Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ

8.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.

  24 ตอน
  4 วิจารณ์
  30.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) สาเหตุของรอยแตกร้าว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     สายลมอันแห้งกร้านที่พัดผ่านผิวกายของสาวน้อยที่กำลังซ้อนหลังม้าตัวเดียวกับหนุ่มหล่อที่ยากเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะมีได้หากไร้ซึ่งการผ่าตัดนั้นกำลังพัดพาเอาความชุ่มชื้นภายในดวงตาสีดำสนิทของเธอออกไปอย่างโหดเหี้ยมจนต่อมที่หางตาของเธอต้องขับของเหลวใสๆออกมาชดเชยกับสิ่งที่เสียไปอยู่ตลอดเวลา


     แต่ถึงแม้ว่าสาวน้อยจะพยายามหลับตาลงเพื่อไม่ให้ความชุ่มชื้นในดวงตาของเธอต้องระเหยออกไปกับสายลมเป็นการรักษาระดับน้ำในร่างกายเอาไว้สักแค่ไหน น้ำตาที่ของเธอก็ไม่ยอมหยุดไหลออกมาสักที...



     "เรอา...คงจะไม่ว่าอะไรฉันนะ ถ้าหากว่าฉันจะขอแยกทางกับเธอตอนนี้เลย!?"


     "ทำไมล่ะ...ทำไมกันล่ะเมโรเน่!? ทั้งๆที่พวกเราสองคนร่วมสู้ด้วยกันมาถึงขนาดนี้แท้ๆ... หรือว่า!"

 

     น้ำเสียงที่พยายามดัดให้ฟังดูเข้มแข็งแต่เปี่ยมไปด้วยน้ำที่ไหลลงมาขัดหลอดลมของเทพตกสวรรค์สาวเปล่งออกมาอย่างสุดกำลังที่จะสะกดอาการสะอื้นเอาไว้อย่างเต็มที่เพื่อหยุดรั้งเทวทูตที่เธอยอมรับแล้วว่าเป็นเพื่อนคนสำคัญหยุดลงในชั่วพริบตาก่อนที่เธอจะเผลอเอ่ยอะไรที่ไม่เข้าท่าออกมาด้วยเปลือกตาที่ปิดแน่น


     ถ้าเรอาจะรู้ดีว่าในขณะนี้ สิ่งที่เรียกว่า"Lily Rank" ของพวกเธอทั้งสองคนจะเริ่มตกลงมาแล้วก็ตาม...




และแม้ว่าในช่วงเวลานั้น... เมโรเน่จะก้าวเข้ามาหาเรอาพร้อมกับวางมือลงบนไหล่อย่างอ่อนโยนดุจเทพธิดาที่พร้อมจะให้อภัยกับทุกๆความผิดพลาดของสาวน้อยผู้หลงผิดแล้วก็ตาม



"ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเราต่อสู้กันหรอก...แล้วก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันพูดหลังจากที่ต่อสู้กับสองนางฟ้าตกสวรรค์นั่นด้วย แต่เรื่องนี้ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง...อย่าโทษตัวเองเลยนะ เรอา"



     เมโรเน่พูดพลางหันหน้าไปทางโอเอซิสที่สุดเขตทะเลทรายด้วยสายตาที่หรี่ลงราวกับผ่อนคลายอิริยาบทลงเพื่อให้เพื่อนสาวของเธอรับรู้ถึงเจตนาที่แท้จริง แม้ว่าในตอนนี้มันจะไม่จำเป็นอีกแล้วก็ตาม

 

     "เรื่องของ...'ลูซาริส' ใช่หรือเปล่า!? ฉันยืนยันเลยนะว่าพวกเราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเพื่อนร่วมเดินทางแม้แต่นิดเดียว หรือว่าถ้าเธอมีระดับลิลลี่แรงค์กับหมอนั่นสูงถึงขนาดนั้น...เดี๋ยวฉันลงเดินแล้วให้เธอขี่หลังม้าหมอนั่นแทนก็ได้ ถึงมันจะเหนื่อยหน่อยก็เถอะ"

 

 

     สายตาของเรอาในขณะนี้เลื่อนลงไปมองยังทางเดินดินทรายที่แทรกอยู่ระหว่างทุ่งหญ้าที่ขนาบข้างอยู่สองฟากสนามที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังมีเทวทูตที่เป็นศัตรูทางสายเลือดของเธอกำลังบินตามมาอยู่ไม่ห่าง ซึ่งในขณะนี้นอกจากรอยกีบม้าที่เรอาและลูซาริสกำลังขี่อยู่นั้นก็ไม่มีวี่แววของสิ่งใดอื่นเลย ทั้งนี้ก็เพราะคำพูดของเมโรเน่หลังจากที่เรอายื่นข้อเสนอที่ทรมานร่างกายโดยไม่ใช่เรื่องนั่นเอง...

 



     "เธอไปเอาที่ไหนมาพูดเหรอว่าฉันติดลูซาริสนักหนา... สิ่งเดียวที่ฉันสนใจคือรูปลักษณ์ที่งดงามเหมือนเจ้าชายแห่งเมืองไหนสักแห่งนั่นต่างหาก แล้วถ้าจะให้เทียบกันจริงๆ... 'ระดับลิลลี่แรงค์ 'อะไรนั่นที่ฉันมีให้ผู้ชายคนนั้นคงวัดกับที่ฉันมอบให้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ!"

 

 

     "เธอต้องการสื่อถึงอะไรกันแน่...เมโรเน่!? ทั้งที่เธอเพิ่งจะบอกว่าไม่สนใจลูซาริส...แต่กลับพูดว่าสนใจรูปหน้าของเจ้าหมอนั่นในประโยคเดียวกันแทนเนี่ยนะ สรุปแล้วเธอต้องการจะสื่ออะไรกับฉันกันแน่"

 

     เรอาสังเกตเห็นเมโรเน่ยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับส่ายหัวเป็นจัวหวะเฉกเช่นเดียวกับเด็กที่ไม่ชอบกินผักใบเขียว ใบหน้าของเมโรเน่ในขณะนั้นช่างดูเพลียใจกับท่าทีที่เหมือนกับเข้าใจบางสิ่งได้ยากมากของเพื่อนสาวของเธอจนแสดงออกมาอย่างชัดเจนอย่างไม่มีปกปิด

     แต่ถึงอย่างนั้นเรอาก็ยังคงแสดงความอยากรู้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะเจือจางลงเลยแม้แต่นิดเดียวทำให้เมโรเน่ต้องอธิบายให้ชัดเจนที่สุดอีกรอบหนึ่ง

 


"คืออย่างนี้นะเรอา... ที่ผ่านมาฉันไม่เคยคิดติดใจเรื่องอะไรมากเท่าเรื่องนี้มาก่อนเลย จนกระทั่งได้มาเห็นผู้ชายที่มีรูปโฉมงดงามผิดมนุษย์ธรรมดาเช่นลูซาริสอย่างนี้ ไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลกนี้หรอกที่จะมีใบหน้าอันเฉียบคมประดุจดาบศักดิ์สิทธิ์ ผิวกายขาวโพลนดังเกล็ดหิมะแห่งสรวงสวรรค์...แม้ว่าหิมะของโลกจะขาวเหมือนกันก็เถอะ แถมดวงตาที่ล้ำลึกยิ่งกว่าเทพระดับสูงแห่งสรวงสวรรค์ระดับท่านมหาอัครเทพเซราฟิเอลหรือแม่ทัพแห่งเหล่าเทพทั้งปวง 'มิคาเอล' ฉันว่านะ...ลูซาริสจะต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน"



"หมายความว่ายังไง... พูดซะยาวขนาดนี้ฉันนึกภาพตามไม่ทันหรอกนะ"



"ฉันรู้สึกกับหมอนั่นแปลกๆแบบเดียวกับตอนที่เจอเธอครั้งแรก... เป็นความรู้สึกรังเกียจจนแทบจะไม่อยากอยู่ร่วมผืนฟ้าเดียวกัน ต่อให้ผืนนภาจะบันดาลให้พวกเราทั้งสามมาพบกันก่อนที่เราสองคนจะถูกฆ่าก็ตามทีเถอะ...แต่ถึงอย่างนั้นมันก็แปลกอยู่ดีที่มนุษย์ผู้ชายเพียงคนเดียวจะสามารถเอาชนะไซคลอปส์รวดเดียวห้าตัวได้ และไอระเหยจากลูซาริสก็ดูแปลกๆราวกับ..."



                    "จอมปีศาจผู้เป็นจ้าวแห่งยมโลก...ลูซิเฟอร์!!"





     ชั่วพริบตาเดียวที่ในความคิดของเรอาเกิดย้อนความไปถึงประโยคสุดท้ายก่อนที่เมโรเน่จะแยกจากเธอไปอย่างถาวรเพื่อประสบชะตากรรมที่ทูตสวรรค์ผู้ถูกกล่าวหาว่าหันหลังให้พระผู้เป็นเจ้านั้นควรจะเป็น ข้อต่อกระดูกสันหลังทุกจุดของเทพตกสวรรค์ไร้ปีกก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันทีเมื่อชื่อของราชันย์ปีศาจผู้สยบความปั่นป่วนของโลกใต้พิภพปรากฏขึ้นมาจนสั่นสะท้านไปทั่วทุกรูขุมขน


     ถึงเรอาจะรู้โดยภาพวิมานบนฟ้ากว้างว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่อดีตมหาเทวทูตแห่งสรวงสวรรค์ที่มีรูปโฉมงดงามดุจผิวทะเลผู้ถูกขับไล่จากแดนสวรรค์จะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหญิงสาวผู้เป็นศัตรูโดยไม่ทำอะไรเลย


     โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาที่ทั้งสามได้พบกันนั้นจะล่วงเลยมาเป็นเวลาหลายสิบวันแล้วก็ตาม...



     "นี่...ลูซาริส! ฉันขอถามนายตรงๆเลยก็แล้วกันนะ...ถ้าเกิดว่าเรื่องที่ฉันถามไปเกิดขัดใจอะไรนายเข้าละก็ ตอนนั้นนายจะผลักฉันตกจากหลังม้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก"



     เรอาโน้มตัวเข้าซบแผ่นหลังที่คลุ้งไปด้วยไออุ่นจากร่างของลูซาริสอย่างนุ่มนวลราวกับผ่านประสบการณ์แบบนี้มาหลายครั้งมาก ก่อนจะเอ่ยปากถามข้อสงสัยในใจด้วยเสียงที่อ่อนโยนเหมือนกับเรื่องเหล่านั้นไม่มีอันตรายใดๆกับเทพตกสวรรค์อย่างเธอแม้แต่นิดเดียว

     และเพื่อเป็นการทำลายบรรยากาศเงียบงันที่ลูซาริสสร้างขึ้นมาตลอดทางด้วยเช่นกัน...



     "มีอะไรอย่างนั้นเหรอ... แม่สาวน้อย!?"


     "คือว่านะ...ลูซาริส ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงซะด้วยสิ" เรอาเริ่มรู้สึกสับสนในใจมากขึ้น ราวกับว่าจิตสำนึกขั้นลึกของเธอจะรู้สึกว่าไม่สมควรพูดคำๆนั้นออกมา


     "ใจเย็นๆแล้วค่อยพูดออกมาก็แล้วกันนะ... เพราะอีกตั้งไกลกว่าจะถึงหมู่บ้านฟิโอเล่"



     เรอาเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เธอเพิ่งจะรู้เมื่อสักครู่นี้เองว่าการที่ลูซาริสปิดปากเงียบอยู่แล้วนั้นยังจะดีเสียกว่าให้สาวน้อยผมยาวรูปร่างอ่อนแออย่างเธอปริปากทำเสียงอ่อยหลายเท่า แต่ในเมื่อเรอาเป็นฝ่ายชวนชายหนุ่มที่ยินดีร่วมทางไปกับเธอโดยไม่รู้ว่าจะมีอันตรายใดๆรออยู่ตรงหน้านั้นเอง...เธอก็ค้องเปิดประเด็นคุยโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท



     "ถ้าอย่างนั้นนะ...ฉันจะไม่เกรงใจนายแล้วกัน นายรู้จักเทพตกสวรรค์ที่ชื่อ'วาเรีย'(ขอเปลี่ยนชื่อแม่ของเรอาจาก'เวอร์ริเออร์'เป็น'วาเรีย'นับแต่บัดนี้เลย)หรือเปล่า!?"


     "วาเรีย..!? เทพตกสวรรค์ผู้บันดาลความดื้อรั้นน่ะเหรอ!? ไม่ค่อยจะรู้ประวัติเท่าไหร่นะ ฉันรู้แค่ว่า... วาเรียเป็นชื่อหมวดหมู่ของเหล่าบาปหนาทั้งเจ็ดของมนุษย์เลยไม่ใช่เหรอ ว่าแต่...เทพตกสวรรค์คนนั้น..เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเธองั้นสินะ"



     "อืม...ใช่! วาเรียที่ฉันถามนายเมื่อกี้น่ะเป็นแม่ของฉันเองล่ะ...ถ้านายไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรหรอก"



     เรอาถอนหายใจออกมาครั้งใหญ่ราวกับรู้สึกโล่งใจที่สามารถจบประโยคสนทนาระหว่างเธอกับชายหนุ่มผู้มีเสียงที่แสนกดดันลงได้เสียที ซึ่งเรอาก็ยังมีความรู้สึกขุ่นมัวแปลกๆที่ติดตรึงอยู่ในใจตามวนเวียนอยู่ไม่ห่าง เพราะตามปกติแล้วเวลาที่เธอเปิดประเด็นสนทนากับคนอื่นแล้ว...


     ถึงแม้ว่าเรื่องที่เธอหรือคู่สนทนาตั้งขึ้นมาจะจบไปแล้วก็ตาม เรอาจะต้องลากคนๆนั้นไปคุยเรื่องอื่นอีกยาวมหาบรรลัยจนกว่าจะจบก็ตอนที่เมโรเน่เข้ามาขัดคอเอาไว้เท่านั้น ซึ่งในครั้งนี้เรอาสามารถตัดทอนเวลาให้เหลือเพียง1/300ส่วนเท่านั้น




     "งั้นเองเหรอ...เป็นแม่ของเธอเองหรอกเหรอ!? ฉันก็ว่าแล้วทำไมเธอถึงได้ดูคุ้นๆหน้านักตอนที่เจอกันครั้งแรก ที่แท้ก็เป็นลูกสาวของเทพตกสวรรค์คนนั้นนี่เอง แต่จะว่าไปแล้วตอนที่แม่เธอเข้ามาหาฉันเมื่อ16ปีก่อนนี่...เธอยังเป็นแค่เด็กแรกเกิดที่มีอายุเพียงสามวันเท่านั้นเองนี่นา เรอาซัสบอกเธอเรื่องนั้นล่ะสิ!"



     เสียงของลูซาริสเริ่มฟังดูน่าเกรงขามมากขึ้นเรื่อยๆราวกับตุลาการพิพากษาจำเลยที่ตั้งตัวเองบนที่สูงพร้อมทั้งเริ่มมีละอองสีม่วงแก่ฟุ้งกระจายออกมาจากร่างของชายหนุ่มจนเรอาต้องกระโดดลงจากหลังม้าที่ลูซาริสกำลังกุมบังเหียนอยู่พร้อมกับความรู้สึกผิดแปลกไปจากทุกครั้ง เป็นความรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเมื่อครั้งก่อนจะถูกฉีกปีกทั้งสองข้างทิ้งเสียอีก


     ทันใดนั้นเองที่ม้าคู่กายของลูซาริสเริ่มมีกลิ่นถ่านไม้ที่ติดไฟคลุ้งออกมาทั่วบริเวณราวกับอาชานรกผู้ติดตามเจ้านายไปทั่วทุกที่เมื่อครั้งสงครามศักดิ์สิทธิ์สามเหล่าทัพ ก่อนที่เปลวเพลิงสีชาดจะลุกโชนออกมาจากอานม้าขึ้นทั่วร่างของชายหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ปรานี หากแต่ลูซาริสยังคงนั่งนิ่งอยู่บนม้าที่ร่างกายร้อนระอุนั่นได้อย่างไม่สะทกสะท้าน



     และในขณะนั้นปลายดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพตกสวรรค์ของเรอาก็กำลังชี้ไปยังลูซาริสอย่างแน่วแน่เพื่อที่จะผ่าร่างของเขาให้ขาดเป็นสองส่วนเอาไปให้ผู้ที่กำลังทรมานอยู่ในขุมนรกทั้งเจ็ดได้ลิ้มรสชาติแห่งอดีตเทพสวรรค์ เพื่อที่เรอาจะได้ตกไปอยู่ในนรกขุมที่ลึกที่สุด..."โคคิวโทส"




     "ไม่ใช่แค่แม่ของฉัน...แต่นายยังรู้จักไปกระทั่งพ่อของฉันเลยงั้นเหรอ! ไม่เบาแฮะเจ้าหนุ่มคนนี้... หรือฉันควรจะเรียกนายว่าไอ้แก่ที่ไม่ยอมหงำเหงือกสักทีดีล่ะ!? ดูอัล คอนทรารี่!!"



     ดาบเดี่ยวกลายสภาพไปเป็นดาบคู่พร้อมเข้าฟาดฟันกับมนุษย์ปีศาจผู้ทนความร้อนของเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชติช่วงได้โดยที่เสื้อผ้าที่สวมอยู่ไม่ติดไฟแม้สักอณูเดียว ดวงตาสีดำทะมึนที่จ้องไปยังคู่ต่อสู้ที่ไม่คาดฝันมาก่อนว่าจะต้องหันคมดาบเข้าหาของสาวน้อยอายุสิบหกเฉกเช่นฆาตกรต่อเนื่องที่เผชิญความตายมาจนชาชินเสียแล้ว
     

     ฝ่ามือทั้งสองกุมแผ่นเหล็กเอาไว้อย่างแนบแน่นไม่ขยับออกจากตำแหน่งเดิมเพื่อจะรอจังหวะที่จะมีฝ่ายใดเผลอขยับร่างกายก่อนเตรียมวาดสีสันเที่ยงแท้แห่งโลกที่โหดร้ายนี้ลงบนผืนปฐพีที่ชะโลมด้วยเลือดมานานด้วยจิตศรัทธาอันมั่นคงต่อตัวเอง




     "อย่ารีบร้อนน่า... ฉันน่ะยังไม่ได้เรียกอาวุธมารของตัวเองออกมาเลยนะ อย่างน้อยๆ..."



                    ฉัวะ..!!!! 




     "ไม่ต้องพูดอะไรมากความทั้งนั้น!! มาตัดสินกันไปเลยดีกว่า..."


     เสียงเร้าอารมณ์ของสาวน้อยที่พร้อมจะแสดงความรักของตัวเองผ่านรอยบาดแผลที่ชุ่มไปด้วยโลหิตของชายหนุ่มได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับคมดาบที่ฟาดฟันเข้าสู่ร่างของอาชาเพลิงอย่างไร้ซึ่งการชะลอแม้สักวินาที ซึ่งสิ่งที่โลหะสีเทาเงินของเธอเฉือนเข้าไปนั้นจะเป็นเพียงแค่ต้นหญ้าที่อยู่บนพื้นเท่านั้นเอง





     "จริงไหม..!? จ้าวแห่งบาดาลภพ... ลูซิเฟอร์!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา