Phantom School

8.8

เขียนโดย Wondergirl

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.

  20 บท
  2 วิจารณ์
  23.92K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ตอนพิเศษส่งท้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ในช่วงเวลาบ่ายวันหนึ่งในฤดูฝนอันแสนจะเย็นฉ่ำ...  และเป็นฤดูที่ไข้จับที่สุดใน1ปี  แต่ถึงกระนั้นราชการและผู้นำประเทศก็ยังคงทำงานกันอย่างไม่ลดละ...  หรือที่จริงแล้วอาจอยากหยุดแทบแย่แต่คงเป็นเพราะหน้าที่และราชินีมากกว่าหละมั้งนะ...

     

     อาณาจักรเนอร์วาคืออาณาจักรใหม่ที่เพิ่งจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อราวๆ10ปีที่ผ่านมาหลังจากที่มันถูกทิ้งร้างและถูกครอบงำโดยอำนาจมืด   ราชินีของอาณาจักรนี้เป็นลูกหลานของราชาองค์ก่อนที่ปกครองอาณาจักรให้สงบสุข  นางเป็นสตรีที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์หน้าใหม่เลยก็ว่าได้  เพราะเป็นสตรีหนึ่งเดียวที่กล้าเดินเข้าไปในที่ที่เต็มไปด้วยพลังมืดแล้วบอกว่า 'ข้าจะฟื้นฟูอาณาจักรของพ่อข้า' 

     และด้วยความที่ราชาเป็นคนที่ไม่กล้าจะขัดใจภริยาแม้แต่นิดน้อย  อาราจักรนี้จึงถูกสถาปนาขึ้นใหม่และกลายเป็นเมืองแห่งการซื้อขาย  ร่ำเรียนวิชา  เวทย์มนต์และอื่นๆอีกมากมาย  การค้าขายวัตถุดิบต่างๆ  การศึกษา

     

     ณ  หอสมุดใหญ่ของโรงเรียนคีวาเนียร์

     "ฮอโล่  ทำไมเธอชอบอ่านข่าวเกี่ยวกับยัยฆาตรกรนี่จังหละ" เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยถามในขณะที่เดินมานั่งข้างๆเด็กสาวอีกคนที่กำลังอ่านหนังสือยู่  เธอมีผมสีทองเหลืออร่ามซอบสั้นประบ่าและนัยน์ตาสีเหลืองทองคมกริบเชกเช่นเดียวกัน

     ฮอโล่ลดหนังสือลงเผยให้เห็นใบหน้าหวานสวย  เธอมีผมสีเงินเป็นลอนยาวประบ่า  ดวงตากลมโต   นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลและริมฝีปากกุหลาบสีชมพูระเรื่อทำให้เธอดูน่ารักราวกับตุ๊กตาเจ้าหญิง...  เพราะปกติแล้วเธอไม่ค่อยจะแสดงสีหน้าสักเท่าไหร่ก้เลยยิ่งดูเหมือนตุ๊กจาเข้าไปใหญ่

     "ฉันถูกสั่งให้ทำรายงานเกี่ยวกับบุคคลผู้เป็นตำนาน"  เธอตอบแล้ววางหนังสือเล่มที่ถือยู่ลงบนกองภูเขาหนังสือข้างตัวที่วางซ้อนๆขึ้นไปเรื่อยๆ "ฉันจับไลก้าไปขังไว้ในเรือนกระจก  เธอคงไม่อยากรู้เหตุผลเท่าไหร่หรอกนะวาเลน  ฉันมั่นใจ" เธอพูดต่ออย่างรู้หน้าที่ว่าคุณเพื่อนของเธอต้องอยากรู้แน่ว่าเพราะอะไร

     "แล้วทำไมถึงทำเรื่องเกี่ยวกับผู้พิพากษาจากเงามืดทั้งๆที่คนอื่นๆดีๆก็มีถมไป" วาเลนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

     "เพราะว่าเธอสงสัยว่าแม่ของเธออาจจะเป็นบุคคลปริศนาที่ว่าก็เป็นได้" เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีผ้าพันแผลอยู่รอบหัวเดินมาหาเด็กสาวทั้งสอง  เขามีผมสีดำตรงรวบเป็บทรงหางม้าไว้ด้านหลัง  ดวงตาคมกริบ  นัยน์ตาสีฟ้าครามดั่งท้องฟ้ายามกลางวัน 

     "อย่างที่เขาว่า" ฮอโล่ตอบ

     "ทำไมอะ" วาเลนถามทันทีด้วยความมึนงง  เธอไม่เข้าใจว่าแม่ของฮอโล่กับผู้พิพากษาจากเงามืดมีอะไรเหมือนกันนอกจากสีผม

     "ฉันค้นคว้าหาเรื่องนี้เล่นๆหนะ  แม่ของฉันเคยเล่าว่าเคยไปเรียนที่เมืองๆหนึ่ง  และข่าวที่ว่าหาตรกรโหดคนนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากโดนยิงก็เป้นเวลาเยื้องๆกันพอดี  และฉันก็พบหนังสือพิมพ์เก่าๆฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการกลับมาของฆาตรกรที่ว่าซึ่งเป้นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่แม่ข้าสร้างอาณาจักรนี้ใหม่" ฮอโล่อธิบายแบบลวกๆแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้กำมหยี่สีแดงที่ตนนั่งอยู่ "พอไปถามแม่  แม่ก็เปลี่ยนเรื่อง  ถามพ่อพ่อก็เกิดจะมีธุระทางราชการขึ้นมาทุกที"

     "งั้นวันหยุดนี้เราไปเล่นเกมส์นักสืบในบ้านเจ้ากันเถอะ!" ไลก้าเสนออย่างร่าเริง  และถ้าทุกคนในโรงเรียนเห้นย่อมคิดกันไปเองว่าท่านประธานสุดฮอตมีแผนการอะไรแน่ๆ  แต่สำหรับสองสาวที่ดังไม่แพ้กันคู่นี้แล้ว  พวกเธอรุ้ได้ทันทีว่าท่านประธานคนนี้แค่จะไปเล่นเท่านั้นเอง

 

     แล้ววันหยุดก็มาถึง  ฮอโล่จัดการเรื่องยานพาหนะเรียบร้อยก็พาเพื่อนทั้งสองขึ้นหลังมังกรสีเทาตัวหนึ่งที่กำลังนั่งรอเจ้านายอย่างว่าง่ายอยู่ข้างน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ในโรงเรียน

     "ไปเอามาจากไหนเนี่ย!" วาเลนทำตาวาวใส่เจ้ามังกรที่กำลังนอนหมอบให้เด็กสาวผมเงินลูบหัวอย่างว่าง่ายราวกับลูกหมาตัวน้อย

     "มังกรของข้าเอง  ไปกันเถอะ  เกรย์เขารอนานมากแล้ว" ฮอโล่ตอบแล้วลูบเกล็ดใต้ตาสีมรกตของมังกรตัวนั้น  เธอพยักหน้าแล้วยื่นไปยังหลังมังกรเป็นการบอกว่าให้ขึ้นไปนั่งบนหลัง  และเธอตั้งใจชี้ไปบนหลังอย่างชัดเจนว่าให้นั่ง 'บนหลัง' เท่านั้น

     ไลก้ากระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังมังกรทันทีด้วยความตื่นตาตื่นใจเพราะเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งมังกรนักนอกเสียจากต้องไปทำภารกิจกันที่ต่างเมือง  ส่วนวาเลนนั้นไม่ค่อยจะตื่นเต้นสักเท่าไหร่เพราะพ่อของเธอเป็นพวกบ้าวัตถุเวทย์  โดยเฉพาะอะไรก็ตามจาก 'มังกร'  ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอต้องศึกษามังกรให้ดีเนื่องจากว่ากลัวพ่อจะไปเอาของมีพิษเข้าบ้านแล้วโดนแม่ฆ่าตาย

     "เกรย์ไปกันเถอะ"ฮอโล่สั่งมังกรของตนเบาๆแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนหัวของมังกรอย่างนุ่มนวล

     เจ้ามังกรกระพือปีกเบาๆแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนที่มีเมฆครึ้มเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าฝนใกล้จะตก  มันบินอย่างรวดเร็วด้วยท่วงท่าผาดโผนสุดหวาดเสียวน่ากลัวจนทำเอาผู้โดยสารทั้ง2ที่อยู่บนหลังมังกรถึงกับต้องงัดกลยุทธ์ทางด้านการทรงตัวออกมาใช้กันอย่างหมดเปลือก  แต่ไม่ใช่อย่างนั้นกับเจ้านายของมันที่นั่งกินลมชมวิวอย่างสบายใจเหมือนกับนั่งอยู่ในสวนกว้างที่เงียบสงบ

     ผ่านไป10นาทีทัวร์หฤโหดก็จบลง  เจ้ามังกรร่อนลงในสวนกว้างในพระราชวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจเนื่องจากได้บินหลังจากไม่ได้บินมาแสนนาน  ซึ่งนั่นก็ทำให้ผุ้โดยสารทั้ง2รู้สึกมึนงง  ไม่ใช่เพราะเวียนหัวแต่เป็นเพราะสถานที่ต่างหาก  ถ้าพวกเขาจำไม่ผิดหละก็นะเด็กสาวผมเงินเคยบอกว่าแม่เธอไม่ใช่ขุนนาง  ซึ่งก็น่าแปลกเพราะคนรับใช้ในพระราชวังรายได้ไม่มากพอที่จะส่งลูกสาวเรียนที่โรงเรียนคิวาเนียร์ได้

     "เดี๋ยวนะ  แม่ของเขาเป็นใครกันแน่?" วาเลนถาม

     "เป็นราชินี  ข้าไม่ได้บอกหรือ?" ฮอโล่ตอบพรางถามกับหลังจากที่เห็นเพื่อนทั้งสองทำหน้าเอ๋อรับประทาน "พ่อแม่พวกเจ้าก็เป็นคนมีตำแหน่งกัน  อีกอย่างที่โรงเรียนก็มีเจ้าชายเจ้าหญิงเยอะแยะไป" เธอบอกเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา

     "เฮ่!  ใครให้เอามังกรมาจอดในสัวะ...  เอ๋?" ชายคนหนึ่งในชุดอัศวินเดินเข้ามาในสวนด้วยท่าทางขึงขัง  เขามีผมสีแดงเข้มชี้โด่ชี้เด่และนัยน์ตาสีน้ำตาล "ลูกมาทำอะไรที่นี่เนี่ยไหนบอกว่าจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนสาว?" เขาถามอย่างมึนงง

     "สวัสดีค่ะ  คุณหัวหน้าองครักษ์แจ๊ค"วาเลนโบกมือให้ชายในเครื่องแบบคนนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง  เธอรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีจะเกิดเรื่องสนุกๆขึ้น

     "สวัสดี  วาเลน  อย่าบอกนะว่าหนูเป็นเพื่อนสาวลูกชายลุง?" แจ๊คเอ่ยถามเด็กสาวผมทองด้วยอาการมึนงง

     "ไม่ใช่ค่ะคุณลุง" วาเลนโบกมือปฏิเสธเบาๆก่อนจะบอกว่า "หนูเป็นเพื่อนสาวของลุกชายตนโตของลุงต่างหากหละค่ะ" เธอตอบด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ไลก้าก็หน้าซีดลงเรื่อยๆ  จนในที่สุดก็หน้าขาวซัจนกระดาษยอมแพ้

     "ไล...ก้า!!!!!!!!!!" ฮอโล่พุ่งเข้าคว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มแล้วเขย่าไปมาอย่างโกระเคือง "ใครเป็นเพื่อนสาวนายกันหา!  เจ้าบ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  เจ้าบ้า!  อยากตายก่อนหมดอายุขัยหรือไง  อย่าคิดนะว่าพ่อกับแม่เจ้ากลายเป็นเผ่าพันธุ์อมตะแล้วเจ้าจะตายไม่ได้!!" เด็กสาวมองหน้าเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ตาเหลือกหน้าซีดเหมือนวิญญาณออกจากร่าง

     "ฮอโล่พาเพื่อนมาเล่นที่บ้านหรือ?" เสียงของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูของเด้กสาวผมเงินจึงทำให้เธอหยุดชะงัก

     "แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะ  แต่ประตูหน้าก็มีหนิลูกรัก" หญิงสาวนางหนึ่งเดินออกมาจากเงาด้านหลังของเด็กสาว  เธอมีเส้นผมสีดำลอนยาวถึงกลางหลังรวมเอาไว้หลวมๆ  นัยน์ตาสีดำสนิทดั่งรัติกาลนั้นราบเรียบเฉยๆเมยยากที่จะอ่านได้ว่าคิดอะไรอยู่  เธอใส่ชุดราตรียาวปิดข้อเท้าสีฟ้า

     "ท่านพ่อจะโวยวาย" ฮอโล่เบ้ปากอย่างเซ็งๆแล้วปล่อยมือจากคอเสื้อเพื่อนผู้เคราะห์ร้ายเปลี่ยนมาจับมือของผู้เป็นแม่เทน  

     "แม่เข้าใจ...  งั้นเราไปเล่นข้างในกันก่อนเถอะ  เดี๋ยวแม่ไปประ...  เอ้ย  ไปสนทนากับจีเคแล้วจะมาเล่นด้วย" ราชินีพูดกับลูกสาวและเพื่อนลูกสาวเสร็จก็หายตัวเข้าไปในเงามืดอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้งราวกับใช้เวทย์มนต์  ซึ่งที่จริงแล้วพ่อของเจ้าหญิงน้อยเคยบอกว่าแม่เธอสามารถที่จะอยุ่หรือหายไปได้ตามต้องการโดยไม่ใช้เวทย์มนต์

     ลูกมั่นใจว่าแม่จะพูดว่าประมือค่ะ  ท่านแม่...

 

     ณ  ทางเดินแห่งหนึ่งในปราสาท  

     "แล้วเอาไงต่อ" เด็กหนุ่มผมดำเอ่ยถามอย่างร่าเริงเนื่องจากว่าเขาเองก็ไม่ได้มาเที่ยวเล่นในวังมานานแล้ว  ดังนั้นการได้มาเดินเล่นในวังย่อมเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้แต่แรก  ส่วนเรื่องที่จะช่วยสืบเรื่องแม่ของฮอโล่เป็นเรื่องรองลงมา

     "ไปห้องนอนท่านแม่" ฮอโล่ตอบพรางเดินนำหน้า

     "แล้วอยู่มาตั้งนาน  เจ้าไม่เคยเข้า?" ไลก้าถามอย่างอึ้งๆ

     "ปกติแม่จะอยู่แต่ในห้อง  เข้าไปแล้วอีกเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันกว่าจะออกมา  ถ้าออกมาทีก้จะล็อกห้อง  ส่วนใหญ่จะไปทำงานหรือไม่ก็ไปเที่ยวขี่มังกรเล่นกับพ่อ"ฮอโล่ตอบพรางหันไปยังประตูบานหยึ่งอย่างระมัดระวัง  เธอรู้ดีถึงความร้ายกาจของแม่ตัวเอง  แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะเธอไม่สามารถอ่านความคิดของผู้เป็นแม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

     "ฉันนึกว่าราชินีจะเอาแต่แต่งตัวทุกคนเสียอีก" วาเลนเปรยออกมาลอยๆ

     "ไม่ใช่แม่ข้าแน่ๆเพราะว่าเครื่องสำอางของท่านแม่นั้นถูกเก้บใส่กล่องเอาไว้อย่างดี  ไม่มีร่องรอยการใช้เลย  ท่านแม่บอกว่าท่านดูเด็กเพราะแต่งหน้าแต่ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยไปแอบดูทางหน้าต่างตอนกลางคืน  ฉันไม่คิดหรอกนะว่าท่านจะแต่งหน้าตอนนอนด้วย" ฮอโล่อธิบายพรางขมวดคิ้ว  เรื่องราวบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นในหัวของเธอ  

     เด็กสาวเปิดประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย

     ด้านในห้องนั้นถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายและไม่มืดสลัวไม่ได้มีของมีค่าอะไรเลยจนทำให้เพื่อนทั้งสองเริ่มสงสัยว่าอาจจะมาผิดห้องก็เป็นได้

     ด้านซ้ายสุดของห้องมีตู้ได้สีดำวางติดกัน3ตู้ซึ่งก็เรียกว่าเยอะมากสำหรับคนคนเดียวและมีทางเดินเข้าไปอีกหน่อยเป็นประตูห้องน้ำ  ส่วนด้านขวานั้นมีลักษณะเป็นส่วนโค้งมีเตียงรูปร่างแปลกเป็นทรงครึ่งวงกลม  โต๊ะทำงานสีดำที่เต็มไปด้วยเอกสาร  เก้าอี้ไม้เก่าๆและโต๊ะกระจกที่แทบจะไม่มีอะไรวางอยู่เลย  ส่วนตรงหลังห้องมีประตูกระจกที่เอาไว้เปิดไปที่ระเบียงกับเก้าอี้โยกที่ทำจากไม้

     ธรรมดาสุดๆ  นี่คือข้อสรุปที่ทุกคนในอาณาจักรถ้าได้มาเห็นแล้วต้องคิดเช่นเดียวกันโดยไม่ต้องสะกดจิต

     "ฉันจะไปดูตู้นะ  นายไปตรวจดูผนัง  วาเลนเธอไปดูเตียงแล้วกัน"ฮอโลออกคำสั่งทันทีพรางเดินไปเปิดตู้ทั้ง3ออกมาดู

     ตู้ทั้ง3นั้นเรียกได้ว่ามีเพียงตู้เดียวเท่านั้นที่มีชุดราตรีหรือชุดอะไรหรู  ส่วนอีก2ตู้ที่เหลือนั้นไม่มีขอบอะไรเลย  ซึ่งนั้นก็ทำให้เธอต้องเข้าไปตรวจถึงด้านในของตู้

     มีประตูกลอยู่ตรงนี้ด้วย  เธอเปิดประตูที่ซ่อนอยู่ในตู้แล้วดึงตัวขึ้นไปดูสิ่งที่อยู่ด้านบน  ถ้าเธอจำไม่ผิดด้านบนจะเป็นห้องประชุมที่เอาไว้ให้ขุนนางกินเงินหลวงเข้าไปนั่งบ่นนินทาราชินีและราชา  แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับไม่ใช่เลย  ด้านบนเป็นห้องเล็กมืดๆที่มีชุดสีดำชุดหนึ่งแขวนอยู่บนราวและชั้นราวอาวุธซัด  ขวดยาพิษหรืออะไรก็ตามที่ไม่ควรอยู่ในห้องนอนของใครก็ตาม  เมื่อเธอทิ้งตัวลงมาจากช่องด้านบนก็พบว่าในตู้ข้างๆมีหน้ากากขนนกแฟนซีสีขาวอันหนึ่งลอยอยู่โดดๆ

     "ดูสิว่าข้าเจออะไร?  ดาบสั้นกับปืนอีก2กระบอกอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน  แม่เธอจะโหดไปไหม?"ไลก้าพูดพรางดึงให้ฮอโล่มาดูดาบสั้นที่ถูกเก็บในฟักดาบเรียบร้อยไร้ฝุ่นเกาะและปืนรูปโบราณสีเงินที่อัดเน่นไปด้วยพลังเวทย์  ซึ่งทั้ง2อย่างนั้นถูกล็อกเอาไว้ด้วยโซ่ไม่สามารถหยิบออกมาได้

     "แล้วดูว่าข้าเจออะไร  ดาบยาวแบบตะวันตกกับพรองเหล็ก  แม่เธอเป็นพวกบ้าอาวุธหรือไง?" วาเลนพูดพรางดึงฮอโล่ไปดูของที่อยู่ในลิ้นชักลับข้างเตียง  ซึ่งอาวุธที่ว่ามาก็ถูกล็อกไว้เช่นกัน 

     "ฉันเจอของเด็ดกว่านั้นอยู่ด้านบนตู้" ฮอโล่บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบพรางเหลือบมองตุ้ที่บัดนี้ปิดเรียบร้อยเหมือนไม่เคยถูกเปิดออกมาแม้แต่ครั้งเดียว

     "แต่ฉันว่าเรารีบออกจากห้องแล้วไปเินเล่นดีกว่า  เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว  ไม่น่าเชื่อว่ามือสังหารที่ว่านั่นจะประมาทได้ขนาดนี้  ถึงกับไม่ล็อกห้อง  ไม่ลงมนต์" ไลก้าช่วยอย่างเซ็งๆ  ถึงแม้เขาอยากจะอยู่ต่อแต่ก็กลัวว่าถ้าอยู่ต่อจะโดนเจอตัว

     "หรือไม่ราชินีก็คงจะระแวงเรื่องกายลอบฆ่า" วาเลนสรุปความเห็นอื่นเพราะเธอมั่นใจอยู่เรื่องหนึ่งว่าห้องนี้มีอาวุธมากพอๆกับคลังอาวุธฉุกเฉิน

     "อืม  เราไปกันดีกว่า  ก่อนที่ท่านแม่จะมาเจอ"

     และแล้วเด็กแสบทั้ง3คนหัว3สีก้เดินออกจากห้องไปทันทีโดยที่ไม่ลืมจะปิดประตูให้เรียบร้อย

     

     หลังจากที่เด็กน้อยทั้งสามออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว  ร่างที่แอบซ่อนอยุ่ในเงามืดที่มุมห้องก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกมา  ดวงตาสีดำคบกริบดั่งเหยี่ยวที่กำลังมองหาเหยื่อกวาดมองไปรอบๆห้อง  เรียวปากน่าลุ่มหลงขยับเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ

     "เป็นไปดังคาด  ซีโร่เอ้ย  รอตอบคำถามลูกดีๆหละ  ฮิฮิฮิ"  

 

     ตกเย็นฮอโล่แยกกับเพื่อนๆแล้วไปยังห้องรับประทานอาหารสำหรับราชวงศ์เพื่อที่จะนั่งคุยกับท่านพ่อและท่านแม่อย่างส่วนตัวที่สุด  ถึงแม้ห้องนี้ควรจะเป็นห้องที่หรูหราแต่ก้ไม่เลยมันแสนจะธรรมดาเหมือนห้องนอนท่านแม่นั่นแหละ  เป็นห้องเล็กๆ  มีโต๊ะอาหารรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่าที่มีลวดลายเป็นรู้ดาวห้าแฉก  ที่แต่ละด้านของโต๊ะจะมีเก้าอี้บุกำมหยี่หนึ่งตัว  

     ที่นั่งทั้ง5ที่นั้นแสดงให้เห็นถึงบุคคลในครอบครัว5คน  แต่ทว่า1ในนั้นเป็นวิญญาณ  สมาชิกทั้ง5นั้นประกอบด้วย  อดีตราชาราชินี  ราชา  ราชิินีและรัชทายาท  แต่ที่จริงแล้วปกติคนที่มารับประทานอาหารนั้นจริงๆมีเพียงองค์ราชาและรัชทายาทเท่านั้น

     "ท่านพ่อ  ลูกมีอะไรอย่างจะถามท่านสักหน่อย" ฮอโล่กล่าวพรางจิ้มสเต็กเนื้อเล่นโดยไม่คิดจะกิน

     "อะไรหรือลูกรัก" ชายหนุ่มผมสีเงินและนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเอ่ยถามผู้เป็นลูกกลับอย่างสงสัยเพราะนานแล้วที่ลูกสาวเขาไม่ได้ถามอะไรเขา

     "ท่านแม่เป็นมือสังหารใช่ไหม?" ฮอโล่ถามตรงๆทันทีที่ได้รับอนุญาตให้ถาม "ลูกเห็นแล้ว"

     "เอ่อ...  ลูกไปถามท่านแม่ดีกว่านะ  พ่อไม่รู่!!!!" ราชาทำเสียงสูงใส่ลูกทันที  ซึ่งมันเป้นสัญญาณบอกชัดถึงพิรุธ

     "แม่ไม่อยู่  พ่อบอกหน่อยไม่ได้หรือไร" ฮอโล่บุ้ยปากอย่างเซ็งๆแล้วใช้ส้อมจิ้มผักใบเขียวในจานของผู้เป็นพ่อมาเคี้ยวเล่น "ลูกอยากรู้  ลูกสาบานว่าลูกจะไม่ทำตามก็ได้"

     แสดงว่าถ้าพ่อไม่ห้ามเจ้าก็จะไปเอาอย่างแม่ใช่ไหมเนี่ย!  คิลล์เจ้าอบรมลูกยังไงทำไมถึงได้เหมือนกันนัก!  ราชาหลับตาลงแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆแล้วพยักหน้ารับอย่างยอมแพ้  เขาลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อดูสีหน้าลูกสาวแล้วก็ต้องถึงกับอยากร้องไห้เพราะอาหารในจานเขาอันตธานหายไปแล้ว  ส่วนคุณลูกสุดที่รักก็ไม่รู้ว่าไปไหนเสียแล้ว

     "แกล้งข้าสนุกนักหรือไงกันหืม?  คิลล์  แกล้งได้ไม่เว้นวันหยุดเชียวนะ" ราชาเอ่ยปากเบาๆอย่างอ่อนล้า "แล้วคิดอะไรถึงอยากให้ลูกรู้เรื่องนั้น  ทั้งๆที่เมื่อก่อนลงมนต์ปิดบังอย่างกับอะไรดี"  เขาถามด้วยความรู้สึกมึนงง

     "ข้าไม่อยากปิดหูปิดตาลูกไปตลอดนี่  ยังไงซะบอกไปก็ดีแล้ว  ซีโร่  เจ้าก็บอกให้ข้าบอกลูกไม่ใช่หรือ" ราชินีเดินออกมาจากเงามืดแล้วกอดคอราชาโยกไปโยกมาอย่างมีความสุข  ที่จริงข้าก้อยากจะแกล้งเจ้าตัวนั่นแหละ  หึหึหึ  คิลล์ยิ้มจนตาหยี  ตอนนี้เธอใส่เสื้อไหมสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำซึ่งนั่นก็ทำให้เธอดูเด้กขึ้น10ปี...  หรือควรบอกว่าตอนนี้เธอหน้าเหมือนเด็กสาวอายุ18-19ดีหละ

     "ก็ใช่  แต่ตอนนี้ข้าคงไม่มีเวลาให้เขามากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว" ซีโร่ตอบพรางนวดขมับเบาๆ  เขาไม่มีเวลามานั่งสอนลูกอีกแล้วเพราะตอนนี้เขาต้องทำงาน  ดูแลทุกชีวิตในอาณาจักร

     "งั้นก็แบ่งงานของเจ้าให้ข้าบ้างก็ได้หนิ  ข้าเคยอ่านหนังสือเป็นพันๆเล่นในชุ่วง20ปีที่ผ่านมา  และข้าสามารถบอกได้เลยว่าต่อให้ภูตหิมะไม่มีวันแก่แต่ถ้าเจ้าเครียดมากๆ  หน้าได้ย่นเป็นตาเฒ่าก่อนวัยอันควรแน่" คิลล์พูดหยอกล้อเขาพรางหยิกแก้มขาวๆของเขาเล่นเบาๆเหมือนกำลังแกล้งเด็กเล็กๆ

     "เจ้าต้องโมโหตายแน่ๆถ้าเจ้าทำงานที่ข้าทำอยู่" ซีโร่บอก

     "ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าข้าไม่ใช่นกน้อยในกรงที่เจ้าเลี้ยงไว้ดูเล่นแต่เป็นคู่ครอบคู่ทุกข์คู่สุข  เจ้าเหนื่อยใจข้าเห็นก็พาลเหนื่อยใจด้วยแล้ว" คิลล์วางคางลงบนบ่าของเขาแล้วให้อีกฝ่ายใช้มือสางผมของเธอเล่นเหมือนเวลาปกติที่อยู่กันตามประสาครอบครัว "นี่เป็นเมืองของเรา  ไม่ใช่เ้จ้าคนเดียวสักหน่อย"

     "นั่นสินะ  เพราะเราจะมีกันและกันตราบเท่าที่ข้าและเจ้าจะรักกันด้วยใจที่มี"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา