Time Crime บทเพลงและกาลเวลา

10.0

เขียนโดย HirariYurari

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.25 น.

  15 chapter
  6 วิจารณ์
  18.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 09.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) หน้าผาและเสียงนาฬิกา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

-10-

หน้าผาและเสียงนาฬิกา

 

ในตอนนั้นเจโลได้มาเห็นตัวเขาอยู่กับคุนทาเร่แล้ว ไม่ว่าปฏิกิริยาของคุนทาเร่นั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม...ทว่าเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้เธอทำอะไรตามใจชอบของเธอได้แน่

“ขอโทษครับ เจโลอยู่ไหมครับ?” เมื่อบอกลาคุนทาเร่และกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว เขาก็รีบมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเจโลเพื่อตามหาเธอ...เพื่อบอกไม่ให้เธอคิดอะไรบ้าๆ และห้ามเธอเอาไว้ ทว่าแม่ของเจโลกลับหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มประหลาดใจ “อ้าว? เจโลไม่ได้ไปเล่นด้วยกันกับหนูหรอกเหรอ?”

“.....” เมื่อได้ยินคำตอบนั้นเพสก็รู้ได้ในทันที...เจโลนั้นไม่ได้มุ่งหน้าตรงกลับมาที่บ้านของเธออย่างแน่นอน...

ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอหนีไปอยู่ที่ไหนกัน?

“แม่! เจโลได้มาที่บ้านหรือเปล่า!?” หลังการตัดสินใจเพียงชั่วพริบตา เพสก็ได้ตัดสินใจวิ่งกลับไปถามหาที่แม่เขา...ตามปกติแล้วนอกจากบ้านของเธอและเขาแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้ไปที่ไหนอีก...อีกทั้งเขายังได้วิ่งวนดูรอบหมู่บ้านแล้ว ไม่เห็นเธอไปวิ่งเล่นอยู่ที่ไหนอีกเลย แม้กระทั่งสวนสาธารณะกลางหมู่บ้านนั้น

“ไม่ได้มานี่ลูก เป็นอะไรกันน่ะ...ทะเลาะกันอีกแล้วงั้นเหรอ?”

“งั้นเหรอ....ถ้าอย่างนั้นขอบคุณมากครับ!!”

“ดะ...เดี๋ยวก่อนสิ! ลูกยังไม่ได้บอกเลยนะว่าไปมีเรื่องอะไรกับเจโลมาน่ะ!!”

“......” แม่เขาส่งเสียงตะโกนร้องออกมาจากห้องครัว แต่เขาก็ไม่ได้ตอบ มิหนำซ้ำยังได้กลับหลังหันวิ่งออกมาจากบ้านของเขาในทันที

เขาจะต้องตามหาเจโลให้เจอ...ตามหาเธอให้เจอและบอกเธอเรื่องนั้นให้ได้...ห้ามเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอทำเรื่องแบบนั้นให้ได้...

ทว่าเขาก็ยังหาเธอไม่เจอเสียที...

ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าไป...ท้องฟ้าจากสีแดงฉานเริ่มกลายสภาพเป็นสีดำทมิฬมืดมิด จนมองไม่เห็นแม้เพียงแสงดาว

“แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย....” เพสพึมพำออกมา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ในขณะเดียวกันก็เริ่มรู้สึกหนักใจขึ้นมา

ไม่ว่าเขาจะวิ่งวนตามหาเธอไปทั่วหมู่บ้านกี่รอบ หรือแม้ว่าเขาจะตะโกนเรียกเธอเสียเท่าไร ตัวเขาก็หาเธอไม่พบเลย...ถ้าอย่างนั้นที่ที่เธอพอจะไปได้ก็มีอยู่เพียงแค่ที่เดียว...

“อย่าบอกนะว่า.....” ดวงตาของเพสค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นอย่างช้าๆ เขาเริ่มคาดเดาสถานที่ที่ว่านั้นได้ สัมผัสได้ถึงความกลัวที่พุ่งขึ้นมาแทบคอหอยของเขา...

ไม่จำเป็นต้องรอเวลาใดๆ เขารีบพุ่งตรงไปยังเชิงเขาซึ่งคุนทาเร่อาศัยอยู่ในทันที

อย่า....ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยเถอะ...

เขาเฝ้าภาวนาอยู่เช่นนั้นในใจด้วยความกลัว...กลัวว่าจะสูญเสียเธอไปอีกครั้ง...

ภาพร่างของเธอที่เปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยเลือดปรากฏขึ้นในความคิดของเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามหลับตาลงและสะบัดหน้าไปมาเสียเท่าไร ภาพความคิดเหล่านั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะลบหายไปจากภายในสมองของเขาเลย...

และแล้วท้ายที่สุด...เขาก็ได้วิ่งมาจนถึงบริเวณที่คุนทาเร่อยู่...

“คุนทาเร่!!!”

“?” ตัวเขาที่พุ่งตรงออกจากป่าไปอย่างตื่นตกใจเบิกตามองร่างที่อยู่เบื้องหน้าของเขา...ผู้ที่นั่งอยู่ที่นั่นเป็นประจำหันกลับมา และเมื่อสังเกตเห็นว่าเป็นเขา เธอก็เผยรอยยิ้มแสนร่าเริงออกมาเหมือนเช่นเคย “เป็นอะไรไปเหรอเพส? มืดขนาดนี้ถ้าไม่กลับบ้านไปเดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วงนะ”

“อะ....อ่า....” เพสนิ่งอึ้งไป...แวบแรกที่เขาพุ่งออกมานั้น เขาเผลอมองเห็นเธอเป็นภาพของกองเลือดขนาดยักษ์...ทว่าเมื่อได้ยินเสียงเธอ...เมื่อได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของเธอแล้ว เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาภายในจิตใจของเขาเท่านั้น...

“ละ....โล่งอกไปที...ยังอยู่รอดปลอดภัย ดีจริงๆ....”

“เอ๋?” คุนทาเร่เผยสีหน้าสงสัย เธอไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของเขาเลย ได้แต่เพียงจ้องมองตอบเขา และเอียงคอไปเล็กน้อยด้วยสีหน้าสงสัยเท่านั้น

“อ่า...ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...คิดมากไปเองน่ะ ฮะๆๆๆๆ”

“งั้นเหรอ......” คุนทาเร่ส่งเสียงพึมพำออกมา เธอเงยหน้าขึ้นมองเขานิ่งไปครู่ จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา

นานเท่าไรแล้วนะที่พวกเขาไม่ได้มาพบเจอกันในยามค่ำคืนเช่นนี้...นานเท่าไรแล้วนะที่ตัวเขาไม่ได้เห็นใบหน้าและรอยยิ้มของเธอเปล่งประกายอยู่ท่ามกลางความงดงามของแสงจันทร์เช่นนี้...?

อ่า...ยาวนานมากถึงขนาดตัวเราเองก็ยังไม่อยากจะหวนกลับไปคิดเลย...

“เออ....คือว่าวันนี้ฉันยังไม่อยากกลับไปบ้านเท่าไรน่ะ...ขออยู่ที่นี่สักพักเป็นเพื่อนเธอสักคืนจะได้ไหม?”

“ทะเลาะกับคนในครอบครัวมางั้นเหรอ?” คุนทาเร่เบิกตากว้าง เงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าตกอกตกใจ เขาส่งเสียงหัวเราะเจื่อนๆ ออกมา...แม้มันจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทว่าเขากลับหาเหตุผลอะไรในการอยู่กับเธอในคืนนี้ไม่ได้

“อ่า...ก็ คือ...มันก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอก แต่ว่า...”

“หืม.......?”

“........” เมื่อถูกคุนทาเร่จ้องกลับมา ตัวเขากลับเริ่มรู้สึกแข็งเป็นหิน ขยับตัวหรือทำอะไรไม่ถูกไปเสียพักใหญ่ ราวกับตัวเขานั้น ได้กลายเป็นจำเลยทำความผิดร้ายแรงไปเสียแล้ว...

ทว่าหลังจากจ้องมองเขาได้ไม่นานเธอก็เผยยิ้มออกมา จากนั้นก็กลายเป็นเสียงหัวเราะเหมือนเช่นเคย “คงจะมีเหตุผลอะไรใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าเกิดทะเลาะกับคนใกล้ตัวมาก็ต้องรีบกลับไปขอโทษทันทีนะ! ต้องอ่อนน้อมเข้าไว้ ไม่งั้นปัญหาก็ไม่มีทางแก้ไขได้หรอก!”

“อะ...อ่า...แต่ฉันไม่ได้ทะเลาะอะไรกับพวกเขาหรอก วางใจได้...” เพสหน้าเจื่อน เอ่ยตอบเธอกลับไปอย่างทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย...ตัวเขานั้นไม่ได้ทะเลาะอะไรกับคนในครอบครัวมาจริงๆ และก็เพราะไม่อยากให้เธอไล่เขากลับไปขอโทษคนที่เขาไม่ได้ทะเลาะด้วย เขาจึงต้องยอมบอกความจริงออกไป แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่สามารถบอกเหตุผลของเขาให้เธอรู้ได้อยู่ดี...คุนทาเร่เองก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องนั้นเช่นเดียวกัน แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ดังนั้นจึงได้เอ่ยเตือนเขากลับมาก่อน ว่าถ้าทะเลาะกับใครมาแล้วให้รีบกลับไปขอโทษเขาคนนั้นทันที...

เมื่อได้รับคำเตือนจากเธอเรียบร้อบแล้ว เขาก็ได้ล้มตัวลงนั่งข้างเธอเช่นเคย เงยหน้าขึ้นมองฟ้าเหมือนเช่นทุกที...สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มีอยู่เพียงแค่ภาพของท้องฟ้าที่ไร้ประกายดาวเท่านั้น

“ฮะ ฮะ ฮะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่พวกเราได้มานั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยกันแบบนี้ ถึงวันนี้จะไม่มีดาวก็เถอะ”

“นั่น...สินะ...” เพสเอ่ยตอบกลับไป เขาอยากจะพูดออกไปว่าพวกเขานั้นเคยมานั่งดูดาวด้วยกันแบบนี้หลายครั้งแล้ว...ทว่าเขากลับไม่สามารถพูดออกไปได้...เขาไม่สามารถพูดออกไปเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำเช่นนั้นขึ้นมาได้...

ในตอนนี้เรื่องเหล่านั้นมีตัวเขารู้อยู่เพียงแค่คนเดียว ตัวเขาเป็นผู้อยู่อาศัยที่มาจากโลกอนาคตอีกเล็กน้อย ส่วนตัวเธอนั้นเป็นผู้อยู่อาศัยที่มาจากช่วงเวลา ณ ปัจจุบันนี้...ต่อให้เขาพูดเช่นไรออกไป พวกเขาก็ไม่มีวันที่จะทำความเข้าใจกันได้อย่างแน่นอน...

“จะว่าไปก็ชักอยากดูนะ...ดูดาวด้วยกันในวันที่มีดาวเต็มท้องฟ้า...มันจะเป็นคืนที่สนุกขนาดไหนกันนะ...”

“ฮะๆๆๆๆ คงจะสนุกมากๆ เลยล่ะ”

“นั่นสินะ...คงจะสนุกมากเลยล่ะ...” คุนทาเร่เผยยิ้มออกมา เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่แลดูเศร้าโศกเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอจึงได้เผยสีหน้าออกมาเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้นเขากลับตัดสินใจที่จะเงียบไป

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่เลย

อยู่ที่ไหนล่ะเจโล...เธอน่าจะพุ่งมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ?

เพสเริ่มมองสอดส่องไปรอบๆ ตัว เพราะความมืดจึงทำให้เขามองอะไรไม่เห็นเลย แต่ก็เพราะเหตุนั้นมันจึงเริ่มทำให้เขารู้สึกกังวลใจ....ถ้าเธอไม่ได้คิดจะมาที่นี่ล่ะ?

“อ่า...พอดีฉันว่าฉันอยากจะไป...เออ...ยิงกระต่ายในป่าสักหน่อยน่ะ เธอ....ช่วยรออยู่ตรงนี้ก่อนจะได้หรือเปล่าเหรอ?”

“เอ๋....? แต่ป่านี้ไม่มีกระต่ายนะ....”

“.........” เพสเงียบไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเขาควรจะอธิบายความหมายของคำว่ายิงกระต่ายให้เธอฟังอย่างไรดี...แต่แท้จริงแล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปทำเรื่องนั้นจริงๆ เสียเมื่อไหร่ ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจเอ่ยตอบเธอกลับไปอย่างลวกๆ

“เอาเถอะน่า เอาเป็นว่าฉันมีธุระในป่าเล็กน้อยน่ะ...อยู่ตรงนี้นะ!! แล้วถ้าได้ยินเสียงใครที่ไม่ใช่ฉันเดินเข้ามาล่ะก็ ให้รีบหนีไปหรือหาที่หลบซ่อนทันทีเลย...เข้าใจนะ!!”

“เพสจริงจังจังเลยนะ...เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเหรอ...?” คุนทาเร่เงยหน้าขึ้นมองเขา เอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสา เมื่อได้เห็นสีหน้านั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกอยากถอดใจ แต่ถึงกระนั้นตัวเขาก็ยังบอกให้เธอทำตามเขา จากนั้นก็กลับหลังหันเดินตรงเข้าป่าไป

คุนทาเร่จะเป็นอะไรไหมนะ...ท่าทางไม่ค่อยรู้เรื่องออกแบบนั้น...?

เพสแอบรู้สึกกังวลขึ้นมา...แต่ถึงเขาจะรู้สึกเช่นนั้นเขาก็ไม่อาจหันหลังกลับไปได้อีกแล้ว...

เขาได้มุ่งหน้าตรงเข้าป่าไป...มุ่งตรงไป เพื่อตามหาเจโลที่ไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมานั้น...

***********************************************

เคราะห์ร้ายของเพสเสียเล็กน้อย เขาได้เผลอสวนทางกับเจโลมาพอดี ไม่สิ...ความจริงแล้วเจโลนั้นได้แอบอยู่แถวนั้นตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อเธอเห็นเพสเธอกลับไม่กล้าเดินเข้าไป...จนกระทั่งเมื่อเขาได้เดินจากไปแล้ว เธอจึงกล้าปรากฏตัวออกมาในที่สุด

“?”  คุนทาเร่ที่ยังคงนั่งอยู่บนหินริมหน้าผานั้น ได้หันกลับไปมองข้างหลังตามเสียงแหวกหญ้าที่ได้ยิน จากนั้นเธอก็ได้สังเกตเห็น...เด็กสาวคนหนึ่งที่ปรากฏกายขึ้นมาจากพงหญ้านั้น...

“อ้าว...? คนที่เจอกันเมื่อตอนนั้นนี่นา ถ้ามาหาเพสคุงล่ะก็ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนะ”

“........” เจโลไม่ตอบ เธอเงยหน้าขึ้น จับจ้องมองคุนทาเร่ที่นั่งอยู่ห่างจากเธอไปเล็กน้อย เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “เธอ...เป็นใคร? รู้จักกับเพสได้ยังไง....?”

“.........” คุนทาเร่ได้ฟังคำถามนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาของเธอเบิกกว้าง แสดงถึงความรู้สึกประหลาดใจต่อคำถามนั้น...

“เห.....?” จากนั้นเธอก็ส่งเสียงร้องเช่นนั้นออกมา ความรู้สึกแปลกประหลาดแผ่เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณที่พวกเขาทั้งสองกำลังประจัญหน้ากันอยู่

เมื่อเสียงสายลมพัดผ่านไป ใครคนหนึ่งก็ได้รู้สึกเสียใจกับการเผชิญหน้าในครั้งนี้...

*****************************************************

“ยัยเจโล ไปอยู่ที่ไหนกันนะ...?” ไม่ว่าจะกลับไปที่หมู่บ้านของเขา ถามหาเอาจากคนในหมู่บ้าน หรือกลับไปเดินหาดูในป่าเขาก็ไม่พบเจอเจโลเลย...สิ่งที่เขาได้รู้มามีเพียงว่าเจโลนั้นได้หายออกไปจากบ้านและยังไม่กลับมาเท่านั้น เขาได้รับคำขอจากแม่ของเจโลให้ออกมาตามหาลูกของเธอ ซึ่งตัวเขาเองก็ต้องการที่จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว เขาจึงไม่คิดจะขัดข้องอะไร

แต่ว่าแถวๆ หมู่บ้านมันก็มีอยู่แค่นี้ไม่ใช่เหรอ...? ถ้าอย่างนั้นแล้วเจโลจะหนีไปไหนได้อีกล่ะ?

เขาเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา...หรือว่าเขาจะตามหาไปไม่ทั่วนะ...ไม่สิ เขาตามหาเธอทุกซอกทุกมุมแล้วนี่นา...

ท้ายที่สุดเขาก็ได้เดินกลับไปยังบริเวณที่คุนทาเร่อยู่อีกครั้ง แต่ที่นั่นก็ยังมีคุนทาเร่นั่งอยู่ตามเช่นปกติ ไม่มีวี่แววของเจโลปรากฏอยู่แถวนั้นเลย

“นี่ คุนทาเร่....เธอได้เจอใครโผล่มาแถวนี้บ้างหรือเปล่า?”

“เอ๋?” แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมากลับมีเพียงแค่สีหน้าแสดงความสงสัยของเธอเท่านั้น เพสได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับ...เห็นท่าทางเช่นนั้นเขาก็สามารถบอกคำตอบได้จากท่าทีของเธอแล้ว...

“ไม่เป็นไรหรอก อย่าไปคิดมากเลย”

“อืม....” คุนทาเร่งึมงำตอบไป เอียงคอไปเล็กน้อย ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังต้องการอะไร

ถ้าเจโลไม่ได้มาที่นี่แล้วล่ะก็....ถ้าอย่างนั้นเธอจะไปที่ไหนกันล่ะ?

เมื่อเขาหยิบนาฬิกาของตนขึ้นมาดู เขาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาราวๆ สามทุ่มแล้ว...ถ้าสามทุ่มยังไม่ปรากฏกายก็อาจจะหมายความว่าเธอนั้น ไม่คิดที่จะปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่อีกแล้วก็เป็นได้...

“ขอโทษนะ พอดีว่าฉันกำลังตามหาเพื่อนคนหนึ่งอยู่น่ะ แล้วไม่รู้ว่าเธอคนนั้นจะมาที่นี่หรือเปล่า เพราะฉะนั้นก็เลยเผลอถามอะไรแปลกๆ ไป....”

“เอ๋!? งั้นเหรอ? จะให้ฉันช่วยตามหาด้วยไหม?” คุนทาเร่เบิกตากว้าง เอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจ ทว่าเพสก็ได้ส่ายหน้าเอ่ยตอบไป “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันว่าจะลองลงไปหาที่หมู่บ้านกับบริเวณใกล้ๆ อีกรอบดู....อ่า...แต่ไม่จำเป็นต้องไปตามหาเธอคนนั้นหรอกนะ! จำไว้ว่าถ้าเกิดเจอใครมาที่นี่ก็ให้รีบหนีไปทันทีนะ เข้าใจไหม!?”

“อ่า...ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าทำไมต้องรีบหนีไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นอันตรายแท้ๆ...แต่ถ้าเกิดบอกแบบนั้นฉันก็จะทำตามก็ได้...”

“ขอบใจมากนะ คุนทาเร่” หลังจากยิ้มให้เธอแล้ว เขาก็ได้กลับหลังหันและวิ่งจากไป คุนทาเร่โบกมือลาเขาอยู่ด้านหลังได้เสียพักหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ได้หันกลับไป เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง

“บางที...คนเราก็จำเป็นที่จะต้องโกหกบ้าง...สินะ?”

*****************************************************

เจโล...หายไปอยู่ที่ไหนกันแน่นะ....?

เพสได้เดินมาจนถึงบริเวณทางลงจากเขาแล้ว แต่ระหว่างทางนั้นเขาก็ยังไม่เจอเจโลเช่นเคย

เขาตัดความเป็นไปได้เรื่องที่เธออาจจะได้ขึ้นมาที่นี่ไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะไม่ว่าเขาจะวนหาบนเขานี้เสียกี่รอบ เขาก็หาเธอไม่เจอเลย...นั่นก็หมายความว่าเธอนั้น ไม่ได้ขึ้นมาบนเขานี้ตั้งแต่แรกแล้ว...

หรือจะเป็นไปได้ว่าเธอจะหนีไปเมืองข้างๆ...เป็นไปไม่ได้น่า...เมืองข้างๆ ที่ว่านั่นมันก็อยู่ห่างออกไปตั้งหลายกิโลเมตรเชียวนะ...

“เฮ้อ...” ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แต่เพียงถอนหายใจ ตั้งสติ ตัดเรื่องของเธอทิ้งไป พลางก้าวเท้าลงไปตามทางเดินที่ลาดชันอย่างระมัดระวัง

ช่วงหลังๆ นี้เขาได้มีโอกาสปีนขึ้นลงเขานี้ยามค่ำคืนเป็นประจำ เพราะฉะนั้นเขาจึงสามารถปีนลงเขาได้โดยไม่จำเป็นตะพะว้าพะวนเรื่องความปลอดภัยมากมายแล้ว...

ความเคยชินนั้นทำให้เขาทำอะไรได้ง่ายดายมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถปล่อยปละละเลยตามความเคยชินของตัวเองได้...บางทีอุบัติเหตุนั้นก็เกิดขึ้นมาจากความประมาทนั้น เพราะฉะนั้นเขาจึงได้พยายามมุ่งมั่นไปที่การปีนลงเขา พยายามไม่ให้เหยียบเศษหินเศษดินและร่วงตกลงมาจากเขานั้น

“แต่ถ้าแบบนี้เราจะไปหาเจโลได้จากที่ไหนกันล่ะเนี่ย....” เพสได้หยุดนิ่งอยู่บริเวณกลางทางลงชั่วขณะ เขายกมือขึ้นป้องตา พยายามสอดสายตามองไปบริเวณรอบๆ หมู่บ้าน แต่ก็เพราะบริเวณนั้นในตอนนี้ได้มืดสนิทไปเรียบร้อยแล้ว...มีเพียงแสงไฟจากบางบ้านเท่านั้นที่ยังคงติดอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองหาใครได้เลย

“เอาเถอะ...กลับไปบอกแม่ของเจโลก่อนแล้วค่อย.....” เขาตั้งใจจะเอ่ยพูดต่อไป ทว่าความรู้สึกหนาวสั่นที่พุ่งวาบเข้าไปมาในสันกระดูกของเขาอย่างกะทันหันกลับทำให้คำพูดของเขาหยุดชะงักไปกลางคัน

เขารู้สึกเหมือน....มีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติกำลังเกิดขึ้น...

เขาได้เงยหน้าขึ้นไปมองบนหน้าผานั้น...มองขึ้นไปยังด้านบนสุดที่เขาเพิ่งปีนจากมา แล้วเขาก็ได้เห็น....เงาของใครบางคนที่กำลังยืนมองเขาอยู่จากตรงนั้น...

“คุนทาเร่งั้นเหรอ?” เพสส่งเสียงตะโกนถามไป คนที่จะโผล่ขึ้นมาจากบริเวณนั้นได้มีแต่เพียงคุนทาเร่เท่านั้น แต่ว่าเธอตามมาหาเขาที่นี่เพื่ออะไรล่ะ?

ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบ...ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากเธอคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านบนเลย...

“?” บางทีเธออาจจะต้องการพูดอะไรกับเขา และบางทีจากตรงนี้เธออาจจะไม่ได้ยินเสียงของเขาก็เป็นได้...เขาไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร เพราะจากบริเวณที่เขายืนอยู่นั้น เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้...ไม่สามารถบอกได้เลยว่าเธอคนนั้นกำลังคิดจะทำหรือพูดอะไร ด้วยเหตุนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจ....คิดที่จะปีนขึ้นไปข้างบนอีกครั้งเพื่อไปหาเธอ

ฟึบ!!

“...............”

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขากลับไม่สามารถทำใจหรือคิดอะไรได้เลย...

เงานั้นได้ร่วงหล่นลงมา...ร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็วเสียจนตัวเขาเองก็ยังตั้งสติไม่ทัน

ท้ายที่สุด...ใบหน้านั้นก็ได้ร่วงหล่นลงมาบริเวณเบื้องหน้าของเขาพอดี...

ร่างของใครคนนั้นอยู่ในสภาพพลิกคว่ำ หัวทิ่มดิน....นั่นไม่ใช่ใบหน้าของคุนทาเร่ที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรก แต่เป็นใบหน้าของคนที่เขากำลังตามหาอยู่จนกระทั่งถึงตอนนี้...

“คนทรยศ....”

“!!” เธอคนนั้นเอ่ยประโยคเช่นนั้นออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อพวกเขาทั้งสองเผชิญหน้ากัน ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น...

ตึ้ง...

เสียงทุ้มๆ หนักๆ คล้ายเสียงของแข็งร่วงหล่นลงไปกระทบกับพื้นดินเบื้องล่าง...ไม่สิ...มันเป็นเสียงอวัยวะหรือร่างกายของใครบางคนกำลังแหลกเหลวเสียมากกว่า...

เพสทำอะไรไม่ถูก...เขาทำได้แต่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น...ยืนนิ่งเกาะทางขึ้นเขาอยู่เช่นนั้นทำอะไรไม่ถูก....ในที่สุดดอกไม้สีแดงก็ได้เบ่งบานขึ้นเบื้องใต้เขา เบ่งบานขึ้นมา...บนพื้นดินบริเวณทางขึ้นเขานั้น...

“เจโล!!!!!!!!!!!!” เสียงร้องตะโกนอย่างใจสลายของเขาดังแหวกฝ่าอากาศออกไป ชั่วขณะนั้นเขาก็ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด...

ตัวเขานั้น....ได้มองใครบางคนที่สำคัญกับตัวเองแหลกเหลวตายไปต่อหน้าต่อตาตัวเองแล้ว...

***************************************************

“.............”

“?” ในขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอยู่อย่างเงียบงันเธอก็ได้ยินเสียง...เสียงกรีดร้องของใครบางคนดังขึ้นมาจากบริเวณทางขึ้นเขานั่น

“..............อ่อนแอ..............ขนาดนี้เลยเหรอ...........?”

คุนทาเร่เอ่ยออกมาด้วยปากที่อ้ากว้าง...ปากของเธออ้าเปิดขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆ หุบลงไป...ความรู้สึกเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออย่างช้าๆ

“...............ทั้งๆ ที่.................เธอเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ.....?”

คุนทาเร่เอ่ยออกมาเบาๆ อีกครั้ง แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เธอได้เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง ท้องฟ้าที่ไร้ดาว...เป็นท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีดำทมิฬ....แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีสายฝนโปรยปรายลงมา

“เอาล่ะ....แล้วคราวนี้เขา....จะทำยังไงต่อไปดี?” เธอได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าเหมือนคนที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้วและกำลังรอผลบางอย่างให้ปรากฏอยู่ แต่หลังจากนั้นเค้าเงาแห่งความเศร้าสร้อยก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออีกครั้ง...

“............ไม่อยาก............ให้เป็นแบบนั้นเลยนะ..........” เด็กสาวได้พึมพำออกมาเช่นนั้น แต่ทว่าเธอก็ยังไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์ในคราวนี้ได้....

“..........” ท้ายที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจ เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าอย่างเงียบงันพร้อมตัดสินใจอะไรบางอย่างกับตัวเองเพียงคนเดียว

หลังจากนั้นไม่นาน.....เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังวิ่งตรงมาทางนี้....

********************************************************

เพสได้ปีนกลับไป วิ่งกลับไปขอให้คุนทาเร่ช่วยเหลือ

เธอบอกว่าเธอนั้นมีวิชาแห่งการรักษาอยู่....แม้มันจะทำได้เพียงแค่บำบัดแต่ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถช่วยเหลือเจโลในตอนนี้ได้

เมื่อได้ยินเรื่องที่เขาวิ่งมาบอกเธอ คุนทาเร่ก็ได้ตัดสินใจ จับมือของเขาเอาไว้ บอกให้เขาจับเธอไว้แน่นๆ และพาเขาบินตรงไปยังบริเวณที่เจโลร่วงหล่นลงไปโดยตรงทันที

พวกเขามาถึงบริเวณนั้นได้ในเวลาเพียงไม่นาน เมื่อลงสู่พื้นได้ไม่นาน คุนทาเร่ก็ได้ปล่อยมือจากเพสและวิ่งตรงไปหาเจโล...

หัวของเด็กสาวร่วงลงมากระแทกหินก้อนใหญ่แถวนั้นเข้าพอดี...เธอเสียชีวิตทันทีที่ร่างของเธอร่วงลงมาถึงพื้น

“เป็นไปไม่ได้........” เพสพึมพำออกมาเมื่อได้ยินคุนทาเร่บอกเช่นนั้น คุนทาเร่หันกลับไปมองเขา ดวงตาของเธอบ่งบอกให้เขารู้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้น....เป็นความจริง...

“.......ฮึก......”

ตุบ!!

“.........” ร่างของเพสค่อยๆ ทรุดลงไปกองกับพื้น ดวงตาของเขาสั่นเครือ...จับจ้องมองไปแต่เพียงจุดที่เจโลนอนนิ่งเลือดท่วมกายอยู่เท่านั้น

“ไม่....” เขาพึมพำออกมาเพียงเบาๆ ทว่าความเสียหายในใจของเขา...กลับมากเสียจนไม่อาจทำให้เขาเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้อีกต่อไป...

***************************************************

[เป็นเพราะความผิดของฉันเอง...เพราะฉัน....เธอถึงต้องตาย...]

คุนทาเร่ได้เอ่ยออกมาหลังจากที่เขาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ทว่าเขารู้ดี...เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ

ที่ผิดน่ะ...คือตัวเขาเองต่างหาก....

ตัวเขาเองที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องของเจโล...ตัวเขาเองที่ไม่เข้าใจเลย ว่าเพราะอะไรเจโลจึงได้ตัดสินใจกระโดดหน้าผาลงมาในตอนนั้น

ในตอนนั้น...ตอนที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากันในสภาพที่กำลังร่วงหล่นลงมา เจโลได้พูดเอาไว้...

[คนทรยศ....]

เธอพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเปื้อนน้ำตา...เขาไม่รู้เลยว่ามันหมายความว่าอย่างไร....

“ทำไม....มันถึงเป็นแบบนี้....?” เพสไม่เข้าใจอะไรเลย...ตัวเขาทรุดตัวลงไปกอดตัวเองกลมบนเตียงของตัวเขาเอง

ในตอนนี้....ไม่มีใครเลยที่คิดจะเข้ามาปลอบเขา...

หลังจากเกิดเรื่องในคราวนั้นขึ้นมา เพสก็ได้ไปเรียกพวกผู้ใหญ่ที่หมู่บ้าน บอกให้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันคุนทาเร่เองก็จำเป็นที่จะต้องหลบไปจากที่นั่นเพื่อไม่ให้พวกผู้ใหญ่สงสัยว่าเธอเป็นตัวการก่อให้เกิดเรื่องนี้

[ขอโทษนะ....ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย....ทั้งๆ ที่เป็นความผิดของฉันเองแท้ๆ....]

คุนทาเร่เอ่ยขอโทษออกมา...น้ำตานองหน้าส่องประกายแสงจันทร์เป็นประกายสวยสดงดงามก่อนที่ตัวเธอจะบินจากไป และก่อนที่ตัวเขาจะวิ่งไปตามพวกผู้ใหญ่มา...

เขาไม่รู้เลย...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอจึงได้เอ่ยโทษตัวเองเช่นนี้...แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยคิดจะเอ่ยโทษเธอเลย เพราะความจริงแล้วมันเป็นเพราะเขาเองต่างหาก

เป็นเพราะเขา...เป็นเพราะตัวเขาเอง...

เป็นเพราะตัวเขาเองเจโลถึงต้องมาตาย....ไม่เช่นนั้นเธอเองก็คงไม่จำเป็นต้องตาย...

พวกผู้ใหญ่ไม่ได้เอ่ยโทษเรื่องของเจโลกับเขา...เพราะพวกเขารู้ดี เรื่องที่เพสเที่ยววิ่งไปทั่วหมู่บ้านเพื่อตามหาเจโลนั่น...

แม่ของเจโลเมื่อได้มาเห็นสภาพศพของลูกสาวตนก็ร้องไห้คร่ำครวญให้กับการจากไปของเธอ....เสียงร้องไห้ของเธอเป็นเสียงที่ฟังแล้วสะเทือนไปถึงหัวใจ....หากจะบอกว่ามันเป็นเสียงคล้ายอะไรก็คงจะต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่ามันเป็นเสียงคล้ายเสียงร้องครวญครางของสัตว์ป่ามากกว่า....เสียงร้องแสดงความเสียใจที่ไม่ว่าจะมีความทุกข์เท่าใดก็ไม่สามารถร้องได้....จนกว่าจะมาพบเจอกับเรื่องที่เศร้าสร้อยเสียจนชวนให้สูญเสียความเป็นตนเองเช่นนี้จริงๆ...

ไม่มีใครพูดอะไรได้เลย...ตัวเขาเองก็รู้สึกช็อค....ช็อคที่เธอด่วนจากไปเช่นนี้....มีคนเข้ามาให้กำลังใจเขา...บอกว่าอย่าเสียใจไป รวมทั้งเข้าไปให้กำลังใจแม่ของเธอด้วย....แต่ถึงกระนั้นกับสัตว์ป่าที่ได้สูญเสียลูกของตัวเองไปแล้ว...ยังจะมีอะไรให้ทำใจแข็งได้ต่อไปอีกอย่างนั้นหรือ...?

ร่างของเจโลได้ถูกพวกผู้ใหญ่นำไปประกอบพิธี....แม้ว่าพิธีนั้นจะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ทว่าพวกเขาก็ตั้งใจทำพิธีเช่นนั้นเพื่อคนที่รักเธอ...

เพื่อปลอบประโลม...เหล่าผู้คนที่รักเธอซึ่งต้องสูญเสียตัวเธอไปอย่างกะทันหัน...

“เพส....ไม่ไปงานของเจโลเหรอ....?”

“..............” ตัวเขานิ่งไป...แม้จะได้ยินเสียงแม่แล้วแต่เขาก็ยังไม่ลุกไปไหน

“.........คงจะเสียใจมากสินะ....ถ้าไม่อยากเห็นใบหน้าของเจโลครั้งสุดท้ายก็ไม่เป็นไร.......” แม่ของเขาเอ่ยออกมาเช่นนั้น....แม้เธอจะแสดงท่าทางเหมือนอยากให้เขาไปมากกว่า แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจแต่อย่างใด

ปึ้ง....

ท้ายที่สุดประตูห้องของเขาก็ได้ถูกเลื่อนปิดลงไป...เลื่อนปิดลงไปอย่างแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบงันที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดใจ...

เราควรจะ...ทำอย่างไรต่อไปดี...?

เขากลัว....กลัวที่จะถามเรื่องนี้กับคุนทาเร่...แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ได้...

ตัวเราควรจะ...ทำอย่างไรดี?

ไม่มีคำตอบใดๆ อีกเลย...นอกจากทางออกที่ว่านั่น

ทางออกนั้น...ทางออกที่เขาเคยใช้มาแล้ว...แม้เขาจะไม่รู้ว่ามันมีกลไกอย่างไร ทว่าเขาก็ยังปรารถนาที่อยากจะใช้ทางออกนั้น....

“อยากจะ...ย้อนเวลากลับไป....”

รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงนาฬิกา....ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่เสียงของนาฬิกาแขวนผนังที่แขวนอยู่ในห้องของเขาก็เท่านั้น

อยากจะ.....ย้อนกลับไป....

ตัวเขาในคราวนี้ได้เมินเฉยเจโลมากเกินไป...แม้เขาจะช่วยคุนทาเร่ได้แล้วแต่เขาก็ยังไม่อาจช่วยตัวเธอเอาไว้ได้....ไม่สิ เขาเลือกที่จะช่วยเหลือคุนทาเร่มากเกินไปต่างหาก....

ถ้าเกิดเราย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้งล่ะก็....

ติ๊ก...ต้อก....ติ๊ก....ต้อก....

เสียงนาฬิกาดังก้องกังวานอยู่ภายในห้อง...เสียงหนึ่งเป็นเสียงที่ดังมาจากนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องของเขา ส่วนอีกเสียงก็คือเสียงของนาฬิกาพกที่ใส่อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงของเขา...

จากนั้นตัวเขา....ก็ได้เริ่มต้นการย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง...

***************************************************

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา