เหมียวสื่อรัก กับดักหัวใจ
เขียนโดย ชม้อยศรี
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.18 น.
แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2556 16.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เรื่องของหว่างขาและพึ่ง(ได้)รู้จัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสิ่งที่ฉันได้เห็นจากความตื่นตระหนกของฉันทำฉันอยากตาย TT^TT ไม่คิดว่าการกลัวเพราะถูกจับได้จะทำให้ตัวเองประมาทถึงขนาดหันหน้าเข้าพบกับสิ่งนั้นอย่างไม่ระวัง ฉันรู้สึกว่าหน้าฉันเฉียดเข้ากับสิ่งนั้น...เบาๆ
และสิ่งนั้นที่ทำฉันขวัญเสียและเป็นสิ่งที่ไม่สามรถจับต้องได้
ไม่ใช่อะไรที่ไหน เพราะมันคือ’เป้ากางเกง’!!! T,.T
เป้ากางเกงที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าทำฉันไม่กล้าขยับ ส่วนเจ้าของเป้าพึ่งรู้สึกตัวจากเหตุการณ์ที่ทำให้ตะลึง อึ้งและ(หวาด) เสียวเมื่อกี้กระโดดตัวถอยหลังไปสามก้าวก่อนจะชี้หน้าและต่อว่าฉันมาตรงๆ
“ธะ...เธอ...เธอมันยัยโรคจิตชัดๆ”
“TT,.TT”
“เธอแอบดูกางเกงในน้องชายฉันและยังจ้องเป้าฉันอีก”
“TToTT” จะตอบกลับว่าไม่ใช่ก็เถียงได้ไม่เต็มปากเต็มคำ เพราะฉันก็มองจริงๆ “ฉะฉันไม่ได้ตั้งใจดูเลยนะ พวกนายเดินมาให้ฉันดูเองฉันไม่ผิด” และเมื่อตอบออกไป คำพูดแบบไม่ได้คิดทำฉันอยากตาย T^T ฉันตอบแบบฆ่าตัวเองตายชัดๆ
และผลตอบสนองจากคำพูดของฉันทำเจ้าของเป้าถึงกับอึ้งไปต่อไม่เป็น ด้วยความอายเหลือคณาทำฉันต้องหันหน้าหนี ถึงแม้จะหนีก็หนีไม่พ้นอีก เมื่อหันไปแล้วพบกับเจ้าของกางเกงในรูปหมูน้อยยืนอยู่ริมหน้าต่างที่ฉันถอยออกมาพร้อมเอามือกุมเป้าทันที
ชีวิตฉัน!!!! นี่มันอะไรกัน ฉันไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เลยนะ TToTT
หลังจากเหตุการณ์ที่ชวนให้เสียสติกลับคืนมาเป็นปกติในยามที่มีสติแล้ว ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนโซฟากำมะหยี่สีขาวในบ้านหลังที่เกิดเหตุอย่างเจี๋ยมเจี้ยมโดยมีเจ้าของเป้าผู้เสียหายนั่งมองหน้าฉันนิ่งๆอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนเจ้าของกางเกงในหมูน้อยที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วกำลังเดินลงมาจากบันได ให้ตายสิ เหมือนโดนกดดันจากตำรวจในห้องสอบสวนก็ไม่ปาน
“เธอเป็นใครและต้องการอะไร” เสียงเจ้าของเป้าเอยถามขึ้นมาอย่างนิ่งๆ แม้จะเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่ฉันจะตอบกลับอย่างไรให้ตัวเองรอดและหลุดพ้นจากแรงกดดันนี่ดี
“.....” ฉันเลยเลือกที่จะเงียบ รอหาจังหวะเหมาะๆเอาตัวรอด
“เธอ!!” แต่เสียงอีกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นทำฉันตกใจนิดๆจึงเงยขึ้นมองก็พบเจ้าของเสียงว่าเป็นคนเดียวกับเจ้าของกางเกงในหมูน้อยที่กำลังเดินดิ่งเข้ามาหาฉัน
ให้ตาย! เห็นหน้านายคนนี้แล้วท่วงท่าในตอนนั้นตามมาหลอกหลอน T,.T
“เธอ...” เขาเข้ามาใกล้ฉันพร้อมมองหน้านิ่งๆ ก่อนจะยิ่งคำถามที่ทำฉันถึงกับสะอึก! “เธอ...ถ้าอยากเห็นโรเจอร์ของฉันขอดูดีๆก็ได้นะ” แม้จะเป็นประโยคที่ชวนหยีแต่ฉันเองก็ดันปากไวโต้กลับเช่นกัน
“จริงหรอ ถ้าคิดว่าแน่โชว์มาเลย…..OxO” ฉันอุดปากไม่ทัน ลืมตัวไปว่าตัวเองเป็นจำเลยแท้ๆ
“ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมขึ้นเบาๆจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามฉันดังขึ้นเพื่อหยุดการสนทนาที่เริ่มจะล่อแหลม
“ก๋ากั่นชะมัด หึ” เสียงทิ้งท้ายของนายโรเจอร์(เปลื่ยนชื่อให้แล้ว)ทิ้งท้ายไว้พร้อมรอยยิ้มแปลกๆก่อนจะเดินไปหยุดอยู่มุมหนึ่งพร้อมจ้องกลับมาอย่างนิ่งๆ เริ่มเข้าสู่โหมดกดดันอีกแล้วสินะ
“ตกลงเธอต้องการอะไรหรือเธอจงใจเข้ามาแอบดู...โรเจอร์ของสายลมมันจริงๆ” ประโยคจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามฉันเรียกความสนใจจนต้องหันขวับไปมองหน้าหมายจะด่ากลับทันที ภาพที่ฉันได้เห็นเป็นภาพที่สะกดสายตาฉันไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ ใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูคมคายคล้ายมีเชื้อฝั่งตะวันตกพอให้เห็น คิ้วหนาเข้มเรียวตัวสวยขมวดเป็นปมน้อยๆที่ทำให้ดวงตาสวยคมเข้มขึ้นและตอนนี้กำลังจ้องมองมาฉัน จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงบางเม้มเข้าหากันนิดๆ ผมรองทรงสีดำสนิทไร้ตามกรอบหน้าทำให้ผิวใสดูขาวผ่อง ลำคอและช่วงลำตัวรับช่วงต่อกันดูสมบูรณ์แบบ ไหล่ที่กว้างทำให้รู้สึกว่าต้องปกป้องใครซักคนไว้ในอ้อมอกอย่างปลอดภัย แม้โดยรวมจะดูตัวบางแต่ก็พอมีกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยไว้ให้ได้จินตนาการต่อภายใต้เสื้อยืดสีเทานั้น ยิ่งท่านั่งเผยให้เห็นถึงช่วงขาที่เรียวยาวและช่วงเอวที่สอบเข้าอย่าสวยงามก่อนที่สายตาฉันจะไปหยุดอยู่ยัง....เป้า!!!
TT,.TT ฉันเป็นอะไรกับเป้าเนี้ยยยย!
“ผมว่าเธอคงตั้งใจมาดูโรเจอร์ของพี่แน่ๆ” เสียงของผู้ชายที่ดูเหมือนจะชื่อสายๆอะไรนั่นดังขึ้นเรียกสติฉันกลับมาทันที “ผมเห็นเธอ’จ้องเป้า’พี่ตาไม่กระพริบเลยนะ ฮ่าๆๆ” นายนั่นเน้นคำว่า’จ้องเป้า’อย่างเสียงดังฟังชัดทำ ฉันได้แต่หันหน้าหนีไปต่อไม่เป็นทีเดียว
“ฮะแฮ่มๆ =///=” เสียงกระแอมดังขึ้นอีกครั้งเพื่อหยุดสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วน ฉันได้แต่เหลือบตามองจึงเห็นสีหน้าของเขาที่ดูแดงๆขึ้นมานิดๆก่อนที่เขาจะเลื่อนหมอนอิงบนโซฟามาปิด...เป้า เอาไว้
T///T ฉันกลายเป็นผู้หญิงโรคจิตไปแล้วล่ะ
“ตกลงเธอต้องการอะไร” คำถามเดิมที่ถามเป็นรอบที่สามดังขึ้นอีกครั้งและรอบนี้ฉันจะตอบตามความจริง =///= ไม่อยากอยู่กับเรื่องหว่างขาแล้วล่ะ
“ฉันแค่จะมาเล่นกับฮะจิเท่านั้น” ฉันตอบตามความจริงนะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะตอบความจริงทั้งหมดซักหน่อย
“เธอคงจะไม่โกหกใช่มั้ย”
“คนอย่างฉันจะไม่โกหกเพื่อเองตัวเองรอด” ...แต่ถ้าหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองรอดน่ะประจำ
แม้เขาจะมองด้วยสวยตาไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่กลับมาและยังถามต่อ “เธอรู้จักกับฮะจิตอนไหน ฮะจิไม่ใช่แมวที่จะเข้ากับใครได้ง่ายๆนะ”
“ฉันเจอฮะจิในวันงานประกวดแมวฮะจิเข้ามาหาฉันเองและก็ได้เจออีกรอบตอนฉันมาหาเพื่อนที่บ้านติดกับนายเลยเล่นกัน” ฉันบอกความจริง แต่บอกไม่หมดและข้ามไปหลายเรื่อง ยังไงก็ถือว่าฉันไม่ได้โกหกล่ะ
“เธอได้เล่นกับฮะจิแถวต้นไม้หลังบ้านเพื่อนเธอใช่มั้ย?” เขารู้ได้ยังไง หรือเขาเห็นนะ
“ใช่ มีอะไรรึเปล่า”
“งั้นเธอคงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฮะจิต้องเป็นแบบนี้สินะ” เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเรียกให้ฉันตามขึ้นบันไดไป และฉันเองก็ตามเขาไปง่ายๆ =_= นี่ถ้าไม่เกี่ยวกับฮะจิฉันไม่มีวันเดินตามผู้ชายแถมยังเดินตามขึ้นห้องอีกด้วย
เมื่อเขาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งและส่งสายตาให้ฉันเป็นคนเปิดประตูเข้าไป แม้ฉันจะยอมทำตาม แต่ฉันก็ระวังตัวเป็นอย่างดี ถ้าเขาคิดไม่ซื่อกับฉันมาจริงฉันคิดว่าฉันเอาตัวรอดได้ง่ายๆ และถ้าฉันหายไปนานฟินน์ก็จะตามมาแน่นอน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องนี้เป็นห้องที่มีตกแต่งไว้สำหรับการใช้ชีวิตขอบแมวและคน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอุปกรณ์ของใช้แมวและกองของเล่นแมว และฉันก็สะดุดตาอยู่ที่มุมนึงของห้องที่ตรงนั้นมีเตียงสำหรับสัตว์และมีฮะจินอนอยู่บนเตียง ฉันจึงรีบตรงเข้าไปหาฮะจิทันที ฮะจิที่พึ่งตื่นขึ้นมาเห็นหน้าฉันจึงส่งเสียงร้องกลับมาเบาๆ และก็เห็นว่าขาหน้าของฮะจิบวมเป่งขึ้นมาอย่างน่ากลัว ฉันได้แต่ส่งสายตาเป็นคำถามไปยังผู้ชายคนนั้น
“สองสามวันมานี่ฮะจิมักหนีออกจากบ้านไปนั่งรออะไรไม่รู้อยู่บนกำแพงและต้นไม้ทุกวัน ก่อนจะโดนงูกัดมาเมื่อวาน โชคดีที่เป็นงูไม่มีพิษจึงไม่มีรอยเขี้ยวให้เห็นมีแค่รอยถลอกและรอยฟัน แต่ก็โชคร้ายที่ฮะจิเกิดติดเชื้อขึ้นมาและมีอาการแพ้”
จากคำบอกเล่าเป็นเพราะฮะจิหนีออกจากบ้านแล้วบังเอิญไปโดนงูกัดเองซึ่งเขาได้โยนความผิดมาให้ว่าฉันคือต้นเหตุครั้งนี้ แต่เมื่อคิดดีๆฉันว่าฉันเป็นต้นเหตุเรื่องนี้จริงๆ เพราะฮะจิก็ไปรอที่เดิมที่เจอฉันทุกวัน
“ฉันพอจะช่วยอะไรได้บ้างมั้ย” ฉันถามออกไปด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ แต่เขากลับได้แต่มองฉันมาอย่างนิ่งๆเท่านั้น “ให้ฉันได้ช่วยเถอะ ฉันว่าเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นเพราะฉันจริงๆ ฉันไม่อยากให้ใครมาว่าฉันทีหลังได้”
แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับนิ่งและเงียบไปจน ทำให้ฉันอดร้อนใจขึ้นมาไม่ได้ แต่สุดท้ายเขากลับพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าเธอตั้งใจที่จะช่วยจริงๆ งั้นแค่เธอมาดูแลฮะจิเวลาเธอว่างก็พอแล้ว”
“ฉันตกลง” แม้จะตอบตกลงในทันทีแต่ฉันคิดแล้วนะว่าจะได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง อย่างน้อยฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้มากแถมยัง...หึหึหึ ฟินน์เอ๊ย ฉันไม่แพ้แน่ๆ เพราะฮะจิไปอึหรือไปบ้านฟินน์ไม่ได้อีกพักใหญ่เลยล่ะ
วันนี้กลายเป็นว่าฉันนั่งดูแลฮะจิอยู่ที่ห้องโดยที่ฟินน์พึ่งรู้ตัวว่าฉันหายมานานเลยพึ่งตามมา =_= ถ้าฉันโดนทำร้ายตอนนี้คงตายกลายเป็นปุ๋ยไปแล้วล่ะ เหอะๆๆ แต่สุดท้ายฟินน์ก็ไม่สามารถเข้ามาในห้องที่ฉันอยู่ได้เพราะฮะจิส่งเสียงขู่ตลอดเวลาเมื่อเห็นหน้าฟินน์ ซึ่งฟินน์เองก็ไม่อยากที่จะเข้ามาอยู่แล้วจึงกลับไปรอที่บ้าน ส่วนเจ้าของบ้านกลับบอกว่าจะออกไปข้างนอกซักพักและกำชับให้ฉันดูแลฮะจิดีๆโดยที่เขาทิ้งฉันไว้กับนายโรเจอร์สองคน =_=
แม้ฮะจิเองจะกลายเป็นแมวสามขาแต่ก็ใช้ชีวิตแมวๆได้อยู่ ตอนตื่นก็เล่นบ้างตามประสาแมวขี้เล่นแต่ด้วยอาการตัวร้อนจึงทำให้ออกจะซึมๆ ส่วนใหญ่ได้แต่นอนอย่างเดียว จากที่สังเกตอาหารจะไม่ค่อยกิน กินน้ำนิดหน่อยเท่านั้น และฉันเนี้ยแหละที่เป็นคนยกข้าวยกน้ำมาให้กิน หรือถ้าฮะจิปวดห้องน้ำก็ต้องยกสุขาแมวมาให้ถึงที่ ถึงแม้ฮะจิจะเดินเองได้แต่ฉันก็กลัวว่าจะทำให้แผลหายช้าจึงบริการเต็มที่
ตอนนี้ฉันและฮะจิกำลังเล่นกับอยู่กลับมีเสียงเปิดประตูดังขึ้น คนที่โผล่หน้าเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน นายโรเจอร์นั่นเอง =_= เมื่อฮะจิเห็นก็เมินหน้าหนีทันทีและกลับมาสนใจของเล่นที่ฉันเล่นกับฮะจิต่อจึงทำให้นายโรเจอร์อดไม่ได้ที่จะแขวะให้
“ชิ ทำเป็นเมินฉันนะไอ้แมวอ้วน” แต่ฮะจิก็ยังไม่สนใจอยู่ดี นายนั่นจึงหันกลับมาหาฉันแทน “นี่เธอชื่ออะไรน่ะ ฉันลืมถาม”
“=_= ฉันจำต้องตอบใช่มั้ย”
“แน่นอนที่สุด ;) ”
“ชาเบล ฉันชื่อชาเบล”
“ชื่อแปลกนะ อ้อ ส่วนฉันชื่อ...” เค้ายังไม่ทันได้ตอบฉันกลับส่วนขึ้นไปแทน
“โรเจอร์” พร้อมมองกลับไปนิ่งๆ ฉันพอจะรู้ว่าเขาชื่อสายฝน สายหยุดอะไรนั่น ซึ่งไม่ได้ชื่อโรเจอร์ แต่แค่หมันไส้เท่านั้น
“-0-...นั่นคือชื่อน้องชายที่เกิดมาพร้อมฉัน ฉันชื่อสายลม โปรดเรียกให้ถูกด้วย” อ่อ สายลม แล้วใครคือสายฝนกับสายหยุดล่ะ
“โอเค นายโรเจอร์”
“เธอคงสนใจน้องชายฉันจริงๆสินะ เฮ้ยๆๆๆๆ” นายนั่นพูดยังไม่ทันจบ ฉันขว้างลูกบอลเล็กๆในมือไปทันที ทำเอาคนที่โผล่หน้ามาถึงกับหลบและปิดประตูไม่ทัน
แม้จะปิดประตูไปแล้ว ยังไม่ทันเบาใจที่จะไม่มีคนมาก่อกวนได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับมาเปิดประตูโผล่หน้าอีกรอบ ฉันทำท่าจะขว้างใส่อีกทีเขาจึงรีบพูดสิ่งที่ค้างไว้ทันที
“ฉันจะบอกว่าคนที่เธอเอาแต่จ้องเป้าคนนั้นเป็นพี่ชายฉันและเป็นทาสของไอ้แมวอ้วนนั่น และเขาชื่อพระพาย”
ปัง!!!
พูดจบก็รีบปิดประตูไปทันที ให้ตายสิ! กวนประสาทชะมัด ฉันไม่ได้อยากจะจ้องเป้าซักหน่อยนะ ถ้าโผล่มาอีกรอบจะเล่นให้หัวแตกเลย =_=
“คนที่ชื่อพระพายเป็นเจ้าของฮะจิหรอ” ด้วยความสงสัยฉันจึงหันไปถามฮะจิเพราะฉันไม่แน่ใจว่านายโรเจอร์จะโกหกฉันหรือเปล่า
“เมี้ยวววววววว!” ฮะจิเองก็ตอบกลับลำทำให้ฉันได้รู้ว่า
เออ...ฉันว่าบางทีฉันยังคงไม่อัจฉริยะพอจะแปลภาษาแมวออกทุกคำนะ =_=
หลังจากที่นอนเล่นกับฮะจิได้ครู่หนึ่งฮะจิก็กลับมานอนซมอยู่ข้างๆฉันแทน ฉันจึงอุ้มฮะจิไปนอนเล่นบนโซฟาตัวยาวด้วยกันซึ่งฮะจิได้เข้ามานอนซุกข้างลำตัวฉันแทนคงจะหนาวเพราะเครื่องปรับอากาศที่เปิดในอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป(ที่นี่เปิดแอร์ให้แมวอยู่ตลอดนะจ๊ะ) ฉันจึงกอดฮะจิไว้อย่างหลวมๆ พร้อมลูบและเกาตามลำตัวฮะจิเบาๆ โดยที่ฉันเองก็เผลอหลับไปพร้อมกับฮะจิเมื่อกัน
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับการมาของร่างสูงโปร่งเจ้าของดวงตาคมที่กำลังกวาดตามองก่อนจะพบหญิงสาวร่างเล็กที่นอนหลับใหลกับเจ้าแมวเหมียวในอ้อมแขน สายตาเอ็นดูจากร่างสูงที่ยืนทอดมองภาพตรงหน้าสามารถเรียกร้อยยิ้มเล็กๆจากชายหนุ่มผู้มาเยือนได้ในทันที ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงมองทั้งสองอย่างใกล้ๆ พร้อมความขบขันในความขี้เซาของทั้งคนและแมวเบาๆ ยามตื่นเหมือนจะระแวดระแวงไปทั่ว แต่ยามหลับกลับนอนนิ่งไม่รู้เนื้อรู้ตัว
มือเรียวยาวเอื้อมลูบหัวเจ้าแมวเหมียวที่หลับตาพริ้บและส่งเสียงครางต่ำเบาๆออกมาเหมือนกับบอกว่ากำลังสบายที่สุด แต่ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นมือเรียวยาวยังเผื่อแผ่ไปยังไรผมที่ปรกหน้าของหญิงสาวเบาๆด้วยเช่นกัน รอยยิ้มยังฉายชัดบนใบหน้าไม่เรือนหาย สายตายังทอดมองหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา
แต่อยู่ๆเจ้าแมวเหมียวตัวดีกลับลืมตาและร้องเรียกขึ้นมาเมื่อความสบายที่ลูบไล้หายไปนาน เป็นเสียงที่ดึงชายหนุ่มออกจากภวังค์และปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้นทันที
หญิงสาวตกใจตื่นขึ้นเพราะกลัวว่าที่เจ้าแมวเหมียวร้องเป็นเพราะตนได้นอนทับ พอได้เห็นเจ้าแมวเหมียวที่ยังอยู่ดีลืมตาแบ๋วจ้องมองกลับมาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกกว่าจากแมวตัวกลมๆจะกลายเป็นแมวแผ่นที่แบนแต๊ดแต๋ซะแล้ว แต่เมื่อได้มองตามสายตาของเจ้าตัวที่อยู่ในอ้อมแขนก็พบใบหน้าของชายหนุ่มอยู่ในระยะค่อนข้างใกล้ใบหน้าของเธอทำให้หญิงสาวตกใจพร้อมดีดตัวถอยหนีอัตโนมัติ ด้วยความงัวเงียจึงเบลอและความตะลึง(ในใบหน้าหล่อๆ)จนลืมคิด เผลอดีดแรงจนตกโซฟาอีกฝั่งทันที
เมื่อรอยช้ำเก่ายังไม่หายดีกลับมีรอบช้ำใหม่ตามมาย้ำทำเอาน้ำตาใสๆแทบเล็ด
จากรอยยิ้มเล็กๆที่มีอยู่กลายเป็นเสียงหัวเราะดังขึ้นมาแทน ทำเอาหญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาด้วยอารมณ์ทั้งโกรธและความอับอาย อยากจะจับโซฟาทุ่มใส่ให้หายแค้นที่หัวเราะเยาะ เธอรู้สึกว่าเข้าบ้านหลังนี้แล้วมีเรื่องให้ขายหน้าตลอด ความน่ากลัวที่หลายคนต่างกล่าวขานกลับกลายเป็นน่าขำขับในทุกๆการกระทำของเธอ แต่สิ่งที่เธอแปลกใจที่สุดคือเรื่องแบบนี้ก็พึ่งเคยเกิดขึ้นกับเธอเป็นครั้งแรกเช่นกัน
..............................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ