Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ

8.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.

  24 ตอน
  4 วิจารณ์
  31.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) มรดกที่สืบสานความเกลียดชัง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ต่างกับเรอาที่มีความกล้าในการเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัวแม้จะเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ เรานั้นกลับตัวสั่นระรัวจนก้าวขาไม่ออกเลยในตอนที่พวกปีศาจปรากฏตัวเข้ายึดครองพื้นที่ไร่นา หรือแม้กระทั่งตอนที่มือปราบมารผู้ชั่วร้าย "อาเดล เรสเตอร์" เข้ามาใช้กำลังข่มขู่พวกชาวเมืองให้มอบทรัพย์สินของมีค่าเพื่อแลกกับพื้นที่ที่ถูกยึดครองที่เป็นคำโกหกคำโตจนเรอาต้องเข้ามาช่วยเหลือ





ตั้งแต่ที่เรากับเรอารู้จักกันก็ผ่านมาห้าปีแล้วสินะ... ในตอนนั้นฉันยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงใจปลาซิวที่ไม่กล้าออกจากบ้านไปพบหน้าใครทั้งนั้นเพราะรอยแผลเป็นบนหน้าผากตอนที่ฉันลงไปช่วยพ่อของฉันเก็บของป่าเอามาขาย แล้วในวันนั้นที่ฝนตกหนักจนต้นไม้ล้มระเนระนาด...ทั้งๆที่พ่อของฉันเคยบอกห้ามเอาไว้แล้วว่าอย่าตามเขาออกไป แต่เพราะความกล้าแบบไม่ทราบสาเหตุและความรู้สึกอีกอย่างที่เขาเรียกว่าอะไรนะ..!? ฉันเลยแอบตามพ่อของฉันออกไปด้วยในระหว่างที่แม่ของฉันเผลอ



แต่แล้วฉันก็ถูกจับได้เพราะขาข้างหนึ่งของฉันลื่นลงไปติดอยู่ระหว่างซอกหินแคบๆแล้วดึงออกมาไม่ได้ พ่อของฉันโกรธมากที่ฉันฝืนคำสั่งออกมาด้วย... แต่เขาก็ใจดีไม่เอาผิดฉันในตอนนั้นพร้อมกับพยายามดึงขาของฉันออกมาจากจุดที่พันธนาการฉันเอาไว้โดยเร็วที่สุด ในจังหวะที่ขาของฉันหลุดออกมาจากซอกหินนั้นเองก็มีน้ำป่าไหลลงมายังจุดที่พวกเราอยู่ พ่อของฉันจึงตัดสินใจโยนฉันขึ้นไปบนที่สูงที่น้ำหลากไปไม่ถึงจนถูกกระแสน้ำมัจจุราชกวาดลงไปพร้อมกันต่อหน้าต่อตาฉัน




ฉันได้รับเพียงบาดแผลลึกที่หน้าผากจากตอนที่พ่อโยนร่างของฉันไปกระแทกกับก้อนหินที่อยู่ตรงนั้นพอดี แต่เพราะเหตุการณ์นั้นเองที่ทำให้ฉันไม่อยากที่จะเข้าไปตีสนิทกับใครเพราะไม่อยากจะให้พวกเขาเหล่านั้นต้องมาแปดเปื้อนเพราะลูกสาวที่ฆ่าพ่อของตัวเองอย่างฉัน แต่แล้วเพราะเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้จิตใจที่ปิดสนิทของฉันถูกเปิดออกอีกครั้ง เป็นวันเดียวกับที่ฉันพบกับเด็กผู้หญิงที่จิตใจสดใสในขณะที่ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อจากความร้อนภายในบ้านนั่นเอง...





"เธอ...เล่นคนเดียวไม่เป็นไรเหรอ!? ยังไงเดี๋ยวฉันเล่นด้วยเอามั้ย!"



"ไม่...ไม่เป็นไรหรอก! อย่าเข้ามาใกล้ฉันเลย!!"

ฉันตอบปฏิเสธเด็กคนนั้นด้วยเสียงที่เบา ซึ่งนั่นคงทำให้เธอไม่ได้ยินล่ะมั้ง!?



"ถ้าอย่างนั้นเราไปเล่นกับพวกผู้ชายตรงนั้นดีกว่านะ! เฮ้ย..!! ให้พวกเราเล่นด้วยสิ!!"



เด็กผู้หญิงผมดำขลับคนนั้นจับมือที่ได้สัมผัสกับความรู้สึกทั้งมุ่งมั่นและหวาดกลัวที่เปี่ยมล้นอยู่ในอกของพ่ออย่างกระชับก่อนจะพาฉันวิ่งเข้าไปหากลุ่มเด็กผู้ชายที่กำลังเล่นอะไรบางอย่างที่เหมือนกับกำลังแกล้งสิ่งมีชีวิตขนปุยอยู่ ซึ่งใบหน้าของเธอคนนั้นช่างดูต่างออกไปจากเด็กผู้หญิงทั่วไปที่ฉันเคยเห็นมาก่อนหน้านี้...



                    เป็นใบหน้าที่ฉันเห็นแล้วรู้สึกรังเกียจเป็นที่สุด!!




"ปล่อยฉันนะ!!!" ฉันกระชากมือขวาออกจากสัมผัสอันแสนอบอุ่นและทรมานอย่างมากของเด็กผู้หญิงคนนั้น


"ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!! เธออยากจะทำอะไรมันก็เรื่องของเธอ!! เพราะงั้นฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย!!!"




ดูเหมือนว่าคำพูดที่ฉันปล่อยออกมาอย่างไม่รู้สึกตัวเมื่อครู่นี้ของฉันจะทำให้เด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทำอะไรไม่ถูก ฉันเห็นเด็กคนนั้นมีสีหน้าที่งุนงงกับท่าทีที่ฉันแสดงออกมาจนอ้าปากค้างและไม่มีแววว่าเธอจะปิดปากลงเลยสักนิด และเพราะเช่นนั้นเองที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...




"ขอโทษด้วยนะ... แต่ฉันขออยู่คนเดียวนั่นแหละดีที่สุด สำหรับฉัน...และสำหรับเธอด้วย"




ฉันเริ่มรู้สึกแสบตามากก่อนที่จะมีละอองความชื้นซึมออกมาจากขอบตาทั้งสองข้างจนกลั่นตัวเป็นหยดน้ำไหลลงมาสะสมอยู่บริเวณเบ้าจนเกือบจะหลุดออกมาให้เห็นทั้งเธอคนนั้นและพวกเด็กผู้ชายที่ตกใจกับเสียงตะคอกของฉันจนหันมามอง ฉันคิดว่าสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนั้นจะทำต่อจากนี้ไปคือหันหลังให้กับฉันแล้วเดินเข้าไปร่วมวงหยอกล้อกับสิ่งมีชีวิตแสนน่ารักที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนๆกลุ่มนั้นต่อ



                       ก็แค่คิด...น่ะนะ!






"ฉันชื่อเรอา เรียกฉันว่า'เรอา'ตามตัวอักษร'REA'สามตัวนั่นแหละ... ว่าแต่เธอล่ะ!?"



เด็กผู้หญิงคนนั้นประกาศชื่อของตนออกมาให้ฉันได้ยินก่อนจะส่งรอยยิ้มที่ดูฝืนๆให้ฉันได้ชม ในตอนนั้นฉันไม่คิดอะไรอีกแล้วนอกจากรีบเดินออกมาให้พ้นจากเด็กคนนั้นแล้วไปนั่งร้องไห้คนเดียวตามแบบที่ผ่านๆมา ฉันไม่รู้เลยว่าความรู้สึกเจ็บปวดเวลาที่มีใครคุยกับฉันที่รู้สึกได้มาตลอดนั้นคืออะไร... แต่มีสิ่งเดียวที่ฉันรู้



ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี...ความรู้สึกทรมานเหมือนหัวใจจะแหลกเป็นเสี่ยงๆนั้นก็ยังคงอยู่อย่างเดิม ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักครั้ง





"ถ้างั้น...ฉันก็ต้องบอกชื่อของฉันให้เธอรู้ล่ะสินะ!? ในเมื่อเธอบอกชื่อของตัวเองออกมาแล้ว..."


ฉันพยายามหันหน้าไปยังเด็กผู้หญิงที่พยายามทำความรู้จักกับฉันอย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อไม่ให้เธอสังเกตเห็นน้ำตาที่ยังคงซึมออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ถ้าหากว่าเรายังอยู่อย่างนี้ต่อไป...เธอคนนั้นคงจะเกลียดฉันมากกว่าเดิมแน่ๆ!




"ว่าแต่เธอน่ะ...จะเข้ามาเล่นกับพวกเราหรือเปล่า!? แม่หญิงอึดสู้ฟัด!"



เสียงเล็กๆของเรอาที่ดังเข้ามายังโสตประสาทของฉันนั้นทำเอาหัวใจของฉันแทบคลั่ง เพราะที่ผ่านๆมามีแต่คนที่แนะนำตัวแลกเปลี่ยนชื่อให้กันและกันแล้วจากไปโดยจำกันไม่ได้เลยเมื่อได้เจอกันอีก แต่ทำไมเธอคนนี้ถึงได้ไม่คิดที่จะพยายามถามชื่อของฉันเลย... แล้วยังใบหน้าที่ดูเหมือนไม่มีเรื่องให้กังวลนั่นอีก




"ก็...ก็เอาสิ!! ฉันเองก็ไม่ได้เล่นกับคนอื่นมานานแล้วเหมือนกัน!!"





แล้วฉันกับเรอาก็อยู่เล่นด้วยกันทั้งวันจนแม่ของฉันเริ่มออกตามหาตัวฉัน พร้อมๆกันนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่ดูคล้ายๆกับโจรสลัดที่ถูกฉลามกัดขาหายไปข้างเดินเข้ามาลากตัวเรอาออกไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่ฟังเสียงร้องขอชีวิตของเธอแม้แต่น้อย ถือว่าจบไปแล้วสินะ...การได้เล่นสนุกกับคนอื่นที่เราใฝ่ฝันมานาน จากนี้ไปเราก็คงต้องกลับไปเป็นพวกเก็บตัวเล่นสนุกอยู่คนเดียวแบบเมื่อก่อนอีกแล้วสินะ



แต่ว่าแค่ได้เล่นสนุกกับเพื่อนรุ่นเดียวกันเป็นเวลาวันนึงเต็มๆนั่นก็คุ้มค่ามากแล้วล่ะ...




"วันพรุ่งนี้พวกเรามาเล่นด้วยกันใหม่นะ! แล้วฉันจะรออยู่ที่เดิมนั่นแหละ!!"


ในตอนที่ฉันหันหลังกลับไปยังบ้านของฉันเพื่อรอรับโทษทัณฑ์ที่แม่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของฉันจัดเตรียมเอาไว้ที่บ้านนั้นเอง เสียงของเด็กผู้หญิงที่สดใสมากแม้ว่าจะอยู่ในเงื้อมมือมารก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...แต่ในครั้งนี้มันกลับทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน





"ฉันก็จะรอเธอเหมือนกันนะ!! แล้วจากนี้ไปเธอช่วยเรียกฉันด้วยชื่อจริงด้วยได้หรือเปล่าล่ะ!!"


ฉันตะโกนกลับไปยังเพื่อนคนแรกในชีวิตของฉันนับตั้งแต่กลายเป็นพวกเก็บตัวไม่เข้าหาใครด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่ฉันกรีดร้องตอนที่รู้ว่าบุคคลที่ฉันรักที่สุดเสียไปแล้วเสียอีก



"เมโรเน่!! นี่คือชื่อจริงของฉันนะ!!! อย่าลืมซะล่ะ!!!"









     "นี่...เมโรเน่!? เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ...ฉันเห็นเธอเอาแต่หาของในกล่องไม้นั่นนานแล้วนะ"



ภายในห้องเก็บของที่ฝุ่นเขรอะจากการที่ไม่ถูกเปิดใช้มานาน ฉันที่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหันเมื่อได้เห็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เรอาใช้ในการต่อสู้กับมือปราบมารนอกรีตเมื่อสองวันก่อนก็ลงมือรื้อฟื้นความทรงจำอีกอย่างหนึ่งทีฉันไม่อยากจะนึกถึงขึ้นมา และในระหว่างที่ฉันกำลังควานหาของที่อัดแน่นอยู่ในลังไม้เก่าๆนั้น...นิ้วของฉันก็ถูกอะไรบางอย่างบาดเป็นแผลเลือดไหลเล็กๆ




"นี่ไงล่ะ!"



เมโรเน่จัดแจงกวาดข้าวของที่ไม่จำเป็นภายในลังไม้นั้นออกก่อนที่จะหยิบอะไรบางอย่างที่บาดนิ้วของเธอเป็นแผลออกมาให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอได้เห็น เจ้าสิ่งนั้นมีคมรอบโลหะทรงกลมที่สะท้อนแสงสีเงินวาววับและเหมือนกับมีประกายอะไรบางอย่างแผ่ออกมาตลอดเวลา ซึ่งอาจจะมีเพียงเมโรเน่คนเดียวเท่านั้นที่จะเห็นมันได้



และแน่นอนว่าคนที่ไม่เคยเห็นเจ้าสิ่งนี้มาก่อนอย่างเรอาย่อมต้องตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกอย่างแน่นอน




เรอามองของที่อยู่ในมือของเมโรเน่อยู่ตกตะลึง ก่อนที่เมโรเน่จะยกมันขึ้นมาจากลังไม้ให้เธอเห็นชัดๆ มันเป็นแผ่นโลหะสีเทาเงินที่สะท้อนแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านเข้ามาทางช่องไม้ผุๆจนเปล่งประกายแวววาวราวกับมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์แห่งเหล่าทวยเทพปกป้องมันอยู่ ซึ่งเรอาเลือกที่จะไม่สัมผัสกับพื้นผิวของมันจะดีกว่า...



               "นั่นมัน...ใช้เจ้านั่นหรือเปล่า!?"


          "อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ เรอา..."



เมโรเน่จัดการเช็ดคราบฝุ่นที่จับตรงบริเวณด้ามจับที่ทำจากโลหะสีทองสลักของสิ่งๆนั้นออกก่อนจะดึงโซ่ที่อยู่ติดกันออกมาแกว่งไปมาจนเกิดประกายแสงสีเหลืองทองไปทั่งห้องเก็บของที่มีฝุ่นจับจนโทรม และด้วยประกายแสงที่สะท้อนออกมานั้นเองได้ทำให้ฝุ่นและหยากไย่ที่เกาะอยู่ทั่วห้องเก็บของเหล่านั้นสลายไปจนหมด ก่อนจะเกิดประกายแสงสีทองส่องไปทั่วทั้งบริเวณจนเปลี่ยนสภาพไม้ผุๆกลายเป็นแผ่นไม้ที่ใหม่จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแผ่นเดียวกับที่เคยประกอบเป็นห้องแห่งนี้



แสงสีทองนี้ยังคงสว่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดับไปเป็นแผ่นโลหะสีเงินทรงกลมตามเดิม สร้างความประหลาดใจให้กับเรอาที่มองอยู่เป็นอย่างมาก





"หนึ่งในมรดกที่พ่อของฉันเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี... โล่ที่อาบไปด้วยพลังแห่ง'อาสเทอรอธ'ก่อนที่พระองค์จะถูกความชั่วร้ายครอบงำจนกลายเป็นเทพตกสวรรค์"



เมโรเน่ประกาศสรรพคุณของโล่ที่เปลี่ยนสภาพไปเป็นจักรในมือของเธอที่ส่องแสงสีเหลืองอร่ามสวยงามจนราวกับอัญมณีที่เรอาสกัดออกมาได้หลังจากที่พ่อของเธอนำไปเจียรไนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สาวน้อยกวัดแกว่งโล่ที่สะท้อนประกายแสงเหล่านั้นเป็นวงแหวนเวทอะไรสักอย่างก่อนจะเก็บโซ่ที่ต่อพ่วงกับโล่นั้นเข้าไปในช่องเก็บที่ดึงมันกลับตลอดเวลาตามเดิม







"โล่ศักดิ์สิทธิ์ที่เคยชำระล้างความดื้อรั้นให้หายไปสิ้นเมื่อครั้งอดีต... เอลเกีย!!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา