เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]
เขียนโดย บุหงา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 3 -100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
~3~
ข้าวกล่อง
น้ำหวานที่ยืนกอดอกมองเรามาตั้งแต่ ทีแรกที่ฉันเดิน กระเผกๆ มายื่นหนังสือให้ซัน พอซันเดินออกไป เธอจึงเดิน
เข้าไปหาเขาทันที และพูดอะไรบางอย่าง น้ำหวานถามอะไรเขาก็ไม่ทราบ ซันจึงตอบแล้วชี้นิ้วมาที่ฉัน น้ำหวานชักสีหน้างอน ๆ ใส่ ซัน... ซันจึงรีบพูดอะไรออกไป เหมือนเขาพยายามแก้ตัวอะไรบ้างอย่าง และง้องอนเธอ
ฉันขมวดคิ้วมุ่น งุนงง หน้าชา และหัวใจเจ็บจื๊ด... น้ำหวานเธอเป็นคนสวย เธอโดดเด่น และเด็กผู้ชายแทบทุกคนหลงรักเธอ พอเธอมาใกล้ชิดกับซันแบบนี้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะเป็นคนรักกันแล้วก็ได้ เพราะตอนที่ฉันยื่นหนังสือให้เขาในทำนองว่ามันช่วยปรึกษาเรื่องความรัก ซันก็มีท่าทีสนใจมันขึ้นมาเลยทีเดียว น้ำหวาน..กับซัน เมื่อคิดแบบนี้หัวใจของฉันก็กระตุกวูบ มีความกระวนกระวายวิ่งวนอยู่ในดวงใจของฉัน
ไม่หรอกมั้ง.... ฉันพยายามปลอบใจตัวเองแต่ภาพที่เห็นเหล่านั้นมันก็ฟ้องอยู่ และตอกย้ำให้ฉันคิดซ้ำ ๆว่า.....ซัน กับ น้ำหวานคบกัน....คบกัน.... เขาคบกันอยู่!
ฉันหันหลังกลับ และเดินด้วยอาการเชื่องซึม.... ด้วยหัวใจที่กำลังจะแตกสลาย จังหวะก้าวเดินของฉันกระเผกๆ และหูของฉันได้ยินเสียงล้อเลียนไล่หลังแว่วมาให้ได้ยิน มีหลายคำที่เหล่าคนเบื้องหลังกล่าวล้อเลียนฉัน แต่ฉันได้ยินชัดที่สุดคือคำว่า
“นังง่อย ขาเป๋”
ที่พวกเขาพูดขึ้นปะปนกับเสียงหัวเราะสนุกสนาน ฉันเลือดขึ้นหน้าหันหลังกลับ เพราะไฟโทสะเข้ามาครอบงำจิตใจของฉัน แต่ก็เพียงชั่วขณะเท่านั้น เพราะแต่แล้วมันก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็น น้อยใจ...เศร้าใจ
ฉันเห็น...เห็นซันเองก็หัวเราะเยาะความบกพร่องทางร่างกายของฉันเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้น เราสบตากันโดยบังเอิญ จากที่เขาหัวเราะก็รีบหุบปากลง พลางทำหน้าเฉไฉมองเมินไปทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กับสิ่งที่เขากำลังหัวเราะอยู่
ฉันหน้าจ๋อยทั้งๆ ที่คิดคำพูดตอบกลับไปให้พวกเขาเหล่านั้นหน้าจ๋อยไปบ้าง แต่ฉันกลับทำได้เพียงขอบตาร้อน น้ำใสใสเอ่อคลออยู่ที่เบ้าตา ฉันรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินกระเผก ๆ ออกมาจากที่ตรงนั้น เพราะหยาดน้ำตาแห่งความน้อยใจกำลังจะไหลรินออกมา และอีกอย่างฉันก็แค่ไม่อยากให้ใครต้องมาสงสาร หรือสมเพชในความพิกลพิการของฉันมากขึ้นไปอีก................
อะไรของยัยนี้กันนะ จู่ๆ ก็เอาหนังสือมาให้ผมอ่าน ทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่าผมเคยอ่านหนังสือเสียที่ไหนล่ะ ผมจึงหยิบหนังสือออกมาจากเป้ ปกหนังสือสีดำ ตัวหนังสือหน้าปกสีทองอาบสะท้อนแสงแดด รอบ ๆเป็นรูปดวงดาวเหมือนกระพริบริบหรี่อยู่ทั่วปกหนังสือ เบื้องล่างมีเด็กผู้หญิงนั่งหันข้างอยู่บนลานกว้าง ประสานมือไว้ระดับอก และหลับตาพริ้ม เหมือนกำลังอธิษฐานอะไรสักอย่างอยู่อย่างงั้นแหละ
รู้สึกมันจะเป็นนิยายรัก..เพ้อฝัน...และน้ำเน่ายังไงชอบกล คนเขายิ่งพูดๆ เรื่องผมกับยัยนี่ในทาง แบบนี้กันอยู่ ผมก็ยิ่งรู้สึกอายอยากปาหนังสือที่อยู่ในมือทิ้งไปซะ
อืม....จริงสินะ แต่...นี่มันหนังสือขายดีเชี่ยวนะซัน และอีกอย่างถ้านายแอบชอบใคร หรือกำลังมีความรักมันจะช่วยนายได้มากเลยล่ะ
เมื่อผมคิดมาถึงตรงนี้ ก็เลยลองเปิดอ่านดูดีกว่าเพื่อจะเอาไปใช้กับน้ำหวานได้บ้าง...
ตรู๊ดดดดดดดดดด.... ตรู๊ดดดดดดดด...
ผมที่กำลังจะลงมือเปิดหนังสือเล่มนี้อ่าน จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมจึงว่างหนังสือลง จากนั้นก็หันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู แล้วผมก็ต้องยิ้มจนตาหยี แล้วรีบกดปุ่มรับสายทันที...
“สวัสดีครับ คนสวย”
“แหม...สวัสดีค่ะซัน ถึงบ้านแล้วเหรอคะ?”
เสียงหวานใส ของน้ำหวาน คนรักของผมสามารถทำให้ผมรู้สึกเป็นสุขใจได้เสมอ
“ถึงแล้วคร้าบบบ”
“ซ้อมวิ่งมาเหนื่อย ๆ ก็นอนพักผ่อนให้มาก ๆ นะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้ำหวานจะทำข้าวกล่องไปให้ที่โรงเรียน”
“หว้า...อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง อยากกินข้าวกล่องฝีมือน้ำหวานซะเดียวนี้เลยล่ะ”
“ฮิฮิ...รอก่อนสิคะ พรุ่งนี้ก็ได้ทานแล้ว รับรองอร่อยแน่ๆค่ะ”
“ขี้โม้”
“ไม่ได้โม้ นะ พรุ่งนี้คอยดูแล้วกันว่าจะโม้รึเปล่า”
“ครับผม...นี่ซันก็อดใจไว้รอแทบจะไม่ไหวแล้ว...”
หลังจากนั้นเราก็คุยกันอีกนานเป็นชั่วโมง กว่าจะกล่าวคำว่า....ราตรีสวัสดิ์....และวางสายไป......น้ำหวานวางสายจากผมไปนานแล้ว แต่ผมก็ยังคงนั่งยิ้มกริ่มอยู่นาน กว่าจะลุกออกไปเตรียมตัวอาบน้ำ เพราะเริ่มรู้สึกเหนียวตัวขึ้นมาผมลืมหนังสือของดาวที่ให้ผมมาเสียสนิท วางทิ้งอยู่ตรงนั้นเสียเฉย ๆ แล้วผิวปากเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างคนอารมณ์ดี...
ฉันนั่งมองโทรศัพท์อย่างชั่งใจ อยากกดเบอร์แล้วโทรไปถามเขาให้รู้ไปเลยว่า เขาได้เปิดหนังสือเล่มนั้นอ่านแล้วหรือยัง รู้สึกว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก นั่งแทบไม่ติด ในใจก็คิดว่าถ้าเขาอ่านไปเจอข้อความในหนังสือที่ฉันเขียนไว้ เขาจะรู้สึกยังไง....ตกใจ...โกรธ...ดีใจ... ฉันขอภาวนาให้เป็นอย่างหลังดีกว่า...
พลันสายตาก็จับจ้องไปนอกหน้าต่าง มองเห็นดวงดาวที่สุกสกาวอยู่บนท้องฟ้า...ฉันจึงรีบยกมือขึ้นประสานกันในระดับอกพร้อมกับอธิษฐานในใจทันที...ขอให้เขาดีใจที่ได้เห็นข้อความนั้นด้วยเถิด เพี้ยง! ฉันขอมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่แบบนั้น
แม้ว่าฉันจะอธิษฐานกับดวงดาวไปแล้วตั้งมากมาย และหลายครั้ง แต่ในใจของฉันก็ยังไม่ลดระดับความกระวนกระวายของจิตใจลงบ้างเลย ใจฉันมันเต้นตุ่มๆ ต๋อมๆ คาดการณ์เรื่องราวที่ยังไม่เกิดขึ้นไปต่าง ๆ นานา....
เอาล่ะลองโทรฯไปถามดูแล้วกัน แกล้งถามว่าอ่านหนังสือเล่มนั้นไปแล้วหรือยัง ลองหยั่งเชิงดูหน่อยจะเป็นไรไป ในที่สุดฉันก็สรุปออกมาได้
จากนั้นก็กลั้นใจกดเบอร์ของซัน กดไปได้ไม่กี่ตัว ก็ล้มเลิกความตั้งใจ มานั่งถอนหายใจอยู่ เฮือกๆ... แต่เมื่อรวบรวมความกล้าได้อีกครั้งก็กดใหม่ แล้วลบอีก ทำอยู่แบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ยังไม่ยอมตัดสินใจปล่อยให้โทรศัพท์ของตัวเองเชื่อมสัญญาณติดต่อกับปลายสายสักที......
“อร่อยมั๊ย”
น้ำหวานเดินเข้ามาถามผมด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ผมกำลังวอห์มร่างกายอยู่กับเพื่อน ๆ ที่เป็นนักกีฬาด้วยกัน
“อร่อยอะไรเหรอ?”
ผมปั้นหน้าบึ้งตึง เพราะผมคิดว่าน้ำหวานต้องเล่นมุขกับผมแน่ เมื่อเย็นวานเราคุยกันเสียดิบดี ว่าเธอจะทำข้าวกล่องมาให้ผม แต่ก็ไม่เห็นจะทำมาให้เลย ผมนั่งน้อยใจอยู่ทั้งวัน
“ก็ข้าวกล่องไงล่ะ ฉันอุตสาห์ ตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ”
น้ำหวานกล่าวขึ้นพร้อมกับ ยิ้มหวานให้ผม
“พอเลยคนไม่รักษาสัญญา.... ยังมีหน้ามาพูดล้อเล่นอีก”
ผมย้อนพร้อมกับทำหน้าน้อยใจใส่เธอ
“อะไรกัน! เค้าไม่รักษาสัญญาตรงไหน เรารึอุตสาห์ทำมาอย่างสุดฝีมือ ยังมีหน้ามาพูดว่าเราล้อเล่นอีก”
น้ำหวานกล่าวขึ้นพร้อมกับทำท่างอนผมบ้าง
“แล้วไหนล่ะข้าวกล่อง ไม่เห็นจะมีเลย”
แล้วผมก็ท้วงข้าวกล่องจากเธอด้วยความโมโห แกมน้อยใจ
“ก็ทำมาแล้วไง เมื่อเช้าฉันเดินเอาไปให้ถึงห้องเรียนเลยนะ”
เธอแย้งผมกลับ..
“อย่ามาขี้ตู่น่า”
“นายไม่อยู่ในห้องเรียน ฉันเลยฝากกับดาวเอาไว้ให้...”
“ไม่ต้องมาพูดเลย ดาวไม่เห็นจะว่าอะไรเลย”
ผมรีบค้านน้ำหวานขึ้นทันที
“เอ๊ะ...หรือว่า....”
ในใจของผมเริ่มสงสัยดาวขึ้นมา
“อะไร? มีอะไร...”
“หน็อย...ยัยง่อย”
ผมสบถขึ้นพร้อมกับกัดกรามแน่น...จากนั้นผมก็พรวดพราดออกมาเลย โดยไม่สนใจน้ำหวานที่ยังชักสีหน้างง ๆ กับคำพูดที่ทิ้งค้างเอาไว้ของผม...
ฝนค่อยๆโปรยปรายลงมา เม็ดฝนที่โปรยมาเป็นก้อนเล็กๆ หล่นลงมาโดนตัวฉัน ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมอง ละอองฝนที่แตกเป็นฝอยบางเบา พรมลงบนแก้มของฉัน รอยชื้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับความหนักของสายฝน ทำให้ฉันรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา...จากทีแรกเพียงแค่เล็กน้อย..แต่ครู่เดียวก็เย็นสะท้านเข้าไปถึงภายในจิตใจของฉัน...
ความหนาวเย็นนั้นบาดลึกลงไปในจิตใจของฉัน และเข้าเสียดแทงไปทุกๆ องคาพยพ ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน ความเดียวดาย ความเหงา ความเจ็บปวดมันเริ่มคืบคลานมาคลอบคลุมจิตใจของฉันทีละน้อย และก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะหอบล้อมรอบตัวฉันไว้จนมิด...
ขอบตาร้อนผ่าวไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ ตอนนี้ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว ซันกับน้ำหวานคบกันทั้งๆที่วันก่อน.....ฉันยังสามารถปลอบใจตัวเองได้อยู่เลยแท้ ๆ แต่ผลที่ออกมาในตอนนี้ทำให้ฉันพยายามฝืน ปลอบใจตัวเองอีกไม่ได้ต่อไปการทำข้าวกล่องให้กัน มีแต่คนที่รัก และสนิทสนมกันเท่านั้นที่ทำให้กันได้ มันเป็นการกระทำของคนปกติธรรมดาที่รักกัน ส่งมอบสิ่งของให้กันอย่างตรงไปตรงมา
คนปกติจะไม่ขี้ขลาดตาขาว คนปกติเขาจะกล้าเผชิญหน้า และพร้อมที่จะยิ้มรับ ผิดกับฉัน...คนไม่ปกติ... คนพิการ
....ยัยเป๋...คนขี้ขลาด... เฮอะ...ฉันทำยังไงกับวิธีบอกรักของฉัน...วิธีที่น่าสมเพชเวทนา...วิธีที่เหมาะสมเป็นคนขี้
ขลาด อธิษฐานรักจากดวงดาวอย่างงั้นหรือ....อธิษฐานแล้วผลของมันล่ะ?
“ดาว!!”
เสียงเรียกของซันดังขึ้นทามกลางสายฝนที่กำลังตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ฉันจึงลดใบหน้าที่มองท้องฟ้าลงช้าๆ และมองไปยังเสียงเรียกของซัน เขาวิ่งฝ่าสายฝนตรงมาหาฉัน
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาเลิกเรียน เด็กนักเรียนที่ไม่มีกิจกรรม หรือไม่ได้เข้าชมรมไหนเลย ต่างกำลังทยอยกลับบ้าน ซันวิ่งแหวกหัวไหล่ของเด็กนักเรียนเหล่านั้นมา บางคนถึงกับกระเด็น เพราะแรงกระแทกแรงๆ จากเขา ฉันเบิกตากว้างจ้องมองเขาอย่างงงงัน
สีหน้าของเขาขมวดมุ่นขุ่นขึง ดวงตาของเขากราวกระด่าง เขาวิ่งมาด้วยความรู้สึกที่ขับดันมาจากภายใน เพราะเขาไม่สนใจว่าจะเจ็บตัวแค่ไหนเมื่อตัวเองได้วิ่งกระแทกไหล่เด็กนักเรียนเหล่านั้นเพื่อผ่านเข้ามาหาฉัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ