---LoveSad รักเลวๆ ของคนอย่างนาย---

9.0

เขียนโดย WinnerShadow

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.44 น.

  10 chapter
  11 วิจารณ์
  17.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 14.10 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) LoveCrazy --Chapter 5 จูบแรกของหัวหน้าแก๊ง--

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    

 

Chapter 5

 

 

            การที่ต้องมาทนกับความกวนประสาทของเคนนี่มันช่างน่าโมโห เวลาพักเขามักจะมาหาผมที่ห้องเรียน ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่อยากจะเจอหน้าไอ้คนที่ทำอะไรน่าอับอายจนอยากจะให้อภัยกับผม

            สีหน้ายามนี้ของผมบ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายได้อย่างชัดเช่นแน่นอน แต่ทว่าไอ้คนที่เดินข้างๆ ผม จนทุกสายตาของคนที่ยืนคุยกันตามระเบียงทางเดินหันมามองด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าแปลกใจไม่น้อย หากแต่ไอ้คนข้างๆ กลับไม่สนใจสีหน้าของผมตอนนี้เลย

            “ไม่ทราบว่าคุณริวเนะจะไปไหนเหรอครับ?”

            “แล้วจะอยากรู้ไปทำมั้ย?”

            “ก็จะตามไปทำเรื่องอกุศลไงครับ”

            “ถ้าอยากจะทำกับผู้ชาย ก็ไปทำกับคนอื่นเถอะ ฉันไม่ใช่คนประเภทเดียวกับนายนะไอ้โรคจิต แล้วกรุณาอย่ามาเดินใกล้ฉัน อย่างสนิทสนมด้วย ฉันไม่ชอบ!”

            “แหม่ๆ เล่นเอาใจสั่นเลยนะคร้าบ.. วิธีพูดของคุรเนี่ย อยากจะสยบมันด้วยร่างกายนี่จริงๆ ” ท่าทางอยากลองดี

            “นี่อยากหาเรื่องกันใช่มั้ย!?” ผมหันไปดึงคอเสื้อของมันด้วยความทนไม่ไหวกับการที่ต้องมาทนฟังมันพล่ามกับเรื่องอย่างว่าและเรื่องความรักที่ผิดศีลธรรม ผมน่ะไม่ว่าอะไรหรอกถ้ามันจะมาเป็นเพื่อนคุย แต่ผมรู้สึกต่อต้านไอ้โรคจิตนี่โดยเฉพาะ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อยากจะรับรู้เลยด้วยซ้ำ

 

            กิ๊ง..ก๊อง... กิ๊ง..ก๊อง...

            “โอ๊ะ! ดูเหมือนผมต้องไปแล้วละครับ”

            ไอ้โรคจิตพูด หลังจากที่ได้ยินเสียงออดโรงเรียนที่บ่งบอกถึงการเข้าเรียน ซึ่งนักเรียนบางคนที่ยืนคุยอยู่ก็ต้องแยกย้ายกันเข้าเรียน แน่นอนว่าผมต้องยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระแล้วค่อยไปหยิบกระเป๋าที่ห้องเรียนเพื่อปีนออกนอกกำแพงไป  [ ไรท์:เด็กดีอย่าเรียนแบบริวเนะคุงนะคับ ^__^ ]

             “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ สาวน้อยน่ารัก” เคนก้มลงมากระซิบข้างหูผมเมื่อผมปล่อยคอเสื้อเป็นอิสระ ก่อนที่มันจะเดินจากไปด้วยท่าทีที่ยังสง่าเหมือนเดิม ผมละอยากจะกระทืบมันจริงๆ แต่เอาไว้ก่อนแล้วกัน...

 

 

             ที่ห้องเรียน

             “เอ้าๆ มานั่งที่ เตรียมเรียนกันได้แล้ว” อาจารย์วัยกลางคนพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกนักเรียนในห้องยังไม่มาสนใจในการเรียน

             “....” ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ

             “หา!?” อาจารย์อุทานขึ้นเมื่อเห็นว่า หนึ่งในนักเรียนกำลังยืนเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าอย่างไม่สนใจรอบข้าง ริวเนะไม่สนใจคนอื่นที่หันมามองด้วยสีหน้าตกใจ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ริวเนะทำแบบนี้ต่อหน้าต่อตาอาจารย์ “ทำไมเก็บของละ!? นี่กลับมานั่งที่เดี๋ยวนี้เลยนะ!”

             นักเรียนหลายคนเริ่มซุบซิบกัน เมื่อสิ่งที่อาจารย์พูดนั้นไม่ได้เข้าหูของนักเรียนคนนี้เลยแม้แต่น้อย ริวเนะเดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะหันไปมองอาจารย์ที่ยืนมองมาทางเขาด้วยสายตาไม่พอใจนัก

             “ขอโทษนะครับอาจารย์ แต่ผมก็ไม่อยากพูดหรอกนะ แต่ผมเกลียดห้องเรียนนี้ที่สุด ถ้าเป็นไปได้ อาจารย์ก็ช่วยสนใจนักเรียนในห้องคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังประสบณ์ปัญหาเรื่องเพื่อนในห้องอย่างหนักด้วยนะครับ”

             เพียงประโยคเดียวที่ทำให้ทั้งห้องหยุดการซุบซิบ อาจารย์ทำสีหน้างงกับสิ่งที่ริวเนะพูด

             หากแต่มีเพียงคนเดียวที่นั่งทำหน้าเครียดหันมองกระดาน ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมขมับ

 

 

             ที่บาร์

             “หัวหน้าคร้าบ วันนี้จะดื่มอะไรดีคร้าบ”

             ผมละเกลียดไอ้ขี้ประจบนี่จริงๆ อยากจะเอาบาทาไปซัดหน้าสักที

             “ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นแหละ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา ส่งผลให้พวกคนในแก๊งผมที่นั่งลายล้อมกันในบาร์นี้มากกว่า 20 คน เพราะส่วนใหญ่เป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบโรงเรียนแล้วอยากทำคุณให้สังคมซะมากกว่า

             “แล้วไม่ดื่มนี่สักหน่อยเหรอคร้าบ อย่างน้อยของดีก็มีนะครับ ทั้งไวท์รสดี ทั้งเหล้ามีราคา และอะไรอีกมากมายเลยนะคร้าบ”

             “แกรน..ก็บอกว่าไม่เอาไงว่ะ!”

             ทุกคนในที่นี้สะดุ้งกันไปตามๆ กันกับท่าทางของผมที่อาจจะดูเปลี่ยนไปสักนิดหน่อย จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะตะคอกมันนะ แต่เพราะมันชอบประจบผมจนน่ารำคาญเนี่ยแหละ ทั้งๆ ที่พึ่งจะมาอยู่ได้แค่เดือนเดียวเองแท้ๆ ถ้ามิยะก็ว่าไปอย่าง

             “แล้วมิยะมือขวาของฉันไปไหนเนี่ย...?” ผมถามพวกลูกน้องที่นั่งๆ กินอะไรกันอยู่อย่างเงียบๆ เพราะบรรยากาศที่ผมสร้างขึ้นอย่างมาคุ

             “คะ..คือว่าเขาไปทำงานพิเศษน่ะครับ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

             “ทำงานพิเศษ? เดี๋ยวนี้มิยะสนใจอะไรแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ?”

             ไม่คิดเลยว่า หมอนั้น..ที่ชอบโดดเรียนคล้ายๆ กับเรา และอยู่บ้าน ไม่ก็มาสุงสิงกับคนในแก๊งเหมือนกับผมที่มาแทบจะทุกวันจะมีการทำงานพิเศษเพิ่มมาด้วย

             ขณะที่ริวเนะกำลังคิดถึงชีวิตประจำวันของมิยะ เสียงกริ่งที่ประตูบาร์ก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูที่เปิดออก ตามด้วยหนุ่มร่างบางหน้าตาหวานไม่แพ้ริวเนะ มิยะเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเป้ที่พาดบ่ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นเพื่อนในแก๊งกำลังนั่งกินข้าวในบาร์ของลุงกับป้าตัวเองอย่างเงียบ..เงียบ... ซึ่งมิยะรู้ได้ทันทีว่าลูกพี่ของตนกำลังแผ่บรรยากาศมาคุออกมามากมายจนลูกน้องต่างพากันไม่กล้าแม้แต่จะทำเสียงดัง

             “ยินดีต้อนรับนะทุกคน อ้าว..แกรนก็อยู่ด้วยเหรอ? พักนี้ไม่ค่อยเห็นเลยนะ” ประโยคแรกหันไปมองทุกคนที่นั่งกินข้าว ประโยคหลังหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ริวเนะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พิงเคาน์เตอร์ ทว่าสีหน้าของผู้ที่นั่งบนเก้าอี้ที่เคาน์เตอร์ชั่งไม่พอใจเป็นอย่างมาก

             “พอดีว่าผมมีธุระบ่อยๆ น่ะครับ คุณมิยะ”

             “งั้นเหรอ? งั้นก็เชิญตามสบายนะ” มิยะเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์แล้ววางกระเป๋าไว้บนที่ว่างของตู้หลังเคาน์เตอร์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครมาดูแลร้าน เนื่องจากบาร์เปิดช่วงเย็น และตอนนี้พึ่งจะเที่ยง ยังไม่ได้เปิดร้าน เลยกลายเป็นว่าเป็นที่สุงสิงของวัยรุ่นกลุ่มนี้นี่เอง แน่นอนว่ามิยะได้ขออนุญาตคุณลุงคุณป้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

             “เดี๋ยวนี้นายทำงานพิเศษด้วยเหรอมิยะ?” ผมตัดสินหันไปตามมิยะด้วยความแปลกใจ                ฝ่ายนั้นทำสีหน้าลนลานนิดหน่อย แต่ก็ตอบออกมาแต่โดยดี

             “พอดีว่ามีคนมาเสนองานพิเศษให้ทำน่ะครับ ผะ..ผมก็เลยไปทำเพื่อหาเลี้ยงตัวเองซักหน่อย”

             “งั้นเหรอ..? อย่างงี้นายก็ไม่ค่อยมีเวลามาที่แก๊งแล้วสินะ”

             “มะ..ไม่หรอกครับ เวลางานมันไม่แน่นอน ผมเลยอาจจะมาหาได้ตามปกติแหละครับ”

             “แบบนั้นก็ดีสิมิยะ! พวกเรานึกว่า มาดอนน่า ของเราจะไม่มีเวลามาเยียวยาพวกเราซะแล้ว” หนึ่งในกลุ่มที่นั่งก่อนข้าวหันมาพูดด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความรักที่มีต่อมิยะหนุ่มหน้าหวานอย่างเห็นได้ชัด คนอื่นๆ ก็พยักหน้ากันอย่างเห็นด้วย

             ใช่ ผมลืมบอกไปว่า มิยะไม่ได้เป็นแค่มือขวาของผม แต่เป็น มาดอนน่า ของแก๊งเราด้วยเช่นกัน

             มิยะหัวเราะแห้งๆ แล้วหันไปหยิบขวดน้ำในกระเป๋าที่วางไว้ด้านหลังเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นตู้เก็บขวดเหล้าที่มีพื้นที่ให้วางของได้ ก่อนที่เขาจะกระดกน้ำขึ้นดื่ม ตอนนั้นเองที่มีของบางอย่างในกระเป๋าซึ่งเป็นซองสีน้ำตาลล่วงออกมาจากกระเป๋าเป้ของมิยะ

 

             “อ้าว ของล่วงแน่ะมิยะ” ผมเห็นดังนั้นจึงรีบบอก

             “เอ๊ะ? อา! ขะ..ขอบคุณมากๆ ครับลูกพี่” หนุ่มหน้าหวานร้องเสียงหลง แล้วรีบหยิบซองขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋าด้วยท่าทีที่ร้อนลนอย่างเห็นได้ชัด สร้างความสงสัยให้กับริวเนะไม่น้อย

             “ไม่เป็นไรๆ ”

             ท่าทางนายดูแปลกๆ นะ มิยะ...

 

            ไม่นานบรรยากาศก็กลายเป็นความสนุกของกลุ่มวัยรุ่นที่พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าตัวเองได้ช่วยเหลือใคร ทำประโยชน์อะไรให้สังคม และเรื่องเพื่อนที่โรงเรียน ใบหน้าของทุกคนมีความสุขมากกับการที่ได้มีส่วนรวมในสิ่งที่อยากทำ หากแต่ไม่ได้รู้เลยว่า สิ่งที่ริวเนะต้องการไม่ได้มีแค่อยากจะรวบรวมคนมาทำอะไรแบบนี้ แต่มีอีกอย่างที่เขาต้องการ...

 

            เขาอยากรู้ความรู้สึกจริงๆ ของตัวเอง... อย่างน้อยๆ ก็อยากจะเจอพ-

 

            กริ๊ง!

 

            เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นบ่งบอกถึงการมาเยือนของใครบางคน

            “ขอโทษนะครับ ผมมาหาคนๆ หนึ่ง”

 

            เฮ้ย... เสียงมันคุ้นๆ วะ

 

            “มาหาใครครับ” มิยะรีบเก็บขวดน้ำ แล้วถามคนที่เดินเข้ามา เขาเป็นชายผมดำในชุดเครื่องแบบนักเรียนเดียวกับลูกพี่ของตัวเอง หน้าตาหล่อเหลาไม่น้อย

            “มาหา คิดะ ริวเนะ ครับ ไม่ทราบว่า..”

            “อยู่นี้โว้ย!! แกจะมาหาอะไรมิทราบ!!?” ผมลุกขึ้นทันทีเมื่อแน่ใจกับเสียงแล้ว ไม่จำเป็นต้องหันไปมองหน้า ก็สามารถบอกได้ทันทีว่า มันคือไอ้โรคจิตเคนนั้นเอง!

            จากน้ำเสียงที่ดูโมโหมากๆ ของริวเนะ  ทำให้ลูกน้องต่างพากันหันมามองอย่างตกใจ รวมถึงความแปลกใจที่ไม่คิดว่าหัวหน้าจะอารมณ์เสียได้ขนาดนี้

“ก็อาจารย์ประชุมกันทั้งโรงเรียน เลยมาหาความรักของผมแทนไงคร้าบ” ตอบเสียงกวนๆ แล้วเดินตรงมายืนด้านหนังริวเนะที่นั่งอยู่กับเก้าอี้เคาน์เตอร์ เคนจับไหล่ร่างบางผลทองอย่างหนุ่มนวลและเริ่มลูบไล้อย่างช้าไปทั่วไหล่

            “จะทำบ้าอะไรว่ะ!!? ออกไปซะ!!”

            “แหม่ๆ สามีในอนาคตจะมาหาทั้งที ก็ทำตัวให้สมเป็นภรรยาหน่อยสิครับ”

            “ว่าไงนะ!! อุบ..” จังหวะที่ริวเนะหันไปมองร่างที่ยืนข้างหลัง ก็ต้องหยุดคำพูดไว้ในลำคอเมื่อปากที่จะพูดกลับถูกประกบลงอย่างรวดเร็วแบะรุนแรง ใบหน้าแดงก่ำอย่างรู้สึกอาย ลิ้นร้อนของฝ่ายตรงข้ามรุกเข้ามาด้านในโพลงปากเพื่อหาความหวาน นามใสๆ ภายในปากไหลออกมาด้วยความที่ไม่ได้กลืนเพราะลิ้นที่ร้อนซึ่งรุกเข้ามา

            ทุกคนที่มีลูกน้อง ทั้งแกรน และมิยะก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากแต่มิยะกำลังประมวลข้อมูลว่า คนที่เดินเข้ามาต้องเป็นคนที่ชื่อ เคน ที่ทำให้ลูกพี่ของตนต้องไม่เป็นตัวของตัวเองแน่นอน

            “อื้อ! ...อืม..ฮ่าห์” เสียงครางในลำคอร้องประท่วงพร้อมกับมือที่ทุบแผงอกของร่างสูง ดวงตาโตด้วยความทนไม่ไหว เพราะหายใจไม่ออก เคนที่เห็นเช่นนั้นก็ผละริมฝีปากออก แล้วมองใบหน้าที่แดงก่ำของร่างบางที่ตัวเองได้กระทำลงไป

            “แม้ๆ ท่าทางน่ารักจังนะครับ”

            “แก...” ผมเช็ดปากและน้ำใสที่ไหลออกมาจากปากของผมอย่างรังเกียจ เพราะไอ้น้ำลายเนี่ยมีของมันอยู่ด้วย!!!

            “ขอตัวนะคร้าบ ผมมาหาภรรยาในอนาคตเฉยๆ ขอฝากเนื้อฝากตัวทุกคนด้วยนะครับ” เคนหันไปบอกกับทุกคน ก่อนจะหันเดินออกนอกร้านไป ลูกน้องทุกคนที่ให้ความสนใจอย่าง งงๆ ก็หันไปมองร่างบางที่หายใจหอบและมีสีหน้าโมโหอย่างเห็นได้ชัด ทว่าตอนนั้นเอง ที่เกิดรังสีแปลกๆ แผ่ออกไปทั่วภายในร้านนี้

            “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้...” ริวเนะหัวเราะในลำคออย่างน่าสยดสยอง “ถ้าไม่อยากนอนโรงพยาบาล ก็ขอให้พวกนายที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่..ลืมให้หมดนะ.. หึหึหึ”

            “คะ..ครับ...” ทุกคนตอบรับพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย

            เว้นเสียแต่คนๆ หนึ่งที่กำลังยิ้มให้กับท่าทางของริวเนะที่ดูจะเขินอายไม่น้อย มิยะเดินกลับเข้าไปในหลังเคาน์เตอร์และหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มอีกครั้ง

 

            ลูกพี่เนี่ย...

 

            ซึนเดเระจริงๆ นะครับ...

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา