---LoveSad รักเลวๆ ของคนอย่างนาย---

9.0

เขียนโดย WinnerShadow

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.44 น.

  10 chapter
  11 วิจารณ์
  17.92K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 14.10 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) LoveSad --Chapter 1 ชีวิตของผม--

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

Chapter 1

 

 

ค่ำคืนที่ยาวนาน...

เวลาที่เดินผ่านไปอย่างไม่ปราณี...

มันเหมือนเส้นแห่งความทรมานที่เป็นตัวกำหนดดวงชีวิตของผมในตอนนี้...

 

 

            “อ๊า! ฮา..อ๊า เจ็บ..อ๊า! พอเถอะ ขอร้อง!”

            “คนอย่างนายไม่มีสิทธิมาขอร้อง! ไอ้หร่าน!!”

            “อ๊า!! อ๊า!”

            ร่างสูงตรงหน้ากำลังขย่ำผมเหมือนสัตว์ป่าที่หิวกระหายซึ่งพร่ำด่าผมเสมอเวลาเขาจับให้ผมเป็นที่ระบายความใคร่ ร่างกายของผมไม่สามารถขัดขืนหรือควานหาความอิสระได้ ถึงแม้ผมจะไม่หนี ถึงจะทำได้แค่ร้องไห้และขอร้อง จะพร่ำเอ่ยสักแค่ไหน สัตว์ร้ายตรงหน้าก็ไม่มีทางหยุดการกระทำที่โหดร้ายนี่ได้…

            “อ๊า..!!”

            ทั้งคู่ปลดปล่อยออกมาพร้อมกันพร้อมกับเสียงที่หอบพร่ากับอารมณ์ที่พึ่งจะหมดไป ใบหน้าของร่างบางทั้งดูทรมานและเจ็บปวดกับสิ่งที่ถูกกระทำ น้ำตาที่ไหลอาบรินบนใบหน้าก็เป็นตัวกระตุ้นความต้องการของร่างสูงซึ่งลุกไปเข้าห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูไปผืนหนึ่งอย่างไม่ใยดีร่างบางที่นอนบนเตียงอย่างเจ็บปวด

            เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว...

            เคลียร์... เพื่อนสมัยเด็กที่รู้จักกันเพราะอาศัยอยู่ข้างบ้าน เวลาผมเดือนร้อน เคลียร์มักจะมาช่วยเสมอโดยไม่ปริปากบ่นหรือทำสีหน้าไม่ค่อยดี เขามักจะยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนและมีความสุข บางทีก็มาชวนผมไปเดินเล่นตอนกลางคืนแถวบ้าน พอที่โรงเรียนผมที่มักโดนรังแก เขาก็จะปลอบผมและค่อยดูแลช่วยเหลืออยู่ห่างๆ

            ฉันจะดูแลและปกป้องนายเอง...

            ใช่..เขาพูดแบบนั้น...

            แต่พอเราขึ้น ม.ปลายมาด้วยกัน ผมที่เริ่มเข้าห้องพยาบาลบ่อยๆ เพื่อไปพบครูห้องพยาบาลที่รู้จักกันเพราะเขาเคยเป็นหมอซึ่งรับดูแลสุขภาพของครอบครัวที่ผมพึ่งเสียไปเพื่อตอน ม.ต้น ชื่อคุณนัตสึกิ เขาเป็นคนใจดี เป็นคนฉลาดที่เรียนจบตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังชอบดูแลคนอื่นด้วย ผมที่ไม่ค่อยอยากจะเข้าเรียนวิชาที่เกลียดก็เริ่มปลีกตัวมาที่ห้องพยาบาลเพื่อมานอนเล่น แต่ว่า...

            “เมลท์ ทำไมนายต้องไปห้องพยาบาลด้วยละ เมื่อช่วงบ่ายก็ไม่เข้าเรียน”

            “ก็มีแค่ที่นั้นเท่านั้นนี่นา ที่ๆ ฉันจะไปโดดได้น่ะ”

            “แล้วทำไมต้องเป็นที่นั้นละ?”

            “ก็เพราะที่นั้นมันไม่น่าสงสัยไง แล้วถามทำไมเนี่ย..”

            “..เปล่า”

            ถึงทั้งหมดที่เขาถามจะดูเป็นการจับผิดเหมือนแฟน แต่เขาก็แค่เป็นห่วงผมในฐานะเพื่อน หากแต่ผมกลับคิดกับเขามากกว่านั้น...

            เหตุการณ์ต่อมาที่ผมไปห้องพยาบาลเนื่องจากเป็นลมระหว่างเรียนพละเพราะแดดที่แผ่ความร้อนระอุอย่างเต็มที่ เคลียร์เข้ามาในขณะที่คุณนัตสึกิกำลังลูบหัวผม หลังจากนั้นเขาก็มาพาผมกลับบ้านไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่กลับมีสีหน้าเย็นชาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

            “จะ..เจ็บนะ! เป็นอะไรน่ะเคลียร์!?” ผมถูกทิ้งบนเตียงอย่างรุนแรง

            “ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะหร่านขนาดนี้นะ!!”

            ผัวะ!

            “โอ้ย! เจ็บ..” ผมร้องด้วยความทรมาน เมื่อโดนเขาต่อยที่ท้อง “ฉันไม่ได้อยากจะโดนซะหน่อย!”

            “หึ คิดว่าคำพูดแก้ตัวแบบนั้น ฉันจะเชื่อเหรอไง!!”

            เหตุการณ์นั้น ผมถูกเขาทำครั้งแรก และถูกทำมาตลอดจนตอนนี้ผมอยู่ ม.5 ซึ่งผ่านมาหนึ่งปี หนึ่งปีที่แสนใจทรมาน..หนึ่งปีที่ถูกห้ามไม่ให้ไปหา คุณนัตสึกิที่ห้องพยาบาลอีก และหนึ่งปีที่ผมต้องทนยอมรับข่าวลือที่เขาปล่อยไป ว่าผมเป็น “พวกขายตัว”

            ตามมาด้วยการกลั่นแกล้ง...

            เข็มหมุดในรองเท้า...

            ปากกาเมจิกที่เขียนบนโต๊ะและในหนังสือเรียน...

            ทั้งหมดมันเหมือนการกลั่นแกล้งตามแบบฉบับที่มีทั้งในหนังและนิยาย หากแต่ผมกลับทนมาตลอด ถึงริวเนะบอกจะเอาลูกน้องไปดักเล่นงานคืนให้ ผมก็บอกไปว่า ไม่จำเป็น

            ใช่...

            มันไม่จำเป็น...

 

            ที่โรงเรียน

            “เฮ้ย! วันนี้จะไปขายตัวที่ไหนว่ะ!?”

            “แหม่ๆ คงได้เงินดีน่าดูเลยเนอะ”

            “เป็นผู้ชายแท้ๆ แย่จังเลยเนอะ 555+”

            ถึงริวเนะจะช่วยยังไง ผมก็ไม่พ้นคำพูดของคนทั้งโรงเรียนได้หรอก แถมยังมีสายตาดูถูกอีก ผมคิดว่า มันไม่น่าจะลบล้างกันได้ง่ายๆ เลยแท้ๆ ผมไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้ผมทำหน้ายังไง แต่คนที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้ผมได้ มีเพียง...

            “ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ คุณนัตสึกิ”

            ผมทักทายชายหนุ่มใส่แว่นหน้าตาดี ในชุดกราวสีขาวบริสุทธิ์ที่ทำให้ใจของผมสงบได้เสมอเวลาที่ได้เห็น หากแต่เขากลับมีท่าทางตกใจ ก่อนจะพุ่งเข้าหาผม

            “หายไปนานเลยนะ ฉันเป็นห่วงแทบแย่”

            “ครับ นานมากจนผมเกือบจะลืมไปเลยละ” นี่ผมทำใหเขาเป็นห่วงขนาดนี้เลยเหรอ?

            “เคลียร์ทำอะไรเธอรึเปล่า? หลังจากนั้นเธอก็ไม่มาอีกเลยนี่นา” นัตสึกิถามพลางลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน พลางทำสีหน้าเป็นห่วง “แถมยังไม่กลับไปนอนที่บ้านอีก”

            “สบายใจเถอะครับ เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังให้ผมไปอยู่บ้านเขาอีกต่างหาก ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ผมพูดก่อนจะสัมผัสมือของคุณนัตสึกิเพื่อตอบรับความอ่อนโยนที่เขาให้ ผมคิดว่าไม่มีใครเป็นห่วงผมเท่าคนๆ นี้อีกแล้ว แน่นอนว่าความสนุกของผมมีเพียงคนๆ นี้และ...

            ครืดดดดด

            “เฮ้! เมลท์นายมาเรียนได้แล้วสินะ!?”

            “ริวเนะคุง เสียงดังไปแล้วนะ” คุณนัตสึกิพูดก่อนที่ผมจะเป็นคนเดินไปหยิกแก้มริวเนะที่กระแทกประตูห้องพยาบาลที่สงบนี้ แน่นอนว่าทั้งโรงเรียนมีแค่ริวเนะเท่านั้นที่ไม่ค่อยอยากมาห้องพยาบาลเท่าไร ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม

            ริวเนะ เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่คอยดูแลและพูดคุยกับผมตั้งแต่เข้าโรงเรียนได้ 1 อาทิตย์ซึ่งเป็นช่วงตอน ม.4 เพราะเขาที่ทำให้ผมยิ้มได้ตลอด ก่อนที่ผมจะโดนเคลียร์ทำร้าย ริวเนะก็จะมาเป็นเพื่อนร่วมทานข้าวด้วยบางครั้ง แน่นอนว่าปัจจุบันเขาก็ยังคงดูแลและผมในฐานะเพื่อนสนิท และรับฟังความทุกข์ของผมเสมอ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ผมโดนทำร้าย...

            “หมอนั้นทำอะไรนายรึเปล่า!?” ริวเนะไม่สนใจคุณนัตสึกิแล้วเดินเข้าหาผมทันที

            “ไม่ได้ทำอะไรหรอก”

            “อะ..เหรอ? ถ้าหมอนั้นทำอะไรนายก็บอกฉันได้เลยนะ”

            “อืม ฉันว่าเราไปที่ประจำของเราดีกว่านะ”

            “นั้นสินะ เพราะฉันเอาแต่โดดเรียน เลยไม่ได้อยู่คุยกับนายเลย วันนี้เอาสักหน่อยแล้วกัน”

            “คร้าบๆ คุณหัวหน้าแก๊ง”

            ผมหันไปยิ้มให้คุณนัตสึกิ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพยาบาลพร้อมกับริวเนะที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชากะทันหัน ผมก็ไม่เข้าใจหรอกนะ แต่วันแรกที่ผมเจอกับหมอนี้เป็นครั้งริวเนะก็ทำสีหน้าเย็นชาแบบนี้เหมือนกัน หากแต่เริ่มเปลี่ยนไปที่บังเอิญพวกเราดันโดดเรียนไปบนดาดฟ้าเหมือนกัน

            “จะว่าไปนายไปไหนมาน่ะริวเนะ?”

            “อ่อ..ในแก๊งฉันมีหนอนบ่อนไส้น่ะ ตอนนี้เลยไม่มีอารมณ์เข้าเรียน”

            เพราะริวเนะเป็นหัวหน้าแก๊งที่นับว่าตอนนี้กำลังโด่งดังมากๆ ในเมืองเพราะอิทธิพลการดูแลคนที่ลำบากกว่า เท่าที่ผมเคยไปสังเกตดูก็เป็นการช่วยคนแก่ข้ามถนน เก็บขยะในสวนสาธารณะและการไปช่วยโรงเรียนอนุบาลดูแลเด็กเล็ก คงเพราะหมอนี้อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมละมั้ง

            “ที่ว่ามีข่าวลือว่าแก๊งนายไปทำร้ายนักเรียนโรงเรียนข้างๆ เราน่ะเหรอ?”

            “ใช่ เพราะแบบนั้นเลยเป็นปัญหาเพราะตามตัวหนอนตัวนั้นไม่เจอสักทีไงละ” ริวเนะทำหน้าเคลียดลงทันที ที่เคลียดก็คงไม่แปลกหรอก เพราะสำหรับริวเนะแล้ว แก๊งที่ดูแลอยู่เป็นเหมือนกลุ่มที่เรียกได้ว่าครอบครัวเลยก็ว่าได้

            เราสองคนเดินขึ้นมาจนถึงดาดฟ้า ตั้งแต่หยุดเรียนเพราะต้องโดนหมอนั้นทำร้าย เราก็ไม่ค่อยได้ขึ้นมาบนดาดฟ้าอีกเลย ริวเนะเดินไปตรงกลางก่อนจะยืดเส้นยืดสายแล้วหันมายิ้มให้ผมตามปบบฉบับของเขา

            “ลมเย็นเหมือนเดิมเลยน้า~” ริวเนะพูด

            “นั้นสินะ จะบอกว่าเย็นกว่าเดิมรึเปล่า ก็คงจะใช่”

            “แบบนี้มันยิ่งน่าโดดทั้งวัน”

            “แหม..มาถึงก็จะโดดเลยเหรอ?”

            “ก็จะชดเชยเวลาที่ไม่ได้อยู่กับนายไง แล้วก็..” ริวเนะจับไหล่ผมแล้วทำหน้าจริงจัง “ชดเชยที่ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้ ทั้งๆ ที่นายกำลังทรมานอยู่แท้ๆ”

            ผมเงยหน้ามองฟ้าสีเป็นสีฟ้าอย่างชื่อของมัน ผมคงไม่มีวันได้รู้ความสุขที่แท้จริงแน่นอน ถ้าพระเจ้าอยากจะเห็นผมทรมานละก็ อย่าให้ความหวังหรือความอบอุ่นอย่าง คุณนัตสึกิและริวเนะ มาเจอผมสิครับ ถึงแม้จะเจอกัน ก็อย่าให้พวกเขามาอ่อนโยนกับผมแบบนี้จะได้มั้ย?

            “อ้าว..นายก็อยู่ด้วยเหรอ? ริวเนะ...”

            ร่างบางสะท้านวาบ เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้ หลังจากที่โดนทำร้ายเมื่อเช้านี้มาหยกๆ

            “นายมีธุระอะไร เคลียร์?” ริวเนะยังคงเสียงแข็งและท่าทีเย็นชาในฐานะหัวหน้าแก๊งไว้ได้ แล้วก้าวมาข้างหน้าเพื่อนของตนอย่างไม่เกรงกลัว สมกับที่สร้างแก๊งขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว

            “แค่มาหาของเล่นของฉันเท่านั้น”

            แปร๊บ!

            ‘เจ็บ...’

            “ว่าไงนะแก!!?”

            “ฉันบอกว่าของเล่นไง หูแตกเหรอ?”

            ผลัก!

            เคลียร์ผลักริวเนะออกไปห่างๆ ก่อนจะเดินตรงมาที่ร่างบางที่ตัวสั่นเหมือนกระต่ายที่กำลังจะโดนเชือด ใบหน้าซีดเผือด สีหน้ากังวล แถมยังหัวใจที่เต้นรั่วพร้อมกับความเจ็บที่แล่นเข้ามาหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น

            “ไงของเล่น หึหึ”

            ของเล่น...

            “มะ..มีอะไร?”

            “เสียงสั่นเชียวนะ”

            “ถ้าแกคิดจะทำอะไรเมลท์ละก็ ฉันไม่ยกโทษให้แกแน่!!” ริวเนะพุ่งตัวเข้ามาประจันหน้ากับเคลียร์อีกครั้ง เมื่อเคลียร์ที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา

            “ฮ่าฮ่า ฉันแค่จะมาบอกว่า คืนนี้มีของเล่นชิ้นใหม่ที่จะมาใช้คู่กับของเล่นตัวนี้ต่างหากละ” เคลียร์เปลี่ยนสายตามาทางร่างบางที่ยังตัวสั่นอยู่ ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความน่ากลัวจนร่างบางชะงัก “ถ้าแกไม่กลับไปที่บ้านละก็ แกเจอดีแน่!”

            แปร๊บ!

            ร่างสูงเดินจากไปยังทางลงดาดฟ้า ก่อนจะหายลับตาไป ริวเนะถอนหายใจ ก่อนจะหันมากอดเพื่อนที่ตอนนี้ร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ใบหน้าซีด ดวงตาแดงก่ำ ตัวสั่นเหมือนเห็นผี หากแต่สิ่งที่เด็กหนุ่มกลัวคือปีศาจที่เข้ามาสิงในร่างของเพื่อนสมัยเด็กคนนั้น เพียงเพราะเขามาเห็นตอนที่ครูห้องพยาบาลลูบหัวนักเรียนผู้เป็นเพื่อน ก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ทำไมละ...

            “ฮึก..ฮือ...โฮ....”

            ร่างบางกำเสื้อของเพื่อนแน่น ก่อนจะปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างทรมานพร้อมกับความเจ็บปวดที่หน้าอก

            พ่อครับ..แม่ครับ...

            พี่ชาย...

            ผมอยากตาย..มารับผมไปที...

 

            ตกเย็น

          “ไหวรึเปล่าเมลท์ ให้ฉันไปส่งมั้ย?”

            “อืม ไม่เป็นไร วันนี้นายอยู่กับฉันมามากพอแล้วละ ให้ฉันกลับไปหาเคลียร์เถอะ”

            “โธ่! ฉันไม่เข้าใจนายเลยนะ ว่าจะกลับไปหามันเพื่ออะไร พอบอกว่าจะเอาลูกน้องไปดักเล่นให้ก็ไม่เอาอีก” ริวเนะพูดพลางขยี้ผมตัวเองด้วยความขัดใจ “ฉันทนเห็นเพื่อนทรมานไม่ได้หรอกนะ”

            “บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น ถ้าฉันให้ริวเนะทำแบบนั้น มันก็เป็นเหตุทำให้ครอบครัวนายแตกแยกนะ และ..” ผมชะงักไป นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ผมยังกลับไปหาเคลียร์ก็ได้ ทั้งๆ ที่มันเจ็บและทรมานจนผมอยากจะตายๆ ไปแท้ๆ

            “และ...” ริวเนะทวนหลังจากที่ผมเงียบไป

            “เปล่าหรอก..ไม่มีอะไร งั้นฉันกลับก่อนนะ”

            “เอางั้นเหรอ? ถ้ามีอะไรก็เรียกฉันได้เสมอเลยนะ”

            “อืม ขอบคุณมากนะ ที่วันนี้ชวนฉันโดดทั้งวัน”

            “ฮ่าฮ่า ยินดีคร้าบ คุณเพื่อน”

            เราแยกกันที่หน้าโรงเรียนหลังจากที่คุยกันเสร็จ ก่อนที่ผมจะเดินไปโดยมีที่ไปเพียงบ้านหลังนั้นเท่านั้น ผมใช้เวลาไม่มากก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าบ้าน หากแต่จริงๆ เป็นหลังข้างๆ ต่างหากที่ผมควรจะกลับไป

            “กลับมาแล้วเหรอ? ไอ้หร่าน”

            พอที่โรงเรียนก็เรียกของเล่น พอที่บ้านก็เรียกผมว่าหร่าน เขาไม่เคยเรียกชื่อของผมอีกตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว

            “ถอดเสื้อสิ วันนี้กะจะลองอ่อนโยนดูสักหน่อย หึหึหึ”

            คงจะสนุกสินะ...

            สนุกกับการที่ต้องเห็นผมทรมานสินะ...

            ผมนี่มันบ้าจริงๆ ที่ดันไป...

            หลงรักคนๆ นี้...

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา