ดาวเสี่ยงเธียร(ปาฏิหาริย์รักในคืนฝนดาวตก)
เขียนโดย มะมาย
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.02 น.
แก้ไขเมื่อ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 18.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) first kiss oop!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเสร็จจากรับยาที่คลินิก
~สหสมุทรรีสอร์ท
ฉันตะกายลงจากรถแทบไม่ทันเพราะวิวทิวทัศน์ที่เป็นธรรมชาติสวยงามแถมยังมีทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มกว้างใหญ่แถมยังมีแกะและม้ายืนเล็มหญ้าอยู่เต็มไปหมด O,O!!!!!
“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม!”
เธียรทัดเอ่ยปากเรียกคนที่อ้าปากค้างหลังจากที่เขารู้ตัวว่าเธอไม่ได้เดินตามมาด้วย
“ห๊ะ….รอฉันด้วยเซ่”
พอรู้ตัวอีกทีเขาก็เดินนำหน้าฉันออกไปแล้วฉันก็ได้แต่รีบซอยเท้าวิ่งตามไปให้ทันกระทั่งมาถึงคอกม้า
“สวัสดีครับคุณหนู เชิญทางนี้ครับ”
ที่นี่มีม้าหลายสิบตัวทุกตัวสวยและสง่างามคาดว่าไม่น่าจะเป็นม้าที่คอยให้บริการนักท่องเที่ยวขี่ชมสถานที่อย่างเดียวแต่คงเลี้ยงเอาไว้เพื่อแข่งประกวด
“ไงม่านเมฆไม่เจอกันซะนานโตขึ้นเยอะเลยนะ” ว่าพลางลูบที่หัวมัน
“ม้าของนายหรอ”
“ใช่ สง่ามากใช่ไหมล่ะ” เขากล่าวอย่างภูมิใจ
“แสดงว่า ชื่อม่านเมฆนี่ นายก็เป็นคนตั้งล่ะสิ”
“เป็นไงล่ะเพราะกว่าที่เธอตั้งให้ไอ้แมวเกาหลีหน้าโง่นั่นมากล่ะสิ”
ไอ้คนสองมาตรฐาน ฉันเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเชิ่ดๆ
“ว่ากันว่ามีแต่พวกคนรวยๆเท่านั้นที่จะขี่ม้าได้” ฉันบ่น
“ไม่จริงหรอกใครๆก็ขี่ได้ทั้งนั้น”
“อือฉันก็ว่าไม่จริงเพราะถึงฉันจะมีเงินฉันก็ไม่มีทางขี่มันหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ถามได้ก็ขี่ไม่เป็นน่ะสิอีกอย่างฉันไม่อยากโดนมันดีดหน้าหงายตกลงมาหรอก”
เขาทำเป็นยิ้ม
“…….ทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“เปล่า”
ว่าแล้วจึงกระโดดขึ้นไปอยู่บนหลังของม่านเมฆ จากนั้นเขายื่นมือมาให้
“ส่งมือมาเร็วสิ.......หรือว่าจะต้องให้คนพวกนั้นมาอุ้มเธอขึ้น”
ฉันชายตามองไปยังกลุ่มผู้ชายเลี้ยงม้าสี่ถึงห้าคนที่เขาพูดถึง ใช่...รูปร่างกำยำร่ำสันซะขนาดนั้นเรียกว่าแบกม้าสบายๆได้ทั้งตัวแถมพวกเขายังส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มกลับมาให้ไม่เท่านั้นยังทำท่าทางไม่น่าไว้วางใจ ฉันยิ้มกลับไปเป็นมารยาทก่อนจะยื่นมือให้กับเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ ตอนนี้ฉันอยู่บนหลังม่านเมฆซึ่งอยู่ตำแหน่งหน้าเขา ทันทีที่เขาสั่งให้มันวิ่งเคลื่อนที่ออกไปฉันที่ไม่รู้ว่าจะจัดวางอวัยวะของตัวเองไว้ที่ไหนดีก็หงายหลังเงิบทำท่าเหมือนจะตกลงไปทว่าเขาใช้มือข้างหนึ่งโอบที่เอวฉันไว้ ณ ห้วงเวลานั้นฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าความกลัวที่เล่นงานก่อนหน้านี้หายไปไหน แป๊ะ แป๊ะ! ฉันใช้มือตีที่แขนเขาแบบไม่ยั้ง
“เอามือนายออกไปนะ!” เธอโวยวาย
“ถ้าไม่อยากตกลงไปเป็นศพข้างล่างก็นั่งนิ่งๆ”
ศพ! ถ้าหากฉันตกม้าตายไปจริงๆศพไม่สวยแน่แล้วก็คงจะตกเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ดับอนาถสาวตกม้าตาย แต่ว่าเขาจะถือโอกาสนี้แต๊ะอั๋งฉันน่ะสิ ไม่ได้
“อย่ามาโกหกซะให้ยากคนอย่างฉันไม่กลัวคำขู่นายหรอก”
เท่านั้นเองเขาก็ปล่อยมือจากเอวฉันไปแต่ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเร่งฝีเท้าม่านเมฆให้เร็วขึ้นอีก
“ว๊าก!!นายทำบ้าอะไรเนี่ยเดี๋ยวฉันก็ได้ตกลงไปจริงๆหรอก”
“ไม่กลัวไม่ใช่หรือไง
“งั้นนายก็ช่วยขี่ให้มันช้ากว่านี้เซ่!”
“ถ้าอย่างนั้นก็หมดสนุกแย่สิ” ” เธียรทัดแสยะยิ้มชั่วร้าย
ป่าเถื่อนที่สุด แต่ถ้าฉันปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงหมายถึงจุดจบของฉันจริงๆแน่ หมับ~ฉันรีบคว้ามือเขาให้มาโอบที่เอวฉันอย่างเดิม มับ!
“คิดจะลวนลามฉันหรอ”
“ไอ้บ้า ฉันเกลียดนายไว้ฉันลงไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่รับรองนายไม่มีทางได้หัวเราะอีกแน่”
เพราะมีแขนเขาคอยโอบฉันอยู่ทำให้ฉันแน่ใจว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางปล่อยฉันตกลงไปและเมื่อพอได้สัมผัสกับบรรยากาศอันแสนจะเป็นธรรมชาติสุดๆความโกรธของฉันก็ค่อยๆหลุดล่อนไปกับสายลมที่โถมเข้าฝาดปะทะเข้าหน้าฉันอย่างไม่ปรานี-O-กระทั่งเรามาหยุดอยู่ที่สระน้ำธรรมชาติอันกว้างใหญ่ เขาน่ะลงได้อย่างสง่างามไม่น่าสงสัย แต่ฉันนี่สิ...
“คิดจะนั่งอยู่บนนั้นอีกนานไหม ฉันยื่นมือให้จนเมื่อยแล้วนะ”
“ไม่ต้อง จะลงเอง”
“อวดเก่ง”
“ไม่ได้อวดเก่งแต่แค่จะลงเอง”
ว่าแล้วฉันก็พยายามหาวิธีลงอย่างทุลักทุเลโดยไม่คิดว่านั้นจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน อยู่ๆฉันก็เซไปเซมาเหมือนกับว่าจะทรงตัวไม่ได้ จนในที่สุด ปัก! ฉันล่วงหล่นลงจากหลังม้าแต่ทำไมกลับไม่รู้สึกเจ็บฉันจึงค่อยๆลืมตาขึ้นเพื่อมองดูว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของฉันนั้นคือสิ่งใด สุดช๊อกนี่มัน! เมื่อรู้ว่าไอ้สิ่งที่ฉันสงสัยก็คือ…ฉันก็รีบที่จะพาตัวเองที่ล้มทับคล่อมร่างเขาอยู่ขึ้นมาทว่าฟ้าคงคิดจะแกล้งฉันเมื่อแขนที่ตอนนี้ใช้เป็นหลักค้ำไม่ให้หน้าเราใกล้กันไปกว่านี้เกิดรู้สึกเจ็บขึ้นมากะทันหัน ตายล่ะ...กึก!...Kiss จ๊วบ เท่านั้นเองฉันไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหนผละตัวเองขึ้นมาจนได้
“คนฉวยโอกาส”
ฉันใช้มือถูริมฝีปากอย่างเอาตายจนปากเกือบฉีก
“อะไร เธอเป็นคนหล่นลงมาหอมแก้มฉันเองนะ”
ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ
“หรือว่านี่คือวิธีที่เธอใช้เอาคืนฉันกันแน่”
“นายคิดว่าที่ฉันจะยอมเสี่ยงหล่นลงมาจากหลังม้าเพื่อหอมแก้มนายพอดีเป๊ะอย่างนี้มันแผนฉันหรอ ไม่ทราบว่าเอาสวนไหนคิด”
“แล้วทำไมจะต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วย หรือว่าเธอไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อนฉันคง...เป็นคนแรกของเธอสินะ”
“คนแรกงั้นหรอ ฉันทำแบบนี้ออกจะบ่อย” =b=
“ที่ว่าบ่อยนี่กับใครล่ะ”
“จะกับใครก็ช่างมันไม่ใช่เรื่องของนาย”
เขาผูกม่านเมฆไว้ที่ต้นไม้แถวนั้นก่อนจะเดินนำฉันไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นแม่น้ำที่สวยมาก
“ที่นี่มันเหมือนกับรูปที่นายวาดอยู่นี่ห้องนั้น .......(เงียบ)......ไม่ใครพูดใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร”
“ทำไมนายถึงหวงห้องนั้นด้วยล่ะทั้งที่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรนอกซะจากรูปวาด(เปื้อนฝุ่น)สวยๆพวกนั้น”
“อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายที่ห้องนั้น ที่ที่เป็น.....”
“ที่ที่เป็น ความทรงจำของนายกับแม่”
“เข้ามาอยู่ที่บ้านฉันไม่ทันไรดูเหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องไปซะหมดทุกอย่าง”
“โอเคฉันจะถือซะว่านั่นเป็นคำชม นั่น! ตรงนั้นมีเรือถีบด้วย ไปกันนะ”
ฉันหันไปชวน ทว่า
“ไม่ล่ะ”
“ได้ไงล่ะเรือนั่นมีสองที่นั่งขืนฉันปั่นคนเดียวมีหวังน่องปูดแน่”
“เธอนี่ปัญญาอ่อนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
ว่าพลางใช้นิ้วดันไปที่หน้าผากหญิงสาว
“วันนี้ฉันยอมให้นายด่าว่าปัญญาอ่อนได้โดยที่ฉันจะไม่โกรธเลยแม้แต่นิดเดียวแต่มีข้อแม้ว่านายจะต้อง…..”
และเรือรูปแมวคือลำที่ฉันเลือก
“ออกแรงหน่อยสิ ฉันอยากไปตรงนู้น”
ประกายดาวชี้ไปที่ดอกบัวที่อยู่ไกลๆเกือบกลางสระ พอไปถึงเธอก็บอกให้เขาช่วยถ่ายรูปให้ด้วย
“มีแต่รูปฉันไม่มีรูปนายเลย มาเถอะถ่ายรูปกัน”
“ไม่”
เธียรทัดปฏิเสธพลางดันโทรศัพท์ออก แต่ประกายดาวไม่ได้สนใจเธอก็กดถ่ายๆไปทั้งที่เขาบ่ายเบี่ยงอยู่อย่างนั้น
พอขึ้นฝั่งได้เท่านั้นเขาก็ตรงไปที่ร้านอาหารริมน้ำใกล้ๆทันที
นั่งได้เพียงเสี่ยวอึดใจบริกรก็เดินเข้ามาประจำที่
“รับอะไรดีครับ”
“ข้าวผัดครับ/ค่ะ !” เจ้าของเสียงทั้งสองหันมามองหน้ากัน
“นายเลียนแบบฉัน เปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยนะ” เธอออกคำสั่ง
“เธอนั่นแหละที่ต้องเปลี่ยน ! / นายตั้งหากเล่า”
เธอทุบโต๊ะดังลั่นจนลืมว่าแขนตัวเองเจ็บอยู่ อู้ววว เจ็บจี๊ด
“เอาล่ะครับไม่ต้องเถียงกัน สรุปว่าข้าวผัดสองจานนะครับ”
บริกรหนุ่มรีบหาข้อสรุปก่อนจะกลับมาพร้อมกับข้าวผัดสองจานที่สั่งไป
ว้าว น่าตาน่าทานสุดๆไปเลยแฮะ ข้าวเรียงตัวเป็นเม็ดสวย ยิ่งเวลาได้เข้าไปอยู่ในปากคลุกเคล้าผสมกัน โดยเฉพาะเนื้อนุ่มๆสัมผัสได้เลยว่าแทบละลายในปาก^o^อร่อยจังฮู้
“ว่าแต่มันเนื้ออะไรกัน”
เธอนึกสงสัยทำไมมันถึงไม่เหมือนเนื้อหมูที่เธอหมักขาย
“มาที่นี่เธอเห็นตัวอะไรบ้างล่ะ”
“แกะ กับ ม้า”
เขาทำสีหน้าแบบนี้คงจะไม่ได้หมายความว่าไอ้ที่ฉันเคี้ยวตุ้ยตุ้ยอยู่ในปากมันคือ…..ในขณะที่ปล่อยให้ฉันทำหน้าแบบเสียเซลล์แบบสุดๆเขาก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที
“ล้อเล่นน่ะ ดูทำหน้าเข้า”
คนบ้า หญิงสาวบ่นในใจ
อาหารมื้อเย็นผ่านไปพร้อมกับความหวาดระแวงและเรากำลังจะกลับแต่ก่อนกลับ ฉันขอแวะที่ปั้มเพื่อซื้ออาหารเม็ดของเกาหลีที่ใกล้จะหมดเต็มที
ระหว่างเดินกลับออกมาจากร้านสะดวกซื้อฉันเหลือบไปเห็นใบประกาศที่ติดไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง รูปบนใบประกาศทำให้ฉันตัดสินใจเดินไปดู เกาหลี มีคนกำลังตามหามัน ให้ตายสิฉันจะต้องไม่ให้เขาเห็นไอ้นี้เด็ดขาด
ว่าแล้วฉันจึงขยำแล้วปาทิ้งไปอย่างเร็วจี๋
พึ่บ ! “อะไรเนี่ย”
เธียรทัดร้องโอยเบาๆเมื่อมีบางอย่างลอยมาหล่นใสหัวเขาอย่างจัง เขาก้มเก็บสิ่งๆนั้นขึ้นมาดู
“เกาหลี!” คำนี้หลุดออกมาจากปากเขา
ชายหนุ่มกวาดตามองหาประกายดาวเมื่อไม่เห็นเขาก็รีบเก็บกระดาษใบนั้นใส่กระเป๋าไว้ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถด้วยสีหน้าปกติ
วันต่อมา
ขณะที่ประกายดาววุ่นอยู่กับการนั่งตรวจงานเป็นครั้งสุดท้ายเสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมที่มีปลายสายมากจากผู้ที่เธอไม่ต้องการคุยด้วยพลันดังขึ้น หล่อนเผลอรับทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ปิดเครื่องใส่มาตลอด
“หนูดาวนี่เสี่ยเองนะจ๊ะ” ปลายสายทำเสียงหวานเยิ้ม
พอได้รู้ว่าเจ้าของเสียงอันอัปลักษณ์ที่ว่าคือ เสี่ยประยูร เธอถึงกลับอยากตบกะโหลกตัวเองจริงๆ
“ค่ะเสี่ย”
“วันนี้หนูดาวว่างไหมจ๊ะคือเสี่ยมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วยเป็นการส่วนตัว”
“คือดาว…”
หญิงสาวเตรียมจะปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าเรื่องสำคัญของเสี่ยไขมันตันนี่คงหนีไม่พ้นต้องการตัวเธอไปขัดดอกอย่างที่เคยพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ แน่นอนว่าครั้งนี้เขาไม่มีทางยอมปล่อยเธอให้หลุดมือไปได้อีกหนจึงพูดเชิงเตือนว่านี่ไม่ใช่คำเชิญแต่เป็นคำสั่งที่ต้องปฏิบัติตาม
“หนูดาวรู้ใช่ไหมว่าไม่ว่าจะยุ่งยังไงก็ต้องมาพบฉันให้ได้”
ประกายดาวเข้าใจความหมายดีครั้งนี้เธอคงหลบหน้าไปไม่ได้เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“ค่ะเสี่ย”
ยังไงซะวันนี้ก่อนเที่ยงวันเธอก็ต้องหาจังหวะเหมาะๆหลบเธียรทัดที่มักจ้องคอยจับผิดออกไปให้ได้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นใจเพราะวันนี้ชายหนุ่มเองมีธุระสำคัญต้องไปสะสางเช่นเดียวกัน ประกายดาวจึงใช้โอกาสนี้เพื่อไปพบเสี่ยประยูร
คาสิโนเสี่ยประยูร ไม่ไกลกันนักรถคันหนึ่งเคลื่อนตัวเทียบเข้าจอดอย่างช้าๆพร้อมๆกับการมาถึงของประกายดาว สายตาของคนในรถจ้องมองไปยังเธอที่หยุดอยู่หน้าคาสิโนก่อนจะขยับเดินเข้าไปข้างใน ไม่รอช้าใครคนนั้นรีบตามเธอเข้าไปห่างๆแล้วบังเอิญได้ยินชายบอริกาดสูทดำสองคนที่ยืนคุยกันถึงประกายดาวทำให้รู้ว่าทำไมถึงพบประกายดาวอยู่ในที่
อโคจรแบบนี้
พอมาถึงประกายดาวก็ถูกเรียกให้เข้าไปพบเสี่ยประยูรที่นั่งรอจดจ่ออยู่ในห้อง เมื่อพบหน้าหล่อนเขาถึงกลับแบกไขมันกว่าร้อยกิโลเดินมารับด้วยตัวเอง
“นั่งก่อนสิจ๊ะหนูดาว”
เสี่ยประยูรโบกไม้โบกมือเชื้อเชิญทว่าหญิงสาวเองก็คอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
“เสี่ยมีเรื่องอะไรหรอคะ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะจ๊ะ หนูดาวเพิ่งมาถึงเหนื่อยๆเสี่ยว่าดื่มน้ำเย็นๆให้ชื่นใจก่อนดีกว่านะ”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวลังเลเขาจึงเลื่อนแก้วมาให้เธอ
“ฉันไม่ได้ใส่อะไรลงไปในน้ำหรอกน่า แต่ถ้าหนูดาวไม่ไว้ใจเราสลับแก้วกันก็ได้นะ”
ว่าแล้วจึงจะทำอย่างที่พูดทว่าประกายดาวทักห้ามไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอไม่อยากมากเรื่องจึงยกขึ้นมาจิบเล็กน้อย เห็นอย่างนั้นเสี่ยประยูรจึงเริ่มเข้าเรื่อง
“ที่ฉันเรียกหนูดาวมาพบในวันนี้ก็เพื่อจะคุยเรื่องหนี้ของพ่อหนู”
“เมื่อสิ้นเดือนฉันก็จ่ายดอกเบี้ยให้ครบแล้วนี่คะ”
เธอคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรอีก
“นั่นมันก็ส่วนดอกเบี้ยแต่เงินต้นนี่สิหนูดาวไม่เคยจ่ายให้ฉันเลยสักบาทเดียว”
“ตอนนี้ฉันยังไม่มีให้หรอกแต่ฉันสัญญาว่าจะหาเงินมาคืนเสี่ยให้ครบภายในเดือนหน้านี้แน่”
เสี่ยประยูรหัวเราะอย่างชอบใจ
“แต่บังเอิญว่าเสี่ยจำเป็นต้องได้เงินทั้งต้นทั้งดอกวันนี้ด้วยสิ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“เสี่ยรออีกหน่อยไม่ได้หรออีกแค่เดือนเดียวเอง”
“หนูดาวไม่มีงั้นหรอ” สีหน้าเปลี่ยนเป็นสงสาร
“โถ..ถ้าหนูดาวไม่มีเงินมาจ่ายเสี่ยตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะเพราะเสี่ยรับอย่างคืนแทนเงินได้”
ว่าพลางเอื้อมมือมาสัมผัสขาของหญิงสาว เมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้วประกายดาวจึงรีบลุกขึ้นขอตัวกลับทันทีทว่าเสี่ยประยูรขวางไว้
“จะรีบไปไหนล่ะหนูดาว หนูยังจ่ายให้ฉันไม่ครบเลยนะ”
ยังไม่ทันจะขยับเขาก็มาถึงตัวเธอแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่ประกายดาวจะขัดขืนถ้าเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนอื่นเธอคงยังพอมีหวังแต่นี่กับเสี่ยประยูรแค่แขนเพียงข้างเดียวเขาก็สามารถแบกเธอขึ้นหลังได้แบบสบายๆ หญิงสาวพยายามช่วยให้ตัวเองรอดทุกวิถีทางทั้งเตะทั้งต่อยทั้งร้องแต่ทั้งหมดทั้งมวลแทบจะไม่ได้ผล
ในขณะที่หญิงสาวแทบหมดหวังใครบางคนกลับกำลังหาหนทางจะช่วยเหลือเธอให้ได้ด้วยการมาขอพบเสี่ยประยูรเช่นกัน
ถัดไปอีกสองห้อง
“สงสัยวันนี้คุณหมอคงต้องกลับไปก่อน”
หนุ่มชุดสูทลูกน้องเสี่ยประยูรเดินมาบอกข่าว
“ถ้าเป็นวันอื่นฉันคงไมว่างเหมือนกัน ทางที่ดีนายควรไปบอกเสี่ยว่าฉันมาขอพบจะดีกว่านะ”
เขาดูมีท่าทีลังเล
“นายรู้ใช่ไหมว่าเสี่ยคงไม่ชอบใจนักหรอกถ้ายาชุดนี้ไปอยู่ในมือคนอื่น”
ไม่คงจะไม่ดีแน่ถ้าเกิดเสี่ยมารู้ทีหลังว่าเขาเป็นคนทำให้ยาลดความอ้วนชุดนี้หลุดมือไป ว่าแล้วก็เปลี่ยนใจ
“งั้นเดี๋ยวผมจะไปบอกเสี่ยให้นะครับ”
ได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าคุณหมอถึงกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก
ก๊อก ก๊อก เสี่ยประยูรเดินอย่างหัวเสียมาเปิดประตู
“พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอไงว่าห้ามกวน!”
ว่าพลางกระชากคอเสื้อลูกน้องที่บังอาจมาขัดขวางความสุขตรงหน้า
“ขอโทษครับเสี่ย แต่หมอเกษมาขอพบด่วนครับ”
“ก็บอกมันไปสิว่ากูไม่ว่าง”
“แต่เธอบอกว่ามียาตัวใหม่มาให้เสี่ยนะครับ”
“ยา”
พอพูดถึงยาเสี่ยประยูรก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาทันที ยังไงซะความหล่อก็ต้องมาก่อนเรื่องอื่นว่าแล้วเขาจึงสั่งลูกน้องให้เฝ้าประกายดาวที่อยู่ในห้องเอาไว้แล้วจึงพาตัวเองไปพบกับเกษราเพื่อปรึกษาเรื่องการลดน้ำหนัก แม้ว่าตอนนี้เธอจะสามารถทำให้เสี่ยประยูรยอมสละเวลามาคุยด้วยได้แต่ถ้าหลังจากนี้เขาคงต้องกลับไปอีกแน่ หญิงสาวพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดและภาวนาว่าระหว่างนี้ขอให้แผนเบี่ยงเบนความสนใจเหล่าลูกน้องเสี่ยประยูรเป็นผล แล้วดูเหมือนว่าจะได้ผลเมื่อนักพนันกลุ่มใหญ่เกิดทะเลาะกันเองแบบยกใหญ่อันเนื่องมาจากฝีมือเธอ ประกายดาวจึงอาศัยจังหวะนี้หลบออกจากที่นี่ได้สำเร็จ
บ้านสหสมุทร
ประกายดาวก้าวเท้าลงจากแท็กซี่ด้วยสภาพเหนื่อยอ่อน เธอเดินไม่ตรงเหมือนคนปกติซักเท่าไหร่เป็นไปได้ว่ายานอนหลับที่เสี่ยประยูรผสมใส่น้ำให้เธอดื่มคงจะออกฤทธิ์แล้วแต่เธอยังฝืนทนเดินต่อไปจนในที่สุดก็ล้มพับลงตั้งแต่เดินผ่านประตูรั้วเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ และนั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่เธียรทัดกลับมาพอดีชายหนุ่มชะลอความเร็วของรถเมื่อเหลือบเห็นอะไรบางอย่างนอนอยู่กลางถนน เมื่อแน่ใจว่าเป็นคนแน่แล้วเขาจึงจอดรถลงไปดูแล้วก็พบว่าเป็นประกายดาวที่นอนหลับหมดสติอยู่เขาเรียดเธออยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะรู้สึกตัวแต่อย่างใด เห็นท่าไม่ดีเขาจึงอุ้มเธอขึ้นรถก่อนจะพาเธอไปที่ห้อง ชายหนุ่มต้องเป็นคนลงมือเช็ดตัวให้เธอเองเพราะกานดากับคนอื่นๆลากลับบ้านกันไปก่อนหน้านี้แล้วเรียบร้อยฉะนั้นไม่มีทางที่จะหวังพึ่งใครๆเหมือนที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไข้ขึ้นสูงซะด้วยเขาจึงตัดสินใจนอนเฝ้าเพื่อคอยเช็ดตัวให้เธออยู่เรื่อยๆจนกว่าไข้จะลดซึ่งนั่นคงหมายถึงจนกว่าจะเช้า กลางดึก หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างเธอพอจะลืมตาขึ้นได้แต่ก็ไม่มากแต่ก็พอจะเห็นภาพชายหนุ่มที่นอนอยู่โซฟาใกล้ๆกันลางๆแต่ไม่นานก็ผลอยหลับไปเพราะฤทธิ์ของยาอีกครั้ง
เป็นเวลาเช้าตรู่ เธียรทัดตั้งใจปลุกตัวเองขึ้นมาเพื่อลงมือทำข้าวต้มสำหรับคนป่วยที่นอนซมอยู่ ขณะที่ถือถาดขึ้นมาเขาก็พบว่าหญิงสาวลุกขึ้นนั่งเองได้แล้ว
“เป็นไงบ้าง”
เขาขยับมานั่งที่ขอบเตียงแล้ววางมือลงบนหน้าผากเธอเพื่อดูว่ามีไข้อยู่หรือไม่
“ไข้ลดลงแล้วนี่”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ
“นายเฝ้าฉันตลอดทั้งคืนเลยหรอ”
เธอรู้สึกเกรงใจไม่น้องที่ทำให้เขาลำบาก
“ถ้าฉันไม่เฝ้าแล้วใครจะเฝ้า”
ชายหนุ่มพูดเชิงคำถามแล้วหันไปหยิบชามข้างต้ม
จริงสิ ไม่มีใครอยู่บ้านสักคนเพราะไม่มีใครให้ใช้เขาเลยจำใจดูแลเราด้วยตัวเองงั้นสิ แล้วอย่างนี้ฉันควรจะยังซึ่งอยู่อีกดีไหมเนี่ย
“ไม่ต้อง ฉันกินเองได้”
ประกายดาวเตรียมจะหยิบช้อนจากมือเขามาทว่า
“ฉันบอกว่าฉันจะป้อน”
ชายหนุ่มยืนยันคำเดิม และหญิงสาวก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้รบปรบมือด้วยจึงยอมนั่งนิ่งให้เธียรทัดป้อนเป็นเด็กๆ=0=ทานเสร็จเธอก็ถูกบังคับให้กินยาทั้งที่รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
“ไม่ต้องกินแล้วล่ะฉันหายแล้ว”
“ได้ไง หรืออยากโดนจับฉีดยาเมื่อคราวก่อนอีก”
เขารู้ว่าเธอกลัวเข็มจึงยกมาขู่และก็ได้ผลหญิงสาวยอมกิน และเขาก็บังคับเธอต่อ..
“นอนซะ”
“แต่ฉันเพิ่งตื่นเองนะ อีกอย่างงานยัง…”
“บอกให้นอนก็นอนเหอะน่า”
ว่าพลางกดไหล่เธอให้นอนลงไปก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้
“งานที่เหลือไม่ต้องห่วงฉันจะจัดการต่อเองทั้งหมด”
พูดจบก็หันหลังจะเดินกลับออกไปทว่าหญิงสาวคว้าแขนเขาไว้ก่อน เธอรอให้เขาหยุดแล้วค่อยๆหันมา
“ขอบคุณนะ” เธอยิ้ม^-^
“อือ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ