23 คดีกับเหล่าผีและนายนักสืบ
8.6
เขียนโดย กุหลาบราตรี
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.21 น.
23 คดี
11 วิจารณ์
30.81K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 18.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ลีลาศมรณะ (ตอนแรก)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"แม่ แม่"
"มีอะไร"
"คนที่มาหาแม่เมื่อวานเขาเป็นใคร"
เหตุการณ์เมื่อวานในขณะที่ฉันกับแม่กินข้าวเสร็จตอนนั้นมีคนมาหาแม่ แต่ฉันมองไม่เห็นหน้าเลยเพราะล้างจานอยู่ในครัว ความจริงก็จะออกมาดูอยู่หรอกแต่ไอ้คางคกเนี่ยล่ะสิมานอนจังก้าในอ่างล้างจานซะจนฉันไม่กล้าทำอะไรเลย นี่มันไม่ใช่อ่างอาบน้ำของคางคกนะยะ ฉันได้แต่ด่าในใจแล้วค่อยๆ ใช้ไม้กวาดเขี่ยอีตาคางคกตัวนั้นออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ (แต่มีความกล้ามากกว่า)
"แกไม่ต้องรู้หรอก"
"ทำไม...หรือว่าเขามาทวงหนี้ แม่ไปยืมเงินใครมาตอนไหนเนี่ย"
"ลูกคนนี้นี่คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง ถึงเวลาฉันก็บอกแกเองแหละ"
"แล้วตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอีกเหรอ" ฉันจงใจถามกวนประสาทแม่ตัวเอง (คนปกติทำไม่ได้นะเนี่ย)
วันนี้ฉันมีเรียนภาคค่ำ เอ่อ...ฟังดูเหมือนข่าวภาคค่ำเลยแฮะ ก็เรียนพิเศษนั่นแหละเขาเป็นครูฝรั่งแท้ๆ เลย มาสอนภาษาต่างประเทศให้ฟรีก็มีแค่ภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ ถ้าแม่ไม่บังคับให้เรียนนะฉันไม่เรียนหรอกไอ้พวกภาษาฝรั่งเศสเนี่ย เพราะที่โรงเรียนฉันก็เรียนจนฉันจะอวกมาเป็นภาษานี้อยู่แล้ว
การเรียนวันนี้ก็เหมือนทุกวันมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากๆ ในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้านและมันคงเป็นโชคดีของฉันเมื่อคนที่มาหาแม่เมื่อบ้านกำลังคุยกับแม่อยู่ฉันก็เลยถือโอกาสแอบฟังซะเลย (คงไม่เสียมารยาทนะก็ฉันถามดีๆ แล้วไม่ยอมบอกเองนี่นา)
"ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วยล่ะ" ดูเหมือนว่าแม่จะไม่พอใจ
"นายท่านเขารักคุณหนูมากนะครับ เขายกโทษให้คุณหนูตั้งนานแล้วนะครับ" เอ๊ะ...เดี๋ยวๆ ทำไมต้องรักด้วยแม่ฉันมีชู้เหรอ ไม่จริ๊งงงงงง~ แล้วฉันก็ยืนฟังต่อไป "คิดดูนะครับลูกสาวของคุณหนูก็สบายไปด้วย"
"ฉันขอคิดดูก่อน"
"นายท่านอยากให้คุณหนูกับลูกไปอยู่ด้วยกันที่บ้านจริงๆ นะครับ"
"ฉันขอคุยกับลูกฉันก่อน แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก"
ฉันแกล้งทำเป็นเหมือนเพิ่งกลับมาได้อย่างแนบเนียน (เก่งป่ะล่ะ) เป็นไปอย่างที่คิดไว้แม่เรียกฉันเข้าไปคุยด้วยทันทีที่ฉันวางกระเป๋าได้ไม่ถึงห้าวินาที (จะนับเพื่อ...) ดูท่าทางแม่ไม่กล้าพูดสักเท่าไหร่และฉันก็เงียบรอฟังต่อไป แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วฉันก็ยังนั่งเงียบอยู่ เหมือนกับว่าถ้าใครพูดก่อนเป็นฝ่ายแพ้ยังไงยังงั้น
"เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลย" โอ้ว...ในที่สุดแม่ก็เริ่มเปิดประเด็น "คนเมื่อกี้ที่มาหาแม่เขาเป็นทนายประจำตระกูลวร-วัฒธนากุล" ฉันตกใจมากๆ เพราะเป็นถึงทนายประจำตระกูลของเศรษฐี ที่รู้เพราะอ่านข่าวนะ กะว่าจะอ่านเรื่องย่อละครอ่ะแต่มันหาไม่เจอ
"แล้วเขามาหาแม่ทำไมหรือว่าแม่เป็นหนี้เขา"
"ลูกคนนี้นี่ หยุดพูดแบบนี้เลยนะ ปู่แกเขาขอให้ฉันพาแกกลับบ้าน"
"ห๊า~ งง"
"ตอนที่ก่อนที่แม่ยังไม่มีแกเนี่ย แม่หนีออกจากบ้านมากับพ่อแล้วก็มีแกนี่แหละ หลังจากที่มีแกไม่ถึงสองเดือนเนี่ยพ่อแกก็ตาย วันนี้ปู่แกเขาไม่มีทายาทก็เลยอยากให้แม่พาแกกลับไปรับมรดกเข้าใจหรือยังคะคุณลูกสาว"
"เข้าใจค่ะแม่"
หลังจากวันที่ฉันต้องคิดหนักว่าจะไปดีหรือเปล่า วันนี้ฉันก็เตรียมตัวเดินทางไปรับมรดกของคุณปู่ของฉันซึ่งแม่บอกว่าเป็นเข้มงวดและโหดมากๆ หยึ๋ย~ ฉันควรจะไปดีมั้ยเนี่ยในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยฉันก็เห็นบ้านที่ใหญ่ราวพระราชวังอยู่ข้างหน้าไม่น่าเชื่อว่ารถที่ฉันนั่งมากับแม่จะขับเข้ามาในบ้านหลังนี้ฉันจ้องมองด้วยความตื่นตาตื่นใจมากๆ เคยเห็นแต่ภาพในหนังสือพิมพ์ ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นของจริง ความรู้สึกตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงเลย ว่าแต่ทำไมทำไมถึงมีคนมาแย่งกระเป๋าฉันไปถืออ่ะ (ก็มีคนถือกระเป๋าไม่ได้ตรงไหนยะ)
"แม่"
"นี่...ระวังนะแถวนี้เขาเล่าว่าโรงเรียนที่เปิดสอนลีลาศเป็นโรงเรียนผีสิงจนทุกคนเรียกว่า ลีลาศมรณะ"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนามิด้วย" ฉันถามด้วยความแปลกใจสุดๆ
"ก็เพราะแกต้องถูกบังคับให้ไปเรียนเต้นลีลาศน่ะสิ...ดีใจด้วยนะลูกร๊ากกกก" แม่ฉันลากเสียงยาวซะจนฉันขนลุกเลยอ่ะ
เป็นไปอย่างที่แม่พูดไว้ฉันถูกบังคับให้ไปเรียนเต้นลีลาศทันที แต่ดูเหมือนคุณปู่ของฉันไม่ได้ใจร้ายเหมือนที่แม่บอกไว้เลยนะ สงสัยแม่จะอคติเกินไปหรือเปล่า ฉันไม่รู้ว่าที่โรงเรียนลีลาศนั่นทำไมถึงถูกเรียกว่า 'ลีลาศมรณะ' ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างแต่ฉันก็กลัวอยู่ดี
วันแรกที่โรงเรียนสอนลีลาศมีคนเยอะมากๆ ไม่น่าเชื่อแม่เลยคงจะหลอกให้ฉันกลัวน่ะสิ ฉันเรียนไปตามปกติแต่ช้ากว่าคนอื่นเพราะว่าฉันเพิ่งเริ่มเรียน สำหรับที่นี่ทุกคนนิสัยดีที่ช่วยสอนฉันหรือไม่ก็รำคาญจนต้องสอนมั้ง ช่วงพักเที่ยงฉันเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำดูเหมือนมีคนเดินตามฉันมาแต่พอหันกลับไปดูก็ไม่มีใคร ฉันเดินเร็วขึ้นจนมาถึงบันได
"กรี๊ดดดดดดดด" (เสียงฉันเองน๊า)
"มีอะไร"
"คนที่มาหาแม่เมื่อวานเขาเป็นใคร"
เหตุการณ์เมื่อวานในขณะที่ฉันกับแม่กินข้าวเสร็จตอนนั้นมีคนมาหาแม่ แต่ฉันมองไม่เห็นหน้าเลยเพราะล้างจานอยู่ในครัว ความจริงก็จะออกมาดูอยู่หรอกแต่ไอ้คางคกเนี่ยล่ะสิมานอนจังก้าในอ่างล้างจานซะจนฉันไม่กล้าทำอะไรเลย นี่มันไม่ใช่อ่างอาบน้ำของคางคกนะยะ ฉันได้แต่ด่าในใจแล้วค่อยๆ ใช้ไม้กวาดเขี่ยอีตาคางคกตัวนั้นออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ (แต่มีความกล้ามากกว่า)
"แกไม่ต้องรู้หรอก"
"ทำไม...หรือว่าเขามาทวงหนี้ แม่ไปยืมเงินใครมาตอนไหนเนี่ย"
"ลูกคนนี้นี่คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง ถึงเวลาฉันก็บอกแกเองแหละ"
"แล้วตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอีกเหรอ" ฉันจงใจถามกวนประสาทแม่ตัวเอง (คนปกติทำไม่ได้นะเนี่ย)
วันนี้ฉันมีเรียนภาคค่ำ เอ่อ...ฟังดูเหมือนข่าวภาคค่ำเลยแฮะ ก็เรียนพิเศษนั่นแหละเขาเป็นครูฝรั่งแท้ๆ เลย มาสอนภาษาต่างประเทศให้ฟรีก็มีแค่ภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ ถ้าแม่ไม่บังคับให้เรียนนะฉันไม่เรียนหรอกไอ้พวกภาษาฝรั่งเศสเนี่ย เพราะที่โรงเรียนฉันก็เรียนจนฉันจะอวกมาเป็นภาษานี้อยู่แล้ว
การเรียนวันนี้ก็เหมือนทุกวันมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากๆ ในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้านและมันคงเป็นโชคดีของฉันเมื่อคนที่มาหาแม่เมื่อบ้านกำลังคุยกับแม่อยู่ฉันก็เลยถือโอกาสแอบฟังซะเลย (คงไม่เสียมารยาทนะก็ฉันถามดีๆ แล้วไม่ยอมบอกเองนี่นา)
"ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วยล่ะ" ดูเหมือนว่าแม่จะไม่พอใจ
"นายท่านเขารักคุณหนูมากนะครับ เขายกโทษให้คุณหนูตั้งนานแล้วนะครับ" เอ๊ะ...เดี๋ยวๆ ทำไมต้องรักด้วยแม่ฉันมีชู้เหรอ ไม่จริ๊งงงงงง~ แล้วฉันก็ยืนฟังต่อไป "คิดดูนะครับลูกสาวของคุณหนูก็สบายไปด้วย"
"ฉันขอคิดดูก่อน"
"นายท่านอยากให้คุณหนูกับลูกไปอยู่ด้วยกันที่บ้านจริงๆ นะครับ"
"ฉันขอคุยกับลูกฉันก่อน แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก"
ฉันแกล้งทำเป็นเหมือนเพิ่งกลับมาได้อย่างแนบเนียน (เก่งป่ะล่ะ) เป็นไปอย่างที่คิดไว้แม่เรียกฉันเข้าไปคุยด้วยทันทีที่ฉันวางกระเป๋าได้ไม่ถึงห้าวินาที (จะนับเพื่อ...) ดูท่าทางแม่ไม่กล้าพูดสักเท่าไหร่และฉันก็เงียบรอฟังต่อไป แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วฉันก็ยังนั่งเงียบอยู่ เหมือนกับว่าถ้าใครพูดก่อนเป็นฝ่ายแพ้ยังไงยังงั้น
"เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลย" โอ้ว...ในที่สุดแม่ก็เริ่มเปิดประเด็น "คนเมื่อกี้ที่มาหาแม่เขาเป็นทนายประจำตระกูลวร-วัฒธนากุล" ฉันตกใจมากๆ เพราะเป็นถึงทนายประจำตระกูลของเศรษฐี ที่รู้เพราะอ่านข่าวนะ กะว่าจะอ่านเรื่องย่อละครอ่ะแต่มันหาไม่เจอ
"แล้วเขามาหาแม่ทำไมหรือว่าแม่เป็นหนี้เขา"
"ลูกคนนี้นี่ หยุดพูดแบบนี้เลยนะ ปู่แกเขาขอให้ฉันพาแกกลับบ้าน"
"ห๊า~ งง"
"ตอนที่ก่อนที่แม่ยังไม่มีแกเนี่ย แม่หนีออกจากบ้านมากับพ่อแล้วก็มีแกนี่แหละ หลังจากที่มีแกไม่ถึงสองเดือนเนี่ยพ่อแกก็ตาย วันนี้ปู่แกเขาไม่มีทายาทก็เลยอยากให้แม่พาแกกลับไปรับมรดกเข้าใจหรือยังคะคุณลูกสาว"
"เข้าใจค่ะแม่"
หลังจากวันที่ฉันต้องคิดหนักว่าจะไปดีหรือเปล่า วันนี้ฉันก็เตรียมตัวเดินทางไปรับมรดกของคุณปู่ของฉันซึ่งแม่บอกว่าเป็นเข้มงวดและโหดมากๆ หยึ๋ย~ ฉันควรจะไปดีมั้ยเนี่ยในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยฉันก็เห็นบ้านที่ใหญ่ราวพระราชวังอยู่ข้างหน้าไม่น่าเชื่อว่ารถที่ฉันนั่งมากับแม่จะขับเข้ามาในบ้านหลังนี้ฉันจ้องมองด้วยความตื่นตาตื่นใจมากๆ เคยเห็นแต่ภาพในหนังสือพิมพ์ ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นของจริง ความรู้สึกตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงเลย ว่าแต่ทำไมทำไมถึงมีคนมาแย่งกระเป๋าฉันไปถืออ่ะ (ก็มีคนถือกระเป๋าไม่ได้ตรงไหนยะ)
"แม่"
"นี่...ระวังนะแถวนี้เขาเล่าว่าโรงเรียนที่เปิดสอนลีลาศเป็นโรงเรียนผีสิงจนทุกคนเรียกว่า ลีลาศมรณะ"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนามิด้วย" ฉันถามด้วยความแปลกใจสุดๆ
"ก็เพราะแกต้องถูกบังคับให้ไปเรียนเต้นลีลาศน่ะสิ...ดีใจด้วยนะลูกร๊ากกกก" แม่ฉันลากเสียงยาวซะจนฉันขนลุกเลยอ่ะ
เป็นไปอย่างที่แม่พูดไว้ฉันถูกบังคับให้ไปเรียนเต้นลีลาศทันที แต่ดูเหมือนคุณปู่ของฉันไม่ได้ใจร้ายเหมือนที่แม่บอกไว้เลยนะ สงสัยแม่จะอคติเกินไปหรือเปล่า ฉันไม่รู้ว่าที่โรงเรียนลีลาศนั่นทำไมถึงถูกเรียกว่า 'ลีลาศมรณะ' ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างแต่ฉันก็กลัวอยู่ดี
วันแรกที่โรงเรียนสอนลีลาศมีคนเยอะมากๆ ไม่น่าเชื่อแม่เลยคงจะหลอกให้ฉันกลัวน่ะสิ ฉันเรียนไปตามปกติแต่ช้ากว่าคนอื่นเพราะว่าฉันเพิ่งเริ่มเรียน สำหรับที่นี่ทุกคนนิสัยดีที่ช่วยสอนฉันหรือไม่ก็รำคาญจนต้องสอนมั้ง ช่วงพักเที่ยงฉันเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำดูเหมือนมีคนเดินตามฉันมาแต่พอหันกลับไปดูก็ไม่มีใคร ฉันเดินเร็วขึ้นจนมาถึงบันได
"กรี๊ดดดดดดดด" (เสียงฉันเองน๊า)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ