เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]
เขียนโดย บุหงา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) ตอนที่ 14-100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ~14~
สถานที่แห่งความทรงจำ ทุ่งดอกกระเจียว
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันหยุดของผม พรุ่งนี้ก็หยุดวันนักขัตฤกษ์ ผมเลยตั้งใจจะกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ ท่านคงคิดถึงผม และผมก็คิดถึงท่านเช่นกัน ผมต้องการกำลังใจ ในยามที่ผมอ่อนล้า กลับไปซุกอกอุ่นๆของแม่ เพื่อเติมกำลังใจให้ตัวเอง ชีวิตของผมก็มีแต่แม่เท่านั้นพ่อจากผมไปตั้งแต่ผมยังเล็กๆ ไม่มีโอกาสรู้ด้วยซ้ำว่าพ่อหน้าตาเป็นยังไง และผมก็เหงาเพราะเป็นลูกคนเดียว โหยหาและต้องการการได้รับความรัก ความอบอุ่นตลอดเวลา
ผมยอมรับเมื่อก่อนผมถูกสารภาพรักตรงๆแบบนั้น ทำให้ผมดีใจมาก แต่ไม่นึกว่ามันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเสียใจมาจวบจนทุกวันนี้ ก็เพราะความเหงาของผมเลยจริงๆ เฮ้อ...ผมคงต้องกลับไปเยี่ยมเธอ และขอโทษเธอเป็นร้อยเป็นพันครั้งถึงแม้จะไม่รู้ว่าเธอจะรับรู้หรือเปล่าก็ตาม
ผมนั่งตากลมเย็นๆอยู่หน้าบ้าน ผมมาถึงบ้านนานแล้วละ แต่มาถึงผมก็สลบเมือดไปเลยเพราะความง่วงนอนสุดๆเพิ่งมาตื่นเอาตอนเย็นๆ ผมหันไปมองข้ามรั้วบ้านของตัวเองไปได้ยินคนสองคนหัวเราะกันคิกคักดังแว่วๆมาจากข้างในบ้าน น้าประกายฝันแม่ของดาวไม่ได้อยู่บ้านคนเดียวหรอกเหรอ? ผมขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แล้วแม่ของผมที่อยู่ข้างหลังของผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้เป็นคนเฉลยสิ่งที่ผมกำลังสงสัยอยู่
“หนูมีนกลับมาบ้านน่ะ บ้านหลังนี้เลยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ก็แปลกคราวนี้ทำไมเสียงหัวเราะของสองแม่ลูกคู่นี้ถึงได้สดใสนักละ? สงสัยจัง”
“หนูมีน?”
“ลูกแม่ฝันเขาอีกคนน่ะลูก ทำเอาแม่ตกใจ เห็นหนูมีนครั้งแรกนึกว่าผีหลอกแม่ซะแล้ว ช่วงนั้นลูกเรียนแล้วก็พักอยู่หอก็เลยไม่ได้เจอหนูมีนเขา นี่หน้าตาเหมือนกับหนูดาวยังกับแกะ”
แม่ผมเล่าจบสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจของผมตั้งแต่ได้พบหน้ามีนครั้งแรกก็หายวับไปกับตา เป็นอย่างนี้เองหรอกเหรอ ผมก็โง่อยู่ตั้งนานน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว...ถึงว่าทำไมมีนถึงได้ตั้งท่าจงเกลียดจงชังผมนักมันก็สมควรแล้วละที่เธอจะเกลียดผมเพราะผมมันเลวยังไงละ
“แม่หนูไปหลังลานกว้างนะจะไปเก็บดอกกระเจียวสีชมพูสวยๆ แม่บอกว่ามันออกดอกแล้วนี่ค่ะ”
“มันเย็นแล้วลูก ไว้พรุ่งนี้เถอะ”
“หนูอยากเห็นนี่ค่ะ นะให้หนูไปนะ”
เสียงหวานใสที่ดังขึ้นฉุดให้ผมหันไปมอง...จริงสินะนี้เดือนกรกฎาคม กีฬาโอลิมปิกเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานดอกกระเจียวของปีนี้ก็จะบาน ใช่ไอ้ดอกสีชมพู น่ารักๆนั่นที่ดาวชอบมันมักจะบานตอนปลายเดือนกรกฎาคม
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ”
เสียงของผมดังขึ้น สองแม่ลูกที่กำลังทุ่มเถียงกันว่าจะไปหรือไม่ไปดีก็หันมามองผม ใบหน้าที่หันมานั้นทำให้ผมหลงละเมอ แต่สักพักผมก็ต้องดึงสติของตัวเองกลับคืนมา และคิดย้ำๆว่านั้นคือมีนไม่ใช่ดาว...เธอไม่ใช่ดาว
“นะ...หนูไม่ไปแล้วก็ได้ค่ะ”
มีนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ และสีหน้าแสดงความตกใจ จากนั้นก็รีบลนลานกลับเข้าไปในตัวบ้าน จนผมรู้สึกเสียหน้านิดๆกับท่าทางของเธอ แต่แปลก! เธอต้องวีนใส่ผมสิถึงจะถูกไม่ใช่รีบหลบหน้าด้วยอาการร้อนรนแบบนั้น
“กลับมาเยี่ยมแม่เหรอจ๊ะตาซัน”
แม่ของมีนเธอกล่าวขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน นี่ก็แปลก คิดว่าแปลกนะครับน้าฝันควรจะเย็นชาใส่ผมสิไม่ใช่มายิ้มให้ผมแบบนี้ ผมไม่เข้าใจ ใครก็ได้ช่วยตอบคำถามผมที ผมงงไปหมดแล้ว.....
ผมครุ่นคิดเรื่องนั้นตลอดทั้งคืนแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดอยู่ดี ตื่นเช้ามาไม่สิผมไม่ได้นอนเลยนี่ต้องบอกว่าฟ้าสางปุ๊บ ผมก็คิดว่าไปถามเธอเลยดีกว่าไหม แต่ก็กลัวเธอจะงัดเอาอีโต้มาเฉาะหัวผม ผมก็ได้แต่เดินไปเดินมาตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาแบบไหนดี
แล้วเวลาผ่านไปได้สักพักหลังจากที่ผมลุกขึ้นเดินผมก็เหลือบไปเห็นร่างเล็ก ๆ บอบบางในมือถือตะกร้าเดินออกจากประตูรั้วหน้าบ้านไปหยุดยืนอยู่บนถนนสักพักก็เดินออกไปฝั่งทางซ้ายมือ ผมไม่รอช้ารีบเดินตามเธอไปเงียบๆโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว
ทุ่งกระเจียว...เธอมาที่ทุ่งกระเจียวหลังลานกว้างนี้เองไม่นึกว่าผู้หญิงที่ดูแข็งๆอย่างมีนชอบดอกไม้ด้วย ไม่สิตอนนี้เธอดูอ่อนโยนมาก มากจนผมแปลกใจ เหมือนไม่ใช่มีนเลย
เมื่อเธอเริ่มก้มลงเก็บดอกไม้ผมก็หามุมเหมาะๆนั่งดูเธอเก็บดอกไม้...บรรยากาศที่คุ้นเคยแบบนี้มันยังไงกัน ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้ได้ ใช่ผมเคยแอบมาดูดาวแบบนี้ แบบที่ผมกำลังทำอยู่นี้เลย
ผมมองดูเธอจนเพลินไม่รู้ว่าดอกกระเจียวสีสวยมันเต็มตะกร้าเธอตั้งแต่เมื่อไร เธอมองดูทุ่งกว้างนี้สักพักก็เดินจากไป ผมเลยลุกขึ้น และเดินตามเธอไปเงียบๆเหมือนขามาไม่มีผิด
“ใช่ดาวรึเปล่า ถ้าใช่ก็ช่วยตอบซันที”
ผมพึมพำขึ้นมาเบาๆ ราวกับจะให้สายลมส่งคำถามของผมไปกระซิบบอกเธอ ...ทำไมผมไม่เข้าไปถามเธอตรงๆน่ะเหรอ ผมก็แค่ละอายแก่ใจ….แต่ความรู้สึกของผมมันบอกให้ผมทำตรงข้ามกับความคิด...แล้วผมจะเลือกเสียงที่ออกมาจากสมองหรือหัวใจดี
ฉันไม่อยากจะนึกเลยถ้าหากเขารู้ความจริงว่าฉันเป็นใครมันไม่ดีแน่ๆ ตอนแรกไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันเป็นใคร แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าหากเขารู้ว่าฉันเป็นใคร เขาจะมีปฏิกิริยากับฉันยังไง...ซึ่งฉันคิดว่าความรู้สึกอย่างหลังของฉันมันน่ากลัว ...
เมื่อเย็นวานฉันแทบทำอะไรไม่ถูก เขามาได้ยังไง? เขาไม่น่าจะกลับบ้าน หรือฉันเองที่ไม่น่าเลยที่จะกลับบ้านมาตอนนี้ เฮ้อคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
ฉันชะงักเหลือบมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เมื่อกี้มันเสียงอะไร กิ่งไม้หลนลงมาหัก หรือว่ามีใครเหยียบกิ่งไม้หักละ ถ้ามีใครเหยียบกิ่งไม้หักจริง ๆ แล้วใครที่ว่านั่นเป็นใคร ฉันเริ่มระแวง จะวิ่งก็ไม่ได้ร่างกายฉันมันไม่ได้เป็นเหมือนเดิม จึงทำใจเย็นหันกลับไปเดินต่อแต่ก็ต้องชะงักอีกครั้ง และรู้สึกตกใจมาก จนเผลอทำตะกร้าดอกไม้หล่น เพราะใครที่ว่าเปิดเผยตัวแล้ว
เขายืนกอดอกพิงต้นไม้ด้วยท่าทางสบาย ๆ อยู่ตรงหน้า แต่สายตาของเขาที่มองมานี่สิไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกสบายเหมือนท่าทางของเขาเลย เหมือนเขามีเรื่องสงสัยที่จะถาม ฉันก้มลงเก็บตะกร้า และดอกไม้ที่มันกระจายออกจากตะกร้าสองถึงสามดอกขึ้นมา แล้วก็เดินผ่านเขาไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดอกกระเจียวสวยเหนาะ”
ฉันชะงักไปกับพูดของเขา แต่ก็เลือกที่จะเดินต่อไปเหมือนคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญกับความจริง เฮ้อ...หวังว่าเขาคงไม่กำลังสงสัยว่าฉันเป็นใครหรอกนะ
“ดาว?”
เขาพูดอีกครั้งตอนที่ฉันกำลังจะเดินเลยผ่านเขาไปแล้ว และคราวนี้ฉันทำตะกร้าดอกไม้หล่นอีกครั้ง
“ฉันไม่ใช่ดาว และอย่ายุ่งกับเธอ ฉันเตือนนายแล้วนะ”
ฉันพูดเสียงเขียว และก้มลงหยิบตะกร้าขึ้นมาแล้วโยนใส่คนปากดีตรงหน้าทันที แต่เขากลับรับไว้ได้ ฉันก็หวังว่าท่าทางแบบนี้ของฉันจะเหมือนพี่มีนนะ ข้อร้องละโปรดเข้าใจว่าฉันคือพี่มีน เขาเรียกฉันว่าดาว เขาคงสงสัย
“มีน?”
เขาพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น คงกำลังสับสน
“ใช่มีน! ฉันแค่ทำตัวให้เหมือนดาว เพื่อแม่จะได้สบายใจ ฉันจะเป็นทั้งดาวทั้งมีนนั่นแหละ นายไม่เห็นเหรอว่าแม่ฉันเสียใจเรื่องดาวขนาดไหน”
เฮ้อ ฉันช่างคิดได้ เหตุผลเข้าท่าดีนะ โอยอยากจะบ้าตายถ้าเขาไม่เชื่อละ?
“หึ ผมมันเลว ขอโทษนะดาว”
เขาพูดพร้อมกับทรุดตัวลงนั่ง ยองๆ ก้มหน้าลง และกอดตะกร้าดอกไม้ไว้แน่น ลักษณะคล้ายสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บ ฉันกำลังใจอ่อน หึฉันมันบ้าแค่เห็นอาการเขาแค่นี้ ฉันก็อยากจะบอกเขาแล้วว่าฉันคือดาว ฉันมันบ้าแค่เห็นเขากำลังเจ็บปวดแค่นี้ ฉันคงบ้าจริงๆ
“ถ้าหากตอนนี้คุณกำลังแสดงเป็นดาว”
เขาพูดอีกครั้งพร้อมเงยหน้าขึ้น แววตาฉายความเจ็บปวดรวดร้าว ทำให้หัวใจของฉันกระตุก
“ผมขออย่างหนึ่งได้ไหม?”
เขาถามพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ฉันเองก็ได้แต่เงียบ และมองเขาอย่างพิจารณาก็เพิ่งได้สังเกตเขาจริง ๆ จัง ๆ ตอนนี้แหละ ห้าปีที่ผ่านมาเขาดูสูงขึ้นเยอะเลย ต่างจากตอนนั้นลิบลับ
นายจะรู้บ้างไหมฉันก็เปลี่ยนไปแล้วเหมือนกัน ไม่ร้องหายฟูมฟายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะหัวใจมันด้านชายังไงละ ความเจ็บปวดมันกลายเป็นเพื่อนสนิท ใช่ฉันรู้จักมันดีเลยละ
เมื่อเขาไม่เห็นฉันพูดอะไร เขาก็ขยับเข้ามาใกล้ วางตะกร้าดอกไม้ในมือลงข้างๆ และทำในสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึง ฉันตกใจพยายามดิ้น แต่ดูเหมือนเขาจะกอดฉันแน่นเกินไป ฉันเลยหลุดออกจากอ้อมแขนของเขาไม่ได้
“ดาวฟังซันนะ”
คำพูดของเขาทำให้ฉันเลิกดิ้น นิ่งขึง เขาจะบอกว่าเขารู้ว่าฉันเป็นดาวเหรอ?
“ซันขอโทษ”
“ปล่อย”
“ขอโทษ”
“บอกให้ปล่อย!”
“ขอโทษ”
นี่เขาพูดไม่รู้เรื่องรึยังไงนะ ได้โปรดช่วยปล่อยดาวเดี๋ยวนี้นะซัน
“ยกโทษให้ซันนะ ซันรู้ว่ามันเป็นคำขอจากปากคนโง่คนหนึ่งเท่านั้น แต่ได้โปรดยกโทษให้ซัน”
ฉันเลิกดิ้น ดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่า เพราะยังไงก็ไม่หลุดออกจากอ้อมแขนของเขาสักที
“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซันมันบ้าเอง แต่ขอบอกดาวเอาไว้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นดาวจวบจนถึงวินาทีนี้ ซันรักดาวนะ ซันไม่ได้โกหก มันเป็นอีกคำขอหนึ่งที่อยากให้ดาวเชื่อ”
พูดจบเขาก็คลายอ้อมแขน และถอยออกห่างจากฉันไปก้าวหนึ่ง
“ขอบคุณที่ช่วยแสดงเป็นดาวให้ ขอบคุณ”
เขาก้มลงเก็บตะกร้าดอกไม้ขึ้นมายื่นมันคืนให้ฉัน แล้วก็เดินจากไป จากนั้นไม่นานฉันก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงทันที ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
‘นายมันโกหก นายจะล้อเล่นอะไรอีก สนุกนักรึไง ที่เอาความรู้สึกของฉันมาล้อเล่น นายจะเหยียบย้ำความรู้สึกของฉันเล่นอีกสักกี่ครั้งนายถึงจะพอใจ บอกมาสิ นายบอกฉันมา’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ