Sulfur Love (RE-Write)

9.2

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.57 น.

  57 บท
  25 วิจารณ์
  132.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

39) แผนร้าย พ่ายรัก(เรื่อราวของเจ้าหญิง:Noey)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

[Noey]

 

          “แกนี่สร้างปัญหาให้ฉันอีกแล้วนะ!!”

                เสียงคุณพ่อตะโกนกราดเกรี้ยว   พ่อดีๆเขาเรียกลูกด้วยคำว่าแกหรอ  แล้วฉันทำผิดอะไรทำไมต้องโวยวายนักหนากะอีกแค่วางยาเซลก็แค่นั้น

                “แกรู้มั้ยว่าเขาเป็นลูกชายคนที่ถือหุ้น40%ของบริษัทเรา  ถ้าลูกเขาเป็นอะไรไปแล้วเขาถอนหุ้นไปบ้านเราจะทำยังไง!!”

                “ก็เป็นบ้านเหมือนเดินนี่คะ  ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเนยเลย”

                คุณพ่อสะบัดหน้าแบบฉุนๆ  ไม่พอใจฉันละซิ!  แล้วยังไงคิดว่าฉันจะแคร์หรอ  ทีพ่อยังไม่เคยแคร์เนยเลย  พ่อเห็นคนอื่นดีกว่าเนยเสมอ  พ่อไม่เคยรักเนยเลย!!

                “ถ้าไม่อยากเกี่ยวก็ออกจากบ้านไปเลย!!”

                ฉันถึงกับสะอึกในคำพูดของคุณพ่อ    ใบหน้าคมโกรธเคืองในแววตามีน้ำใสๆคลออยู่   มือหนากำหมัดแน่นยับยั้งอารมณ์โมโห   เรื่องนี้มันรู้ไปถึงคุณพ่อได้ยังไงกัน    ฉันเหลือบหางตามองพ่อบ้านคนข้างกายที่ยืนสงบเงียบเหมือนไม่รับรู้อะไร

                “แกคาบข่าวไปบอกคุณพ่อใช่มั้ย!!”  ฉันตวาดถาม

                “ไม่ต้องไปโทษคนอื่น  แกทำตัวแกเองทั้งนั้นแหละ  คิดว่าทำอะไรแล้วพ่อจะไม่รู้หรอ  เรื่องที่แกก่อปัญหาไว้ฉันเบื่อที่ต้องมาตามแก้ให้แล้วนะ!!” คุณพ่อบอก

                “ก็ไม่ต้องแกสิคะ  เนยไม่ได้ขอนี่”

                “เนย!!”

                ฉันจ้องหน้าคุณพ่ออย่างเอาเรื่อง   เรื่องทุกอย่างฉันทำเองฉันแก้เองได้  ไม่จำเป็นต้องพึ่งบารมีเงินของคุณพ่อในการวิ่งเต้นเรื่องในโรงพักให้หรอก!!

                “แกนี่มันเลี้ยงไปก็ไม่ได้ดีสินะ!!”

                “ค่ะ  ก็เนยเรียนได้เอมาตลอดจะโตมาดีได้ยังไงคะ^^”

                “อย่ามายอกย้อนนะเนย!”

                คุณพ่อกดเสียงต่ำลง  น่ากลัวตายละคะ  พอดีฉันไม่กลัว   คุณพ่อไม่กล้าทำอะไรฉันหรอกถึงแม้จะโกรธจนเลือดขึ้นหน้าก็เถอะ  โดนตีซักครั้งฉันยังไม่เคยโดนเลย  เพราะงั้นฉันถึงได้ลอยหน้าลอยตาเถียงได้เต็มปากไง

                “ฉันไม่อยากเถียงกับแกแล้ว  เอาเป็นว่าเลิกยุ่งกับเซลเซียสเขาซะ”

                “ไม่ค่ะ^^”

                “ฉันสั่งแกก็ต้องทำ!”

                “ทำไมเนยต้องทำ!!  เนยไม่ใช่คนรับใช้!! คุณพ่อไม่มีสิทธิมาสั่งเนย!!”

 

                เพี๊ยะ!

 

                เสียงฝ่ามือกระทบหน้าดังลั่นห้องโถงกว้าง   คนที่ได้ชื่อว่าผมมองฉันด้วยน้ำตานองหน้า  เช่นเดียวกับฉันในตอนนี้ 

                “ทำไม...ทำไมฉันสั่งแกไม่ได้...  ฉันเป็นพ่อแกนะ”

                ฉันก้มหน้ากัดฟันกรอดๆ   ทำไมคุณพ่อต้องตบหน้าฉันด้วย!! 

                “ป๊า!  ทำไมป๊าต้องตบพี่เนยด้วย!”

                เด็กผู้ชายตัวเล็กๆวิ่งมากอดขาฉันพลางร้องห่มร้องไห้อย่างกับโดนตบซะเอง   ไม่ต้องมาเห็นใจฉัน!!  ที่คุณพ่อเปลี่ยนไปก็เพราะแก!!  ถ้าแกกับแม่แกไม่เข้ามาในชีวิตฉันคุณพ่อก็คงไม่ทำแบบนี้กับฉัน!!

 

ตุ้บ!

 

                “ฉันไม่ต้องการความสงสารจากแก”

                ฉันพูดกับได้เด็กนั่นก่อนที่จะผลักมันล้มไปกองกับพื้น    ผู้หญิงวันละอ่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกลพอเห็นแบบนั้นแล้วก็รีบวิ่งมาอุ้มร่างเล็กๆนั้นออกไป  ยัยแม่ใหม่นั่นเหลือบมองฉันที่ยืนหน้าตึงขึงขัง   จะมีเรื่องกับฉันหรือไง!!

                “มองอะไร!!”  ฉันถาม

                “เลิกหยาบคายได้แล้วนะเนย!!   หัดเคารพคุณเฟื้องฟ้าเขาบ้างสิ!”  คุณพ่อตะโกน

                “คุณคะ  อย่าว่าเนยเลยค่ะ   พอเอถะนะคะ”  ยัยนั่นพูด

                “ใครขอความเห็นจากแก  คนในครอบครัวเขาคุยกัน  อย่าสอด!!”

                “แกนะแหละที่ไม่ใช่ครอบครัว!!

               

อึก!

 

ฉันตกตะลึงในคำพูดของคุณพ่ออีกครั้ง   ใบหน้าตื่นตะหนกของคนรอบข้างเริ่มซีดลงๆ 

....หมายความว่ายังไง....

ฉันส่ายสายตาไปมาขอคำตอบจากคุณพ่อ   แม่บ้านและพ่อบ้านที่ยืนอยู่ก็พากันก้มหน้างุดทันที

“เวสเตอร์พาน้องเนยไปพักผ่อนหน่อยนะ”

ยัยแม่ใหม่สั่งพ่อบ้านประจำตัวฉัน    ร่างสูงเดินมาประคองฉันที่ยืนหน้าซีดเป็นกระดาษให้เดินไปที่ห้อง   เหตุการณ์เมื่อกี้ยังฝังอยู่ในหัวฉัน    ฉันไม่ใช่ครอบครัวงั้นหรอ....  แตคุณพ่อแต่งงานกับคุณแม่ของฉันนะ  ฉันก็ต้องเป็นลูกคุณพ่อสิ!!

….คุณพ่ออาจจะพูดไปเพราะกำลังโมโหก็ได้มั้ง.....

ฉันพยายามสลัดความคิดบ้าๆออกจากสมอง   ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มแล้วหลับตาช้าๆนึกถึงเรื่องในอดีต   อดีตที่ฉันยังเป็นแฟนกับเซล….

 

 

 

 

ตอนม.3

 

“กรี๊ดดดด!!  นั่นเซลนี่เท่ชะมัดเลย>///<”

“เสียดายจังน้องเซลมีแฟนแล้วอ่าT^T”

“ชื่อเนยใช่มั้ย  เห็นว่าเป็นลูกเจ้าของกิจการโรงแรมน่ะ   ทั้งสวยทั้งรวยเลยนะ>.<~”

“อย่างงี้เราก็สู้ไม่ได้เลยน่ะสิ-3-”

ได้แค่กรี๊ดเท่านั้นแหละ.....พวกแกน่ะ    การมีแฟนหล่อมันทำให้ฉันรู้สึกดีเวลามีใครคอยจ้องอิจฉาแบบนี้ทำให้ฉันรู้ว่าฉันมีอะไรดีๆที่เหนือพวกพวกนั้น    หลายๆคนก็ค่อนข้างเจียมตัวไม่กล้าเข้าใกล้เซลเพราะเกรงกลัวฉัน     ก็นะถ้าใครมาสนิทสนมกับเซลเกินหน้าเกินตานักละก็ฉันก็จะส่งคนไปสั่งสอนน่ะสิ

....แบบนี้ใครจะกล้ายุ่งกับเซลของฉันละ  ฮ่าๆ...

                “โอ้ยอยากจะกรี๊ด  แกไม่ได้รู้นี้มาจากไหน><~”

                ยัยปริมโวยวายอยู่กับหน้าจอมือถือของยัยแพง  อะไรกันละนั่น

                “ฉันไปถ่านมาสดๆกับมือเลยละ  ตัวจริงหล่อมากกก>///<”

                ยัยแพงบอก  ฉันชะโงกหน้าไปดูมือถือที่ปริมดูอยู่     ที่หน้าจอโชว์รูปผู้ชายหน้าตาดีคนนึงที่กำลังยิ้มกว้าง   เป็นรอยยิ้มที่น่ารักมากๆเลยละ   เท่าที่ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่ฉันปีสองปีละนะ   ชักถูกใจแล้วสิก็ผู้ชายคนนี้ดูหล่อน่ารักซะขนาดนี้

                “ใครน่ะ”  ฉันเอ่ยปากถาม

                “พี่พีคๆ  ตอนนี้กำลังดังในโรงเรียนเราเลยละ  แต่เสียดายไม่ได้อยู่โรงเรียนนี้-3-”  ยัยปริมบ่น

                “หรอ!  ฉันจองนะ”

                “เอ๋!  เดี๋ยวดิแกมีเซลแล้วนะO.O!”

                “มีแล้วก็เลิกได้นี่^^”

                ถึงเซลจะหล่อก็เถอะนะ   แต่ไม่รู้โตไปจะหล่อมั้ยตอนนี้ก็ออกจะดูก้างๆ  เทียบกับคนชื่อพีคแล้ว....พีคน่าสนใจกว่าเยอะเลย^^

                “สงสารเซลจังเลย><”  ยัยแพงว่า

                “สงสารทำไม   มีคนมาดามใจต้องแต่ยังไม่เลิกเลย  นั่นไง!”

                ฉันมองตามปลายนิ้วของยัยปริมไป   เด็กผู้หญิงคนนึงยืนคู่กับเซลอยู่  เธอยื่นหน้าให้เซลแล้วเซลก็รับพลางยิ้มขอบคุณแล้วก็ลูบหัวเด็กนั่นอีกที 

                “นานๆจะเจอผู้กล้าซักที  สงสัยต้องส่งคนไปทักทายหน่อยแล้วมั้ง”

                กล้ามานะยัยเด็กนั่นที่มายุ่งกับเซลของฉัน ....แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง!

                “แกจะทำอะไรน่ะ  ฉันว่าอย่าดีกว่า  ก็แค่เด็กปลื้มรุ่นพี่ธรรมดา^^;”แพงบอก

                “ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของๆฉัน   ไม่ว่าใครฉันก็ไม่สน!!”

                ฉันจิกตามองเพื่อนตัวดีสองคนที่หวังแอบเคลมเซลอยู่    ถึงจะเพื่อนหรือไม่เพื่อนฉันก็จะจัดการมันซะ!!  ฉันหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาพ่อบ้านประจำตัวที่ตอนนี้ฉันเฉดหัวให้มันกลับบ้านไปซะเพราะวันนี้ฉันจะไปเดทกับเซล   อีกอย่างไอ้พ่อบ้านนั่นมันชอบมายืนอยู่เงียบๆตอนฉันกำลังสวีทกับเซล   เกะกะสิ้นดี

                (เวสเตอร์ครับ  คุณหนูมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ)

                “แกช่วยหาผู้ชายที่บาร์เกย์มาให้ฉันซักสี่ห้าคนหน่อยสิ”  ฉันบอก

                (บาร์เกย์!  เอาไปทำอะไรครับ)

                “ไม่ต้องถามมากไปหามาให้ฉันก็พอเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

                (ที่อื่นก็มีผู้ชายนะครับ  ไม่ใช่มีแต่ที่บาร์เกย์...)

                “ฉันสั่งก็ไปทำสิ!”

                (ครับๆ)

                เอามาทำอะไรน่ะหรอ    ก็แค่เอามาสอนประสบการณ์ชีวิตให้ยัยเด็กนั่นก็เท่านั้นเอง    คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่แก่แดดก่อนวัยอันควร

 

 

 

 

                ฉันนอนตากลมใกล้ริมสระน้ำ   เรื่องที่ฉันสั่งให้ไอ้พวกบาร์เกย์นั่นไปจัดการประสบความสำเร็จไปได้   สะใจนัก!!  กะอีแค่ส่งหนุ่มๆหล่อๆไปเปิดซิงนิดหน่อยแค่นี้ช็อกเลยหรอ  ฮ่าๆ

 

                ตึกๆ

 

                เสียงฝีเท้าวิ่งรัวมาหยุดอยู่ที่ปลายเท้าฉัน  ฉันเลิกแว่นกันแดดขึ้นแล้วมองหน้าพ่อบ้านใกล้ตัวที่ดูไร้มารยาท   มาวิ่งในบ้านคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกัน

                “มีอะไร”  ฉันถาม

                “คือ..น้องสาวผมเข้าโรงพยาบาล”  พ่อบ้านที่ชื่อเวสเตอร์บอก

                “แล้วยังไง”  ฉันหยิบนิตยาสารขึ้นมาอ่านพลางๆ

                “ผมขอไปเยี่ยมน้อง...”

                “ไม่อนุญาต!!”

                นายนั่นหน้าซีดก้มหัวไม่กล้าปริปากพูดต่อ    ก่อนจะปล่อยให้ไปเยี่ยมน้อง    ฉันขอไปเยี่ยมยัยเด็กนั่นหน่อย

                “ฉันจะไปโรงพยาบาล   ไปเอารถออก!”

                “ครับ  คุณหนู”

                พ่อบ้านรับคำสั่งฉันแล้วเดินนำฉันไปที่โรงรถ   ยังไงความต้องการฉันก็ต้องมาก่อนสิ!  รถค่อยๆเคลื่อนออกจานลานไป  ฉันเหลือบมองพวงหรีดอันสวยที่อยู่เบาะข้างๆ  ฉันว่ามันเหมาะกับยัยเด็กนั่นนะ

 

                เอี๊ยด

 

                พ่อบ้านทึ่มๆคนเดิมเปิดประตูให้ฉันก้าวลงจากรถ

                “หยิบพวงหรีดแล้วเดินตามมา”

                “ครับคุณหนู”

                ร่างสูงยกดอกไม้พวงใหญ่ออกจากรถก่อนจะเดินตามหลังฉันมา    ผู้คนในโรงพยาบาลต่างจับจ้องไปยังพวงหรีดสุดหรูที่ฉันสั่งมา   ทำไมละเอาดอกไม้พวงใหญ่มาเยื่อมไข้คนกล้ตายมันผิดหรอ   น่าจะดีใจด้วยซ้ำนะที่ฉันใจดีขนาดนี้

               

                แกร๊ก!

 

                “หวัดดี  ฉันมาเยี่ยมเธอน่ะ^^”

                ฉันแสยะยิ้มให้เด็กน้อยบนเตียงที่สะดุ้งถอยหลังชิดหัวเตียง

                “พี่เนย!  พี่มาทำไม!!”  น้ำเสียงเล็กๆแหกปากตะโกนลั่น

                “มาส่งศพแกไง  จำไว้นะนี่แค่สั่งสอน!!”

                “..ฮึก  พี่เนย...”

                “ยืนบื้ออยู่ทำไม  เอาดอกไม้ให้เขาสิ!”

                ฉันหันไปว่าพ่อบ้านจอมบื้อที่ยืนตาเหลือกเหมือนคนเจอผี    ฉันรำคาญก็เลยดึงพวงหรีดนั่นโยนใส่ยัยเด็กนั่นแทน

                “หายไวๆนะจ๊ะ^^”

                ฉันยิ้มหวานมองยัยเด็กที่ส่งสายตาอาฆาตใส่ฉัน   เดี๋ยวแม่ก็ตบให้คว่ำซะหรอกกล้ามากนะที่มองฉันด้วยสายตาแบบนั้น

                “ส่วนนายจะไปเยี่ยมน้องก็ไป  ฉันหมดธุระแล้ว”

                ฉันบอกนายพ่อบ้าน   ร่างสูงผงกหัวเล็กน้อยแทนการตอบ   แค่นี้ก็สะใจพอแล้วละ  หึ!

 

 

 

 

                “คุณหนูครับๆ”

                เสียงทุ้มปลุกฉันขึ้นจากภวังค์    มือใหญ่สะกิดไหล่ฉันเบาๆ  ฉันลืมตามองคนข้างหน้าที่ยืนทำหน้าตายใส่ฉัน   กำลังฝันดีเลย  ไม่น่าปลุกฉันเลยนะ-*-

                “มื้อเย็นจะรับประทานในห้องหรือจะลงไปรับประทานข้างล่างดีครับ”

                พ่อบ้านประจำกายถาม  

                “ข้างบนแล้วกัน”

                “ครับคุณหนู”

                ร่างสูงโค้งหลังให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะก้าวเท้ายาวๆออกนอกประตูไป  จะว่าไปหมอนี่ก็ดูเงียบขึมขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก   ตอนที่เข้ามาแรกๆฉันนึกอยากจะไล่มันออกทุกวันเลย   ตั้งแต่น้องสาวหมอนั่นเสียงชีวิตไปละมั้งเลยทำให้เขาเป็นแบบนี้  

 

                แกร๊ก

 

                ประตูลูกบิดถูกเปิดอ้าออกก่อนที่รถเข็นอาหารคันเล็กจะแทรกเข้ามา 

  เวสเตอร์เปิดฝาจานอาหารต่างๆออกแล้วเดินเอาผ้าผืนบางมาวางบนตักฉัน

                “ทานให้อร่อยนะครับ”

                ฉันพยักหน้าเบาๆก่อนลงมือทานอาหาร   ร่างสูงโค้งให้ฉันก่อนถอยออกไปอยู่เกือบมุมห้อง  กลัวฉันอาละวาดหรือไง

                “นี่”  ฉันเรียกเขา

                “ครับคุณหนู”

                “นายว่าฉันนิสัยเป็นยังไง”

                พ่อบ้านนิ่งไปสักพัก 

                “แบบตามตรงเลย  ไม่ต้องกลัวฉันไล่ออก   ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม....ใครๆก็ไม่รักฉัน....มันเพราะอะไร...”

                ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวเสมอเลย   มีเพื่อนก็เหมือนไม่มี    มีครอบครัวแต่ก็เหมือนไม่มีตัวตน   ไม่มีใครรักฉันสักคน....ไม่มีเลย 

                ...แม้แต่พ่อก็ยังไปรักคนอื่น...

                ฉันสูดลมหายใจเข้าพร้อมเงยหน้ากั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา  แต่มันอยากเหลือเกิน   หลายๆเรื่องที่ฉันอัดอั้นไม่สามารถพูดออกมาได้   หลายๆเรื่องที่ฉันอยากให้ทุกคนเข้าใจ     ฉันแค่อยากให้ทุกคนสนใจฉันบ้างก็เท่านั้น....

                “มันเป็นเพราะคุณถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจเกินไปคุณก็เลยเป็นแบบนี้  แต่ถ้าคุณคิดได้เมื่อไหร่คุณก็ควรปรับปรุงตัวครับ   ก่อนที่มาจะสายเกินไป”

                นัยน์ตาดำสนิททอดมองมายังฉัน   ฉันหวังว่าคนอย่างฉันคงพอซึมซับสิ่งที่นายบอกได้บ้างนะ

                “มันสายมานานแล้วละ...”

                ต่อให้ฉันทำดีเท่าไหร่คุณพ่อกับเซลก็คงไม่รักฉันแล้ว   

                “...ฮือๆ ฉันไม่อยากอยู่ที่แล้ว..”

                นายพ่อบ้านเงยหน้ามองฉัน   นายกำลังสมเพชฉันอยู่สินะ...

                “ถ้างั้นคุณหนูหนีไปอยู่กับผมมั้ยครับ”

                ฉันกระพริบตาถี่ๆ   เวสเตอร์ยิ้มบางๆให้ฉันก่อนก้าวเท้าเข้ามาใกล้แล้วคุกชันเข่าเงยหน้ามองฉัน

                “ไม่ว่าใครจะคิดยังไง  แต่ผมยังจงรักภักดีกับคุณหนูเหมือนเดิมครับ”

                ร่างสูงลุกขึ้นยืนสง่าตรงหน้าฉัน   มือใหญ่ผายเชื้อเชิญให้ฉันจับไว้แล้วไปด้วยกัน   

                ....ทั้งที่ฉันเลวขนาดนี้  แต่นายก็ยัง...

                ฉันมองข้ามคนอย่างนายไปได้ยังไงกัน    ฉันเอื้อมมือวางบนฝ่ามือใหญ่   นิ้วเรียวกระชับมือเล็กๆของฉันไว้ก่อนคลี่ยิ้มบางๆให้ฉันอีกรอบ

                “ถอยกลับไม่ได้แล้วนะครับ   เจ้าหญิง”

 

 

 

 

  • ให้อภัยเนย☺●

               

                หลายวันต่อมาหลังจากที่ฉันออกจากบ้านมา    ถ้าคิดว่าฉันจะได้เจอชีวิตสุขสบายละก็คิดผิดแล้ว    เวสเตอร์เช่าบ้านที่ต่างจังหวัดเอาไว้มันเป็นแค่บ้านเช่าหลังเล็กๆที่ไม่มีอะไร   มีแค่แอร์ห้องเดียวเองก็คือห้องนอนของฉัน

                “คุณหนูครับอาหารเช้าพร้อมแล้วครับ”

                ร่างสูงบอกฉัน   ถึงจะออกมาแล้วแต่เขาก็ยังปรนิบัติฉันดีอยู่    แถมยังไม่ให้ฉันไปทำงานหรือแตะงานบ้านเลย   บอกแค่ว่าให้ฉันเรียนให้จบก็พอ

                “เรียกว่าเนยเถอะ  ฉันไม่ใช่คุณหนูแล้วนะ”  ฉันบอก

                เวสเตอร์นิ่งไปก่อนจะค่อยๆขยับปากเบาๆแบบไม่มีเสียง   เรียกสิอย่าทำให้ลุ้นได้มั้ย-_-

                “....เนย....”

                น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมา   ฉันยิ้มให้เวสเตอร์เล็กน้อย   หน้าตาเขาตอนพูดมันน่าขำสิ้นดีเลย   ชื่อฉันเรียกยากขนาดนั้นเลยหรอ

                “เวสเตอร์”

 

                เคร้ง!

 

                มือใหญ่ปล่อยช้อนร่วงกระทบจานข้าวดังลั่น   ดวงตาเรียวเบิกกว้างแล้วเขาก็ยกมือขึ้นบังใบหน้าพลางหันหน้าหลบฉัน

                “เรียกไม่ได้หรอ-*-”  ฉันถาม

                “ปะ...ป่าวครับ  แค่...ไม่ชินน่ะครับ-///-”

                “กินด้วยกันสิ”

                “เดี๋ยวผมไปกินในครัวดีกว่าครับ”

                “นั่งกินเดี๋ยวนี้!”

                เวสเตอร์ยอมนั่งลงตามคำสั่ง   อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆจะแยกกันกินทำไมเล่าตาบ้านี่

                “พะโล้นี่ซื้อมาจากตรงไหนเนี่ย”  ฉันถาม

                “ตลาดเมื่อวานไงครับ  ไม่อร่อยหรอครับ”

                “ก็พอกินได้อ่ะนะ”

                “ครับ”

                “คราวหน้าพาฉันไปด้วยนะ-3-”

                “ครับ?”

                “ตลาดไง  เบ๊อะจริงๆเลย><”

                ร่างสูงหลุดขำออกมาฉันเลยขำตาม    อยู่บ้านแคบๆแบบนี้แต่ฉันยังหัวเราะได้ดีกว่าอยู่บ้านแบบคฤหัสถ์แต่ฉันมีแต่ความทุกข์

 

                ปัง! ปัง!

 

                เสียงคนเคาะประตูบ้านดังสนั่น   เจ้าของมาเก็บค่าเช่าหรอ  ก็จ่ายล่วงหน้า 3 เดือนไปแล้วนี่นา

                “ผมไปเหิดประตูก่อนนะ”

                เวสเตอร์ลุกไปยังประตู   เมื่อบ้านประตูถูกเปิดออกร่างเล็กๆของเด็กวัยห้าขวบก็วิ่งพรวดเข้ามา

                “พี่เนยยยยย”

                ร่างเล็กๆวิ่งถลาเข้ามากอดตัวฉัน  ไอ้เด็กนี่มันมาได้ยังไง!!

                “แกมาได้ยังไง”  ฉันถาม

                “กัส...กัสตามพี่เนยออกมาจากบ้าน   แต่กัสหลงทาง...ฮือๆ”

                “ตามมาตั้งแต่วันที่ฉันหนีออกมาเลยหรอ”

                “ครับ...ผมอยากอยู่กับพี่เนย ”

                อย่าบอกนะว่าเพิ่งหาบ้านหลังนี้เจอ   แล้วก่อนหน้านั้นไอ้เด็กนี่มันไปอยู่ที่ไหน  อยู่กับใครละ!!

                “กัส!  กัสทำแบบนี้ไม่ได้นะ  คุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วงเอานะ!!”ฉันดุ

                “กัสไม่อยากให้พี่เนยไป....กัสอยากอยู่กับพี่เนย  แง”

                เด็กคนเดียวต้องเดินทางมาไกลขนาดนี้เพื่อฉันงั้นหรอ    ความรู้สึกผิดมันตันอยู่ในลำคอฉันจนอยากจะร้องไห้ออกมา    ทั้งที่ฉันไม่เคยเป็นพี่ที่ดีเลยทำไมแกยังอยากอยู่กับฉันอีกละ....

                “เวสเตอร์ฝากโทรหาคุณพ่อให้มารับกัสด้วย”

                เวสเตอร์พยักหน้าก่อนกดโทรศัพท์   ร่างเล็กๆเงยหน้าขึ้นมองฉันแล้วร้องไห้งอแงหนักกว่าเดิม

                “ฮือๆ ไม่เอา!  กัสไม่กลับ! กัสจะอยู่กับพี่เนย!!”

                “กัส...”  ฉันเอ่ยเบาๆ

                “อีกสักสองสามชั่วโมงคงมาน่ะครับ”

                เวสเตอร์หันมาบอกก่อนจะหลบมุมไปจักช่อดอกไม้

                “คุณหนู...เนย!  เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกแปปนึงนะครับ”

                เวสเตอร์บอกพลางหยิบช่อดอกไม้สดขึ้นมาแนบเข้าตัว

                “จะไปไหนหรอ”  ฉันถาม

                “จะไปเยี่ยมน้องน่ะครับ”

                “ไปด้วยได้มั้ย”

                “ครับ”

               

 

 

                ร่างสูงเดินเลี้ยวลัดเลาะตามเส้นทางไปเรื่อยๆ    ลมพัดฉิวๆพัดพากลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนมาเข้าจมูกฉัน     เวสเตอร์เดินเลี้ยวไปมาในพื้นที่กว้างที่มีแผ่นหินเรียงรายไปทั่วก่อนจะหยุดที่หน้าแผ่นศิลาที่จากลึกชื่อใครบางคนอยู่

                “ไหนน้องพี่เวสเตอร์ละครับO.o”  เสียงเล็กๆถาม

                “นี่ไงครับ”

                มือใหญ่วางช่อดอกไม้เล็กๆไว้บนหน้าหลุมศพคนที่เป็นน้องสาว    น้องเวสเตอร์ตายแล้วหรอ   ทำไมฉันไม่รู้เลย

                “คุณหนูเนยครับ”

                ร่างสูงลุกขึ้นหันมาหาฉัน   ดวงตาคมส่อแววเศร้าสร้อยขึ้นมาถนัดตา    ทำไมฉันไม่กล้าสบดวงตานั่นตอนนี้จู่ๆฉันก็ก้มหน้าลงซะดื้อๆ

                “คุณหนูจำเรื่องตอนคุณหนูอยู่ม.3ได้มั้ย   ที่คุณหนูเคยให้ผมไปหาผู้ชายมาให้คุณหนู   แล้วคุณหนูก็สั่งให้ไปรุมโทรมเด็กคนนึง”

                ฉันพยักหน้าช้าๆพลางเม้มปากแน่น

                “เด็กคนนั้น  คือน้องผมเอง”

                ฉันเปิกตาโพรงอ้าปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ  

                “หลังจากน้องผมออกจากโรง’บาลเธอก็ยังกลัวไม่หาย  ข้าวปลาไม่ยอมกินก็เลยเสียชีวิตในที่สุด   ผมเป็นพี่แท้ๆแต่กลับไม่เคยไปงานศพน้องตัวเองเลย”

                น้ำตาใสๆไหลลงมาข้างใบหน้าคม 

                ...ฉันทำให้น้องเขาต้องตาย  แล้วยังไม่ให้เขาไปงานศพน้องเขาอีก....  ฉันนี่มันเลวจริงๆ   ฉันไม่คิดว่าความเอาแต่ใจตัวเองของฉันจะทำให้คนๆนึงต้องมาตาย  ฉันทรุดเข่าลงบนพื้นหินแผ่นเล็กก่อนจะก้มลงกราบหน้าป้ายชื่อ

                “ฉะ...ฉันขอโทษ”

                ฉันรู้ว่าเธอคงจะอาฆาตฉันไปตลอด   ทำให้ฉันเจอแต่เรื่องทุกข์ใจ   แต่มันยังไม่สาสมที่ฉันพรากชีวิตเธอไปหรอกนะ  

                “ขอโทษนะ....เวสเตอร์”

                ฉันก้มกราบเท้าใหญ่ที่ยกหลบฉัน   ทั้งที่ฉันทำร้ายน้องนายแบบนี้นายยังอุส่าห์รับใช้ฆาตกรที่ฆ่าน้องนายอีก   ฉันไม่รู้จะชดใช้นายยังไง....

                “ทำไม..ทำไมนายไม่...แก้แค้นฉันซะละ”

                นายมีโอกาสฆาฉันได้ทุกเมื่อแท้ๆ

                “สำหรับผมแล้วการดูแลคุณหนูถือเป็นหน้าที่สำคัญ   ที่ผมคอยอยู่ข้างๆคุณหนูก็เพื่อคอยป้องกันไม่ให้คุณหนูไปทำร้ายใครอีก”

                “ฉันขอโทษนะ..”

                “ผมก็ต้องขอโทษคุณหนูที่ผมคอยขัดขวางแผนการของคุณหนู  ทั้งเรื่องที่ผมแจ้งบอกรปภ.ว่ามีขโมยที่ลานจอดรถเพื่อให้เขาไปช่วยคุณซัล   และก็ที่ผมปล่อยให้คุณเซลหนีไป”

                “.....แบบนี้นี่เอง...”

                “แต่ที่ผมทำไป  เพราะผม....ไม่อยากให้คุณหนูทำผิดเป็นครั้งที่สอง”

                เคยนึกโมโหว่าทำไมแผนการถึงไม่สำเร็จซักอย่าง    แต่วันนี้ฉันกับพบว่า  ที่แผนการฉันไม่สำเร็จมันเป็นเรื่องดี  เรื่องดีมากๆที่ฉันไม่ต้องเป็นฆาตกรซ้ำสอง

                “เวสเตอร์.....นายจะฆ่าฉันก็ได้นะ”  ฉันบอก

                “ผมให้คุณหนูอยู่อย่างตายทั้งเป็นแบบนี้ดีกว่า”  เวสเตอร์บอก

                “....อืม...”

                “อย่าคิดฆ่าตัวตายนะครับ”

                ถึงจะดูเหมือนไม่ให้อภัยแต่นายก็อยากให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไป   ฉันรู้สึกละอายมากๆเลยที่ต้องให้คนอย่างนายมาใจดีกับฉันแบบนี้

                “ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนรับใช้นายเอง  เพราะฉะนั้นอย่าเรียกฉันว่าคุณหนูเลย”  ฉันจะชดใช้ให้นายตลอดชีวิต...

                “ครับ  ผมจะสอนให้คุณเป็นคนเอง”

                “..ฝากตัวด้วยนะ..”

               

 

 

 

                ฉันตัดสินใจอยู่ที่ต่างจังหวัดกับเวสเตอร์  ซึ่งคุณพ่อก็อนุญาตแถมยังซื้อบ้านให้อยู่อีก   แต่จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากได้หรอกนะ   ตอนนี้ฉันย้ายมาเรียนที่โรงเรียนใกล้ๆบ้านธรรมดาๆแล้วก็ทำงานพิเศษไปด้วย  เพิ่งรู้ว่าการหาเงินมันยากขนาดนี้   รู้สึกไม่ค่อยอยากควักเงินออกจากกระเป๋าเลย  ส่วนเงินที่คุณพ่อโอนเข้าบัญชีมาให้ถ้าไม่มีปัญหาอะไรหนักๆเช่นป่วยหรือค้างค่าไฟฉันก็ไปเบิกมาใช้หรอก

                “ดูบ้านนั้นสิได้ข่าวว่าหนีตามกันมา”

                “ใช่ๆ  เด็กใจแตกแหงๆเลย”

                ฉันละอยากบึ้มข้างๆบ้านนี่จังเลย

                “ไม่ต้องไปสนหรอกครับ  คนมีปากได้แต่พูดเท่านั้นแหละ”

                เวสเตอร์บอกแล้วกดเลื่อนช่องดูทีวี   นายนี่มันพ่อพระสุดๆไปเลยนะ   ถ้าเป็นเมื่อก่อนยัยป้าๆพวกนี้ไม่มีปากมานินทาฉันแน่    แต่ตอนนี้ฉันเย็นลงมากละ  รอดไปนะพวกแก

                “เนย  เซลโทรมาน่ะ”

                ฉันวางจานลงในอ่างก่อนวิ่งไปหยิบมือถือมารับ

                “ฮัลโหล”  ฉันกรอกเสียงลงไป

                (เนยหรอ)  เซลถาม

                “แล้วโทรมาหาใครละห๊ะ!”

                (ติดเชื้อกวนตีนของซัลไปใช่มั้ยเนี่ย  ตอบแบบนี้)

                (ว่าซัลกวนตีนหรอ  ห๊า!!)  เสียงซัลลอดออกมา

                “ฮ่าๆ  ติดมาจากซัลน่ะแหละ”

                (ซะงั้น)  ซัลบอก

                อ่อตอนนี้ฉันคืนดีกับทุกคนแล้วละ   ตอนแรกซัลก็ไม่ยอมคืนดีด้วยหรอกแต่ไปๆมาๆตอนนี้เราสนิทกันไปแล้วละ   ซัลมีมุกฮ่าๆเพียบเลย   เอามาสอนฉันด้วย  ตอนนี้ฉันเลยเข้าสมาคมเกรียนไปโดยปริยาย

                “อือๆ  แล้วเจอกัน”  ฉันตอบ

                “จะไปเที่ยวหรอ”  พอวางสายปุ๊บเวสเอตร์ก็ถามปั๊บ

                “อืม  จะเข้ากรุงเทพฯพรุ่งนี้น่ะ  เอาไรปะ”

                “ไม่เอา  กลับมาเร็วๆแล้วกัน”

                “ค่า~”

                ฉันลากเสียงยาวๆ  นายเป็นพ่อฉันหรอห๊ะ!!

 

                หมับ!

 

                วงแขนแกร่งคว้าเอวฉันให้นั่งลงบนตักก่อนจะบีบจมูกฉันแรงๆ

                “ประชดหรอ”  เวสเตอร์ถาม

                “ป๊าว!”

                “เดี๋ยวโดนทำโทษ”

                เรื่องของฉันก็มีเท่านี้แหละค่ะ   ฉันขอโทษทุกคนด้วยนะคะ 

                ...ขอบคุณที่ให้อภัยเนยนะคะ...^^

 

 

 

  • ☹ไม่ให้อภัยเนย☹●

                ฉันมองสองข้างทางที่รถแล่นไปตามถนน   ทุ่งหญ้าโล่งกว้างเขียวขจีสลับกับภูเขาสูงที่ไขว้ไปมาซ้อนทับกัน    ฉันเหลือบตามองคนที่กำลังขับรถอยู่   ใบหน้าคมมองตรงไปข้างหน้าแลดูเท่ดีไม่หยอก   ฉันออกจากบ้านมาหลายวันแล้ว   ไม่มีใครคิดจะมาตามฉันจริงๆน่ะแหละ  คงโดนตัดหางปล่อยวัดซะแล้ว

                “จะไปไหนหรอ” ฉันเอ่ยปากถาม

                “ไปเยี่ยมน้องน่ะครับ”

                ฉันพยักหน้ารับเบาๆ   หมอนี่คอยดูแลฉันไม่ขาดตกบกพร่องเลย    มีเงินซื้ออาหารหรูๆให้ฉันกินทุกมื้อ   แถมยังขับรถป้ายแดงซะด้วย  แต่ฉันก็ไม่กล้าถามหรอกนะว่าเขาทำงานอะไรตอนนี้ถึงได้มีเงินใช้จ่ายเหลือเฟือแบบนี้

                “เปิดเพลงมั้ยครับ”  เวสเตอร์ถาม

                “อื้ม”  ฉันตอบ

                “น้องผมเขาชอบฟังนิทาน  เหมือนคุณหนูตอนเด็กๆเลยครับ”

                เขาชวนคุย   จำได้ว่าตอนฉัน 10 ขวบเวสเตอร์ก็เข้ามาดูแลฉันตอนเขาอายุ 17 เขาชอบเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟังจนฉันรำคาญ

                “ผมมีนิทานเรื่องนึงที่อยากเล่าให้คุณหนูฟัง”

                “เล่ามาสิ”

                “เล่าละนะครับ...  ที่ปราสาทแห่งหนึ่งมีเจ้าหญิงเอาแต่ใจคนหนึ่ง  คอยจ้องหึงหวงเจ้าชายรูปงามที่ใจดีไปทั่ว   วันหนึ่งหญิงชาวบ้านที่ชื่นชมเจ้าชายได้เข้าไปทำตัวสนิทกับเจ้าชาย  ทำให้เจ้าหญิงไม่พอใจจึงสั่งให้องครักษ์คนสนิทไปจัดการนางผู้นั้น   องครักษ์ก็รับบัญชาด้วยความภักดี  สุดท้ายเขาจึงได้รู้ว่าคนที่ต้องจัดการคือน้องสาวเขาเอง  แต่มันก็สายไปซะแล้ว  ถึงอย่างงั้นองครักษ์ก็ยังดูแลเจ้าหญิงด้วยความภักดีเหมือนเดิม”

                “จะบ้าหรอ!”

                ยัยเจ้าหญิงนั่นสั่งไปให้ฆ่าน้องก็ยังทำแถมยังดูแลเจ้าหญิงด้วยความภักดีเหมือนเดิม   บ้าหรือป่าว

                “ไม่สนุกเลย!  ทำไมองครักษ์ถึงใจดีขนาดนั้น  เป็นฉันนะต้องแก้แค้นสิ!!”ฉันบอก

                “นั่นสิครับ  คุณหนู....คิดเหมือนผมเลย”

                เวสเตอร์คลายยิ้มบางๆก่อนหันหน้ามองตรงไปตามถนน     รถคันงามจอดสนิทลงตรงหน้ารั้วสีดำทะมึน   ฉันก้าวขาลงจากรถด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกที่สันหลัง    ป้ายหินสลักชื่อเป็นภาษาอังกฤษตั้งเรียงรายอยู่ทั่ว  สุสานสินะ

                “ทางนี้ครับ”

                ร่างสูงผายมือนำทางฉัน

 

                ปึก!

 

                ฉันสะดุดแท่นหินที่ขอบพ้นโค้งออกมา   ตายแล้วยังทำให้คนอื่นเขาเจ็บตัวได้อีกนะ!  ฉันเหยียบดอกไม้ที่ตกลงมาจากแท่นป้ายนั้นเป็นการระบายความเจ็บ    อยากจะขุดซากออกมาแขวนให้หนูแทะจริงๆ

                “นี่หลุมศพน้องผมเองครับ”

                เวสเตอร์วางช่อดอกไม้ลงหน้าป้าชื่อก่อนลูบป้ายหินไปมาเบาๆประหนึ่งว่าลูบหัวน้องเขาอยู่   ฉันโค้งให้หลุมศพเล็กน้อย

                “คุณหนูจำเรื่องตอนคุณหนูอยู่ม.3ได้มั้ย   ที่คุณหนูเคยให้ผมไปหาผู้ชายมาให้คุณหนู   แล้วคุณหนูก็สั่งให้ไปรุมโทรมเด็กคนนึง”

                ฉันกระพริบตาปริบๆ  พยายามทบทวนความทรงจำ

                “เด็กคนนั้น  คือน้องผมเอง”

                ฉันเปิกตาโพรงอ้าปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ  

                “หลังจากน้องผมออกจากโรง’บาลเธอก็ยังกลัวไม่หาย  ข้าวปลาไม่ยอมกินก็เลยเสียชีวิตในที่สุด   ผมเป็นพี่แท้ๆแต่กลับไม่เคยไปงานศพน้องตัวเองเลย  เพราะคุณหนูไม่ให้ผมไป...”

                น้ำตาใสๆไหลลงมาข้างใบหน้าคม 

                ...ฉันทำให้น้องเขาต้องตาย  แล้วยังไม่ให้เขาไปงานศพน้องเขาอีก.... 

                งั้นที่ฉันไม่เคยมีความสุขอีก   ก็เพราะน้องหมอนี่คอยรังควานฉันอยู่งั้นสิ

ฉันยกมือขึ้นกุมหัวใจตัวเอง  มือเย็นๆของฉันเริ่มสั่นเทาขากับเริ่มยืนไม่อยู่

                “คุณหนูเป็นคนบอกเองใช่มั้ยครับว่าองครักษ์ควรแก้แค้น”

                ใบหน้าคมหันมาฉีกยิ้มให้ฉัน  

 

                ฮวบ!

 

                จู่ๆแข้งขาฉันก็อ่อนแรงจนทรุดตัวลง   ร่างสูงยืนขึ้นก่อนก้าวเท้าเข้ามาหาฉันช้าๆ

                “อย่าเข้ามานะ!!”

                ฉันตะโกนลั่นมือก็ปัดไปมือในอากาศไม่ให้หมอนนั่นเข้ามาใกล้    อีกมือก็กุมหัวใจตัวเองที่เต้นแผ่วลงเรื่อยๆ   ทำไมฉันหายใจไม่ออกเลย...

                “บอกว่าอย่าเข้ามาไง!!  ถ้าแกเข้ามาฉัน...ฉันจะโทรบอกคุณพ่อ!!”

                ฉันตะโกนบอก   แต่หมอนั่นกับหัวเราะลั่นเหมือนคนสะใจอะไรบางอย่าง    ฉันคลำมือสะเปะสะปะปัดข้าวของบนหลุมศพอื่นกระจัดกระจาย

 

                ตึก!

 

                ศอกฉันไปชนกับแผ่นหินแกร่งที่ตั้งตระหง่าอยู่กลางลานกว้างประมาณสามวา   ฉันเบิกตากว้างก่อนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

                ....ไม่จริง  นี่มันคิดจะ...

                ป้ายหินสลักชื่อสีทองอร่าม  มันสลักชื่อฉัน!!

                “พ่อคุณเป็นคนบอกให้ผมทำแบบนี้เองนะครับ  คุณหนู^^”

                “ไม่มีทาง!!  คุณพ่อไม่ทำแบบนั้นกับฉันหรอก”  ฉันตวาด

                “คุณพ่อๆ  เคยรู้บางมั้ยครับว่าเขาไม่ช่พ่อแท้ๆของคุณหนู”

                “ไม่จริง  แกจะไปรู้อะไร!  คุณพ่อแต่งงานกับคุณแม่...”

                “การแต่งงานเพื่อบังหน้าของคุณหนูตระกูลสูงส่งที่เกิดท้องลูกไม่มีพ่อน่ะหรอครับ ^^”

                ฉันส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง   ฉันไม่ใช่ลูกคุณพ่องั้นหรอ!!  ฉันเป็นลูกคนก็ไม่รู้ที่คุณแม่ยัดเยียดให้คุณพ่อเลี้ยง...

                “คุณหนูทำอะไรไม่เจียมตัวเลยนะครับ  ไปทำร้ายลูกแท้ๆของเขาแบบนั้น   ไม่ใช่สิ    ผู้บริหารบริษัทของตระกูล.....สมควรถูกกำจัดจริงๆ  นับว่าคุณท่านเมตตาคุณมากแล้วนะครับที่ยังสั่งทำป้ายศพแพงๆนี่ให้  ไม่ได้เข้ากับคนหยาบช้าอย่างคุณเลย”

                ขายาวเตะแผ่นหินที่สลักชื่อฉันอย่างไม่เกรงใจก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาหาฉันเร็วขึ้น    ฉันถัดมือถอยหนีแทบไม่ทัน

 

                พรึ่บ!

 

                มือฉันตกลงไปในหลุมกว้าง

                “กรี๊ดดดดดดดด!!”

                ฉันกรี๊ดลั่นเมื่อเห็นหลุมศพที่อยู่ลึกลงไปเปิดบานฝากว้างรอต้อนรับฉันอยู่หลังป้ายชื่อ    ใบหน้าคมกระตุกยิ้มเยาะกับท่าทีหวาดผวาของฉัน  ฉันโค้งตัวหอบหายใจรวยรินอยู่ข้างหลุมใส่โลงนั่น

                “ยาออกฤทธิ์เต็มที่แล้วสินะ หึ!”

                “ยะ..ยาอะไร!!”

                “ก็แค่ทำให้คุณหนูขยับไม่ได้สักพักน่ะครับ^^”

                 “อยะ...อย่าทำอะไรฉันเลย...ฉันไหว้ละ..”

                ฉันยกมือสั่นๆไหวเข้าเป็นว่าเล่น    แต่ร่างกายฉันมันแทบไม่ขยับแล้ว  มันรู้สึกอ่อนแรงไปหมดเลย

                “แล้วตอนน้องผมถูกทำแบบนี้  น้องผมมีโอกาสได้ร้องขอมั้ยครับ..”

                ดวงตาเย็นชาจ้องลลึเข้ามาในดวงตาฉัน  ฉันรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลัง   ดวงตาที่ดูไม่เหมือนมนุษย์ของหมอนี่ทำให้ฉันรู้สึกตัว   ร่างสูงย่อตัวกระเถิบมาใกล้ๆ  ฉันรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่คลานหนีทันที

 

                พรุ่บ!

 

                แขนฉันหล่นลงในในช่องว่างนั่นอีกรอบก่อนที่ร่างฉันจะตกลงไปนอนบนเบาะสีขาวในโลง   ฉันยกมือตะเกียดตะกายปาก็ตะโกนร้อง

                ...แต่ร่างกายฉันไม่ขยับเลย...

                เงาดำพาดทับตัวฉันที่นอนกลอกตาไปมา     ดวงหน้าหล่อขยับยิ้มมุมปาก    มือใหญ่จับฝาโลงที่ตั้งฉากไว้เตรียมปิดลงมา

                ..ไม่นะ!!!  ไม่!!..

                “ฝากทักทายน้องสาวผมด้วยนะครับ^^”

 

                ปึง!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา