Phantom School
เขียนโดย Wondergirl
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.
แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) รถม้าสู่โรงเรียนปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกึกกัก กึกกัก เสียงของรถม้าดังขึ้นภายในโสตประสาทที่มืดดำมากตลอดพร้อมกันนั้นก็ตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนขึ้นๆลงๆ บอกชัดให้รู้ว่าเธอกำลังนั่งอยู่ในรถม้าที่วิ่งอยุ่บนเส้นทางอันแสนขรุขระ เธอมึนงงเล็กน้อยกับเหตุการณ์นี้ ตอนแรกล่าสุดเธอกำลังเดินอยู่บนทางเปลี่ยวๆหลังจากสำเร็จภารกิจ... แล้วเธอก็โดนยิงที่อกซ้าย...?
เพื่อให้แน่ใจว่าตนยังไม่ตาย เธอรอจนร่างกายกลับมารับรู้ได้ตามปกติแล้วลองสั่งการร่างกายดู เธอยกมือซ้ายขึ้นสัมผัสใบหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าหน้ากากยังอยู่แล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น
ด้านหน้าของเธอคือผนังสีกรมท่ามีลายดอกลิลลี่สีขาวที่มีโคมไฟเล็กๆ2อันประดับไว้เพื่อให้ความสว่าง ทางซ้ายของเธอคือหน้าต่างสำหรับมองออกไปข้างนอก ซึ่งถูกปิดไว้ด้วยม่านสีฟ้าโปร่งแสง เธอหันไปมองด้านขวาของเธอ ก็พบว่ามีอีกคนกำลังนั่งหลับอยู่ด้วย
เขามีผมสีเงินยุ่งเหยิงยาวประบ่าซึ่งดูแปลกตามากสำหรับเธอ... ปกติที่เธอจะเคยเห็นก็แค่คนแก่หัวสีหงอกเงินแต่นี่อะไร หมอนี่ยังเป็น... เด็กหนุ่มน่าจะอายุราวๆกับเธอ ผิวของเขาขาวตามธรรมชาติและเนียนละเอียดเหมือนผิวหญิงสาว ส่วนชุดที่เขาใส่อยู่นั้นก็ดูคล้ายๆชุดบาทหลวง เพีัยงแต่ดูธรรมดากว่า ดวงตาของเขายังปิดสนิท แผ่นอกภายใต้ชุดสีดำขยับขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ
หลับอยู่... เธอถอดถุงมือเปื้อนเลือดออกแล้วรูดซิปที่คอเสื้อลงมาจนสุดแล้วถอดมันออก เผยให้เห็นเนินอกอวบขาวและเสื้อกล้ามสีดำ เธอตรวจดูคราบเลือดที่แห้งกรังบนเสื้อแล้วจึงวางมันลงกับพื้นรถม้า
"อืม..."เสียงครางเบาๆดังมาจากร่างข้างๆ เปลือกตาของเด็กหนุ่มค่อยๆปรือขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล เขาเหลียวซ้ายแลขวาอย่างมึนงง ก่อนจะหันมามองเด็กสาวที่แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยตามที่ควรที่นั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินและประหม่า "ขะ...ข้า... ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะ... จะมองนะ เอ้า"เขาพูดด้วยท่าทางลนลานเมื่อหันไปสบตา(?)กับเด็กสาวสวมหน้ากาก แล้วจึงรีบถอยเสื้อนอกแขนยาวสีดำของเขาให้เธอแล้วหันไปทางอีก
"ไม่ต้อง ไม่เป็นไร"เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบพยามผลักมือที่ยื่นมาออก "มันร้อน" เธออธิบายสั้นๆแล้วเลิกผ้าม่านมองออกไปข้างนอก สีดำ... หน้าต่างถูกบดบังด้วยสีดำ เธอจึงปิดมันไว้ดังเดิมโดยไม่คิดที่จะพังหน้าต่างแล้วหนีออกไป เพราะยังไงซะมันคงเป็นสถานที่ที่เธอไม่รู้จักอยู่ดี ถึงแม้เธอจะเคยไปทำงานมาหลายๆที่แต่ว่าที่ที่มีถนนขรุขระนั้นไม่ค่อยมีนักเพราะเริ่มมีการทำถนนขึ้นใหม่ ให้สะดวกต่อการเดินทาง
"ที่นี่ที่ไหน?"เด็กหนุ่มเอ่ยถามพรางสอดมือทั้ง2เข้าใต้หัวเพื่อใช้่แทนหมอน
"ข้าไม่รู้"เธอตอบ
"อ่า... อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ เจ้าชื่อ..."เขาหันไปมองอีกฝ่ายโดนหวังลึกว่าจะให้เธอหันมามองเขาเหมือนกัน... เพราะอะไรนะ?
"คิลล์ เรียกข้าว่าคิลล์ เจ้าชื่ออะไร"เด็กสาวผมดำตอบทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องไปยังผนังสีกรมท่าอย่างเหม่อลอย นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีคนถามชื่อ? ครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันนะที่มีคนเรียกชื่อข้า... เธอเริ่มคิดเรื่องไร้สาระเนื่องจากไม่มีอะไรทำ
ว่าแต่แม่คุณไม่คิดจะถอนหน้ากากเปื้อนเลือดนั่นหน่อยหรือ... เด็กหนุ่มมองเด็กสาวแสนแปลกคนนี้อย่างปลงและเหมือนจะนึกอะไรได้ อะไรนะ? หน้ากากเปื้อน... "เลือด!"เขาแหกปากตะโกนอย่างตกใจ
"นั่นชื่อ?"คิลล์พูดเสียงสูงเป็นเชิงถามพร้อมทั้งหันไปมองอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่มีหน้ากากแฟนซีช่วยไว้ป่านนี้ท่าทางเด็กหนุ่มผมเงินคนนี้จะถูกฆ่าด้วยการมองเป็นคนแรกของโลก
"หน้ากากเปื้อน'เลือด' "เขาเน้นคำว่าเลือดชัดๆเน้นๆ
"หยุดแหกปาก! อย่าได้สน"เธอพูดสั้นๆด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแกมตะคอก "ตอบมา เจ้า-ชื่อ-อะไร"เธอถามซ้ำโดยเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำน่าเกรงขามเหมือนขู่ฆ่า(?)
"ซีโร่ ข้าชื่อซีโร่"เขาสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อลดอาการตกใจของตน ผู้หญิงอะไรน่ากลัวชะมัด แล้่วหมายความว่าไงหนะอย่าได้สนที่ว่าเนี่ย? เลือดอาบตั้งเกือบครึ่งหน้าแถมยังกระเซ็นเป็นดวงๆ... เอ๋? กระเซ็น? เดี๋ยวนะหน้ากากแฟนซีสีขาว
"ผู้พิพากษาจากเงามืด?"ซีโร่เอ่ยถามเบาๆอย่างไม่ค่อยแน่ใจในความคิดของตัวเอง
นั่นคือฉายาที่ทางอาณาจักรใช้เรียกฆาตกรสาวผู้โด่งดังคนหนึ่ง เธอมีลักษณะการฆ่าที่เหี้ยมโหดและมักทิ้งตัวอักษรเลือดที่เขียนด้วยลายมือปราณีตบรรจงไว้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งน่าแปลกที่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังคงไม่มีใครหาตัวจริงของเธอได้
"บิงโก" คิลล์ดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วยืดตัวนั่งพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ "นึกว่าจะไม่เคยมีคนอื่นเห็นแล้วซะอีก"เธอพูดด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตรขึ้นเล็กน้อย
"อ้อ ข้าก็ไม่เคยเห็นหรอกนะ แต่ข้าได้ยินมาจากท่านพ่อว่า 'เป็นมือสังหารที่มีค่าหัวสูง ก่อแต่คดีใหญ่ แต่น้อย ไม่มีร่องรอยบ่งชี้ตัวตนนอกจากอักษรเลือด เบาะแสที่รู้คือ เป็นผู้หญิืงสวยที่สวมหน้ากากแฟนซีสีขาว' ที่รู้ว่าสวมหน้ากากแฟนซีก็..."
"คดีแรกที่ข้าก่อข้าลืมหน้ากากเอาไว้ที่โต๊ะทำงานของนักการเมืองโลภคนนั้น..."คิลล์ชิงตอบเองแล้วก็ขมวดคิ้วเล้กก่อนพูดต่ออย่างติดตลกร้ายว่า "ที่จริงตอนที่ข้าเข้าไปคิดจะฆ่าเขาเขาตายแล้วแถมยังช๊อคจนเสลด น้ำเหลือง น้ำเลือดไหลพุ่งออกทางปากมาโดนหน้ากาก ข้าเลยขยาดไม่กล้าใส่" แหงหละ แค่เลือดกับน้ำน้ำเหลืองหนะพอว่า แต่นี่! น้ำลาย เสลด แหวะจะตาย
"อ้อใช่ๆ พ่อข้าบอกว่ามันสกปรกเหลือรับจนถ้าไม่ใช่หลักฐานหละก็พ่อจะเอาไปเผ่าทำลายฆ่าเชื้อโรคให้สิ้นซากเลย"ซีโร่พูดอย่างสนุกปากเหมือนไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าคนตรงหน้าเป็นฆาตรกรรม "ว่าแต่... เจ้าหมายความว่าไง? ที่ไม่ได้ฆ่า?"
นี่มันไม่กลัวจริงหรือกลัวจนเสียสติ? คิลล์ไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดต่อจากนั้นแต่กลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาเกี่ยวกับท่าทางของเขามากกว่า
"พอดีตอนที่ข้ายังเป็นเจ้าชายอยู่ในวังพ่อชอบเอาคดีมาเล่าเป็นนิทานก่อนนอนหรือมุกตลกคลายเครียดบ่อยๆหนะ"
ข้าว่าแล้ว... ว่าแต่ราชาแบบไหนกันนะที่เล่าเรื่องแบบนี้ให้ลูกฟัง?
หลังจากเขาพูดจบก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไรอีกจนทำให้ความเงียบเริ่มปกคลุม ซึ่งมันให้คนหนึ่งเริ่มคิดที่จะนอนหลับจริงเสียที ส่วนอีกคนก็อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ก็เขากำลังอยู่ในรถม้าที่จะพาไปที่ไหนไม่รู้ แถมอยู่กับใครไม่อยู่ อยู่กับมือสังหารมืออาชีพที่สวมหน้ากากเปื้อนเลือด ไม่ค่อยจะพูดเว้นแต่จะถาม
"ถอดออกได้ไหม" ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวจึงเอ่ยขอไปตามตรง
คิลล์หันไปมองอย่างเฉื่อยๆ เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะให้เธอถอดอะไร?
"หน้ากากหนะ ถอดออกเถอะ ข้าอึดอัดเหมือนเจ้าไม่อยากจะรู้จักข้า" ซีโร่พูดอย่างอายๆ นี่ถ้าเธอตอกกลับมาว่ารู้ตัวก็ดีเขาคงหน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่ๆ
เธอพยักหน้าช้าๆอย่างขี้เกียจแล้วจึงปลดหน้ากากออก เผยให้เห็นคิ้วโก่งดั่งคันศรและดวงตาโตคู่สวย นัยน์ตาสีดำสนิทดั่งผืนฟ้ายามราตรี จมูกโด่งได้รูป ประกอบกับริมฝีปากบางชมพูระเรื่อ เธอคงเป็นมือสังหารที่น่ารักที่สุดที่มีอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้
ซีโร่มองหน้าเธออย่างตกตะลึงก่อนจะพยักหน้าช้าๆำพร้อมพูดว่า "อืม... ขอบคุณ"
เธอพยักหน้ารับแล้วจึงหันหลังให้เขาและสัปหงกตามที่ตั้งใจไว้
รถม้ายังคงวิ่งต่อไปเรื่อยอีกประมาณ1ชั่วโมงเต็มหรืออาจเกินแล้วมันก็หยุดลง ประตูรถม้าถูกเปิดออกโดยชายแก่หลังค่อมตัวเตี้ย เขายิ้มให้เด็กหนุ่มซึ่งยังคงตื่นอยุ๋และยิ้มให้เขา
"ถึงที่หมายแล้วขอรับ ช่วยปลุกนางแล้วตามข้ามาด้วยนะขอรับ โปรดทำตามนะขอรับ"เขาพูดอย่างสุภาพแต่ดูเหมือนจะเป็นการสั่งมากกว่า
นอบน้อมแต่แข็งกร้าว ซีโร่พยักหน้ารับด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมทั้งหันกลับไปคิดจะปลุกเด็กสาวที่หลับสนิทอยู่ข้างตน ปรากฏว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วแถมยังสวมหน้ากากเรียบร้อยแล้วด้วย เธอหยิบเสื้อนอกสีดำพาดบนไหล่แล้วเดินลงจากรถม้าไปก่อนทั้งๆที่เธอนั่งอยู่ด้านใน
"ซีโร่ ลงมาสิ"คิลล์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับเหม่อมองไปรอบๆ
ที่นี่ดูเหมือนเป็นเกาะ... เกาะที่ลอยอยู่กลางอากาศ เธอกำลังยืนอยุ่บนที่ที่เหมือนหาดซึ่งไม่มีทราย มันเป็นหินโปร่งแสงทรงรี ตรงหน้าเป็นประตูรั้วสูงตระหง่านสีเงินซึ่งมีไม้เลื้อยพัน ออกดอกสีขาวและสีฟ้า เพิ่มสีสันให้แก่ที่นี่ ส่วนด้านหลังรั้วนั้นเป็นปราสาทหินสีเทาที่มีสะพานเชื่อมที่หอบนสุดไปยังตึกอีก4หลัง
"นี่มันอะไรกัน..."ซีโร่ลงมาจากรถแล้วร้องอย่างมึนงง
"ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนแห่งความหวาดกลัว โรงเรียนแฟนธ่อม ครับ"ค่อมพูดพรางเดินนำทั้งคู่เข้าไปยังโรงเรียน
รั้วเปิดออกและมีแผ่นผินอ่อนปรากฏขึ้นเป็นทางเดินเหมือนกำลังเชื้อเชิญ...
ให้เข้าไปสู่โรงเรียนแห่งเงามืด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ