---LoveSad รักเลวๆ ของคนอย่างนาย---
9.0
เขียนโดย WinnerShadow
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.44 น.
10 chapter
11 วิจารณ์
17.62K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 14.10 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) LoveSad --Chapter 9 ความเปลี่ยนแปลง--
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 9
วันนี้ผมตัดสินใจมาโรงเรียน หลังจากที่หยุดมาหลายวัน โดยนัดกับริวเนะที่หน้าโรงเรียน และตอนนี้ผมก็มาอยู่กับริวเนะอย่างปลอดภัยโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง ริวเนะยังคงทำสีหน้าเย็นชาเวลาอยู่ที่ๆ มีคนเยอะรอบตัว สงสัยว่าเขาจะหาคนที่แฝงเข้ามาในกลุ่มไม่เจอสักที พวกเราเดินเข้าโรงเรียนมาด้วยกัน ก่อนจะเริ่มสังเกตุเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ซึ่งมันหายไป
คำนินทาว่าร้าย...
สายตาดูถูก...
และรอยปากกาที่โต๊ะเรียน...
เรื่องการรังแกที่เคยเล่นงานผมมันหายไป แต่มาแทนที่ด้วยความเงียบที่ไม่มีใครเข้ามายุ่งกับผมแม้แต่คนเดียว รวมถึงริวเนะที่รู้สึกได้ว่า คำนินทาของเขาก็หายไป พวกเราสองคนคิดได้เพียงสองอย่างคือ
1. พวกเขาเบื่อที่จะแกล้งเราแล้ว (ริวเนะคิด)
2. คงได้รู้ความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นหมดแล้ว (ผมคิด)
ซึ่งเวลาพักพวกเราก็ไม่ได้ไปไหนนอกจากจะลองพิสูจน์ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปจริงๆ โดยการไปนั่งทานข้าวกันที่โรงอาหาร
“แบบนี้มันแปลกเกินไปนะ...” ริวเนะพูดพลางแกะถุงห่อแซนวิซที่พวกเราซื้อมาแทนข้าว เพราะไม่ค่อยหิวเท่าไร ผมนั่งลงตรงข้ามกับริวเนะโดยอดถามไม่ได้ว่า
“อะไรมันทำให้ทุกคนไม่ทำอะไรพวกเราละ?” ผมพูดแล้วกัดแซนวิซทูน่าที่ผมชอบ
“ฉันก็ไม่รู้ แถมหมอนั้นก็ไม่มาโรงเรียนอีก”
“ใครเหรอ?”
“ก็เคลียร์ไง หลังจากที่หมอนั้นทำให้นายได้แผล ก็รู้สึเหมือนว่าจะไม่มาโรงเรียนเลยนะ”
“งะ..งั้นเหรอ? แล้วนายรู้ได้ไงน่ะ?” ผมถามเมื่อริวเนะพูดเหมือนกับว่ารู้เรื่องที่ผมโดนเพื่อนในห้องโดยมีเคลียร์เป็นตัวเริ่มทำร้าย ตอนนั้น..ถ้าไม่มีเคนมาช่วย ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วละ
“นี่นายคิดว่าฉันเป็นใคร อย่างน้อยๆ ก็พอจะรู้ว่านายน่ะโดนเพื่อนในห้องรุมใช่มั้ยละ?”
“ฉันว่าฉันจะไปถามคุณนัตสึกิ” ผมพูดออกความคิดเห็น อย่างที่ผมคิดว่าริวเนะต้องขมวดคิ้วแล้วมองผมอย่างคัดค้าน ก่อนผมจะถามเรื่องท่าทีที่เขาทำ “นายจะห้ามฉันใช่มั้ยริวเนะ?”
“ใช่ เพราะถ้านายไป แล้วเคลียร์มาเจอเข้า นายจะทำยังไงละ?”
“ฉันไม่เป็นไร เพราะเขาให้ข้อตกลงกับฉันไว้แล้ว ตอนนี้ฉันจะทำอะไรมันก็สิทธิของฉัน” ตั้งแต่ที่ผมไม่โดนเคลียร์ทำร้าย มันทำให้ผมดูกล้าขึ้นเยอะ มันก็เหมือนเมื่อก่อนที่เคลียร์กับผมมักจะคุยกันตามประสาวัยรุ่นโดยมีความกล้าเป็นสื่อกลาง แต่อาจจะเป็นเพราะผมเริ่มกลัวเขา เลยทำให้ผมไม่สามารถไปกล้ากับคนอื่นได้อีกเพราะกลัวเจ็บตัว ผมนี่มันอ่อนแอจริงๆ ถ้าไม่มีเคลียร์ ผมก็อาจจะทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“งั้นตามใจ ฉันจะรอหน้าห้องแล้วกัน จะได้ดูทางให้”
“อื้ม! เข้าใจแล้ว”
ที่ห้องพยาบาล
ผมเดินเข้ามาในห้องพยาบาลที่มีคุณนัตสึกินั่งหันหลังทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งผมก็ไม่อยากจะไปกวนการทำงานของเขาในเวลานี้ แต่เพราะผมอยากรู้เรื่องความเปลี่ยนแปลงที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดขึ้นมานานจนผมแทบจะฆ่าตัวตาย
“คุณนัตสึกิครับ”
“....” เงียบ
“คุณนัตสึกิ”
“....” ไร้เสียงตอบรับ
“เอ่อ.. คุณนัตสึกิครับ!” ผมเดินเข้าไปใกล้พลางพูเสียงดังพอเหมาะสำหรับห้องพยาบาล
“....” ก็ยังคงเงียบ
และเมื่อผมตัดสินใจจะตะโกนก็ต้องเสียหลักพลางเหงื่อตก เมื่อผมได้เห็นสายที่มีลำโพงตัวเล็กจากหู กำลังเชื่อมไปเป็นเส้นยาวๆ ตรงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขา จนผมรู้สึกผิดหวังในทันทีเมื่อสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่งาน แต่เป็นการนั่งฟังเพลงพร้อมกับเขียนอะไรเล่นๆ อยู่นั้นเอง
ปึด!
“อ๊ะ!?”
ผมดึงสายหูฟังออกจากหูของคุณนัตสึกิด้วยความหงุดหงิดเพราะผิดหวัง ก่อนจะจับไหล่ของเขาให้หันมาอย่างรุนแรง ซึ่งเขาดูจะตกใจไม่น้อย
“มะ..มีอะไรเหรอ? เมลท์คุง...”
“ไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรเหรอครับ?”
“พะ..พอดีว่า ผมเขียนจดหมาย..อยู่น่ะ แหะๆๆ” ยังจะมาหัวเราะกลบเกลื่อนอีก จริงอยู่ว่ามันว่าง แต่ก็ไม่น่าจะมาทำอะไรในเวลาที่มีนักเรียนต้องการยาได้ทุกเมื่อจะได้มั้ยเนี่ย...
“ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยน่ะครับ”
“อะไรเหรอ?” คุณนัตกิถามกลับพร้อมกับเอานิ้วชี้กระดกแว่นที่กำลังจะล่นจากจากหน้า
“พอดีว่าผมหยุดไปนาน ก็เลยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ริวเนะไม่โดนนินทา ส่วนผมก็ไม่โดนรังแก แบบนี้มันแปลกๆ นะครับ”
“อืม....ถ้าเรื่องนั้นละก็...” คุณนัตสึกิหยิบเศษกระดาษบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะกวาดสายตาสิ่งที่เขียนบนกระดาษนั้น
“เป็นไงบ้างครับ”
“อืม... รู้สึกว่าเมื่อสองวันก่อนจะมีนักเรียนคนหนึ่งโดนพักการเรียนในเรื่องบางอย่างนะ แต่ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวรึเปล่า แต่มันก็ตรงกับช่วงที่เธอหยุดไปพอดีเลยนะ”
นักเรียนโดนพักการเรียน...?
“ทำไมถึงโดนพักเรียนละครับ?”
“ฉันไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าเขาจะไปพูดอะไรบางอย่างกับผู้อำนวยการ เลยโดนพักการเรียนน่ะ ไม่แน่เขาอาจจะไปพูดว่าเรื่องที่ผู้อำนวยการดูแลไม่ทั่วถึงในระหว่างที่นักเรียนสองสามคนกำลังโดนทำร้ายอยู่ละมั้ง? เห็นว่าวิธีพูดของเขามันเป็นการว่าร้ายโรงเรียนด้วยสิ”
“งะ..งั้นเหรอครับ”
ใครกันละ ที่ไปบอกผู้อำนวยการเรื่องที่เรากับริวเนะโดนรังแกน่ะ
“ถ้าอยากจะรู้เรื่อง เดี๋ยวฉันจะไปหาข้อมูลมาให้ก็ได้ เพราะฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านักเรียนคนนั้นเป็นใครน่ะ”
“งั้นรบกวนด้วยนะครับ ผมขอตัว” ผมโค้งตัวแล้วเตรียมจะเดินออกนอกห้องพยาบาลไป แต่ก็ต้องตกใจแล้วหยุดชะงักลง เมื่อผมถูกคนจากด้านหลังโอบกอดเข้าให้
คุณนัตสึกิกอดผมอย่างรุนแรงและเร็ว จนผมไม่ได้ทันตั้งตัว แต่ที่แน่ๆ ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่คุ้นเคยจนไม่สามารถขัดขื่นได้ เขากอดผมรุนแรงขึ้น มือข้างหนึ่งก็ลูบหัวผมช้าๆ มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยจริงๆ ถึงมันจะเลือนลางไปหน่อยก็เถอะ
“คะ..คุณนัตสึกิครับ?”
“หื้ม?”
“นี่คุณทำอะไรน่ะครับ?”
“ก็แค่คิดถึง...”
“เอ๋?” ผมรู้สึกได้... ว่ามือข้างที่กอดผมอยู่มันบีบแรงขึ้น อีกครั้งก็หยุดลูบแล้วเลื่อนลงมากอดผมแน่นกว่าเดิม เริ่มอึดอัด... แต่ไม่อยากขัดขืน...จะทำไงดี...?
ครืดดดด!
ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างของชายร่างสูง หน้าตาดีผมสีดำประกฎขึ้น เคนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ก่อนจะทำสีหน้าตกใจกับภาพที่เห็น ก็แหงละ ใครก็ต้องตกใจ ถ้ามีครูห้องพยาบาลคนหนึ่งกกำลังกอดนักเรียนเพศเดียวกันแบบนี้
“ทะ..ทำอะไรน่ะครับครู.. นี่นักเรียนนะ” เคนพูดเหมือนจะตักเตือน แต่ยังคงใบหน้าตกใจต่อไป ทว่าได้ผลที่คุณนัตสึกิปล่อยผมให้เป็นอิสระ ใบหน้าของเขาก็ดูจะแดงขึ้นมาบวกกับท่าทีลนลานอย่างเห็นได้ชัด นี่เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย...?
“อะ..ปะ..เปล่า! แค่จะเช็คว่าเมลท์เขาผอมลงรึเปล่าเท่านั้นเอง แล้วเธอมีอะไรเหรอ?” คุณนัตสึกิถามเคนที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้น
“ผมอยากได้ยาแก้ปวดหัวสักหน่อยน่ะครับ ขอแบบด่วนๆ นะ”
“อะ..อ่อ! ได้ๆ รอแปปนะ”
คุณนัตสึกิเป็นอะไรน่ะ...? หรือว่าเมาเห็นผมเป็นนักเรียนหญิงเหรอไง
หลังจากที่เคนได้รับยาเรียบร้อย ผมก็เดินออกมาโดยมีเคนออกมาพร้อมกัน แต่เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อออกมาไม่พบกับเพื่อนตัวดีที่บอกว่าจะยืนรออยู่หน้าห้อง เมื่อผมหันไปมองคนข้างๆ ที่ออกมาจากห้องพยาบาลด้วยกัน ก็ถึงได้รู้ในทันทีว่าริวเนะวิ่งหนีสิ่งที่ตนเรียกว่า โรคจิต ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ต้องรีบแก้ต่างเคนเรื่องที่เขาเห็นเมื่อกี้ก่อน
“เคน”
“ครับ?”
“ถ้าเป็นไปได้ ช่วยปิดเรื่องที่คุณนัตสึกิทำกับฉันเมื่อกี้ด้วยนะ” ตัวผมสั่นอยู่... สั่นไปด้วยความกลัว ว่าถ้าเกิดเคลียร์รู้เข้า ผมคงจะโดนเขาทำร้ายอย่างที่ริวเนะเตือนไว้ก่อนจะมาที่นี้แน่นอน แถมผมยังไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณนัตสึกิทำกับผมเมื่อกี้อีกต่างหาก
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วละครับ”
“เอ๊ะ?”
“ก็เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำหลังจากที่กลับมาที่นี้นิครับ”
หน้าที่เหรอ...?
“แล้วนายเจอเคลียร์บ้างรึเปล่า?” ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมจึงตัดสินใจถามเรื่องที่น้องชายน่าจะรู้ว่าพี่ชายของตัวเองไปอยู่ที่ไหน เพราะเมื่อเช้าที่ผมตื่นมาแล้วไม่เจอเคลียร์ แถมยังไม่มาโรงเรียนให้เห็นหน้าอีก เขาโดดเรียนมาได้สามวันแล้ว ผมเป็นห่วงว่าเขาจะไปทำเรื่องไม่ดี
“ผมก็พยายามติดต่อให้เขามาเรียนแล้วละ แต่เขาไม่รับโทรศัพท์ผมเนี่ยสิ ขอโทษนะครับที่ผมไม่รู้อะไรเลย” เคนหันมาพูดพลางยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเดินไปจากห้องตรงนี้ปล่อยให้ผมยืนสงสัยต่อไปกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ขณะนั้นริวเนะก็เดินออกมายืนข้างๆ ผมทันที
“นี่นายไปไหนมาเนี่ย?” ผมเอ่ยปากถาม
“พอดีว่า..ไม่อยากจะเจอหน้าไอ้โรคจิตน่ะ” ริวเนะมองไปรอบๆ เหมือนระวังตัวเคนที่เดินไปเมื่อกี้ว่าจะเดินย้อนกลับมาอีก “แล้วได้เรื่องว่าไร?”
เมื่อริวเนะถาม ผมจึงบอกเรื่องที่คุณนัตสึกิบอกเมื่อกี้ ว่ามีนักเรียนคนหนึ่งไปพูดจาว่าร้ายโรงเรียนเรื่องที่ปล่อยตัวให้เด็กนักเรียนรังแกกัน ซึ่งตอนนี้กำลังถูกพักการเรียนจากการกระทำที่ไม่เพราะสม ริวเนะเริ่มครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะตบบ่าผมเป็นเชิงเตือนสติบางอย่าง
“นึกถึงเมื่อก่อนนะ ที่นายไม่โดนรังแกน่ะ”
“นั้นสินะ...แต่ฉันอยากรู้ว่าใครช่วยเราไว้น่ะสิ” ผมพูดพลางยิ้ม
“นั้นสินะ อย่างงี้คงต้องขอบคุณสักหน่อยแล้วละ”
ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณที่ช่วยผมกับเพื่อนไว้เป็นใคร...
แต่ถ้าคุณช่วยพวกเราให้พ้นความทรมานจากใจจริงละก็...
ขอขอบคุณมากนะ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ