FYC! ค่ายนี้มีแต่...

8.8

เขียนโดย แคมป์

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.53 น.

  14 ตอน
  17 วิจารณ์
  21.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ค่ายทารุณเหรอ?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

FY8

 

 

 

          เงียบ...

 

          เงียบราวกับว่าห้องพักนี้ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากฉัน เอ๊ะ...หรือว่าเขาจะไม่อยู่แล้ว?? ได้การล่ะ!

 

          ฉันถลาวิ่งลงจากเตียงไปกดล็อกประตูซะ ก่อนที่จะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากะว่าจะกดโทร. หาพวกยัยเจบีและยองแอซะหน่อย และ...และ...เฮ้! อะไรเนี่ย!?

 

          ฉันเคาะๆ เจ้าโทรศัพท์กับมืออีกข้างเบาๆ เมื่อมันทำท่าว่าจะทรยศฉันเสียแล้ว

          เฮ้ย! อย่าล้อเล่นหน่า =O=;; ฉันไม่เล่นกับแกนะเจ้าโทรศัพท์บ้า! โอ้ยยย ติดซะทีสิ ติดๆๆๆ >O<

 

          แกร็ก...แกร็กๆๆ

 

          เฮือก! นายเจแซคมา! O_Olll

 

          “เฮ้ นี่เธอจะล็อกประตูทำไมน่ะ?”

 

          ตายล่ะหว่า เอาไงดีเนี่ย...เอ่อ...โอ้ย! ก็ไม่เห็นจะยากอะไรนี่ ก็แค่เก็บโทรศัพท์ในที่เก่าเอง >_<

 

          ก็อกๆๆ

 

          “อินฮยอง เปิดประตูเร็ว” น้ำเสียงนั้นดูแข็งขึ้นเมื่อคงเห็นว่าฉันยังไม่ไปเปิดประตูให้เขา

 

          ก็อกๆๆๆๆๆ

         

          คราวนี้เสียงเคาะประตูถี่รัวขึ้นพร้อมกับเสียงทุ้มที่ก็เร่งเดซิเบลเยอะขึ้นเหมือนกัน

 

          “อินฮยอง! นี่เธอทำอะไรอยู่น่ะ!  ฉันบอกให้เปิดประตู! อินฮยอง ซองอินฮยอง!!”

 

          “โอ๊ยยยยย รู้แล้วๆๆๆๆ”

 

          ฉันที่จัดแจงแต่งตัวจนเรียบร้อยดีแล้วก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้ามา เผยให้เห็นร่างสูงตรงหน้าที่ยืนหน้ามุ่ยซะไม่เหลือคราบเทพบุตรคนนั้นเลย เขาขมวดคิ้วมุ่น ก้าวพรวดทีเดียวเข้ามาถึงตัวฉัน แต่ฉันก็ไวกว่าที่ถอดกรูดไปหลายๆ ก้าว

 

          เขามองการกระทำของฉันด้วยสายตาขัดใจ แต่ก็ไม่ได้รุกล้ำเขตเข้ามาอย่างที่ฉันนึกกลัว

 

          “มัวทำอะไรอยู่ ทำไมต้องให้ฉันเรียกตั้งนาน”

 

          “เอ่อ...” ฉันเผยอปากน้อยๆ พยายามเค้นหาข้อโกหกที่คิดว่าเขาจะไม่สงสัยถ้าเกิดว่าฉันพูดอย่างนั้นออกไป

 

          ฉันลอบมองหน้าเจแซคที่เอาแต่หรี่ตามองฉันเหมือนกำลังจับพิรุธ ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันต้องรีบหลบตาวูบ ทว่าฉับพลัน! คำโกหกของฉันก็ลอยแว้บเข้ามาในหัวแบบพอดิบพอดี ฉันเบิกตากว้าง ยิ้มยินดีเมื่อรู้ว่าจะโกหกอะไร

 

          “ฉัน...ฉันเผลอหลับไปน่ะ สงสัย...จะเพลียไปหน่อย”

 

          แต่ถึงฉันจะพูดออกไปอย่างนั้นก็เถอะ T^T นายเจแซคก็ยังมองมาที่ฉันด้วยสายตาไม่เชื่ออยู่ดีอ่ะ โอ้ยยย ทำไงดีเนี่ยฉัน T-T

 

          “เอ่อ...เอิ่ม...ก็...(อ้อ!) ก็เพราะคุณนั่นแหละ! เพราะคุณรังแกฉัน ฉันถึงได้ต้องตกอยู่ในสภาพแบบเนี้ย! นี่ถ้าคุณไม่รังแกฉันนะ ป่านนี้ฉันก็จะไม่เพลียอย่างที่คุณเห็นหรอก เพราะคุณนั่นแหละ เพราะคุ...”

         

          “โอเค! โอเคๆๆ เพราะฉันก็ได้ งั้นเธอก็นอนพักเอาแรงไว้ละกัน คืนนี้จะได้ออกไปร่วมกิจกรรมไหว"

 

          หะ...คืนนี้?

 

          ฉันขมวดคิ้วมุ่น ยืดคอถามออกไปด้วยความสงสัย และในความสงสัยนั้นก็อดระแวงไปด้วยไม่ได้

 

          “คืนนี้...คืนนี้ทำไม? แล้วกิจกรรมอะไร???”

 

          นายเจแซคเลิกคิ้ว

 

          “อ้าว ก็...กิจกรรมที่ทางค่ายเขากำหนดมาไง นี่เธอไม่รู้อะไรเลยหรอเนี่ยอินฮยอง?”

 

          และคำตออบจากฉันก็คือ...

 

          “หึ!” ฉันส่ายหน้าไปมาเร็วๆ จนผมกระจาย ส่วนนายเจแซคที่พอเห็นคำตอบฉันแล้วก็ถึงกับขมวดคิ้วเหมือนจะงง ก่อนที่เขาจะมีท่าทีลนลานแปลกๆ เหมือนอยากจะเขมือบใครสักคน

 

          “คุณว่าอะไรนะ?”

         

          ฉันตัดสินใจถามออกไปเมื่อเห็นเขาเอาแต่บ่นเอาแต่สบถกับตัวเอง คือฉันไม่แน่ใจว่าเขากำลังบ่นถึงใครอ่ะ ฉัน? หรือว่าคนอื่น?

 

          นายเจแซคผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ

 

          “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร...งั้นเอานี้นะ ฉันว่าเธอควรจะนอนพักที่นี่ไปก่อน อยากจะกินอะไรก็เดินไปเปิดตู้เย็นได้เลย ห้องนี้เป็นห้องวีไอพี มีทุกอย่างที่เธอต้องการทั้งนั้นล่ะ โอเคนะ ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”

 

          ฉันที่ยืนเอ๋อกับคำพูดของเขาได้แต่ส่ายหน้าไปมา เหมือนกับว่าจิตในตอนนี้ได้หลุดลอยออกไปบางส่วนแล้ว...อ่า...อะไรของเขาฟะ?

 

          “โอเค งั้นดี”

 

          และเขาก็หมุนตัวกลับ ทำท่าเหมือนกับว่าจะเดินออกไปอีกแล้ว

 

          “เฮ้! เดี๋ยวคุณ!”

 

          “ฮึ?”

 

          ร่างสูงชะงัก เดินถอยหลังกลับมาเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถามว่ามีอะไร?

 

          “นั่น...แล้วนั่นคุณจะไปไหนอีกอ่ะ?”

 

          “ไปทำธุระน่ะ ถามทำไม?”

 

          “หะ? อ้อ เปล๊า! เปล่าๆๆ เปล่านะ ฉันแค่ถามคุณดูเฉยๆ อ่ะ ก็เห็นคุณเพิ่งเข้ามา...นี่...กะจะออกไปอีกแล้ว” ฉันเริ่มตัวหด ห่อปากด้วยความเสียวสยองว่าเขาจะหาว่าฉันคิดอยากจะหนีอีกหรือเปล่าถึงได้ถามลองเชิงแบบนี้ ซึ่งตามจริงฉันก็ไม่คิดจะหนีอีกแล้วล่ะ (เพราะยังไงมันก็หนีไม่สำเร็จอยู่ดี = =;;)

 

          “ทำไม คิดถึงเหรอ?”

 

          หะ! ว่าไงนะ! O_O!!

 

          ฉันผงาดหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ และนั่น...ก็ทำให้ฉันได้เห็นเขายืนยิ้มกะล่อนอยู่ตรงหน้าประตู ฉันอ้าปากค้าง...ตั้งท่าจะด่าเขา แต่ก็ด่าไม่ออก จึงได้หันไปหาตัวช่วยก็ไปเจอหมอนใบหนึ่งที่ตกอยู่ใกล้ๆ หยิบมาถือไว้แล้วกะปาเขวี้ยงใส่ไปที่หน้าเขาแรงๆ หากเขาก็หลบได้ทัน วิ่งแจ้นออกไปจากตรงนั้นด้วยความเร็วยิ่งกว่าปรอท โดยไม่ลืมที่จะทิ้งเสียงหัวเราะกวนประสาทไว้ให้ฉันต้องกัดฟันกรอด ยืนกำหมัดแน่นอยู่อย่างนี้ ฮึ่ม!!!! - -*

 

          จ๊อกกก ก~

 

          อึ๋ย! =///= ท้องร้อง...นี่ดีนะ ที่ร้องตอนเขาไม่อยู่อ่ะ ไม่งั้นล่ะก็...อ๊ายยย ไม่งั้นก็ฉันต้องอายแน่ๆ เลยอ้ะ T^T ไม่ได้และๆ ต้องรีบแจ้นไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า ;P

 

          อืม...ห้องครัวอยู่ไหนนะ?

 

          อ้อ! นั่นไง

 

          ฉันชี้ตรงไปข้างหน้าด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเดินเร็วๆ เข้าไปในห้องครัว ตรงเข้าไปหาเจ้าตู้เย็นเครื่องใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเด่นยิ่งกว่าเครื่องครัวใดๆ

 

          ฉันตัดสินใจเปิดฝาตู้เย็นออกทันที และภาพตรงหน้าที่เห็น...นมกล่อง...น้ำผลไม้แบบกล่อง...เบียร์...ไวน์...เนย...ไข่...ผลไม้...ผัก! เนื้อ! เฮ้ย ขนม! กรี๊ดดดด สมแล้วที่เขาบอกว่านี่มันห้องวีไอพี >O< ขนมละลานตาเลยง่า ฮ่าๆๆๆ ไม่อดตายแล้วเรา อย่างนี้มันต้องรื้อ รื้อๆๆๆ >///<

 

 

…………………………………………………………………….

 

 

          แกร็ก

 

          เสียงเปิดประตูที่ดังลั่นขึ้นเบาๆ ทำให้ฉันรู้ว่านายคนชื่อแปลกได้กลับเข้ามาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถึงเขาจะกลับมา...ก็แล้วไงอ่ะ? ฉันยักไหล่กับตัวเองอย่างไม่ยี่หระอะไรกับการมาของเขา เพราะตอนนี้ตัวเองกำลังนั่งขัดสมาธิกอดห่อขนมพลางจ้องจอทีวีไปด้วยความเพลิดเพลินและมีความสุขแบบสุดๆ ไม่คิดว่าการมาเข้าค่ายครั้งนี้จะดูสบายบอดี้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

          กร่อบๆๆ

 

          ฉันเคี้ยวเจ้ามันฝรั่งทอดรสเลมอนอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจร่างสูงที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ โซฟาที่ฉันนั่งแล้วเขาก็ร้องโห

 

          “อินฮยอง! นี่เธอกินคนเดียวหมดเลยหรอเนี่ย”

 

          “ก็แหงล่ะสิ ในห้องนี้จะมีใครนอกจากฉันล่ะ...อ่อ คุณด้วย”

 

          ฉันว่าในขณะที่ปากก็เคี้ยวตุ้ยๆ ตาจ้องจอทีวี

 

          “เหอะ มิน่าล่ะ ตัวเธอถึงได้ขยายออกข้างแบบเนี้ย”

 

          ฉันชะงักมือที่กำลังจะหยิบขนม คำว่าขยายข้างดูจะเจ็บลึกมากกว่าคำว่าอ้วนซะอีก!!! ฉันกระแทกห่อขนมลงกับโต๊ะอย่างมีอารมณ์ ส่งค้อนควับวงใหญ่ไปให้เขาด้วยความพอใจ ซึ่งนายเจแซคเองก็ได้แต่เลิกคิ้วมองมาที่ฉันเหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่าฉันจะค้อนเขาทำไม หึ! ไอ้บ้า! ผู้ชายนี่ปากเสียกันหมดทั้งโลกเลยรึไงนะ!

 

          “ค้อนทำไม ฉันพูดอะไรผิด?”

 

          “ก็คุณบอกว่าฉันขยายข้างอ่ะ!!!”

 

          คนปากเสียเหวอไปเล็กน้อย ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มขำ

 

          “เอ้า ก็แล้วมันไม่จริงรึไง รู้มั้ย...ตอนที่ฉัน...”

 

          “อะไร! คุณพูดให้มันดีๆ นะ” ฉันดักคอตาขวางๆ ลุกขึ้นยืนพรวดเตรียมพร้อมทำร้ายร่างกายคน

 

          “ก็...ก็...”

 

          “ก็อะไร!”

 

          “เอ่อ...” ฉันจ้องใบหน้าหล่อคมเข้ม ที่มีสีหน้าแปลกๆ ตอนแรกก็เลิกคิ้ว แต่พอไปๆ กลับขมวดคิ้วมุ่นราวกับว่าเครียดหนักกับอะไรบางอย่าง และแล้วเขาก็เลือกที่จะ...

 

          “เอ่อ...เปล่า”

 

          ถึงแม้ฉันจะงงที่เขามีท่าทีแปลกๆ ไป จะว่าดูใจดีหรือดูเป็นกันเองมากขึ้นก็ตามทีเถอะ แต่ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่พูดอะไรที่มันย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์บ้าๆ นั่นน่ะ เฮ้อ ฉันละโล่งอกที่เขาเลือกที่จะไม่พูด ตอนนี้ตัวเองถึงได้ยอมนั่งลงอย่างเก่า คว้าห่อขนมมากอดไว้พลางจกเข้าปากไปอย่างเพลิดเพลิน...เหมือนเดิม

 

          “นี่...อินฮยอง”

 

          “ฮึ?” ฉันเลิกคิ้ว หันไปมองร่างสูงที่กำลังจะเข้ามาทรุดนั่งลงข้างๆ ฉัน ซึ่งนั่นก็แหงล่ะ มันใช่อยู่แล้วที่ฉันจะตกใจและรีบลุกขึ้นหนีเขาทันที

 

          ร่างสูงที่ทิ้งร่างนั่งลงชะงักไปนิด สีหน้าเขาดูระอามากเมื่อเห็นฉันมีท่าทีที่รังเกียจในตัวเขามากมาย = =;;

 

          “มานั่งนี่ก่อนเถอะ อินฮยอง คือฉัน...ฉันมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่อยากจะบอกให้เธอรู้น่ะ”

 

          “เรื่องสำคัญ? อะไร???”

 

          “มานั่งนี่ก่อนสิ เร็ว”

 

          “ไม่! ฉันไม่ไว้คุณหรอกเจแซค” ฉันที่ยิ่งหวาดระแวงในตัวเขาก็ยิ่งกอดห่อขนมแน่น ทำอย่างกับว่ามันเป็นเกราะชั้นเยี่ยมอย่างนั้นแหละ เฮ้อ ฉัน ให้ตายจริงๆ เล้ย

 

          นายเจแซคถอนใจ

 

          “เถอะน่า ไว้ใจฉันสักครั้งเถอะ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเธอทั้งนั้นแหละ”

 

          “บ้าสิ! ทะลึ่ง!”

 

          “เอ๊า? เฮ้อ! เร็วๆ เถอะ มานั่งตรงนี้ได้แล้ว เรื่องที่ฉันจะบอกเธอนี่มันเป็นความลับ มันคงไม่ดีแน่ถ้าเกิดว่าพวกเขารู้ว่าฉันเอาความลับนั้นมาบอกเธอน่ะ”

 

          “ก็แล้วทำไมอ่ะ ห้องนี้วีไอพีซะอย่าง ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยเลยรึไง”

 

          ฉันที่เถียงค้างๆ คูๆ แต่ก็แฝงไปด้วยเหตุผลของคนเอาตัวรอดล้วนๆ นั้นทำให้นายเจแซคที่นั่งแช่อยู่บนโซฟาต้องถึงกับลุกขึ้นทันที

 

          “นี่...นี่ฉันพูดดีๆ แล้วนะ จะต้องให้ฉันใช้กำลังใช่มะเธอถึงจะมา”

 

          น้ำเสียงเย็นเยียบบวกกับสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้ว มันทำให้ฉันอดเสียวสันสันหลังวูบไม่ได้ รู้สึกได้เลยว่าถ้าฉันยังดื้อด้านกับเขาอยู่อีก มีหวังอีกไม่นาน...เขาคงได้ลงโทษฉันอย่างสาสมแน่! เพราะฉะนั้นในตอนนี้...ฉันจึงได้เดินตัวลีบเข้าไปหาเขา และนั่น...ร่างของฉันก็เซถลาเข้าไปหาเขาทันทีเมื่อเขาเป็นคนกระตุกข้อมือฉันให้เข้าไปหาอย่างแรงพร้อมกับที่ร่างสูงของเขานั่งลง จน...จนในตอนนี้ ร่างของฉันก็ได้เซลงมานั่งบนตักเขาแล้ว เออะ... O///o

 

          ฉันตะเกียกตะกายร่างพยายามยันตัวให้ลุกออกมานั่งในที่ของตัวเอง หากก็ต้องล้มหน้าคว่ำไปอีกทีเมื่อเขากระชากแขนฉันอีกครั้ง

 

          “นั่งตรงนี้แหละ ไม่ต้องอายหรอก”

 

          ฉันมองเขาอย่างอึ้งๆ คือแบบ...เขาพูดได้ชิวมากอ่ะ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรที่จะมีผู้หญิงสักคนไปนั่งบนตักเขา ซึ่งฉัน...ฉันกลับเป็นฝ่ายที่ตื่นเต้นและหน้าร้อนระอุขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

 

          ฉันตัวเกร็ง เมื่อในตอนนี้เป็นเขาที่จัดให้ฉันนั่งลงบนตักพร้อมกับที่ลำแขนแข้งแรงจะโอบล้อมร่างฉันไว้หลวมๆ

 

          เออะ...นี่...นี่ฉันไปสนิทสนมกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!? ถึงจะเริ่มคุ้นเคยกันบ้างแล้วก็เถอะ แต่มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรอที่เขาจะทำแบบนี้กับฉันน่ะ!

 

          “เฮ้อ”

 

          “นี่ รีบๆ พูดมาสิคุณ มัวแต่ถอนใจเฮือกๆ เฮ้อๆ อยู่อย่างนี้แล้วฉันจะได้รู้อะไรมั้ยเนี่ย?”

 

          เขาถอนใจอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมามองฉันที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยสีหน้าที่แบบ...โคตรเข้าใจยากอ่ะ

 

          “อินฮยอง เธอคิดยังไงถึงได้มาเข้าค่ายนี้?”

 

          ฉันเลิกคิ้ว เมื่อเขาไม่ได้บอกอะไรฉันเลยนอกจากถามคำถาม อะไรฟะ? ไหนบอกมีเรื่องสำคัญจะบอกไง? แต่ก็...เออน่ะ ช่างก่อนเถอะ ตอบๆ เขาไปก่อน เดี๋ยวเขาก็คงค่อยพูดเรื่องของเขาเองแหละ = =;;

 

          “ก็ไม่ได้คิดไงหรอก โรงเรียนบังคับให้พวกฉัน คือ...พวกนักเรียนเกรดสิบสองอ่ะ ต้องมากันทุกคน ถ้าใครไม่มา ก็จะไม่จบ” ฉันตอบซื่อๆ สีหน้าเบื่อหน่ายสุดๆเฮ้อ...แทนที่ฉันจะได้นอนหลับอุตุอยู่ที่บ้านแท้เลยเชียว T^T

 

          “แล้ว...เธอรู้รึเปล่าว่าค่ายนี้มันเป็นค่ายเกี่ยวกับอะไร”

 

          “ก็รู้นิดหน่อยอ่ะ” ฉันเริ่มพองแก้ม เล่นมือตัวเองไปอย่างเบื่อๆ “เห็นครูๆ เขาบอกมาว่ามันเป็นกิจกรรมที่จะช่วยให้จังหวัดของเราลดปัญหาการมีประชากรน้อยได้ และนี่ฉันก็ยังไม่รู้เลยนะว่าพวกฉันจะช่วยอะไรได้ยังไง เฮ้อ...ผู้ใหญ่หนอผู้ใหญ่ สงสัยจะบ้ากันไปหมดแล้ว” ประโยคหลังฉันบ่นกับตัวเองอย่างปลงจิต หลุบมามองมือตัวเองที่ขยับไปมาเพลินๆ เพราะขี้เกียจมองหน้าเขา

 

          “เลวระยำ”

 

          “หะ?” ฉันสะดุ้ง เมื่อได้ยินเขาสบถในลำคอด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและรุนแรง ฉันอุทานไปอย่างนั้นเผื่อว่าเขาจะทวนคำนั้นใหม่ คำที่ฉันอาจจะได้ยินผิด?

 

          “ฉันบอกว่าพวกมัน...เอ่อ...ช่างมันเถอะ แล้วนี่พวกเธอรู้อะไรอีกมั่งล่ะ อะไรที่มันเกี่ยวกับค่ายนี้น่ะ”

 

          ฉันเปลี่ยนใจมาจ้องหน้าเขาอย่างครุ่นคิด ซึ่งตอนนี้เองที่ฉันได้เห็นเขามีสีหน้าที่ดูเครียด จริงจัง สงสาร มันสมปนเปกันจนฉันดูไม่ออก อะไรกัน...สีหน้าแบบนี้???

 

          “คือ ถ้าฉันจะบอกว่าแม้กระทั่งชื่อเต็มของค่าย FYC พวกฉันก็ยังไม่รู้เลยเนี่ย คุณจะว่ายังไงล่ะ?”

 

          “ไม่รู้!?”

 

          “เยส - -”

 

          “นี่โรงเรียนพวกเธอไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรสักอย่างเลยหรอ?”

 

          ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องดูตกใจและโกรธขนาดนั้น แต่ก็นะ...ฉันก็เคยคิดเหมือนอย่างที่เขาถามานี่แหละ ที่ว่าทำไมโรงเรียนถึงได้พยายามปิดบังชื่อเต็มของค่ายนี้ไม่ให้เด็กรู้ ทำไม???

 

          “เฮ้อ ก็ไม่บอกอะไรสักอย่างแหละ สงสัยมันคงไม่จำเป็นต้องบอกเด็กละมั้ง” ฉันตอบแบบขอไปที ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับข้อข้องใจนี้แล้ว

 

          “จำเป็นสิ! จำเป็นมากด้วย เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งแรกที่ทำให้พวกเธอรู้ว่าค่ายนี้มันทารุณแค่ไหน!”

 

          ฉันขมวดคิ้ว จ้องหน้าเขาอย่างงงๆ

 

          “อะไร? นี่คุณกำลังจะพูดอะไรน่ะคุณเจแซค?”

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา