Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ

8.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.

  24 ตอน
  4 วิจารณ์
  30.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ค่ำคืนที่แสงจันทร์สาดส่อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"นี่ เรอา... เมื่อไหร่พวกเราจะเดินทางไปถึงหมู่บ้านนั่นสักทีล่ะ!? ฉันเริ่มจะหิวแล้วนะ..."





ในระหว่างที่สาวน้อยทั้งสองกำลังเดินทางอยู่ท่ามกลางภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่สามารถกำบังร่างของเหล่าสิ่งมีชีวิตรูปร่างต่างออกไปจากพวกสัตว์ที่สามารถกินเป็นอาหารได้และซอกหลีบที่มีสัตว์ร้ายแฝงตัวอยู่เต็มไปหมดนั้น เสียงเล็กๆที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่ารำคาญของบุตรสาวแห่งทูตสวรรค์ก็ดังขึ้นมาเป็นระยะๆจนผู้ร่วมเดินทางเริ่มจะไม่พอใจกับพฤติกรรมเหมือนขาดอะไรบางสิ่งบางอย่างไปขึ้นมาทีละนิดๆ



จนความอดทนของเรอาดำเนินไปถึงขีดสุด...





"หนวกหูเฟ้ย!! ถ้าเธอหิวนักก็เงียบเก็บแรงเอาไว้ไม่ได้หรือไง!!!"


"ก็จะให้ทำยังไงเล่า...ก็พวกเราเดินทางมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่เห็นหมู่บ้านที่เป็นเป้าหมายเลยไม่ใช่เหรอ!? ฉันหิวจนไม่มีแรงเดินต่อแล้วนะ..."



"ตอนนี้พวกเราขี่ม้าอยู่ไม่ใช่เหรอ!!! แล้วอีกอย่างเทวทูตน่ะเขาไม่มาบ่นเรื่องหิวกันหรอกเฟ้ยยัยบ้า!!!!"




เรอาเริ่มน็อตหลุดกับท่าทีที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของเมโรเน่จนเกือบจะลงจากหลังม้าไปจัดให้เธอสักชุดแล้ว หากไม่ติดที่ว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ของเธอทำอะไรเทวทูตไม่ได้และเรี่ยวแรงของเธอเองก็หดหายไปด้วยความหิวเช่นกัน




"ทีนี้จะให้พวกเราทำยังไงล่ะ...เรอา!? ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราคงจะหิวตายแน่ๆ ได้โปรดช่วยมอบคำแนะนำแก่พวกเราด้วยเถิด ท่านแม่..."


"เอ็งก็ใช้ปีกของเอ็งบินไปหาน้ำหาของกินมาสิว้อย!!! ในเมื่อเอ็งบินได้ก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์หน่อยสิว้อย!!!"




ในที่สุดอารมณ์เดือดและความจงเกลียดจงชังที่ฝังรากลึกมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกของเรอาก็ระเบิดออกมาจนได้ แต่หากจะให้มันเป็นไปได้ดีกว่านี้ก็น่าจะชักดาบและโล่ออกมากวัดแกว่งสร้างประกายแสงหน่อยก็คงจะดีไม่น้อยนะ...






"เฮ้อ..! นึกว่าจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งอยู่กลางภูเขาที่ไม่รู้จักนี่ซะแล้วนะ แต่แหม...มีคำแนะนำดีๆแบบนี้ก็น่าจะพูดออกมาตั้งแต่แรกนะ"


เมโรเน่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่น้ำอึกแรกได้แทรกผ่านช่องคอที่แห้งเหือดลงสู่กระเพาะที่ว่างเปล่าช่วยเติมเต็มเรี่ยวแรงที่สูญเสียไปให้กลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรอาที่ได้รับการช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันเวลาก่อนที่จะทรุดลงไปด้วยความอึดที่ต่ำกว่าลูกครึ่งทูตสวรรค์ก็กำลังฝังคมเขี้ยวฉีกกระชากเนื้อเยื่อผลไม้ในมือของเธออย่างหิวกระหาย เพราะการเดินทางเป็นเวลากว่าครึ่งวันโดยไม่มีอะไรตกถึงท้องนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย


"แต่จะว่าไปแล้วคืนนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะ... ที่ผ่านมาฉันไม่เคยมองเห็นพระจันทร์เต็มดวงสวยขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านมาตั้งนานน่ะ"


เมโรเน่เปรียบเปรยดวงจันทร์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าว่าสวยงามมากนับตั้งแต่ที่ออกมาจากหมู่บ้านที่ให้ความอบอุ่นที่แสนเจ็บปวดแก่เธอมาเป็นเวลานาน แม้ว่ารวมระยะเวลาจริงๆที่พวกเธอทั้งสองคนเดินทางมานั้นยังผ่านไปไม่ถึงวันเลยก็ตาม...


"ว่าแต่... เรอา เธอเคยได้ยินประวัติของพระจันทร์เต็มดวงหรือเปล่า!? ถ้าเธอไม่ฟังสักหน่อยละก็ระวังจะกลายเป็นมื้อดึกแสนอร่อยของพวกมนุษย์หมาป่าเอานะ..."



"อันที่จริงแล้วที่เธอได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าที่ออกหากินในคืนพระจันทร์เต็มดวงน่ะเป็นเรื่องโกหกนะ... อันที่จริงแล้วพวกมันสามารถแปลงร่างจากมนุษย์มาหาเนื้อสดอร่อยได้ทุกๆคืนนั่นแหละ เพียงแต่ที่พวกนั้นขยันหากินในคืนเดือนใสแบบนี้ก็เพราะในวันที่พระจันทร์เต็มดวงแบบนี้ พวกปีศาจจะมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดไงล่ะ..!"


"เธอคงจะสงสัยสินะว่าทำไมฉันถึงเอาเรื่องพระจันทร์เต็มดวงมาโยงเข้ากับพลังปีศาจแบบนั้น ที่จริงแล้วสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อก็คือ... ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงและนับจากช่วงวันนั้นก่อนและหลังไปเป็นเวลาสามวันนั้นจะเป็นช่วงที่พวกปีศาจมีพลังแข็งแกร่งพอที่จะจัดการคนจากศาสนจักร2-3คนได้อย่างสบายๆ รวมไปถึงพวกมือปราบมารที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์จากโบสถ์โดยตรง... พวก'เอ็กซ์โซซิส'ที่สามารถจัดการปีศาจระดับสูงได้ด้วยตัวคนเดียวก็สามารถถูกปีศาจระดับล่างจัดการได้ในวันนี้เช่นเดียวกัน"



เรอากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ทันทีที่เมโรเน่ที่มีพลังของเทวทูตได้พูดเรื่องนี้ออกมาตรงๆ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเธอไม่อยากจะให้เรอาประมาทในการต่อสู้ในคืนวันเพ็ญที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้โดยที่พวกเธอไม่รู้ตัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้...วันแรกที่"7วันอันตรายรอบใหม่"ได้เริ่มขึ้น




                          แซ่ก...แซ่ก...แซ่ก!!



และในที่สุดลางสังหรณืแห่งหายนะก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อพงหญ้าที่อยู่ห่างออกไปจากที่นอนของพวกเธอได้เกิดสั่นเป็นจังหวะราวกับมีบางอย่างกำลังขยับตัวแทรกผ่านพวกมันเข้ามาจนใบหญ้าเกิดเสียดสีกันเป็นเสียงที่มีความน่าฟังมากที่สุดในขณะนี้ เพราะหากเรอาหรือเมโรเน่ไม่รีบลุกขึ้นตั้งท่าต่อสู้ในเร็วพลันแล้วนั้น...สิ่งที่ต้องจ่ายชดเชยสัญญาณเตือนที่ถูกเมินเฉยในครั้งนี้อาจจะไม่ใช่แค่หยดเหงื่อหรือรอยเขี้ยวที่ลำคอของเทวทูตดังเช่นที่ผ่านมาอย่างแน่นอน



"เจ้านั่นจะตัวใหญ่แค่ไหนกัน... เรอา!?"


"อ๋อ...เสียงหญ้าแหวกออกนั่นน่ะเหรอ!? เมื่อกี้ฉันเผลอทำลูกไม้กลิ้งไปตรงนั้นเองแหละ!"


"ลูกไม้...อ๋อ!! ไอ้ที่เธอกินเหลือเมื่อกี้น่ะเหรอ!?"


"อืมใช่! เจ้านั่นแหละ!!"



เมโรเน่ตั้งท่าต่อสู้เข้าหาเรอาทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบที่เพียงสันเท้าข้างเดียวชดใช้ไม่หมดของเรอาเข้าไป จนเรอาที่ตั้งดาบและโล่ในท่าเตรียมพร้อมตามน้ำไปถึงกับสงสัยในใบหน้าที่มีสีแดงจากเลือดที่สูบฉีดเป็นอย่างดีของเพื่อนของเธอขึ้นมา



"'อืมใช่! เจ้านั่นแหละ!!' อะไรของเอ็งฟะ!!! เมื่อกี้ทำฉันใจหายหมดเลยนะว้อย!!!"


"ก็แล้วจะให้ทำยังไงเล่า!! ในเมื่อฉันหยุดเจ้าผลไม้กลมๆที่กลิ้งด้วยความเร็วสูงกว่าที่มือของฉันจะหยุดมันเอาไว้ได้ไม่ทันแล้วจะให้ฉันทำยังไงฟะ!!!"


"ไม่อะไรทั้งนั้นแหละ!! แล้วเธอจะชดใช้ที่ทำให้ฉันลุกขึ้นมายืนเก็กให้ผู้ชายที่ไม่รู้ว่าจะแอบดูพวกเราจากต้นไม้ไหนสักต้นแล้วถ่ายรูปฉันไปประจานนั่นยังไงฟะ!! ตอบฉันมาสิว้อย!!!"



เรอาที่กำลังต่อปากต่อคำอยู่กับเพื่อนสาวขี้วีนของเธออยู่เริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของผืนป่าแห่งนี้ขึ้นมาบ้าง เท่าที่ผ่านมาเรอาไม่เคยรู้สึกตัวเลยสักนิดเดียวว่าป่านี้มันเงียบเกินไป...ไม่มีเสียงของนกตัวไหนร้องหาคู่เลยแม้แต่ตัวเดียว ไม่มีลมคอยพัดใบไม้ไปขัดสีกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่พอจะให้พวกเธอเอามาทำเป็นมื้อเย็นเลยแม้แต่ตัวเดียว ที่จะมีก็เพียง...


สายตาประหลาดที่จ้องมองมายังพวกเธอจากด้านบนตั้งแต่ที่เข้ามายังบริเวณป่าแห่งนี้เท่านั้น!



"เมโรเน่... ฉันจำได้ว่าในแผนที่ที่พวกเราดูมาจากเมืองที่เจ้าแวมไพร์นั่นไซ้คอเธอนั่นไม่มีป่าอยู่รอบๆนั้นเลยไม่ใช่เหรอ!?"


"อืม... ไม่มีเลยสักที่!"



ทั้งสองตั้งท่าเตรียมต่อสู้อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แฝงอยู่ในป่าที่น่าสงสัยแห่งนี้ในลักษณะหันหลังชนกัน ในครั้งนี้เรอาได้มอบโล่ศักดิ์สิทธิ์คืนแก่เจ้าของเดิมที่ช่ำชองในการใช้งานมากกว่าเพื่อใช้ในการป้องกันตัวและระวังภัยให้แก่กัน


และในจังหวะนั้นเองที่ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลนั้นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นความกดดันที่แผ่เข้ามายังสองสาวที่อยู่ใจกลางอย่างไร้ที่ลดทอนความรุนแรงนั้นลงแม้แต่อย่างเดียว...




และทันทีที่แสงจันทร์ที่อาบท้องฟ้าจนกลายเป็นสีฟ้าอ่อนเริ่มจ้าขึ้นจนแทบไม่ต่างจากตอนกลางวันนั้นเอง... เหล่าคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจทั้งสองก็ปรากฏกายลงมาจากท้องฟ้าที่ห่างไกลสู่พื้นดินอย่างรวดเร็วจนพวกเรอาเห็นเพียงเงาลางๆที่ร่วงลงมากระแทกพื้นเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนเมโรเน่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิดพร้อมทั้งพูดในสิ่งที่ยังค้างคาออกมาจนหมด




"แล้วก็นะ... ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงอย่างนี้น่ะ...พวกที่ได้รับพลังจากแสงจันทร์จนแข็งแกร่งน่ะไม่ได้มีแค่พวกปีศาจหรอกนะ!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา