Time Crime บทเพลงและกาลเวลา

10.0

เขียนโดย HirariYurari

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.25 น.

  15 chapter
  6 วิจารณ์
  18.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 09.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) อาวรณ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

-07-

อาวรณ์

 

แต่ว่า....เราจะสามารถเข้าไปพูดกับเธอได้อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ?

คำถามเช่นนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเขาหลังจากที่เขาได้ตื่นนอนขึ้นมา...

เขาเพิ่งหวนกลับมานึกเรื่องสำคัญของตัวเองออกได้...เรื่องสำคัญที่เขาไม่น่าลืม แต่เขาก็ได้ลืมมันไปเสียแล้ว...

แม้เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร แต่เขาก็ได้ย้อนเวลากลับมาแล้ว...หลักฐานนั้นก็คือการที่คนอื่นทำกับตัวเขาอย่างเป็นปกติและพวกเขานั้น ยังคงมองตัวเขาเป็นพวกอ่อนแอขี้โรคอยู่...

นั่นคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาตอนนี้ แต่กระนั้นก็ยังมีปัญหาอย่างอื่นตามมาอีก...

“ถ้าเราย้อนเวลากลับมาในช่วงก่อนที่จะรู้จักกับคุนทาเร่...งั้นคุนทาเร่ก็ยังไม่รู้จักเราน่ะสิ?” เขาคิดเช่นนั้นขึ้นมาแล้วเริ่มรู้สึกหนักใจขึ้นมา ท้ายที่สุดก็ได้แต่นิ่งเงียบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเช่นนั้นตลอดตั้งแต่เช้า

เจโลซึ่งดูเหมือนจะจำอะไรไม่ได้เลยได้วิ่งเข้ามาชวนเขาพูดคุยด้วย แต่ก็เพราะเขายังมีความหลังฝังใจเรื่องเธออยู่ ดังนั้นเขาจึงได้เอ่ยไล่เธอกลับไปอย่างไม่ใยดี

ทำแบบนี้ไป...คงจะไม่ผิดอะไรใช่ไหม?

ก็เธอทำกับเราก่อนนี่นา แล้วถ้าเกิดเราทำให้เรื่องราวซ้ำรอย เธอก็คงจะทำเรื่องแบบนั้นกับเราอีกครั้งแน่ๆ...ถึงยังไง...เราก็ยกโทษให้เธอไม่ได้ง่ายๆ หรอก...

เธอเป็นคนฆ่าคุนทาเร่...แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้อนเวลากลับมา...แม้เรื่องราวจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้วแต่เขาก็ยังไม่สามารถอภัยให้เธอได้อยู่ดี เขาไม่สามารถอภัยให้เธอ....เรื่องที่เธอทำเช่นนั้นกับคุนทาเร่และตัวเขาได้...

“ถ้าอย่างนั้น...ฉันไปเล่นกับคนอื่นนะ....” ยามที่เขาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ขนาดตัวเองก็ยังรู้สึกว่าเย็นชา เธอก็ได้แสดงสีหน้าตกใจออกมาและกลับหลังหันเดินจากไป...แม่เขาเองซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันก็ยังหันมาดุตัวเขา แต่แม้เขาจะเริ่มเกิดความรู้สึกผิดในใจขึ้นแค่ไหน เขาก็ยังพยายามทำเป็นไม่สนใจ

ดีแล้ว...ให้เป็นแบบนี้ไปก็...ดีแล้วล่ะ...

“เฮ้อ....” และแล้วในตอนนี้เขาก็ได้แต่มานั่งเกยหน้าต่าง ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักใจ....เจโลเขาก็ไล่ไปแล้ว...แถมตัวเขายังไม่มีความกล้าพอที่จะไปหาตัวเธอบนยอดเขานั่นอีก...ในตอนนี้ตัวเขาเองจึงไม่มีอะไรเหลือให้ทำเลย...

ต่อให้มีก็ไม่มีอารมณ์ทำอยู่ดี...ต่อให้มีเรื่องให้เขาทำ แต่ยังไงจิตใจของเขาก็คงจะไม่จดจ่ออยู่ที่เรื่องที่ทำอยู่ดี

ก็เพราะว่าเขานั้น...กำลังคิดถึงแต่เรื่องของคุนทาเร่นั่นเอง...

ถ้าไม่ไปหาเธอ...จะดีหรือเปล่านะ?

เรื่องราวทั้งหมดนั้นอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นที่เจโลเพียงอย่างเดียว...ทว่าเกิดขึ้นที่การที่เขาแอบหนีไปคนเดียวด้วย เขาเองก็ยังไม่ลืมความจริงในข้อนั้น

ถ้าเขาไปหาเธอในตอนนี้...บางทีเรื่องราวแบบนั้นอาจจะเกิดขึ้นมาอีกก็เป็นได้...

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากจะไป...อยากจะไปทำความรู้จักกับเธออีกครั้ง

แต่ทว่า...ยามเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น...เขากลับไม่สามารถทำใจวิ่งไปหาเธอได้เลย...

“?” แต่แล้วในขณะนั้นเองเขาก็ได้สังเกตเห็น...แสงสว่างอะไรบางอย่างที่ส่องประกายอยู่บนฟากฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป

อะไรน่ะ?

ตัวเขาเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย พยายามเพ่งมองสิ่งที่ลอยละล่องอยู่นั่น แต่แล้วไม่นาน เจ้าสิ่งนั้นก็ค่อยๆ บินลอยตัวใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาในระยะที่ตัวเขาสามารถมองเห็นได้

“!!” วินาทีที่เขาเห็นรูปร่างที่แท้จริงของเจ้าสิ่งนั้น เขากลับแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย...หัวใจเต้นเร้าด้วยความดีใจ ยันตัวลุกขึ้นไปอย่างช้าๆ โดยที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว...ดวงตาจับจ้องมองขึ้นไปบนฟากฟ้าโดยไม่ใคร่สนใจสิ่งอื่น ในตอนนั้นเอง...สติสัมปชัญญะของเขาได้ถูกเจ้าสิ่งนั้นขโมยไปจนหมดสิ้นแล้ว...

เจ้าสิ่งที่ลอยอยู่บนฟากฟ้านั้น ไม่ใช่นก...ไม่ใช่อะไรที่คนปกติทั่วไปสามารถทำความเข้าใจได้ ทว่าตัวเขากลับรู้จักมันดี...สิ่งที่ทำให้เขา...สามารถตัดสินใจได้...

“ฮึบ!!” ท้ายที่สุดเขาก็ได้ออกแรงกระโดดออกนอกหน้าต่างไป ในบริเวณใกล้เคียงนั้นไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาเลย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขาในตอนนี้ เพราะเขานั้นไม่มีเวลาพอที่จะหันไปมองสอดส่องคนอื่นแต่อย่างใด เขาเพียงแค่อยากจะวิ่งตาม ‘ปีก’ คู่นั้นไปก็เท่านั้น...

ปีกคู่นั้น....ปีกที่เขาเฝ้าถามหามาโดยตลอด...ถามตนเองว่าควรจะไปหาปีกคู่นั้นหรือไม่ ทว่าเมื่อเขาได้เห็นปีกคู่นั้นกับตัวเองในตอนนี้ด้วยตาทั้งสองข้างแล้ว...เขากลับไม่สามารถยับยั้งความต้องการภายในใจของตัวเองลงไปได้...

ท้ายที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจละทิ้งความคิดไร้สาระต่างๆ....วิ่งไล่ตามปีกคู่นั้น หรือก็คือคุนทาเร่ซึ่งบินผ่านเบื้องหน้าเขาไป....วิ่งตรงไปหาเธอซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่พวกเขาเคยพบเจอกันในอนาคตนั่น...

***********************************************

แต่ถึงกระนั้น....เขาก็ยังไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปหาเธออย่างไรดี...

หลังวิ่งอย่างสุดกำลังและปีนเขาลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบริเวณที่พวกเขาเคยพบเจอกัน เขาก็ได้เห็นเด็กสาวกำลังส่งเสียงร้องเพลงเหมือนเช่นวันวานและแกว่งเท้าเล่นอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่ตรงนั้น...

เสียงเพลงของเธอยังคงเป็นเสียงเพลงเช่นวันวาน...เสียงเพลงตอนที่เธอร้องยามที่พวกเขาได้พบเจอกันในคราวนั้น...ตัวเขาในตอนนั้นได้พบกับเธอยังไงกันนะ...

เขาจำได้ว่าตัวเขานั้นเผลอก้าวเข้าไปหาเธอและเธอเองก็ได้รู้สึกตัว ทว่าตอนนั้นแตกต่างออกไปจากตอนนี้ ตอนนี้เขารู้จักเธอแล้ว...รู้จักเธอแต่เพียงฝ่ายเดียว ถ้าอย่างนั้นตัวเขาควรจะทักเธอออกไปอย่างไรดี...

เดินเข้าไปหาเธอเลยเหมือนคราวนั้น...อย่างนั้นเหรอ? แต่พอคิดว่าจะเดินเข้าไปหามันก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปดี...

ตัวเขาในตอนนั้นรู้สึกตกใจกับเสียงเพลงของเธอจึงเข้าไปทักเธอ ทว่าตอนนี้ต่อให้เขาใช้เหตุผลว่าตามมาเพราะเสียงเพลงก็คงจะไม่มีประโยชน์แล้ว นั่นเพราะเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย...เขาก็แค่รู้สึกอยากมาพบเธอก็เท่านั้น...

มองดูเหมือนเป็นพวกโรคจิตเลยแฮะ...เพสถอนหายใจออกมา

มันก็แน่อยู่แล้วล่ะ...เอาแต่มาด้อมๆ มองๆ แบบนี้ไม่ว่ายังไงก็คงมองเห็นได้เป็นเพียงแค่ไอ้โรคจิตคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง

แล้วไอ้โรคจิตคนนี้...ควรจะทำอย่างไรต่อไป?

เขายังคงหลบอยู่หลังต้นไม้แถบๆ นั้น แอบจ้องมองเธออยู่จากจุดนั้นอย่างหนักใจโดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี...

ความคิดที่สุมรวมอยู่ในหัวของเขาส่งผลให้เขาไม่มีความกล้าพอที่จะเดินเข้าไปหาเธอเสียที...

พอเถอะ...กลับดีกว่า...

ท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจทำใจกล้าเดินเข้าไปหาเธอคนนั้นได้...

จะให้เขาเดินเข้าไปได้ยังไง เกิดเรื่องราวแบบนั้นขึ้นนะ?

ถ้าคราวนี้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาอีก ตัวเขาจะทำยังไง?

ทว่า เขาเองก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่คำแก้ตัวของตัวเอง...คำแก้ตัวของความไม่กล้าเดินเข้าไปทักเธอในตอนนี้...

ถึงอย่างไร...เขาก็เป็นได้เพียงแค่ไอ้ขี้โรคที่ไม่มีน้ำยาคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง...

ตุบ...

“เอ๋?” ทว่าในขณะเดียวนั้นเอง เขากลับรู้สึกเหมือน...มีอะไรบางอย่างตกเข้าไปภายในเสื้อของเขา

อะไรบางอย่างที่นุ่มนิ่มและแหยงหลัง...ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอะไรบางอย่างที่....ไม่สมควรเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยไม่ว่าในกรณีใดๆ...

“วะ....ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

“เอ๋!?” และแล้วในตอนนั้นเองเขาก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา เสียงกรีดร้องของเขาทำให้คุนทาเร่ซึ่งนั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลรู้สึกตัวหันกลับมาสังเกตเห็นเขา ทว่าในตอนนี้เขากลับไม่คิดจะสนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว

“ธะ....เธอที่อยู่ตรงนั้นน่ะ!! ดะ...ได้โปรดช่วยดึงมันออกไปด้วย!!”

“หา?” คุนทาเร่เผยสีหน้าสงสัยออกมา หันมาจับจ้องมองเขาด้วยท่าทางไม่เข้าใจ ตัวเขาได้วิ่งตรงเข้าไปหาเธอ ซอยเท้ายิบๆ อยู่กับที่พร้อมหันหลังให้เธอ จนกระทั่งเมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความสงสัยนั้น เขาก็ทนไม่ไหว จำต้องตะโกนร้องขึ้นมาโดยทันที “นะ...หนอน!! หนอนมันอยู่ในเสื้อโผมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!”

“เอ๋?” คุนทาเร่ได้ส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป...

และนี่ก็คือ...เหตุการณ์ที่นำพาให้พวกเขาทั้งสองได้พานมาพบกันอีกครั้ง...

*************************************************

“ฉันชื่อว่าคุนทาเร่นะ อาจจะเรียกยากไปเสียหน่อย หรือจะเรียกฉันสั้นๆ ว่า ‘คุน’ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก!!”

บทสนทนาที่เขาเคยได้ยินมาก่อน...แต่ถึงกระนั้นมันกลับชวนให้รู้สึกโหยหาอย่างน่าประหลาด

“ผม...ชื่อว่าเพส ยินดีที่ได้รู้จัก” เขายิ้มตอบเธอกลับไป ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาพบกันแล้ว...ในที่สุดก็ได้มาพบกันแล้ว...

ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้กลับมาพบเจอกันบนเนินเขาแห่งนี้อีกครั้ง บรรยากาศที่แสนคุ้นเคย...แม้จุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของพวกเขาจะไม่ค่อยสวยเสียเท่าไร แต่ทว่าตัวเขาก็ยังคงรู้สึกมีความสุขที่ได้กลับมาพูดคุยกับเธออีกครั้ง...

ตัวเธอที่ควรจะตายไปแล้วกำลังพูดอยู่...เธอคนนั้นกำลังส่งเสียงหัวเราะและพูดคุยกับเขาอยู่...แม้ว่ามันจะเป็นบทสนทนาที่เขาเคยได้ยินมาแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกมีความสุขที่ได้ฟังมันอีกครั้ง...

“นี่ นายมาจากที่ไหนเหรอ?” ท้ายที่สุดเธอก็ได้ถามออกมา...เป็นคำถามคล้ายๆ กับที่เธอเคยถามเมื่อตอนที่เธอเจอเขาครั้งแรก...ในตอนนี้แม้เขาจะรู้สึกขำเล็กน้อยที่ต้องบอกมันอีกครั้ง แต่เขาก็ยังคงตอบมันออกไป “ตรงโน้นไงล่ะ หมู่บ้านที่รวมกลุ่มกันอยู่นั้นน่ะ”

“หมู่บ้าน...เอ๋? ไม่ใช่กลุ่มเห็ดหรอกเหรอ?” คุนทาเร่เผยสีหน้าตื่นตกใจออกมา เธอหันไปมองทางทิศที่หมู่บ้านอยู่ ส่วนตัวเขาก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมา

ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่เพียงอย่างเดียว...

“.....มีคนมา...”

“?” แต่แล้วในตอนนั้นเอง คุนทาเร่ที่ส่งเสียงหัวเราะและเผยสีหน้าสุขใจอยู่จนถึงเมื่อครู่ก็ได้เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตัวเขาเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดเองก็ประหลาดใจ ทว่าสิ่งหนึ่งกลับผุดขึ้นมาภายในใจของเขาอย่างรวดเร็ว

เจโลงั้นเหรอ...?

เขารู้คำตอบนั้นได้อย่างรวดเร็ว...เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาเคยประสบพบเจอมาแล้ว

จะมา...ขัดขวางพวกเราอีกงั้นเหรอ...?

จะมาฆ่าคุนทาเร่อีกงั้นเหรอ?

เขารู้...เขารู้ดีว่าเรื่องเหล่านั้นจะยังไม่เกิดขึ้นเสียตอนนี้ เพราะเธอคนนั้นยังไม่รู้เรื่องของพวกเขาทั้งสอง...ทว่าเขาจะทำให้เธอคนนั้นรู้ไม่ได้...เขาจะทำให้เจโลรู้เรื่องของคุนทาเร่ไม่ได้!!

“อ่า....คงจะเป็นคนในหมู่บ้านน่ะ เดี๋ยวฉันขอไปหาเขาแป้บหนึ่งนะ เดี๋ยวกลับมา”

“เอ๋?” คุนทาเร่เผยสีหน้าประหลาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาครู่หนึ่ง แต่สักพักจากนั้นเธอก็พยักหน้าให้เขาเงียบๆ เขายิ้มให้เธอ จากนั้นจึงก้าวเดินตรงเข้าไปในป่าเพื่อไปหาเธอคนนั้น...เพื่อไปจัดการปัญหาที่กำลังตามมาในภายหลังนั้น...

“เพส! อยู่ดีๆ วิ่งออกมาแบบนี้มันอันตรายไม่ใช่เหรอ? ถ้าเกิดนายเป็นลมล้มลงไปจะทำยังไง!!?” เมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากป่า เจโลซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาในป่าได้ไม่นานก็เผยสีหน้าไม่พอใจแล้ววิ่งเข้ามาหาเขา ท่าทางของเธอนั้นดูเหมือนจะยังคงช็อคกับเรื่องที่เขาพูดเย็นชากับเธอไปเมื่อเช้าอยู่เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นเขากลับไม่คิดที่จะสนใจเรื่องนั้นเลย...

“จะมาทำเป็นเจ้ากี้เจ้าการฉันอีกงั้นเหรอ?”

“ฉะ....ฉันเปล่านะ...” เจโลเบิกตากว้างเผยสีหน้าตกใจ เธอหลบหน้าไปทันทีเมื่อเผลอสบตากับเขา ซึ่งตัวเขาในตอนนี้เองก็ไม่ได้รู้เลยว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้เองเป็นเช่นไร...

“ฉันไม่เป็นไรหรอก กลับไปบอกแม่ด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงฉัน แล้วก็ไม่ต้องคิดจะโกหกแม่เพื่อทำให้ท่านเป็นห่วงล่ะ ฉันไม่ชอบ”

“กะ....โกหกอะไรกัน...ฉันไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น...สักหน่อย....” เจโลเบิกตากว้าง เธอจับจ้องมองเพสกลับด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังพูดอะไร ทว่าคำพูดของเขากลับพุ่งเข้าไปกระทบกระเทือนจิตใจของเธออย่างรุนแรง...

[ไม่เคยคิดจะโกหกงั้นเหรอ...แล้วที่เธอทำออกไปครั้งนั้นมันคืออะไร?]

เพสรู้สึกโกรธ...เขาโกรธมากที่เธอกล้าพูดประโยคเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่อายปาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงทำใจเย็นเอาไว้ ไม่พูดอะไรออกไป นั่นเพราะตัวเธอนั้น...ยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงที่เขาพูดเช่นนี้ออกมา...

“จะยังไงก็ตาม ฉันไม่เป็นไรหรอก เอาเรื่องนี้กลับไปบอกคุณแม่ด้วย....อ้อ! แล้วถ้าคิดจะโกหกล่ะก็ กลับไปฉันไม่ให้อภัยเธอแน่”

“มะ....ไม่ให้อภัยอะไรกัน...เพส....เป็นอะไรไปน่ะ...?” เจโลเบิกตากว้าง ไม่เข้าใจ...เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เพสพูดออกมาเลย เพราะอะไรเขาจึงพูดออกมาเช่นนี้...เพราะอะไรเขาถึงกีดกันและได้พูดจาโหดร้ายกับเธอเช่นนี้...

“เพราะว่าฉัน....ไม่เชื่อใจเธอยังไงล่ะ...” เขาเอ่ยตอบกลับไป แม้มันจะเป็นคำพูดที่เขาไม่ได้คิดอะไรมาก ทว่ามันกลับพุ่งตรงเข้าไปทำร้ายจิตใจของเธออย่างรุนแรง

“กะ....ก็ได้....ถ้าอย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องที่นายพูดกลับไปบอกกับคุณป้า....แล้วนาย...จะกลับมาดีกับฉันไหม?”

“......” เพสนิ่งเงียบไป เขาตอบคำถามของเธอไม่ได้ เพราะเขาไม่อาจเชื่อใจเธอได้....จากเรื่องในคราวนั้น...

“คงจะ...ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

“!!” เจโลเบิกตากว้าง ตื่นตระหนก รู้สึกเหมือนโลกของตัวเธอเองกำลังพังทลายลงไป

ทว่าหลังจากนั้นเธอก็ได้ก้มหน้าลงไป เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจนเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ

“ได้....ถ้าอย่างนั้นพวกเราห่างกันสักระยะนะ....” เจโลพึมพำออกมาเช่นนั้น...เป็นเสียงที่ฟังดูอ่อนแรงอย่างน่าใจหาย หลังจากนั้นเธอก็กลับหลังหันเดินจากไป...

“ถ้าเกิด....ถ้านายหายโกรธฉันเมื่อไหร่...ช่วยเล่าให้ฉันฟังด้วยนะว่านายโกรธฉันเพราะอะไร....” เจโลพึมพำออกมาอย่างเหงาหงอยหลังจากที่เดินไปหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้าทางลงได้ชั่วระยะ แต่หลังจากนั้นเธอก็ตัดใจปีนลงจากเขาไป โดยมีเพสคอยยืนมองดูเธออยู่ตรงนั้นด้วยดวงตาที่เย็นชากว่าปกติ

“เผลอเดินตามมาส่งเธอถึงตรงนี้เสียได้....กลับไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่งดีกว่า...” เมื่อพบว่าตัวเองได้ย้อนกลับมาที่ทางลงเขาแล้ว เขาก็ได้พึมพำออกมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ ถอนหายใจออกมาก่อนจะกลับหลังหันเดินเข้าป่าไป

“เขาคนนั้นไปแล้วเหรอ?” เมื่อเดินมาจนถึงบริเวณที่คุนทาเร่รออยู่ เธอก็ได้หันกลับมาถามเขาเช่นนั้น เขาเผยยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มแบบสบายอกสบายใจ หลังจากนั้นก็ได้เอ่ยตอบเธอไปอย่างมีความสุขที่สุดอย่างที่เขาเองก็ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน

“อ่า เธอคนนั้นไปแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอะไรแล้วล่ะ”

“เอ๋?” คุนทาเร่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ทว่าหลังจากนั้นเขาก็เดินเข้ามานั่งอยู่ด้านข้างเธอเช่นเคย จากนั้นเมื่อบทสนทนาเดิมๆ ได้เริ่มต้นขึ้น...เธอก็ได้ยิ้มออกมา ตัดเรื่องของผู้มาเยือนที่เธอไม่รู้จักออกไป แล้วจึงหันกลับมาพูดคุยอย่างมีความสุขกับเขาอีกครั้ง

วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่าได้ผ่านพ้นไป....จนท้ายที่สุดฤทธิ์ของบทเพลงบำบัดที่คุนทาเร่คนเดิมเคยร้องให้เขาฟังก็ได้สิ้นฤทธิ์ไป

“อุ๊บ!!” เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในยามเช้า เขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บที่ท้องของตัวเองอย่างกะทันหัน อาจจะเป็นผลกระทบจากการที่เขาได้ฝืนตัวเองมามากเกินไป....เขาได้ทรุดลงไปบนเตียง ไม่สามารถยันตัวลุกขึ้นมาได้เลย

ชั่วขณะนั้น เขาก็ได้หวนนึกไปถึง...บทเพลงของเธอ...บทเพลงที่เธอเคยร้องให้เขาฟัง...บทเพลงที่เธอมอบให้เขาแต่เพียงผู้เดียวบนหน้าผาแห่งนั้น...

นั่นคือ...บทเพลงก่อนที่เขาจะย้อนเวลากลับมา...เป็นบทเพลงที่ได้สูญเสียไปแล้ว จากการสูญสลายไปของเธอคนนั้น...

อยากฟัง...อยากฟังบทเพลงบทนั้นอีกครั้งเหลือเกิน...ทว่าเขารู้...เขารู้ดีว่าตัวเขาไม่สามารถขอเธอเช่นนั้นได้...เพราะเธอไม่สามารถร้องให้เขาฟังได้อีกต่อไปแล้ว...

เพราะเธอ...จะไม่มีวันจำเรื่องราวในคราวนั้นได้อีกต่อไปแล้ว...

แต่ถึงกระนั้น...เราก็ต้องไปหาเธอ...

เขาปฏิญาณเช่นนั้นออกมาด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น...

ทั้งๆ ที่เรา...จะต้องไปหาเธอคนนั้นแท้ๆ...

ทั้งๆ ที่สัญญากันไว้แล้วว่าจะไปหาเธอในวันนี้แท้ๆ...แต่ว่าทำไม...ทำไมเรื่องมันถึงต้องกลายมาเป็นแบบนี้ด้วย...?

“เพส! อาการแย่ลงงั้นเหรอ!? แม่ก็บอกแล้วไงว่าอย่าออกไปวิ่งเล่นข้างนอกน่ะ! ดูสิ ทำอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้ลุกเดินไปไหนไม่ได้สักวันหนึ่งหรอก!!” เมื่อแม่เขาเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องของเขา แม่ของเขาก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ตวาดด่าเขาทันทีด้วยความเป็นห่วง

เขารู้...รู้ว่าแม่ของเขาเป็นห่วง...แต่ถึงกระนั้นเขากลับไม่สามารถทำตามคำพูดที่แม่ของเขาบอกเอาไว้กับเขาได้...

เพราะเขา...มีคนที่กำลังรอเขาอยู่บนยอดเขานั่น...

“เจโลเอาเรื่องทั้งหมดมาบอกแม่แล้วนะ...ช่วงนี้ทะเลาะกันงั้นเหรอ? อย่างน้อยเจโลเขาก็เป็นเพื่อนกับลูกมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนะ เคยช่วยเหลืออะไรลูกเอาไว้ก็ตั้งเยอะ ดีกันไว้เถอะนะ”

ดีกันแล้วเธอก็กลับมาทำร้ายเราแบบนั้นงั้นเหรอ?

ไม่เอาหรอก....เรื่องแบบนั้น...เราจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สองหรอก...

“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ผมจัดการเรื่องนั้นได้เองอยู่แล้วครับ”

“งั้นเหรอ...ถ้าพูดอย่างนั้นแม่ก็วางใจได้เปราะหนึ่งแล้วล่ะนะ...” เขาพยายามเอ่ยกลบเกลื่อนเรื่องนั้นกับแม่เขาไป ทว่าเขาก็พอรู้ดีว่าแม่เขาต้องรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง...เพราะเมื่อครู่นั้นเขาตอบคำถามของเธอไม่ตรงคำถามนั่นเอง...

ท้ายที่สุดเพราะอาการย่ำแย่ลงจึงทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวออกไปจากเตียงได้เลย...มันอาจจะเป็นบทลงโทษของเขา...บทลงโทษที่ตัวเขาได้ทำเรื่องเลวร้ายกับเจโลไป...ทว่าเขากลับไม่สามารถยกโทษให้เธอได้...แม้เขาจะรู้ดีว่าตัวเธอในตอนนี้ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อยก็ตาม...

แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าฟ้าจะยังคงรู้สึกเห็นใจเขาอยู่บ้างเล็กน้อย...ในวันต่อมาเขาก็สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ แม้ว่าสภาพของเขาจะไม่ได้เต็มร้อยเหมือนวันก่อนๆ ก็ตาม...

“เพส หนีออกไปอีกแล้วเหรอ!?” เขาได้ตัดสินใจหนีออกไปจากบ้านอีกครั้ง...ได้ยินเสียงตะโกนร้องด้วยความโกรธของแม่เขา แต่ถึงกระนั้นเขากลับไม่สามารถตัดใจไม่ทำเรื่องที่ตัวเขากำลังทำอยู่ในตอนนี้ได้...

เขาได้มุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขาเช่นเดิม...หวังว่าเธอจะยังคงอยู่ที่นั่น หวังว่าเธอจะยังคงไม่บินจากเขาไปยังที่ที่เขาไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงได้...

“อ้าว? เพส...เมื่อวานไม่ได้มา.....สีหน้านายซีดๆ ไปนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?” เมื่อเขาวิ่งไปจนถึงจุดที่เธอนั่งอยู่ เธอก็ได้หันกลับมาทักทายเขาเหมือนเช่นเดิม ทว่าเมื่อเธอสังเกตเห็นการหอบหายใจและสีหน้าที่แปลกไปของเขา เธอก็ต้องเปลี่ยนคำพูด อุทานออกมาด้วยความรู้สึกตกอกตกใจ

“มะ...ไม่มีอะไรหรอก....กะ....ก็แค่โรคประจำตัวของฉัน....ก็เท่านั้นเอง....

“โรคประจำตัว....งั้นเหรอ...?” คุนทาเร่เผยสีหน้าสงสัยออกมา ทว่าเขากลับทำได้เพียงแค่พยายามฝืนยิ้มตอบเธอกลับไปเท่านั้น

เขาพยายามฝืนตัวเองเดินเข้าไป....เดินตรงเข้าไปหาเธอเพื่อนั่งคุยกับเธอเช่นเดิม ทว่าดูเหมือนร่างกายของเขาจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของเขาอีกต่อไปแล้ว...

เอ๋?

รู้สึกเหมือนร่างกายลอยคว้าง....พลันนั้นความรู้สึกเจ็บปวดก็ได้พุ่งประดังเข้ามา

เจ็บ...

ถึงเจ็บ แต่กลับไม่เข้าใจอะไรเลย...

เพราะอะไรถึงเจ็บ? เพราะอะไรถึงได้รู้สึกเช่นนี้...?

อ่า....มันก็เป็นเพราะชะตาชีวิตที่แสนจะเน่าเฟะของตัวเขานั่นเอง...

“.........”

ได้ยินเสียงบทเพลง....เป็นบทเพลงที่เขาเคยได้ยินมาหานับจำนวนครั้งได้ไม่...

บทเพลงนี้เป็นบทเพลงของใครกันนะ....อ่า...ใช่แล้ว...แท้จริงแล้วบทเพลงนี้ก็คือ....

“เพส...ฟื้นแล้วเหรอ?”

“?” ท้ายที่สุดเขาก็ได้รู้สึกตัวขึ้นมา....บนตักของคุนทาเร่ซึ่งกำลังจับจ้องมองเขาด้วยสายตาแสดงความเป็นห่วงอยู่เบื้องบน

“มะ...ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง...”

“มันใช่เรื่องที่จะมาพูดแบบนี้งั้นเหรอ? นายเป็นอะไรกัน? แล้วเรื่องที่บอกว่าเป็นโรคประจำตัวนั้นมันคืออะไร? ถ้าเกิดนายไม่ยอมเล่าให้ฉันฟังฉันไม่ยอมให้นายลุกขึ้นมาจริงๆ ด้วย!!”

“!!” ยามเมื่อเขาคิดที่จะลุกขึ้นมา เขากลับโดนเธอตวาดใส่ด้วยสีหน้าโกรธเคืองและกดหัวเขาลงไปอีกครั้ง...สีหน้าโกรธขึงของเธอนั้นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ...เขาไม่เคยได้เห็นเธอรู้สึกโกรธแบบนี้มาก่อนเลย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่สามารถคิดหรือประมวลผลอะไรออกมาได้ทันที

“คำตอบ...ว่ายังไงล่ะ...มันเกิดอะไรขึ้น?”

“!?” จนกระทั่งเมื่อเธอย้ำเขาขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจอีกครั้ง เขาก็ได้รู้สึกตัวขึ้นมา แม้เธอจะขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ ทว่าเธอกำลังรู้สึกเป็นห่วงเขา...เขารู้สึกเช่นนั้น...แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องเหล่านั้นให้เธอฟังอย่างไรดี

“เออ....เธอรู้จักคำว่า ‘โรคร้าย’ หรือเปล่า?”

“ก็พอรู้ แต่ส่วนใหญ่พวกภูติอย่างพวกฉันไม่ค่อยเป็นหรอก เพราะอย่างนั้นฉันเลยไม่ค่อยรู้ว่ามันเป็นยังไง...”

“งั้นเหรอ...เป็นภูตินี่ดีจังเลยนะ...ฉันเองก็เป็นของที่คล้ายราวๆ นั้นแหละ...ถ้าจะให้อธิบายก็คือมันเป็นอะไรที่มองไม่เห็นล่ะนะ...แต่มันก็ทำให้ร่างกายรู้สึกเจ็บไปหมด...ทั้งเจ็บทั้งทรมาน บางทีก็ถึงกับขยับตัวไม่ได้เลยล่ะ....ฮะๆๆๆๆ”

“......” คุนทาเร่ก้มลงมองเขาที่หัวเราะออกมาเช่นนั้น เธอเผยสีหน้าเศร้าเสียใจเมื่อพบว่าเขากำลังหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความทุกข์ของตัวเองอยู่...ทว่าหลังจากนั้นเธอก็ได้ตัดสินใจ...

“ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะว่าโรคร้ายที่ว่านั้นคืออะไร...แต่มันก็ยังมีบทเพลงหนึ่งที่สามารถใช้บรรเทาโรคร้ายที่ว่านั้นได้นะ....ระหว่างที่ฉันท่องไปทั่วโลกนั้นฉันเผลอไปเรียนมาน่ะ ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่ามันคืออะไร แต่มันก็คงจะช่วยทำให้นายสบายตัวขึ้นได้ใช่ไหม?”

“!?” เพสเบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นไปจ้องมองเธอด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

“เธอจะ...ช่วยฉันงั้นเหรอ?”

“ก็แน่นอนอยู่แล้วสิ ก็พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่นา!!” เธอตะโกนร้องออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ฟังเรื่องของเขา เงยหน้าขึ้นไป กุมมือที่อก หลับตาลงส่งเสียงร้องเพลงที่เขาเคยได้ยินออกมา

อ่า...บทเพลงนี้...บทเพลงที่เขาเคยได้ยินมาคล้ายครั้งจนจำได้ไม่มีลืมเลือน....

บทเพลงที่เธอร้องให้แก่เขา...บทเพลงที่เธอผู้ยังไม่ลืมเลือนเขาได้มอบให้แก่เขา...

ในตอนนั้นเองเขาก็ได้มองเห็น...ภาพรอยยิ้มแบบเก่าๆ ของเธอในอนาคตที่ห่างไกลออกไป....ในอนาคตที่เขาเคยไปประสบพบเจอมาเมื่อคราวนั้น มีเธอคนนั้นผู้ยิ้มให้เขาอยู่อย่างไร้เดียงสา และส่งเสียงร้องเพลงออกมาให้เขาด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด....

“เพส...อยู่ดีๆ ร้องไห้ออกมาเป็นอะไรเหรอ!?”

“!?” ทว่าในตอนนั้นเมื่อเธอส่งเสียงร้องทักออกมาเขาก็รู้สึกได้ถึง...น้ำตาที่หลั่งไหลลงมาตามใบหน้าของเขา...

อ่า...เป็นเพราะอะไรกันนะ...ทั้งๆ ที่คุนทาเร่อยู่เบื้องหน้าของเราแล้วแท้ๆ...แต่ทำไมถึงได้รู้สึกคิดถึงขนาดนี้...

ทั้งๆ ที่เธอคนนี้ยืนอยู่ตรงนี้แล้วแท้ๆ...ทำไมเราถึงได้รู้สึกโหยหาอาวรณ์ขนาดนี้...?

อ่า....นั่นสินะ....บางทีมันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้...

เพราะว่าเธอ....ไม่อาจจำวันวานที่เราเคยหัวเราะอยู่ด้วยกันสองต่อสองอย่างสนุกสนานได้อีกแล้วก็เป็นได้....

**************************************************

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา