FYC! ค่ายนี้มีแต่...
8.8
เขียนโดย แคมป์
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.53 น.
14 ตอน
17 วิจารณ์
21.53K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ผู้ชายคนนั้น!?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความFYC 4
ให้ตายสิ! นั่นพวกรถบัสกำลังจะพาพวกเราไปไหน? เพราะนั่น...นั่นมันสะพาน ที่ต่อจากแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะนั่นนี่นา เฮ้! ไม่จริงน่า นี่สะพานมันแข็งแรงพอใช่มั้ยเนี่ย =[]=lll
ฉันหดตัวกลับมานั่งหลังตรงด้วยใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะแค่เพียงเห็นเส้นสะพานที่ทอดตัวยาวไกลออกไปลับตานั้น ฉันก็ไม่กล้าที่เหลือบมองทะเลข้างทางแล้ว อึ๊ย~ เสียวววว >O<
…………………………………………………
ไม่นานนักกว่าที่รถบัสจะพาพวกเรามาถึงเกาะแฟรี่เลนด์โดยสวัสดิภาพ และเมื่อทันทีที่ฉันได้ก้าวเท้าลงมาเหยียบบนพื้นเกาะแฟรี่แลนด์อย่างเต็มตัว อาการที่คล้ายจะเป็นลมของฉันก็บังเกิดผลในทันที
“เฮ้ย อินฮยอง!”
ยัยเจบีที่คงหันมาเห็นร่างอันโงนเงนของฉันเข้าพอดี ก็รีบเข้ามาประคองร่างไว้ทันก่อนที่ฉันจะล้มลงไปกองกับพื้น โอย ตาย ไม่ไหวแล้ว รู้สึกเวียนหัว...อยาก...อยากจะ...!!
อ้วก!!!
“อิ...อินฮยอง เป็นไงมั่งอ่ะ? ไหวมั้ย = =lll”
เจบีที่คงไม่รู้จะทำยังไงต่อนอกจากคอยลูบหลังฉันและถามด้วยความเป็นห่วง ฉันที่รู้สึกค่อยยังชั่วแล้ว รู้สึก...โล่ง ปลอดโปร่งมากขึ้น ก็ยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดยาวๆ เพื่อเป็นการช่วยให้ร่างกายของฉันกลับมาสดชื่นอีกแรง
ฮ้า~~~ อย่างนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย \^O^/
“เจบี อินฮยอง”
เสียงเรียกของยัยยองแอที่ดังอยู่ไม่ไกลนัก ได้เรียกให้พวกฉันหันไปมองมัน ที่พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้รีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับทุกคนได้แล้ว ซึ่งพอฉันตั้งหลักและเริ่มทรงตัวเองได้ ก็ไม่รอช้าที่จะพาตัวเองและเจบีให้กลับเข้าไปรวมกลุ่มกับทุกคนที่กำลังยืนตั้งใจฟังพิธีกรชายหญิงสองคนป่าวประกาศอะไรสักอย่าง
“...ครับ และป้ายสีเทานี้นะครับที่ทุกคนเห็นอยู่ ก็คือป้ายที่บอกถึงกฎระเบียบต่างๆ ของที่นี่ ซึ่งน้องๆ ทุกคนจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ห้ามแหกกฎเด็ดขาด!”
“เอ๊ะ ทำไมอ่ะ?”
“นั่นสิ ทำไมอ่ะ ทำไมต้องมีกฎด้วย?”
“ทำอย่างกับเข้าค่ายทหารแน่ะเธอว่ามั้ย”
มีเสียงบ่นงึมงำพอประปรายให้ได้ยินถึงหูสองคนนั่น แต่ถึงแม้พิธีกรสองคนนั้นจะได้ยิน ก็คงไม่สะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่หรอก เพราะว่าหน้าที่ของพวกเขาคงมีแค่ต้องออกมาพูด มาประกาศอะไรๆ ก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรนอกเหนือจากงานที่ตนได้รับมา
“อ่ะ อินฮยอง”
“หืม o_o?”
ฉันยื่นมือไปรับกุญแจดอกเล็กจากเจบีมาอย่างงุนงง บนกุญแจนั่น...มีชื่อฉันอยู่ และหมายเลขสามหลักซึ่งมันคนละตัวกับรหัสของฉันเลย อ่าว...เอ๊ะ? ฉันพลิกดูด้านหน้าด้านหลังของมันเพื่อจะหาอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่พบอะไรนอกเสียจากชื่อของฉันและหลายเลขสามหลักนั่น
“เอาล่ะคะ เท่าที่พวกเรามองเห็นนะคะ เหมือนทุกคนจะได้รับกุญแจห้องของตัวเองไปกันครบเรียบร้อยแล้ว...”
เห กุญแจห้อง!? ห้องไรอ้ะ =[]=???
“ทีนี้นะคะ ใครที่มีเลขนำหน้าด้วยเลข 1 ก็เชิญเดินหาห้องตามชั้นหนึ่งได้เลยค่ะ ส่วนใครที่มีเลข 2 นำหน้านะคะก็เชิญเดินขึ้นบันไดไปเพื่อหาห้องได้เลยค่ะ และใครนะคะที่...”
ตอนนี้พวกเราทุกคนเริ่มแตกกระจายกันไปหาห้องตัวเองกันบ้างแล้ว โดยที่ไม่ค่อยมีใครได้ยืนฟังพิธีกรคนนั้นประกาศสักเท่าไหร่หรอก เพราะเนื้อหาคำกล่าวประกาศนั้นนอกจากจะน่าเบื่อแล้ว ยังจะไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นอีก ให้ตายสิ นี่แสดงว่าฉันต้องนอนแยกกับพวกยัยเจบีและยองแอใช่มั้ยเนี่ย?
เห่ยยยย น่าเบื่อ = =*
ฉันแบะปากอย่างเซ็งๆ ก่อนก้มลงมองเลขห้องของตัวเองบนกุญแจบ้าง ก็ให้รู้สึกอยากตายขึ้นมาทันทีทันใด เหอะ...เหอะ...
6! 0! 3!
นี่ที่นี่มีลิฟต์ไว้บริการให้นักท่องเที่ยวมั่งมั้ยเนี่ย
=[]=!
…………………………………………………………….
ติ๊ง!
เสียงแหลมบาดหูดังขึ้นพร้อมกับที่บานประตูลิฟต์เปิดอ้าออก เผยให้เห็นอาณาบริเวณกว้างที่ปูพื้นไปด้วยพรมกำมะหยี่สีแดงสด มีการจัดแต่งอย่างสวยหรู ดูราวกับว่านี่คือชั้นวีไอพีอย่างไรอย่างนั้นแหละ!
ฉันเบิกตากว้าง รีบก้าวเท้าออกมายืนบนพรมก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด ยืนกวาดสายตามองไปทั่วทั้งอาณาบริเวณแล้วก็ได้แต่รู้สึกโหวงๆ แปลกๆ ในใจยังบอกไม่ถูก เพราะที่นี่มันไม่มีใครเลย ไม่มีใครเลยนอกจากฉันคนเดียว! ที่นี่มันทั้งเงียบ...สงบ...และดูหรูหราซะจนฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปดูหมายเลขชั้นที่ติดอยู่บนแผ่นโลหะสีทองเหนือลิฟต์ขึ้นไป
ฉันขมวดคิ้วมุ่น...อืม...ก็ไม่ผิดนี่นา นี่มันชั้นหก และ...บนกุญแจนี่ก็บอกว่าชั้นหก ฉันไม่ได้ขึ้นมาผิดชั้นนี่หว่า = =+
เฮ้อ แต่ก็ช่างมันเหอะ! ในเมื่อฉันขึ้นมาถูกที่แล้ว ก็รีบๆ เดินตามหาห้องของตัวเองซะทีเถอะ ถ้าขืนมัวยืนอยู่ตรงนี้ วันนี้ก็คงไม่ได้รู้กันหรอกว่าไอ้ห้อง 603 มันอยู่ตรงส่วนไหนของชั้นหกนี้กัน
ฉันเดินไล่ตามเลขห้องมาเรื่อยๆ จากห้อง 611 เรื่อยมาจนถึงห้อง 604
อ๊ะ! นั่นไง 603!
ฉันไม่รอช้าเลยที่จะรีบเดินเข้าไปไขกุญแจที่ห้องนั้น ด้วยเพราะอยากจะเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่ามันจะหรูจริง เหมือนกับที่บรรยากาศภายนอกมันบ่งบอกรึเปล่า และตอนนี้เองที่ฉันขอยืนทำใจอยู่ชั่วครู่ เผื่อว่าข้างในมันไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดจริง ฉันจะได้ทำใจถูก...ฟู่ว~ เอาล่ะ เข้าไปเถอะอินฮยอง >_<!
ฉันตัดสินใจผลักประตูไม้สีเข้มเข้าไปอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ ย่องก้าวเข้ามายืนในห้อง ฉันทำตัวอย่างกับว่าตัวเองนั้นเป็นโจรสาวที่กำลังจะเข้ามาบุกชิงทรัพย์ของเจ้าของห้องนี้อย่างไรอย่างนั้นแหละ ให้ตายสิ แต่มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้นี่นา
ฉันที่เอาแต่ยืนอยู่ตรงประตู เพ่งตามองฝ่าความมืดมิดของห้องนี้อย่างพินิจและหวาดระแวงในความมืดนั้น พลางก็ใช้มือข้างหนึ่งคอยคลำหาแผงสวิตซ์ไฟไปด้วย...
ฟึ่บ!
พรึ่บ!
ฉันรีบเบือนหน้าหนีทันทีที่แสงสว่างสาดส่องเข้ามาโดนหน้าฉันเต็มๆ โอ๊ย! ใครมันดันมาเปิดม่านแบบนี้วะเนี่ย แสบตาหมดเลยเห็นมั้ย!
แต่เอ๊ะ...?
ห้อง...ห้องนี้ไม่ได้มีฉันอยู่แค่คนเดียวหรอกหรอ?
“ไง ยินดีต้อนรับนะ...ซองอินฮยอง”
ฉันหันขวับไปตามเสียง ซึ่งก็ดันมาจาก...ผะ..ผู้ชายหรอ? ผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งที่ยืนกอดอกพิงไหล่อยู่กับเสาต้นใหญ่ตรงนั้นใกล้ๆ กับม่าน นี่...นี่เขา...เป็นคนเปิดม่านเมื่อกี้ใช่มั้ย แล้ว...แล้วหมายความว่าไงที่ผู้ชายคนนั้นมาอยู่ในห้องนี้ได้...
เฮือก! O_O!
หรือว่า...!!
“เอ่อ...คือหนูสงสัยว่า พวกเจ้าของชื่อที่อยู่ในป้ายของแต่ละคนอ่ะค่ะ คือเขาเกี่ยวข้องอะไรกับพวกหนูอ่ะคะ?”
ครูอึนชิงออกจะดูอึ้งๆ ไปสักพักกับคำถามที่ยัยหัวหน้าเป็นคนถาม ซึ่งฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะน่าอึ้งทึ่งอะไรตรงไหนเลยอ่ะ =0=
“ทุกๆ คนจ๊ะ...ตั้งใจฟังครูดีๆ นะ”
????????
“คือครูอยากจะบอกว่า ชื่อพวกนั้นน่ะ...”
????????
“เป็นชื่อของอาสาสมัคร ที่จะมาเป็นคู่ของพวกเธอกันจ้ะ ซึ่งพวกเขา...เป็นผู้ชายทั้งหมด”
ฉันสะดุ้งโหยงหลังจากที่คำพูดของครูอึนชิงก่อนหน้านี้ได้ลอยเข้ามาหัวฉันอย่างได้จังหวะเหมาะเจาะพอดี
และนั่น ก็ทำให้ฉันเบิกตากว้าง หันขวับกลับไปมองที่ผู้ชายคนนั้นอีกครั้งด้วยความตกใจ
นะ...นี่อย่าบอกนะว่า เขาคือ...
ฉันมองเขาอย่างตกตะลึง ก่อนที่จะตัดสินใจหมุนตัวกลับเพื่อพาตัวเองให้รีบหนีออกไปที่นี่จากโดยเร็วที่สุด!!!
ให้ตายสิ! นั่นพวกรถบัสกำลังจะพาพวกเราไปไหน? เพราะนั่น...นั่นมันสะพาน ที่ต่อจากแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะนั่นนี่นา เฮ้! ไม่จริงน่า นี่สะพานมันแข็งแรงพอใช่มั้ยเนี่ย =[]=lll
ฉันหดตัวกลับมานั่งหลังตรงด้วยใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะแค่เพียงเห็นเส้นสะพานที่ทอดตัวยาวไกลออกไปลับตานั้น ฉันก็ไม่กล้าที่เหลือบมองทะเลข้างทางแล้ว อึ๊ย~ เสียวววว >O<
…………………………………………………
ไม่นานนักกว่าที่รถบัสจะพาพวกเรามาถึงเกาะแฟรี่เลนด์โดยสวัสดิภาพ และเมื่อทันทีที่ฉันได้ก้าวเท้าลงมาเหยียบบนพื้นเกาะแฟรี่แลนด์อย่างเต็มตัว อาการที่คล้ายจะเป็นลมของฉันก็บังเกิดผลในทันที
“เฮ้ย อินฮยอง!”
ยัยเจบีที่คงหันมาเห็นร่างอันโงนเงนของฉันเข้าพอดี ก็รีบเข้ามาประคองร่างไว้ทันก่อนที่ฉันจะล้มลงไปกองกับพื้น โอย ตาย ไม่ไหวแล้ว รู้สึกเวียนหัว...อยาก...อยากจะ...!!
อ้วก!!!
“อิ...อินฮยอง เป็นไงมั่งอ่ะ? ไหวมั้ย = =lll”
เจบีที่คงไม่รู้จะทำยังไงต่อนอกจากคอยลูบหลังฉันและถามด้วยความเป็นห่วง ฉันที่รู้สึกค่อยยังชั่วแล้ว รู้สึก...โล่ง ปลอดโปร่งมากขึ้น ก็ยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดยาวๆ เพื่อเป็นการช่วยให้ร่างกายของฉันกลับมาสดชื่นอีกแรง
ฮ้า~~~ อย่างนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย \^O^/
“เจบี อินฮยอง”
เสียงเรียกของยัยยองแอที่ดังอยู่ไม่ไกลนัก ได้เรียกให้พวกฉันหันไปมองมัน ที่พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้รีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับทุกคนได้แล้ว ซึ่งพอฉันตั้งหลักและเริ่มทรงตัวเองได้ ก็ไม่รอช้าที่จะพาตัวเองและเจบีให้กลับเข้าไปรวมกลุ่มกับทุกคนที่กำลังยืนตั้งใจฟังพิธีกรชายหญิงสองคนป่าวประกาศอะไรสักอย่าง
“...ครับ และป้ายสีเทานี้นะครับที่ทุกคนเห็นอยู่ ก็คือป้ายที่บอกถึงกฎระเบียบต่างๆ ของที่นี่ ซึ่งน้องๆ ทุกคนจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ห้ามแหกกฎเด็ดขาด!”
“เอ๊ะ ทำไมอ่ะ?”
“นั่นสิ ทำไมอ่ะ ทำไมต้องมีกฎด้วย?”
“ทำอย่างกับเข้าค่ายทหารแน่ะเธอว่ามั้ย”
มีเสียงบ่นงึมงำพอประปรายให้ได้ยินถึงหูสองคนนั่น แต่ถึงแม้พิธีกรสองคนนั้นจะได้ยิน ก็คงไม่สะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่หรอก เพราะว่าหน้าที่ของพวกเขาคงมีแค่ต้องออกมาพูด มาประกาศอะไรๆ ก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรนอกเหนือจากงานที่ตนได้รับมา
“อ่ะ อินฮยอง”
“หืม o_o?”
ฉันยื่นมือไปรับกุญแจดอกเล็กจากเจบีมาอย่างงุนงง บนกุญแจนั่น...มีชื่อฉันอยู่ และหมายเลขสามหลักซึ่งมันคนละตัวกับรหัสของฉันเลย อ่าว...เอ๊ะ? ฉันพลิกดูด้านหน้าด้านหลังของมันเพื่อจะหาอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่พบอะไรนอกเสียจากชื่อของฉันและหลายเลขสามหลักนั่น
“เอาล่ะคะ เท่าที่พวกเรามองเห็นนะคะ เหมือนทุกคนจะได้รับกุญแจห้องของตัวเองไปกันครบเรียบร้อยแล้ว...”
เห กุญแจห้อง!? ห้องไรอ้ะ =[]=???
“ทีนี้นะคะ ใครที่มีเลขนำหน้าด้วยเลข 1 ก็เชิญเดินหาห้องตามชั้นหนึ่งได้เลยค่ะ ส่วนใครที่มีเลข 2 นำหน้านะคะก็เชิญเดินขึ้นบันไดไปเพื่อหาห้องได้เลยค่ะ และใครนะคะที่...”
ตอนนี้พวกเราทุกคนเริ่มแตกกระจายกันไปหาห้องตัวเองกันบ้างแล้ว โดยที่ไม่ค่อยมีใครได้ยืนฟังพิธีกรคนนั้นประกาศสักเท่าไหร่หรอก เพราะเนื้อหาคำกล่าวประกาศนั้นนอกจากจะน่าเบื่อแล้ว ยังจะไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นอีก ให้ตายสิ นี่แสดงว่าฉันต้องนอนแยกกับพวกยัยเจบีและยองแอใช่มั้ยเนี่ย?
เห่ยยยย น่าเบื่อ = =*
ฉันแบะปากอย่างเซ็งๆ ก่อนก้มลงมองเลขห้องของตัวเองบนกุญแจบ้าง ก็ให้รู้สึกอยากตายขึ้นมาทันทีทันใด เหอะ...เหอะ...
6! 0! 3!
นี่ที่นี่มีลิฟต์ไว้บริการให้นักท่องเที่ยวมั่งมั้ยเนี่ย
=[]=!
…………………………………………………………….
ติ๊ง!
เสียงแหลมบาดหูดังขึ้นพร้อมกับที่บานประตูลิฟต์เปิดอ้าออก เผยให้เห็นอาณาบริเวณกว้างที่ปูพื้นไปด้วยพรมกำมะหยี่สีแดงสด มีการจัดแต่งอย่างสวยหรู ดูราวกับว่านี่คือชั้นวีไอพีอย่างไรอย่างนั้นแหละ!
ฉันเบิกตากว้าง รีบก้าวเท้าออกมายืนบนพรมก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด ยืนกวาดสายตามองไปทั่วทั้งอาณาบริเวณแล้วก็ได้แต่รู้สึกโหวงๆ แปลกๆ ในใจยังบอกไม่ถูก เพราะที่นี่มันไม่มีใครเลย ไม่มีใครเลยนอกจากฉันคนเดียว! ที่นี่มันทั้งเงียบ...สงบ...และดูหรูหราซะจนฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปดูหมายเลขชั้นที่ติดอยู่บนแผ่นโลหะสีทองเหนือลิฟต์ขึ้นไป
ฉันขมวดคิ้วมุ่น...อืม...ก็ไม่ผิดนี่นา นี่มันชั้นหก และ...บนกุญแจนี่ก็บอกว่าชั้นหก ฉันไม่ได้ขึ้นมาผิดชั้นนี่หว่า = =+
เฮ้อ แต่ก็ช่างมันเหอะ! ในเมื่อฉันขึ้นมาถูกที่แล้ว ก็รีบๆ เดินตามหาห้องของตัวเองซะทีเถอะ ถ้าขืนมัวยืนอยู่ตรงนี้ วันนี้ก็คงไม่ได้รู้กันหรอกว่าไอ้ห้อง 603 มันอยู่ตรงส่วนไหนของชั้นหกนี้กัน
ฉันเดินไล่ตามเลขห้องมาเรื่อยๆ จากห้อง 611 เรื่อยมาจนถึงห้อง 604
อ๊ะ! นั่นไง 603!
ฉันไม่รอช้าเลยที่จะรีบเดินเข้าไปไขกุญแจที่ห้องนั้น ด้วยเพราะอยากจะเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่ามันจะหรูจริง เหมือนกับที่บรรยากาศภายนอกมันบ่งบอกรึเปล่า และตอนนี้เองที่ฉันขอยืนทำใจอยู่ชั่วครู่ เผื่อว่าข้างในมันไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดจริง ฉันจะได้ทำใจถูก...ฟู่ว~ เอาล่ะ เข้าไปเถอะอินฮยอง >_<!
ฉันตัดสินใจผลักประตูไม้สีเข้มเข้าไปอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ ย่องก้าวเข้ามายืนในห้อง ฉันทำตัวอย่างกับว่าตัวเองนั้นเป็นโจรสาวที่กำลังจะเข้ามาบุกชิงทรัพย์ของเจ้าของห้องนี้อย่างไรอย่างนั้นแหละ ให้ตายสิ แต่มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้นี่นา
ฉันที่เอาแต่ยืนอยู่ตรงประตู เพ่งตามองฝ่าความมืดมิดของห้องนี้อย่างพินิจและหวาดระแวงในความมืดนั้น พลางก็ใช้มือข้างหนึ่งคอยคลำหาแผงสวิตซ์ไฟไปด้วย...
ฟึ่บ!
พรึ่บ!
ฉันรีบเบือนหน้าหนีทันทีที่แสงสว่างสาดส่องเข้ามาโดนหน้าฉันเต็มๆ โอ๊ย! ใครมันดันมาเปิดม่านแบบนี้วะเนี่ย แสบตาหมดเลยเห็นมั้ย!
แต่เอ๊ะ...?
ห้อง...ห้องนี้ไม่ได้มีฉันอยู่แค่คนเดียวหรอกหรอ?
“ไง ยินดีต้อนรับนะ...ซองอินฮยอง”
ฉันหันขวับไปตามเสียง ซึ่งก็ดันมาจาก...ผะ..ผู้ชายหรอ? ผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งที่ยืนกอดอกพิงไหล่อยู่กับเสาต้นใหญ่ตรงนั้นใกล้ๆ กับม่าน นี่...นี่เขา...เป็นคนเปิดม่านเมื่อกี้ใช่มั้ย แล้ว...แล้วหมายความว่าไงที่ผู้ชายคนนั้นมาอยู่ในห้องนี้ได้...
เฮือก! O_O!
หรือว่า...!!
“เอ่อ...คือหนูสงสัยว่า พวกเจ้าของชื่อที่อยู่ในป้ายของแต่ละคนอ่ะค่ะ คือเขาเกี่ยวข้องอะไรกับพวกหนูอ่ะคะ?”
ครูอึนชิงออกจะดูอึ้งๆ ไปสักพักกับคำถามที่ยัยหัวหน้าเป็นคนถาม ซึ่งฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะน่าอึ้งทึ่งอะไรตรงไหนเลยอ่ะ =0=
“ทุกๆ คนจ๊ะ...ตั้งใจฟังครูดีๆ นะ”
????????
“คือครูอยากจะบอกว่า ชื่อพวกนั้นน่ะ...”
????????
“เป็นชื่อของอาสาสมัคร ที่จะมาเป็นคู่ของพวกเธอกันจ้ะ ซึ่งพวกเขา...เป็นผู้ชายทั้งหมด”
ฉันสะดุ้งโหยงหลังจากที่คำพูดของครูอึนชิงก่อนหน้านี้ได้ลอยเข้ามาหัวฉันอย่างได้จังหวะเหมาะเจาะพอดี
และนั่น ก็ทำให้ฉันเบิกตากว้าง หันขวับกลับไปมองที่ผู้ชายคนนั้นอีกครั้งด้วยความตกใจ
นะ...นี่อย่าบอกนะว่า เขาคือ...
ฉันมองเขาอย่างตกตะลึง ก่อนที่จะตัดสินใจหมุนตัวกลับเพื่อพาตัวเองให้รีบหนีออกไปที่นี่จากโดยเร็วที่สุด!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ