FYC! ค่ายนี้มีแต่...
8.8
เขียนโดย แคมป์
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.53 น.
14 ตอน
17 วิจารณ์
21.57K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ลาก่อนค่ะแม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความFYC 2
“จะไปกี่วันล่ะอินฮยอง?”
เสียงของแม่ที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ทำให้ฉันที่กำลังจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋ามีอันต้องชะงักไปเล็กน้อย...ฉันก้มลงมองเสื้อตัวโปรดของตัวเองในมือแล้วก็ได้แต่ลอบถอนใจเบาๆ
“ยี่สิบวันค่ะแม่ เห็นครูเขาบอกว่ามันเป็นค่ายระยะยาวอ่ะค่ะ” ฉันพูดพลางเก็บพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าต่อ
“หืม? อะไรกัน ตั้งยี่สิบวันเลยเหรอ?”
“ค่ะ”
“ไม่ไปไม่ได้เหรออินฮยอง”
น้ำเสียงแปล่งๆ นั้นที่ทำเอาฉันถึงกับชะงักไปอีกรอบ ก่อนจะหันหลังไปมองใบหน้าแม่ที่มีแต่คำว่าห่วงใยเต็มไปหมด ความห่วงใยอาลัยอาวรณ์ที่ฉันไม่เคยได้รับจากแม่มาก่อนเลย ทำไมกันนะ...ทำไมแม่ถึงได้ห่วงฉันขนาดนี้ หรือนี่อาจจะเป็นเพราะว่าฉันต้องไปเข้าค่ายเป็นเวลานาน แม่ถึงได้ไม่อยากให้ฉันไป...
“แม่คะ...”
“อินฮยอง แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลย แม่ไม่อยากให้ลูกไปเข้าค่ายบ้าบออะไรนั่นเลย! ฮือ...”
ฉันอึ้ง ร่างของฉันเซถลาเข้าอ้อมอกแม่ที่จู่ๆ ท่านก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างฉันแล้วดึงฉันเข้าไปกอด มะ...แม่...แม่ร้องไห้เหรอ??? O_O พวกคุณเชื่อมั้ย ว่าตั้งแต่เกิดมาจนฉันโตถึงขนาดนี้แล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้มาก่อนเลย ไม่เคยเลย...
“แม่คะ...” ฉันหัวเราะเสียงแปลกๆ “ม...แม่ร้องไห้ทำไมคะ? หนูแค่ไปเข้าค่ายเองนะ ไม่ได้ไปสู้รบสักหน่อย” ฉันพยายามเปลี่ยนให้เรื่องดราม่ากลายเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่นั่น...ก็ไม่ได้ทำให้แม่ของฉันหยุดร้องไห้ได้เลย ท่านไม่พูดอะไรอีก นอกจากร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดฉันแน่นชนิดที่ว่าฉันแทบจะหายใจไม่ออก แต่พอฉันเห็นแม่เป็นอย่างนี้แล้ว ความคิดที่อยากจะดันตัวแม่ให้ออกห่างเล็กน้อยจึงถูกลบไปจากสมองอย่างไม่ต้องคิดให้ยุ่งยากเลย
ถึงฉันจะไม่เข้าใจอ่ะนะ ว่าทำไมแม่จะต้องร้องไห้ เพราะแค่ฉันต้องจากบ้านไปเป็นเวลายี่สิบวัน แต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อไปอีก นอกเสียจาก...อิงศีรษะกับแม่ แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดตอบด้วยความรูสึกที่แสนจะพูดยากจริงๆ
……………………………………………………….
และแล้ว...วันที่แม่ของฉันไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด...ก็มาถึงจนได้
ฉันเดินลากกระเป๋าเดินทางใบสีส้มมาจนถึงหน้ารถบัสคันใหญ่สีแดง ที่มีป้ายเขียนว่า C/12 ฉันเดินเอากระเป๋าไปเก็บไว้ในตู้ที่มีกระเป๋าของพวกเพื่อนๆ วางต่อกันเป็นตั้งอย่างเป็นระเบียบ โดยมีคนขับรถคอยช่วยจัดให้อีกแรง
ฉันเดินออกมาจากตรงนั้น กะว่าจะก้าวขึ้นไปบนรถเลย เพราะระหว่างทางฉันก็ได้กอด ได้ล่ำลาแม่มาแล้วตลอดทาง เพราะฉะนั้นแม่คงไม่มีอะไรจะพูดกับฉันแล้วกระมัง ทว่า...มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น...
“อินฮยอง...” เสียงสั่นเครือของแม่...เรียกให้ฉันที่กำลังจะก้าวขึ้นรถไปต้องเปลี่ยนใจหันกลับไปหาท่านโดยสัญชาตญาณของความเป็นลูก
ภาพตรงหน้าที่เห็น แทนที่แม่จะร้องไห้หน้าเบะ ชวนให้ฉันไม่อยากไปห่างกายท่าน...
ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่ภาพของแม่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้ แม่ของฉันในตอนนี้...กำลังยืนส่งยิ้มกว้างมาให้ เป็นรอยยิ้มที่สดใส และดูน่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา
แม่...
“แล้วแม่จะทำทักกางจองไว้ให้ลูกเยอะๆ เลยนะ รีบกลับมากินทักกางจองกับแม่เร็วๆ นะลูก...อินฮยอง”
แต่สุดท้าย ยังไงแม่ก็อดน้ำตาเล็ดไม่ได้อยู่ดี ท่านหัวเราะทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาแค่หยดเดียว มันเป็นภาพที่ทำให้ฉันคิดถึงแม่มากๆ ทั้งที่ท่านก็ยืนอยู่ตรงหน้าฉันแท้ๆ
“ค่ะ แล้วหนูจะรีบกลับมานะคะแม่ แม่เตรียมเหมาเนื้อไก่มาทำทักกางจองไว้ให้หนูได้เลย”
ฉันอดหัวเราะไม่ได้กับคำพูดของตัวเอง ฮ่าๆ คนบ้าอะไรจะกินทั้งหมดนั้นได้กันล่ะ? ถ้าไม่ใช่ยักษ์ ก็ต้องเป็นปีศาจจอมกินจุเท่านั้นแหละ
ฉันมองหน้าแม่อยู่อีกสักพัก ก่อนจะตัดใจหันหลังให้ท่านแล้วรีบเดินขึ้นไปบนรถทันทีอย่างไม่รอช้า
ฉันเดินขึ้นมานั่งลงบนเบาะที่ว่างไม่มีใครนั่งเลยสักคน โดยที่ยัยเพื่อนของฉันสองคนนั้นก็นั่งคู่กันอยู่ข้างหลัง
คือ...ฉันก็ไม่ได้อยากจะปลีกตัวอยากจะทำตัวเองให้โดดเดี่ยวอะไรหรอกนะ แต่ว่าฉันชอบอย่างนี้อ่ะ ชอบที่จะนั่งคนเดียว นั่งทอดสายตามองไกลออกไปยังทิวทัศน์นอกรถ ชอบที่จะทำแบบนั้นพลางเสียบซาวน์เบาท์เปิดเพลงฟังเบาๆ ให้ตัวเองจมอยู่ในโลกส่วนตัว ซึ่งยาก...ที่ใครจะดึงฉันให้หลุดออกมาจากโลกนั้นได้
“เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งเข้าสู่โหมดเรคลูสนะอินฮยอง”
ฉันที่กำลังจะเข้าสู่โหมด ‘เรคลูส’ อยู่พอดี มีอันต้องชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหันหน้าไปข้างหลังที่มียัยยองแอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สีหน้าแปลกๆ ของมันนั้นทำให้ฉันต้องดึงซาวน์เบาท์ออกจากหูเพื่อที่จะได้ฟังมันได้ถนัดๆ
ยองแออ้าปาเหมือนจะพูด แต่ก็ไม่ลืมที่จะเหลือบตามองไปรอบตัวเพื่อให้แน่ใจก่อนว่าถ้าพูดออกไปแล้วจะไม่มีใครได้ยิน นั่นมันถึงได้พูดจากระซิบกระซาบกับฉันราวกับว่าสิ่งที่มันจะพูดต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะพูดอย่างไรอย่างนั้นแหละ =O=;;
“เมื่อกี้นะ ก่อนที่เธอจะขึ้นมาอ่ะ ฉัน...” ยองแอรีบเก็บเสียงทันทีที่มีคนเดินผ่านมาทางนี้ ยัยนั่นเหลือบตามองจนแน่ใจแล้วว่าเพื่อนคนนั้นเดินห่างไปไกลจนไม่ได้ยินบทสนทนา มันถึงได้กลับมากระซิบกระซาบกับฉันอีกครั้ง
“คือฉันได้ยินครูอึนชิงคุยโทรศัพท์กับใครสักคนนี่ล่ะ และถ้าฉันฟังไม่ผิดนะ...เหมือนครูเขาจะพูดว่า...ฉันเกลียดตัวเองที่ช่วยอะไรเด็กไม่ได้...อะไรทำนองนี้อ่ะ คือถ้าเกิดเปลี่ยนจากฉันเป็นเธอที่ได้ยินครูเขาพูดประโยคนี้ เธอจะคิดว่ายังไง? อินฮยอง”
สีหน้าจริงจังของยองแอ ทำให้ฉันเม้มปากคิดอะไรในใจอยู่สักครู่ ก่อนจะตอบออกไปตามที่ตัวเองคิด
“ถ้าเป็นฉันนะ...ฉันก็คงจะคิดว่า ทำไมครูเขาถึงต้องเกลียดตัวเองที่ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้ แล้ว...ทำไมต้องช่วย? แล้ว...ครูเขาคุยอยู่กับใคร???”
“นั่นล่ะ เธอคิดเหมือนฉันเปี๊ยบเลย!”
“อือ~” เสียงครางของเจบีที่เอาแต่นั่งหลับอยู่ข้างๆ ยองแอนั้น ทำให้พวกฉันสองคนถึงกับสะดุ้งเฮือก
ตอนนี้อะไรๆ มันก็ดูน่าหวาดระแวงไปหมดโดยเฉพาะสำหรับฉันและยองแอนั้น คือฉันน่ะ...สงสัยมาตั้งแต่วันแรกที่ครูเขาพูดเรื่องนี้แล้ว จนกระทั่งยัยยองแอมาเล่าให้ฉันฟังอีก ว่าครูอึนชิงพูดประโยคอะไรแปลกๆ ออกมา และคำว่าเด็กในประโยคนั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเด็กที่ไหน...
พวกฉันเอง...ห้อง C/12
“อินฮยอง”
เฮือก!!! O_O
“จะไปกี่วันล่ะอินฮยอง?”
เสียงของแม่ที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ทำให้ฉันที่กำลังจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋ามีอันต้องชะงักไปเล็กน้อย...ฉันก้มลงมองเสื้อตัวโปรดของตัวเองในมือแล้วก็ได้แต่ลอบถอนใจเบาๆ
“ยี่สิบวันค่ะแม่ เห็นครูเขาบอกว่ามันเป็นค่ายระยะยาวอ่ะค่ะ” ฉันพูดพลางเก็บพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าต่อ
“หืม? อะไรกัน ตั้งยี่สิบวันเลยเหรอ?”
“ค่ะ”
“ไม่ไปไม่ได้เหรออินฮยอง”
น้ำเสียงแปล่งๆ นั้นที่ทำเอาฉันถึงกับชะงักไปอีกรอบ ก่อนจะหันหลังไปมองใบหน้าแม่ที่มีแต่คำว่าห่วงใยเต็มไปหมด ความห่วงใยอาลัยอาวรณ์ที่ฉันไม่เคยได้รับจากแม่มาก่อนเลย ทำไมกันนะ...ทำไมแม่ถึงได้ห่วงฉันขนาดนี้ หรือนี่อาจจะเป็นเพราะว่าฉันต้องไปเข้าค่ายเป็นเวลานาน แม่ถึงได้ไม่อยากให้ฉันไป...
“แม่คะ...”
“อินฮยอง แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลย แม่ไม่อยากให้ลูกไปเข้าค่ายบ้าบออะไรนั่นเลย! ฮือ...”
ฉันอึ้ง ร่างของฉันเซถลาเข้าอ้อมอกแม่ที่จู่ๆ ท่านก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างฉันแล้วดึงฉันเข้าไปกอด มะ...แม่...แม่ร้องไห้เหรอ??? O_O พวกคุณเชื่อมั้ย ว่าตั้งแต่เกิดมาจนฉันโตถึงขนาดนี้แล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้มาก่อนเลย ไม่เคยเลย...
“แม่คะ...” ฉันหัวเราะเสียงแปลกๆ “ม...แม่ร้องไห้ทำไมคะ? หนูแค่ไปเข้าค่ายเองนะ ไม่ได้ไปสู้รบสักหน่อย” ฉันพยายามเปลี่ยนให้เรื่องดราม่ากลายเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่นั่น...ก็ไม่ได้ทำให้แม่ของฉันหยุดร้องไห้ได้เลย ท่านไม่พูดอะไรอีก นอกจากร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดฉันแน่นชนิดที่ว่าฉันแทบจะหายใจไม่ออก แต่พอฉันเห็นแม่เป็นอย่างนี้แล้ว ความคิดที่อยากจะดันตัวแม่ให้ออกห่างเล็กน้อยจึงถูกลบไปจากสมองอย่างไม่ต้องคิดให้ยุ่งยากเลย
ถึงฉันจะไม่เข้าใจอ่ะนะ ว่าทำไมแม่จะต้องร้องไห้ เพราะแค่ฉันต้องจากบ้านไปเป็นเวลายี่สิบวัน แต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อไปอีก นอกเสียจาก...อิงศีรษะกับแม่ แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดตอบด้วยความรูสึกที่แสนจะพูดยากจริงๆ
……………………………………………………….
และแล้ว...วันที่แม่ของฉันไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด...ก็มาถึงจนได้
ฉันเดินลากกระเป๋าเดินทางใบสีส้มมาจนถึงหน้ารถบัสคันใหญ่สีแดง ที่มีป้ายเขียนว่า C/12 ฉันเดินเอากระเป๋าไปเก็บไว้ในตู้ที่มีกระเป๋าของพวกเพื่อนๆ วางต่อกันเป็นตั้งอย่างเป็นระเบียบ โดยมีคนขับรถคอยช่วยจัดให้อีกแรง
ฉันเดินออกมาจากตรงนั้น กะว่าจะก้าวขึ้นไปบนรถเลย เพราะระหว่างทางฉันก็ได้กอด ได้ล่ำลาแม่มาแล้วตลอดทาง เพราะฉะนั้นแม่คงไม่มีอะไรจะพูดกับฉันแล้วกระมัง ทว่า...มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น...
“อินฮยอง...” เสียงสั่นเครือของแม่...เรียกให้ฉันที่กำลังจะก้าวขึ้นรถไปต้องเปลี่ยนใจหันกลับไปหาท่านโดยสัญชาตญาณของความเป็นลูก
ภาพตรงหน้าที่เห็น แทนที่แม่จะร้องไห้หน้าเบะ ชวนให้ฉันไม่อยากไปห่างกายท่าน...
ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่ภาพของแม่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้ แม่ของฉันในตอนนี้...กำลังยืนส่งยิ้มกว้างมาให้ เป็นรอยยิ้มที่สดใส และดูน่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา
แม่...
“แล้วแม่จะทำทักกางจองไว้ให้ลูกเยอะๆ เลยนะ รีบกลับมากินทักกางจองกับแม่เร็วๆ นะลูก...อินฮยอง”
แต่สุดท้าย ยังไงแม่ก็อดน้ำตาเล็ดไม่ได้อยู่ดี ท่านหัวเราะทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาแค่หยดเดียว มันเป็นภาพที่ทำให้ฉันคิดถึงแม่มากๆ ทั้งที่ท่านก็ยืนอยู่ตรงหน้าฉันแท้ๆ
“ค่ะ แล้วหนูจะรีบกลับมานะคะแม่ แม่เตรียมเหมาเนื้อไก่มาทำทักกางจองไว้ให้หนูได้เลย”
ฉันอดหัวเราะไม่ได้กับคำพูดของตัวเอง ฮ่าๆ คนบ้าอะไรจะกินทั้งหมดนั้นได้กันล่ะ? ถ้าไม่ใช่ยักษ์ ก็ต้องเป็นปีศาจจอมกินจุเท่านั้นแหละ
ฉันมองหน้าแม่อยู่อีกสักพัก ก่อนจะตัดใจหันหลังให้ท่านแล้วรีบเดินขึ้นไปบนรถทันทีอย่างไม่รอช้า
ฉันเดินขึ้นมานั่งลงบนเบาะที่ว่างไม่มีใครนั่งเลยสักคน โดยที่ยัยเพื่อนของฉันสองคนนั้นก็นั่งคู่กันอยู่ข้างหลัง
คือ...ฉันก็ไม่ได้อยากจะปลีกตัวอยากจะทำตัวเองให้โดดเดี่ยวอะไรหรอกนะ แต่ว่าฉันชอบอย่างนี้อ่ะ ชอบที่จะนั่งคนเดียว นั่งทอดสายตามองไกลออกไปยังทิวทัศน์นอกรถ ชอบที่จะทำแบบนั้นพลางเสียบซาวน์เบาท์เปิดเพลงฟังเบาๆ ให้ตัวเองจมอยู่ในโลกส่วนตัว ซึ่งยาก...ที่ใครจะดึงฉันให้หลุดออกมาจากโลกนั้นได้
“เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งเข้าสู่โหมดเรคลูสนะอินฮยอง”
ฉันที่กำลังจะเข้าสู่โหมด ‘เรคลูส’ อยู่พอดี มีอันต้องชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหันหน้าไปข้างหลังที่มียัยยองแอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สีหน้าแปลกๆ ของมันนั้นทำให้ฉันต้องดึงซาวน์เบาท์ออกจากหูเพื่อที่จะได้ฟังมันได้ถนัดๆ
ยองแออ้าปาเหมือนจะพูด แต่ก็ไม่ลืมที่จะเหลือบตามองไปรอบตัวเพื่อให้แน่ใจก่อนว่าถ้าพูดออกไปแล้วจะไม่มีใครได้ยิน นั่นมันถึงได้พูดจากระซิบกระซาบกับฉันราวกับว่าสิ่งที่มันจะพูดต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะพูดอย่างไรอย่างนั้นแหละ =O=;;
“เมื่อกี้นะ ก่อนที่เธอจะขึ้นมาอ่ะ ฉัน...” ยองแอรีบเก็บเสียงทันทีที่มีคนเดินผ่านมาทางนี้ ยัยนั่นเหลือบตามองจนแน่ใจแล้วว่าเพื่อนคนนั้นเดินห่างไปไกลจนไม่ได้ยินบทสนทนา มันถึงได้กลับมากระซิบกระซาบกับฉันอีกครั้ง
“คือฉันได้ยินครูอึนชิงคุยโทรศัพท์กับใครสักคนนี่ล่ะ และถ้าฉันฟังไม่ผิดนะ...เหมือนครูเขาจะพูดว่า...ฉันเกลียดตัวเองที่ช่วยอะไรเด็กไม่ได้...อะไรทำนองนี้อ่ะ คือถ้าเกิดเปลี่ยนจากฉันเป็นเธอที่ได้ยินครูเขาพูดประโยคนี้ เธอจะคิดว่ายังไง? อินฮยอง”
สีหน้าจริงจังของยองแอ ทำให้ฉันเม้มปากคิดอะไรในใจอยู่สักครู่ ก่อนจะตอบออกไปตามที่ตัวเองคิด
“ถ้าเป็นฉันนะ...ฉันก็คงจะคิดว่า ทำไมครูเขาถึงต้องเกลียดตัวเองที่ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้ แล้ว...ทำไมต้องช่วย? แล้ว...ครูเขาคุยอยู่กับใคร???”
“นั่นล่ะ เธอคิดเหมือนฉันเปี๊ยบเลย!”
“อือ~” เสียงครางของเจบีที่เอาแต่นั่งหลับอยู่ข้างๆ ยองแอนั้น ทำให้พวกฉันสองคนถึงกับสะดุ้งเฮือก
ตอนนี้อะไรๆ มันก็ดูน่าหวาดระแวงไปหมดโดยเฉพาะสำหรับฉันและยองแอนั้น คือฉันน่ะ...สงสัยมาตั้งแต่วันแรกที่ครูเขาพูดเรื่องนี้แล้ว จนกระทั่งยัยยองแอมาเล่าให้ฉันฟังอีก ว่าครูอึนชิงพูดประโยคอะไรแปลกๆ ออกมา และคำว่าเด็กในประโยคนั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเด็กที่ไหน...
พวกฉันเอง...ห้อง C/12
“อินฮยอง”
เฮือก!!! O_O
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ