  ผมขอโทษด้วยนะครับ...”
                มันพูดแล้วก้มหน้าจนคอจะหักอยู่แล้ว  น้ำเสียงมันสั่นเครือ  จะมาดราม่าหน้าห้องไม่ได้นะเฮ้ย!
                “ผมไปก่อนนะฮะ หายไวๆนะ^^”
                ผมมองรอยยิ้มฝืดๆของมัน  มันยิ้มจนตาหยีจนมองไม่เห็นลูกตา  แต่ผมเห็นประกายหยดน้ำใสๆในตามัน   ผมทำให้มันร้องไห้อีกแล้ว  เวรกรรม
                “เข้ามาข้างในก่อนสิ”
                ผมเปิดกว้างขึ้น  แล้วผายมือเชิญมันเข้าห้อง  มันไปนั่งที่โซฟาส่วนผมก็เอาของไปเก็บแล้วรินน้ำเย็นๆมาให้มันกิน
                “น้ำ”
                ผมพูดพร้อมยื่นแก้วไปตรงหน้ามัน  มันรับไปแล้วก็ซดอึกสองอึก  ผมนั่งลงข้างๆมันแล้วเปิดทีวีให้เสียงทีวีทำลายความเงียบสงบที่ดูกดดันนี่ซะ
                “ทำอะไรน่ะ!”
                ผมร้องอย่างตกใจอยู่ๆมันก็นั่งลงที่ปลายเท้าผม  กลายร่างเป็นนางทาสไปแล้วหรอไอ้เด็กบ้า  มันจับข้อเท้าที่มีผ้าพันไว้ของผมขึ้นมา  แล้วก็ช้อนตามองผม
                “เจ็บหรือป่าวครับ”
                มันถาม
                “ไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ”
                ผมตอบมันไป  แต่มันก็ยังไม่ปล่อยเท้าผม  จะเอากลับบ้านไปด้วยมันเดี๋ยวพี่จะตัดให้--;
                “ผมขอโทษนะ”
                มันก้มหน้าอีก  เฮ้อ~
                “ช่างมันเถอะ  ฉันไม่โกรธอะไรแล้วละ”
                “ผมขอโทษนะ”
                “พอได้แล้วน่า”
                “ผมขอโทษ...ฮึก ขอโทษ”
                ไม่ทันซะแล้ว  ใบหน้าหวานนั่นมีน้ำหยดลงมาซะแล้ว  ผมดึงตัวมันให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ  แล้วปาดน้ำตาให้มัน  เห็นน้ำตามันทีไรผมก็ใจอ่อนยอมยกโทษให้มันทุกทีเลยบ้าจริงกะว่าจะแกล้งให้มันรู้สึกผิดเล่นซักหน่อย
                “ไม่ต้องร้องน่าๆ แต่งตัวมาน่ารักแท้ๆ^^”
                ผมพูดแล้วยิ้มให้มันมันเงยหน้ามองแล้วก็สวมกอดผม  แขนเล็กๆกอดเอวผมไว้แน่นแล้วปล่อยโฮออกมา  ผมจับหัวมันซบกับอกของผมแล้วลูบเส้นผมมันเบาๆ
                “ผะ...ผม...ฮือ ทำให้..พี่..อดแข่ง”
                มันบ่นอู้อี้กับอกผม
                “รอบหน้าก็ลงได้ น่าจะหายทันนะ”
                แต่ข้อเท้าผมมันปูดออกไปข้างนึงน่ะ  ต้องรอให้มันกลับสภาพเดิมก่อน
                “อืม ผม...จะ...ไป...ฮึก เชียร์พี่นะ”
                ผมกระชับอ้อมแขนกอดคนตัวเล็ก  ไออุ่นจากคนในอ้อมแขนทำให้ผมลืมอาการเจ็บที่ข้อเท้าทันที  ผมรู้ว่าหัวใจของผมกำลังเต้นแรงแข่งกับหัวใจของคนในอ้อมกอด ถึงผมจะเคยกอดกับเนยหรือจูบกันบ้างตอนที่คบกัน  แต่ผมกลับรู้สึกต้องการเจ้าตัวเล็กคนนี้ ..... ต้องการไออุ่นจากคนๆนี้ ....... ต้องการสัมผัสริมฝีปากสีเชอร์รี่คู่นี้........  และต้องการเป็นเจ้าของ.......คนๆนี้   ผมจูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน  ทำไมมันทำตัวน่านุถนอมนี้นะ 
                “ซัล”
                ผมเรียกชื่อมัน  มันเงยหน้ามองผม ดวงตากลมโตฉายแววสงสัยประมาณว่ามึงเรียกชื่อกูทำไม
                “ถ้ากอดนายมากขึ้นกว่านี้ ฉันกลัวว่า....”
                “...อะไร”
                มันถาม
                “จะทำแบบนั้นกับนายอีก”
                ผมดันมันออกจากอ้อมแขน  เพราะตัวมันอบอุ่นเกินไป  มันทำให้ตัวผมที่ว่างเปล่าเหมือนถูกเติมเต็มขึ้นมาก็จริง แต่..... มนุษย์มีความต้องการที่ไร้ขีดจำกัดนะ 
                 “ผะ.......ผมมีเรื่องนึง....ที่อยากพิสูจน์”
                มันจับแขนเสื้อผมไว้ไม่ให้ผมลุกหนีมันไปไหน  แววตามันสื่อความรู้สึกบางอย่างการพิสูจน์นี่ที่มันพูดมีความหมายตรงกับสิ่งที่ผมอยากจะพิสูจน์เหมือนกัน 
                “ฉันก็เหมือนกัน...”
                คนตัวเล็กขยับขึ้นมานั่งคร่อมบนตักผม  ผมเล็กๆจับไหล่หนาของผม  มันจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาผมทำให้ผมอดเขินไม่ได้  ผมดันหลังมันให้ตัวมันเขยิบเข้าหาผมอีกนิด  ไกลไปอยู่....  คว้าเอวมันค่อยๆดึงตัวมันให้เข้ามาชิดกับตัวผม  ริมฝีปากสีกุหลาบเผยอออกอย่างเชิญชวน  มีหรือที่ผมจะอดใจไหว  ไม่ลิ้มลองริมฝีปากแสนหวานนั่น  แต่ก่อนจะลิ้มรสผมคงต้องเตือนอะไรบางอย่างกับเจ้าตัวน้อยข้างหน้าซะหน่อย  ในเมื่อมันเลือกที่จะทำเรื่องอันตรายแบบนี้ล่ะก็........
                “จะมาร้องห้ามตอนนี้ไม่ได้แล้วนะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา