เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]
เขียนโดย บุหงา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2 -100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ~2~
นั่นคือความหวั่นไหว
เพื่อน ๆ มักล้อเลียนผม.......เรื่องที่ผมเป็นเพื่อนกับคนพิการ ทีแรกผมก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคนอื่นอะไรมาก
นัก เพราะผมกับดาวเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว และบอกตามตรงนะครับ เอ่อ...คือ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ
เห็นยัยประกายดาวครั้งแรก ในวันที่ผมย้ายบ้านมาอยู่ข้างๆ บ้านของเธอ ผมมองเธอด้วยสายตาตกตะลึง ใน
ใบหน้าเล็ก ๆ จิ้มลิ้มน่ารัก ผิวของเธอใส และเกลี้ยงเกลาราวกับมีรัศมีทอประกายอยู่รอบ ๆ ตัวของเธอ ผมของเธอยาวสลวยดกดำ และผูกริบบิ้นสีขาวไว้ มันดูเข้ากับเธอได้ดีทีเดียว
ผมรู้สึกชอบเธอตั้งแต่แรกเห็น และดีใจที่เราอยู่บ้านติดกัน ผมจะคอยเดินออกไปหน้าบ้าน ทำทีว่าจะเดินผ่านหน้าบ้านของเธอไป แต่สายตากลับมองเลยผ่านประตูรั่วบ้านของเธอเข้าไป เพื่อจะดูว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ผมอยากเข้าไปทำความรู้จักกับเธอมาก แต่เพราะเธอน่ารักเกินไป ผมกลัวว่าเธอจะไม่คุยกับผม ก็เลยไม่กล้า
จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เธอเดินเก็บดอกไม้ลงตะกร้าทีละดอก ที่สวนหน้าบ้าน ลมพัดเอาริบบิ้นที่มัดอยู่หลวม ๆ บนผมของเธอปลิวไปเกาะอยู่บนต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน
ผมจึงอาสาปีนต้นไม้ขึ้นไปเอาลงมาให้ และนับจากนั้นเราก็เริ่มต้นที่จะคบหากันแบบเพื่อน ผมจะคอยแวะชวนเธอไปวิ่งเล่นที่ลานกว้างทุกวัน แต่หากว่าตอนนี้ไม่มีให้เห็นแล้วละ
พอเราเข้าเรียน เราก็ไป – กลับโรงเรียนด้วยกันทุกวัน เราจะวิ่งแข่งกันไปตามทางที่อาศัยเดินกลับบ้าน หัวเราะร่าเริง และหยอกล้อกันไปตามประสาเด็ก
ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกเป็นสุขมาก กับการที่ได้อยู่กับเธอ แอบคิดฝันอีกต่างหากว่า...ถ้าผมโตขึ้น ผมจะขอเธอแต่งงาน เราจะอยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะตายจากกันไป นั่นคือความคิดเพ้อฝันแบบเด็กๆของผมในตอนนั้น
วันที่เราพูดกันเรื่องความฝันว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ตอนแรกเธอกลับดูสับสนกับความฝันของตัวเอง พอผมบอกความฝันของตัวเองไปบ้าง เธอกลับมีความฝันเดียวกันกับผม ทำให้ผมแอบดีใจอยู่คนเดียว
ผมมีความสุขกับมิตรภาพระหว่างเราสองคนมาก ผมหลงรักเธอมากขึ้นเรื่อยๆ นับวันใจของผมก็ยิ่งร้อนรน ผมอยากบอกรักเธอมาก แต่ผมก็ไม่กล้า เพราะเราเป็นเพื่อนกันมานาน เราคบกันมาในสถานะของความเป็นเพื่อน ผมจึงไม่กล้าที่จะตัดสินใจบอกความรู้สึกของผมกับเธอ ผมบอกตามตรงว่าผมกลัว กลัวว่าความสนิทสนมของเราจะเปลี่ยนแปลงไปถ้าเธอไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับผม
ผมจึงเฝ้าเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ในใจลึก ๆ คิดอยู่ว่า...สักวันหนึ่งเมื่อผมมีความกล้าและเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ผมจะสารภาพรักกับเธอ และขอเธอแต่งงาน
แต่แล้วเมื่อเธอได้รับประสบอุบัติเหตุ ความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอก็เริ่มสั่นคลอน และค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด....คงจะเป็นคำล้อเลียนจากเพื่อน ๆ นั้นแหละที่ทำให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อ “ดาว” เปลี่ยนแปลงไป ทีแรกที่เธอโดนรถชนจนปางตาย ผมรู้สึกเสียใจ และทรมานมากถ้าหากข้างกายของผมจะไม่มีเธอเคียงข้างแล้ว ผมจึงยอมทำทุกวิธีทางเพี่อที่จะเยื่อลมหายใจของเธอเอาไว้ให้ได้ พอเธอต้องการเลือดด่วน ผมก็เลยรีบเสนอตัวเป็นคนให้เลือดเธอ อีกอย่างเราก็กรุ๊ปเลือดเดียวกัน....เรากรุ๊ป โอ เหมือนกัน
ตอนนั้นผมมีความรู้สึกสงสารเธอจับใจ ระหว่างที่เธอนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผมจะคอยแวะเวียนไปเยี่ยมและดูแลเธอเสมอ พอเธอออกจากโรงพยาบาล ผมก็ช่วยดูแลเธอมาตลอด เธอเดินไม่ถนัด ผมก็ให้เธอขี่หลัง พาไป-กลับโรงเรียน
ผมดูแลเธอราวกับเธอเป็น อัญมณีที่มีค่าแต่แตกหักได้ง่าย...แต่แล้วคำกล่าวล้อเลียน และคำถามของเหล่าเพื่อนๆ ในโรงเรียน ทำให้ผมเริ่มคิด........
ซันฉันขอถามนายหน่อยเหอะ นายจะแบกยัย เป๋ นั่นอยู่บนหลังของนายไปตลอดชีวิตเลยรึไง
เฮ้ย... เจ้าชายนักวิ่ง กับยัยง่อยเดินมานั่น แล้วโว้ย...ฮ่ะๆๆๆๆๆ
ซัน ไม่น่าไปคบกับยัยง่อยดาว เลยเหนาะ ดูไม่เหมาะสมกันเลย
ผมคิดว่าเวลาผ่านไป เสียงล้อเลียนเหล่านั้นมันคงจะจางหายไปเอง แต่เปล่าเลย.........ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร
ล้อเลียนเหล่านั้นยังคงมีมาให้ได้ยิน และมีเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ เนื่องด้วยคำล้อเลียนเหล่านั้น ทำให้ผมเอาตัวออกห่างจากเธอและยิ่งผมได้รับเลือกเป็นนักแข่งวิ่งของโรงเรียน ผมมีซ้อมวิ่งหลังเลิกเรียนทุกวัน ผมจึงใช้เหตุผลนี้มาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ต้องกลับบ้านพร้อมเธอ เราก็เริ่มที่จะห่างๆ...กันไป...และเสียงล้อเลียนก็เริ่มน้อยลงแล้วเช่นกัน
“ซัน...เธอคบกับดาวเป็นแฟนเหรอ?”
วันหนึ่งน้ำหวานสาวฮอตที่สุดในโรงเรียน เดินเข้ามาถามผม ในขณะที่ผมกำลังวอห์มร่างกาย เตรียมตัวที่จะซ้อมวิ่งอย่างเช่นทุกวัน น้ำหวานเป็นผู้หญิงที่สวย และน่ารักมาก เธอโดดเด่น และมีเด็กผู้ชายหลายคนต่างตกหลุมรักเธอ ตอนนี้ก็ รวมเอาผมไปด้วย ผมก็แอบมองเธออยู่เหมือนกัน เธอเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ ทั้งสวย และเรียนเก่ง แต่ยังไม่หมดเท่านั้นนะ .....เธอยังเป็นคนอ่อนหวาน มีเสน่ห์ สดใส ร่าเริง และอยู่ใกล้เธอแล้วมีความสุข
ดังนั้นการที่น้ำหวาน อยู่ๆ...ก็เดินเข้ามาถามผมแบบนั้น ผมรู้สึกเสียหน้ามากๆ และอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีไปเสียเดี๋ยวนั้น ที่น้ำหวานดันเข้าใจผิดคิดว่าผมกับ ยัยเป๋ คบกัน คนอื่นที่คอยแต่ล้อเลียนผมเรื่องนี้อยู่เสมอๆ ผมก็อายอยู่แล้ว พอน้ำหวานมาถามผมแบบนี้ผมก็รู้สึกอายขึ้นไปใหญ่
“ปะ...เปล่า ฉันไม่ได้คบกับดาวเป็นแฟนสักหน่อย เราแค่บ้านติดกันก็เลยเป็นเพื่อนที่เล่น และโตมาด้วยกัน
เท่านั้น”
ผมรีบอธิบายให้น้ำหวานเข้าใจ สถานะของผมกับดาวใหม่ทันที
“งั้น...ก็หมายความว่านาย ยังไม่มีแฟนใช่ไหม?”
น้ำหวานเธอถามผมอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่สดใส ผมมองแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“ชะ...ใช่”
ผมตอบเธอไปด้วยอาการของคนตกประหม่า
“งั้นเรามาคบกันเป็นแฟนได้ไหม?”
ผมอ้าปากค้าง แต่ดวงตาของผมกลับแปล่งประกายสุกใสเสียอย่างนั้น
“ฉันชอบนาย นายคบกับฉันได้ไหม?”
เธอถามผมขึ้นอีกครั้ง เมื่อผมเอาแต่อ้าปากเหวออยู่อย่างนั้น และเธอก็ยิ้มหวานให้ผม ยิ้มในแบบที่ผมชอบ ผมจึง
รีบตอบรับออกไปก่อนที่เธอจะเข้าใจผิด
“ดะ ได้สิ..ได้”
ผมระรัวตอบพร้อมกับหัวใจที่เต้นระทึก ราวกับคนตีกลองรัวกระหน่ำเป็นชุด ผมมีความสุขจังเลยน้ำหวานสาวสวยที่สุดของโรงเรียนมาสารภาพรักกับผม........เหมือนรอบตัวของผม... ถูกปกคลุมด้วยปุยเมฆ ที่บางเบา และอ่อนละมุน โอบล้อมผมไว้ด้วยความรู้สึกที่เรียกว่าความรักที่สุขสมหวัง
ฉันกะจะห่อหนังสือเล่มนี้เป็นของขวัญ แต่ก็ไม่รู้จะบอกเขาว่าให้เนื่องในโอกาสอะไรดี ก็เลยแกะออก และคิดว่าถือเอาไปให้เขาแบบทื่อๆ แบบนี้เลยดีกว่า....แบบเพื่อนแนะนำหนังสือให้เพื่อนอ่านอะไรประมาณนี้
ฉันอดใจสั่นไม่ได้ สองแก้มแดงสุกปลั่งอย่างกะลูกตำลึงสุก เมื่อคิดเลยเถิดไปถึงตอนที่...ซัน...เปิดหนังสืออ่านไปถึงหน้า ร้อยเจ็ดเก้า
“อะไรของเธอน่ะ?”
ซันมองหนังสือที่ฉันยื่นให้ด้วยสีหน้างง ๆ แกมสงสัย สองคิ้วขมวดมุ่น ผูกเป็นโบ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่ามันจะไม่มีทางคลายออกได้ง่ายๆ
“หนังสือนวนิยายเรื่อง อธิษฐานรักจากดวงดาว เป็นหนังสือนวนิยายรักที่เกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ”
“แล้วเอามาให้ฉันทำไม?”
“เอ่อ...มันเป็นหนังสือที่ขายดีมากๆ เลย...เอ่อดาวก็เลยอยากให้ซันได้อ่านบ้างน่ะ”
หน้าฉันจ๋อยสนิท ที่จริงมันก็ไม่ได้ขายดีอะไรหรอก ฉันแค่พูดขึ้นเผื่อเขาจะสนใจมันขึ้นมา..ก็เท่านั้น
“เธอก็รู้นี่นา ว่าฉันไม่มีเวลาว่างมานั่งอ่านหนังสืออะไรนี่อยู่หรอกนะ วัน ๆแค่เรื่องเรียน กับเรื่องซ้อม ฉันก็แทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว”
เขาบอกเสียงเขียว
“อืม....จริงสินะ แต่...นี่มันหนังสือขายดีเชี่ยวนะซัน และอีกอย่างถ้านายแอบชอบใคร หรือกำลังมีความรักมันจะช่วยนายได้มากเลยล่ะ”
ฉันกล่าวขึ้นพลางระงับอารมณ์แปลก ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในจิตใจ.ก็เพราะสายตาของใครบางคนที่จ้องมองฉันกับซัน
อยู่
“ก็น่าสนใจแฮะ....”
เขารับหนังสือจากมือของฉันไป ซึ่งฉันยื่นให้เขาอย่างเก้อๆ อยู่ตั้งนาน....
“เอาไว้จะอ่านแล้วกัน”
“อืม....อย่าลืมล่ะ”
ฉันพยายามปั้นหน้ายิ้มทั้งที่ คิดว่าพักนี้ซันคงเหนื่อยมากคงไม่มีเวลาอ่านหนังสือที่ฉันให้ไปแน่ ๆ
“ฉันไปก่อนนะ.... ฉันต้องไปซ้อมวิ่งแล้ว”
เขากล่าวขึ้นพลางยัดหนังสือที่ฉันให้เขา...เข้าไปในกระเป๋าเรียน แล้วเดินผละจากออกไป
“อื้ม...สู้เขาล่ะ”
ฉันร้องบอกตามหลังเขาไป จากนั้นเขาก็โบกมือขึ้นโดยไม่หันมามองหน้าฉัน แต่ฉันยิ้ม และมองเขาอย่างปลาบปลื้มใจ สุขใจ....และชื่นชม ตอนที่เขาได้ให้สัญญาไว้ ฉันคิดว่าเขาคงยังจำได้
‘ฉันจะเข้าทีมชาติให้ได้... และจะเอาเหรียญทองมาฝากเธอเองนะ’
ฉันยิ้มให้เขาอย่างสุขใจ ทั้งที่ฉันไม่สามารถจะเข้าทีมชาติ และคว้าเรียนทองได้แล้ว... ฉันหมดอนาคตกับความฝันนี้ไปโดยสิ้นเชิง... แต่ฉันยังมีหวัง...หวังที่ว่าเขาจะคว้าเรียนทองมาฝากฉัน เมื่อฉันได้ยินแบบนี้ ทำให้ฉันไม่รู้สึกเสียดายกับอนาคตการเป็นนักวิ่งของฉัน เพราะฉันมีคนที่สานฝันให้ฉันแทนแล้ว...ก็เขานั่นไงล่ะ...ซัน...
ฉันมองเขาที่เข้าไปรวมกลุ่มกันกับนักกีฬาคนอื่นๆ ที่กำลังวอห์มร่างกายอยู่ ฉันมองแผ่นหลังของเขา แล้วรู้สึกถึงความอบอุ่น ที่เขาเคยแบกฉันไป – กลับระหว่างทางกลับบ้านกับโรงเรียนในวันเวลาเก่าก่อน
แม้ในระยะเวลาหลังๆ มานี้ เราไม่ค่อยได้ไป – กลับบ้าน และโรงเรียนพร้อมกันแล้ว เพราะช่วงนี้เขาดูยุ่งๆ แต่ความอบอุ่นมันยังคงจารจารึกไว้ในความรู้สึก และความทรงจำของฉันอย่างแนบแน่น ไม่มีวันที่มันจะจืดจางไปจนกว่าฉันจะสิ้นลมหายใจ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ