SECRET PLAN (แผนรัก(ร้าย)ล็อคหัวใจยัยไร้เดียงสา)

10.0

เขียนโดย IRIZE

วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 10.58 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  6,802 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2556 00.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ( บุญคุณย่อมต้องทดเเทน )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

( บุญคุณย่อมต้องทดเเทน )

บุญคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก...ยากจะหาทางทดแทนได้

 

            ปัง!!

            เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดพร้อมกับปลอกกระสุนที่ร่วงหล่นลงพื้น ร่างท้วมของเสี่ยใหญ่เจ้าของบ่อนกาสิโนล้มฟุบหน้าคว่ำลงกับพื้นกระเบื้องสีคราม เลือดสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้น  ชายหนุ่มร่างสูงส่งปืนให้ลูกน้องคนสนิทก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง แล้วเดินกลับไปยังรถลีมูซีนสีดำปลาบคันหรู

          วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตอันแสนจำเจเหล่านี้ อำนาจวาสนา เงินทอง ควันปืนและกลิ่นคาวเลือด เป็นสิ่งจำเจที่เขาต้องเจอะเจออยู่เสมอ และแม้เขาจะมีทุกอย่างพร้อมสรรพสมกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเขตซีเคร็ททาวน์ แต่ทว่ามันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลยแม้แต่น้อย แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะ!

          “นายน้อยครับ ความจริงนายน้อยไม่น่าต้องลงมือเองเลยนะครับ คนอย่างไอ้เสี่ยหม่าให้ผมจัดการน่าจะดีกว่านะครับ”

            “ช่างเถอะ มันตายแล้วก็จบ ให้คนเก็บกวาดให้เรียบร้อย”

            “ครับนายน้อย!”

 

            คฤหาสน์หลังโอ่อ่าถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกกรรมแบบวิกตอเรียน จากฝีมือการออกแบบของสถาปนิกชื่อดังชาวยุโรป ทำให้คฤหาสน์หลังงามราวราชวังในเนื้อที่ร้อยกว่าไร่ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางใจเมืองเป็นที่เลืองลือไปในทางที่แตกต่างกัน บ้างก็ว่าเป็นที่อยู่ของมหาเศรษฐีต่างแดน บ้างก็ว่าเป็นที่พักพิงของเจ้าพ่อแก๊งยากูซ่า หรือไม่ก็เหล่าเจ้าพ่อมาเฟียที่กุมความเหี้ยมโหดเอาไว้ในมือ เพราะไม่ว่าผู้ใดที่เผลอย่างกรายเข้ามาเฉียดใกล้ประตูรั้วคฤหาสน์เพอร์ซิล ผู้นั้นมันตกเป็นเป้าสายตาของการ์ดชุดดำนับสิบที่ยืนเรียงรายเฝ้าหน้าประตูบานใหญ่อยู่ และตอนนี้การ์ดชุดดำเหล่านั้นกำลังจัดระเบียบตัวเองให้ไปยืนเรียงแถวต้อนรับผู้เป็นเจ้านายกลับบ้าน และเมื่อรถลีมูซีนสีดำปลาบคันหรูแล่นเข้าสู่หน้าคฤหาสน์หลังงาม การโค้งคารวะแบบชาวญี่ปุ่นด้วยความภักดีอันพร้อมเพรียงกันก็เกิดขึ้น

          “สวัสดีตอนค่ำครับนายน้อย!!” เสียงหนักแน่นของบริวารดังขึ้นต้อนรับการกลับมาของผู้เป็นเจ้านาย

            เขา คือ ‘ไคโร เพอร์ซิล เจ้าของร่างสูงโปร่งราวหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร ชุดสูทสีดำเนื้อดีสั่งตัดโดยเฉพาะราคาแพงหูฉี่ที่ประดับอยู่บนร่างกำยำ ช่วยขับใบหน้าคมเข้มแบบชาวเอเชียให้ดูดุดันมากยิ่งขึ้น ไคโรถูกแต่งตั้งให้เป็นนายน้อยรุ่นที่ 5 ของพรรคยากูซ่าที่ใครๆในเขตซีเคร็ททาวน์ต่างรู้จักกันในนาม พรรคคิระพรรคยากูซ่าที่มีอิทธิพลมากที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความสามารถทางด้านสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดที่มีมาแต่กำเนิด รวมกับทักษะการต่อสู้ทุกแขนงที่ถูกฝึกฝนอย่างหนักมาตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นประมุขพรรคตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี

         “เชิญครับนายน้อย” เสียงห้าวของ โทระ อุเอฮาระ ชายหนุ่มลูกน้องคนสนิทวัย 26 ปี ชาวญี่ปุ่นเอ่ยด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆเชื้อเชิญผู้เป็นเจ้านายลงจากรถ

          “ต้องการให้นำตัวเธอไปไว้ที่ไหนครับนายน้อย” โทระถามขึ้น เมื่อสังเกตเห็นสายตาคมปลาบดุจพญาอินทรีของเจ้านายเสมองร่างบอบบางที่นอนหมดสติอยู่ที่เบาะหลังอย่างใช้ความคิด

          “ให้คนพาเธอไปให้ฮานาโกะซังดูอาการ ส่วนนายกับรอนตามฉันไปที่ห้องทำงาน” เสียงทุ้มสั่ง โทระจึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขานำร่างหญิงสาวแปลกหน้าไปยังที่หมายทันที ซึ่งนั่นทำให้บรรดาบริวารทั้งหลายของไคโรลอบมองกันด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเอ่ยถาม

 

          ห้องทำงานขนาดใหญ่มีโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้เนื้อดีกับเก้าอี้แสนนุ่มหุ้มกำมะหยีสีดำวางอยู่ตรงกลางห้อง รวมไปถึงชั้นหนังสือที่มองดูราวกับที่นี่เป็นห้องสมุดขนาดย่อม แสดงถึงนิสัยรักการอ่านของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มร่างสูงหยุดยืนใกล้ๆกับเก้าอี้ทำงาน โดยมีโทระเอื้อมมือไปถอดเสื้อนอกของเขาออกอย่างคุ้นชิน และแขวนมันไว้ที่มุมแขวนเสื้อใกล้ๆ ผู้เป็นเจ้านายนั่งลงอย่างผ่อนคลายบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว แต่ รอน แม็กเกรเกอร์ชายหนุ่มวัย 25 ปี ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ผู้มีนัยน์ตาสีฟ้าสวยยังคงลอบมองใบหน้าคมคายของเจ้านายด้วยความสงสัย

          “มีอะไรรอน” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างรู้ทันทำเอาคนที่เผลอยืนมองอยู่สะดุ้งโหยง

          “คือ...ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพาผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นกลับมาที่นี่ด้วยครับ” รอนถามข้อข้องใจออกไปในที่สุด ทำเอาโทระหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทรุ่นน้องอย่างตกใจ คำถามนี้แม้จะตรงกับความคิดของเขาเช่นกัน แต่เขาก็ไม่คิดว่ารอนจะกล้าถามเรื่องความคิดของเจ้านายจริงๆ

          “เอ่อ...นายน้อยครับ” โทระแทรกขึ้น พยายามจะไกล่เกลี่ยเรื่องที่รอนถามละลาบละล้วงความคิดเจ้านายถูกมือเรียวใหญ่ของไคโรยกห้ามไว้

          “ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นโทระ ฉันแค่ช่วย นั่นคือ ‘แค่ช่วย’ วันนี้ฉันแค่อยากสร้างบุญให้กับตัวเองบ้างก็แค่นั้น” ได้ยินคำตอบทำให้รอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่มันก็น่าแปลกใจอยู่ดีที่เจ้านายของเขายื่นมือไปช่วยคนแปลกหน้า แต่ท้ายที่สุดทุกความสงสัยที่มีนั้น รอนคงต้องเก็บไว้ในใจ เพราะเขาไม่อยากถามอะไรให้มากความ มันจะทำให้เจ้านายไม่พอใจ และคิดว่าเขาเป็นพวกหยุมหยิมเอาเสียเปล่าๆ

          “ครับนายน้อย” โทระโค้งคำนับอย่างเข้าใจ แต่เมื่อนึกไปถึงสภาพหญิงสาวแปลกหน้าที่ร่างกายสะบักสะบอมมองดูไม่เป็นผู้เป็นคนก็ทำให้หัวใจที่ใครๆต่างคิดว่าเย็นชาของเขาสั่นไหว เธอช่างน่าสงสารน่าเวทนานัก โชคดีของเธอแล้วที่เจ้านายของเขาลงไปทำธุระแถวย่านนั้นพอดี และเป็นโชคดีที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอจึงเข้าไปช่วยได้ทัน ไม่โดนไอ้พวกสวะสังคมทำอะไรไปมากกว่านั้น

          “จริงสิครับ บอสเรียกเราสองคนมามีอะไรจะใช้เราหรือเปล่าครับ” รอนเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม เพราะดูเหมือนนายน้อยของเขาจะมีบางอย่างที่ต้องการจะพูด

          “ที่ฉันเรียกนายสองคนมาเพราะเรื่องผับแถวเขตซีเคร็ททาวน์” ไคโรเอ่ยบอกและหยุดไว้แค่นั้นยิ่งสร้างความฉงนให้สองหนุ่มต้องมองหน้ากัน เกิดอะไรขึ้นที่เขตซีเคร็ท มีใครมาวางอิทธิพลในเขตของพวกเขางั้นหรือ

          “เกิดอะไรขึ้นครับ มีใครมาวางอิทธิพลในเขตเราหรือครับ ผมช่างหละหลวมจริงๆที่ไม่ได้ข่าวอะไร โปรดลงโทษผมด้วยครับนายน้อย” โทระก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เกิดอะไรขึ้นกับเขตที่เขาได้รับหน้าที่ให้ปกครองอย่างนั้นหรือ แล้วลูกน้องที่มีมากมายก่ายกองของเขาทำไมไม่มีรายงานมาให้เขาซักนิด นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เจ้านายเอ่ยทำนองว่ารู้เรื่องราวก่อนที่เขาจะมารายงานซะอีก แล้วอย่างนี้เขายังสมควรจะเป็นมือซ้ายคนสนิทของประมุขพรรคคิระได้อย่างไรกัน

          “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก อย่าตื่นตูมจนเกินไป ที่ฉันจะบอก คือ ต้นปีหน้าฉันจะให้ลูกพี่ลูกน้องของฉันที่อยู่ญี่ปุ่นมาดูแลเขตนั้น ซึ่งนายต้องช่วยงานหมอนั่นอีกเยอะ ว่าไงโทระ” เรื่องราวที่ได้ยินทำเอาโทระลอบถอนใจราวยกภูเขาออกจากอก ที่แท้ก็จะให้ อ่า...ลูกพี่ลูกน้องที่ว่านั่น หมายถึง คุณชายใหญ่ตระกูลคิระอิน่ะหรือ ช่างเป็นข่าวร้ายสำหรับเขาเสียจริง เพราะกิตติศัพท์คุณชายใหญ่แห่งพรรคคิระก็มีไม่ใช่ย่อย ทำเอานายท่านทั้งหลายปวดหัวได้พอๆกับคุณชายรองเลยก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้นคุณชายใหญ่ก็เป็นที่ชื่นชอบและรักใคร่ของเจ้านายเขา ด้วยความชอบที่คล้ายๆกัน และความสามารถในการปกครองคนของคุณชายใหญ่ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถอดแบบนายน้อยของเขามาได้เลยกระมัง

          “ครับนายน้อย ผมจะเตรียมการทุกอย่างไว้สำหรับคุณชายใหญ่ครับ” โทระรับคำอย่างแข็งขัน ต่อไปเขาต้องดูแลเจ้านายถึงสองคนแล้วสินะ เป็นงานที่หนักเอาการจริงๆ

          “ส่วนรอน นายต้องคอยดูแลน้องสาวฉัน หลังจากที่เธอกลับมาจากญี่ปุ่น ซึ่งฉันคงไม่รู้แน่ๆว่ายัยตัวแสบจะกลับมาเมื่อไหร่ นายคงรู้จักเธอดีใช่ไหม” รอนมองหน้าเจ้านายอย่างไม่เชื่อสายตา งานช้างเสียจริงๆ เขาต้องดูแลหญิงสาวซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลคิระอิแห่งพรรคคิระงั้นหรือ ชื่อเสียงความแสบที่เลื่องลือของเธอทำให้เขาปวดหัวขึ้นมาหนึบๆแล้วล่ะ

          “ครับ ไม่มีปัญหาครับบอส” รอนรับคำ ไม่มีอะไรที่คนอย่างเขาจะทำเพื่อเจ้านายไม่ได้ ถึงแม้การดูแลหญิงสาวตัวเล็กๆที่มีพิษสงร้ายแรงอย่างคุณหนูตระกูลคิระอิ เขาก็ต้องทำให้สำเร็จ

          “นายน้อยครับ ถ้าคุณชายใหญ่และคุณหนูกลับมาจากญี่ปุ่นจริงๆ แล้วคุณชายรองกลับมาด้วยหรือเปล่าครับ” โทระถามไปถึงคุณชายรองผู้มีหน้าตาหวานหยดจนหญิงสาวหลายคนยังอาย เพราะไม่ได้พบกันมานานเกือบห้าปีแล้ว

          “รายนั้นมานานแล้วล่ะ แต่คงเตร่ๆไปเรื่อย ปล่อยหมอนั่นไปก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่หมอนั่นจะปกครองใคร เรื่องที่จะคุยคงมีแค่นี้ พวกนายออกไปได้แล้ว” ไคโรตัดบทและโบกมือให้ทั้งสองคนออกจากห้องไป

          “ครับนายน้อย / ครับบอส” สองคนสนิทโค้งคำนับก่อนจะเลี่ยงออกมายืนอารักขาอยู่หน้าห้องเจ้านายเช่นเคย

 

          ห้องนอนสีขาวที่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นสีเดียวกับห้องดูวุ่นวายเมื่อมีร่างบอบบางของหญิงสาวแปลกหน้าถูกพาเข้ามารักษาตัว สาวใช้ในชุดเสื้อแขนยาวกระโปรงสุ่มสีกรมท่าคาดผ้ากันเปื้อนสีขาวเดินขวักไขว่ไปมาตามคำสั่งของ ฮานาโกะซัง ผู้เป็นแม่นมของนายน้อย

          “เอาสำลีมาให้ฉันที” เสียงหญิงวัยกลางคนเอ่ย สายตาไม่ละจากใบหน้าเรียวซีดที่มีร่องรอยบาดแผลอยู่เต็มไปหมดจนหล่อนไม่รู้เลยว่าจะรักษาแผลไหนก่อนดี บาดแผลพวกนี้ถ้ารักษาไม่ดีต้องเป็นแผลเป็นแน่นอน เธอจำเป็นต้องรีบรักษามันให้สะอาด เพราะใบหน้าของหญิงสาวถือว่าสำคัญที่สุด

          “ฮานาโกะซังค่ะ ทำไมนายน้อยถึงพาเธอมาที่นี่คะ นี่เป็นครั้งแรกเลยใช่ไหมคะ” สาวใช้เอ่ยถามเพราะอดเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้แล้ว

          “ใช่! ครั้งแรกที่นายน้อยพาผู้หญิงเข้ามาในบ้าน แต่ฉันไม่คิดว่าจะมาในสภาพนี้หรอกนะ” ฮานาโกะซังตอบด้วยน้ำเสียงใจดี ดูจากผิวพรรณและรูปร่างหน้าตาของเธอแล้วราวกับเป็นลูกสาวผู้รากมากดีมาจากตระกูลใหญ่ แต่ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพน่าสงสารเช่นนี้ได้ เธอเองก็สงสัยเรื่องนี้ไม่น้อย

          “น่าสงสารจังเลยนะคะ เธอบาดเจ็บเต็มตัวเลย แถมเสื้อผ้าก็ถูกฉีกขาดเหมือนว่าจะโดน...” สาวใช้เงียบเสียงลงเมื่อโดนปรามด้วยสายตาจากคนสูงวัย

          “พวกเธอออกไปทำงานอย่างอื่นได้แล้วทางนี้ฉันจะดูแลเอง” ฮานาโกะซังสั่งเสียงเข้ม

          “ขอโทษค่ะ จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วค่ะ” สาวใช้ได้แต่ก้มหน้างุดเดินออกนอกห้องไปด้วยความสำนึกผิด

          “น่าสงสารจริงๆลูกใครนะ ทำไมพ่อแม่ถึงปล่อยให้ลูกสาวตกอยู่ในสภาพนี้ได้” หล่อนส่ายหน้าน้อยๆเพราะสงสารหญิงสาวแปลกหน้าผู้นี้ขึ้นมาจับใจ พลางเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เธอ และปล่อยให้เธอนอนหลับไปอย่างนั้น

 

          ตีสองกว่าทั้งๆที่ดึกมากแล้ว แต่มันยังไม่ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์หลังงามรู้สึกง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย เขาเดินเอื่อยๆมาเรื่อยจนถึงห้องๆหนึ่ง ภายในห้องสีขาวที่ถูกเปิดไฟไว้สลัวๆทำให้มองเห็นร่างๆหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียง จนป่านนี้แล้วหญิงสาวแปลกหน้าที่เขาพากลับมายังคงนอนหลับอยู่ ฮานาโกะซังบอกกับเขาว่าเธอมีบาดแผลเยอะพอสมควรที่หนักๆคือ ศีรษะซึ่งให้พยาบาลรักษาให้เธอแล้ว และได้ฉีดยาแก้อักเสบและยาแก้ไข้ให้เธอ จึงทำให้เธอหลับได้ยาวขึ้น

          “เธอไปทำอะไรตรงนั้นแม่สาวตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆราวกับถามตัวเองเมื่อนั่งลงข้างๆหญิงสาวแปลกหน้าที่นอนหลับตาพริ้ม สายตาคมปลาบมองดูใบหน้านวลอ่อนเยาว์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลฟกช้ำแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมา ถ้าให้เขาเดาอายุล่ะก็ เธอน่าจะเป็นสาวแรกแย้มวัย 16 ปีล่ะมั้ง

          “คะ...คุณแม่...คุณแม่...” เสียงหวานแหบพร่าที่ดังมาจากริมฝีปากบางช้ำเอ่ยมาให้ได้ยินแผ่วๆ เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าขาวซีดทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังละเมอเพราะพิษไข้จากบาดแผล มือเล็กๆปัดป่ายไปมาเหมือนหาที่ยึดเกาะจนชายหนุ่มต้องยื่นมือใหญ่ไปกุมมือบางเอาไว้

          “คุณแม่...อย่าทิ้ง...ยี่หวา...อย่าทิ้ง...” เสียงพึมพำดังมาอีกครั้ง สีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดแต่ไม่มีแม้หยาดน้ำตาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ มือเล็กๆของเธอกุมกระชับมือใหญ่หนาไว้แน่นราวกับกลัวว่ามือนี้จะหายไปไหน เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังฝันถึงเรื่องอะไร แต่มันคงเป็นเรื่องที่ทำให้แม่สาวน้อยคนนี้เจ็บปวดใจอยู่เป็นแน่

          “อ่า...นายน้อยเองหรือคะ” เสียงฮานาโกะซังที่เดินเข้ามาเงียบๆ ทำให้เขารีบสะบัดมือออกจากมือเล็กๆของสาวน้อย สีหน้าที่ถูกปรับให้ดูเรียบเฉยหันไปหาผู้เป็นแม่นมคนสนิท

          “มีอะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถาม

          “เปล่าค่ะ ดิฉันเห็นประตูห้องเปิดอยู่ คิดว่าแม่หนูนั่นตื่นแล้ว เลยเข้ามาดูค่ะ” ฮานาโกะซังเอ่ยยิ้มบางให้นายน้อย

          “ดูเหมือนจะมีไข้อยู่ ดูแลเอาแล้วกัน” เขาพูดพลางลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ถูก หญิงวัยกลางคนได้แต่ยิ้มบางตามหลังนายน้อย ตอนนี้อายุก็ 28 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่านายน้อยของเธอจะยังไม่มีวี่แววสนใจหญิงสาวคนใดเลย ทั้งๆที่นายท่านผู้เป็นบิดาก็หมั่นส่งรูปสาวงามจากทั่วสารทิศมาให้ดู แต่สุดท้ายหญิงสาวเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ดอกไม้ริมทางที่นายน้อยเด็ดดมแล้วก็โยนทิ้งอย่างไม่ไยดีเพียงแค่ข้ามคืน

 

          เช้าวันต่อมา...

          อ่า...อาการปวดหนึบๆทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นคลึงที่ขมับทั้งสองข้างของตัวเองแรงๆ ปวดหัวเหลือเกิน เกิดอะไรขึ้นกับหัวฉันเนี่ย

          “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทักด้วยสำเนียงแปร่งๆของใครบางคนถามขึ้นทำให้ฉันเบิกตากว้างแล้วหันไปมองใครคนนั้นทันที อ๊ะ! เขาเป็นผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีและคงจะเป็นชาวต่างชาติ เพราะมีดวงตาเป็นสีฟ้าสวยเชียวล่ะ

          “คุณ...เอ่อ ทีนี่ที่ไหนคะ” ฉันถามพลางยันตัวลุกขึ้นนั่งกับเตียงอย่างยากลำบากเพราะปวดเนื้อปวดตัวไปหมด “คฤหาสน์ของตระกูลเพอร์ซิล เราเก็บเธอมาจากตรอกสกปรกๆเมื่อคืน” เขาตอบฉันด้วยสำเนียงแปร่งๆ นั่นทำให้ฉันลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก คฤหาสน์อะไรฉันไม่สนหรอก แต่ที่บอกว่าเก็บมานี่มันหมายความว่ายังไง ฉันไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวจรจัดที่ไหนนะ เอ๊ะ! หรือว่าเขา คือ คนชุดดำที่เข้าไปในตรอกงั้นเหรอ งั้นเขาก็คือ ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันน่ะสิ

          “คุณคือคนที่ช่วยฉันเหรอคะ” ฉันถาม รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับนายฝรั่งตาสีฟ้าคนนี้เอาซะเลย ทำไมต้องทำหน้าตาเฉยชาซะขนาดนั้นด้วยล่ะ ทำหน้าเหมือนฉันไปแอบวางเพลิงบ้านเขามาอย่างนั้นแหละ

          “ฉันไม่ชอบช่วยเหลือใครโดยไร้เหตุผล เอาเป็นว่าถ้าเธอดีขึ้นแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัวซะแล้วออกมาเจอฉันที่หน้าห้อง” เขาพูดยืดยาวจบจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปเฉยๆ   

          หลังจากที่นายฝรั่งนั่นออกไปแล้ว ฉันก็ยังคงนั่งมึนต่ออีกสามนาทีเศษเพื่อทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก ฉันจึงเลือกที่จะรีบพาตัวไปเข้ามาอาบน้ำชำระล้างความโสโครกจากน้ำมือลูกน้องเสี่ยกวงจะดีกว่า และความเย็นของน้ำที่ไหลผ่านฝักบัวทำให้ฉันสะดุ้งเล็กๆ อ่า...เนื้อตัวฉันช้ำไปหมดเลยแฮะ ปวดตัวจัง แสบๆแผลที่หัวด้วย บ้าจริง! คิดแล้วก็เจ็บใจที่โดนพวกของเสี่ยกวงรุมซ้อมจนอ่วมอรทัยขนาดนี้ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกลูกน้องเสี่ยกวงถึงได้มาเล่นงานฉันยับเยินแบบนี้ โอ๊ย! คิดแล้วก็อดโมโหไม่ได้จริงๆ มากล่าวหาว่าฉันเอายาบ้าบออะไรไป ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย ฮึ่ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห

 

            ฉันใช้เวลาในการอาบน้ำไม่ถึงห้านาที เพราะรู้ดีว่ามีใครบางคนกำลังรอฉันอยู่ ก็นายฝรั่งหน้าตายคนนั้นไงล่ะ และฉันก็ไม่คิดจะลาท่ามากกวนประสาทเขาหรอก เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นถึงผู้มีพระคุณของฉัน

          “สดชื่นขึ้นเยอะเลยแฮะ ตอนตื่นแทบจะไม่มีแรงลุกจากเตียงแน่ะ” ฉันพึมพำขณะแต่งตัวไปด้วย ห้องนอนห้องนี้ใหญ่ดีจัง ใหญ่กว่าห้องนอนหลังผับที่ฉันอยู่ซะอีก ท่าทางเจ้าของที่นี่คงรวยน่าดู แต่ถ้ารวยแบบเสี่ยกวงฉันก็ไม่ปลื้มหรอกนะ

            “คิดว่าเป็นลมตายคาห้องน้ำไปซะแล้ว” เปิดประตูมาก็เจอนายฝรั่งแขวะเข้าอย่างจัง ทำให้ฉันแอบสงสัยในทันทีว่าเขาไปโกรธฉันมาแต่ชาติปางไหนหรือเปล่า

          “ยังมีชีวิตอยู่ให้คุณเห็นหน้าอีกหลายนาทีเลยค่ะ” ฉันตอบแล้วระบายยิ้มหวานไปให้เขา ซึ่งเจ้าตัวได้แต่ตีหน้ายักษ์ใส่ฉันเหมือนเดิม

          “ตามมา” เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินนำฉันลงบันไดมาที่ชั้นล่างของคฤหาสน์ ใช่! มันต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก

 

          ขณะที่เดินลงมาจากชั้นสองฉันก็ถือโอกาสสำรวจที่นี่ไปในตัว ฉันว่าที่นี่มันใหญ่โตเกินไปแล้วล่ะ การออกแบบที่นี่เหมือนแบบวิกตอเรียนผสมเลย มันดูโรแมนติก และอบอุ่นไปพร้อมๆกัน ที่ประตูห้องโถงตรงนั้นถูกทำให้เด่นด้วยการใช้กระจกสีสเตนกลาส ประดับตกแต่งด้วยลวดลายแบบดอกไม้ มีกระจกเจียระไนประดับเป็นลวดลายดูงดงาม  ห้องอาหารนั่นก็ดูหรูด้วยการเล่นลวดลายอันอ่อนช้อยแบบลายเถาวัลย์ และประดับด้วยโคมไฟคริสตัลระย้าเหนือโต๊ะอาหารสีขาวตัวใหญ่ ผนังห้องตกแต่งด้วยกระดาษติดผนัง มีบอร์เดอร์คาดโดยรอบเป็นลายใบไม้สีเขียวอ่อนเน้นฝ้าเพดานห้อง ด้านล่างผนังแต่งด้วยกระดาษติดผนังลวดลายต่างจากผนังท่อนบน แต่ก็ยังเป็นลายจำพวกดอกไม้ ประตูทางเข้าห้องอาหารประดับประดาด้วยกระจกสีเป็นรูปทรงเรขาคณิตคล้ายๆกับการตกแต่งแบบญี่ปุ่น มันช่างเป็นการผสมผสานได้สวยงามและลงตัวจริงๆ

          หลังจากชมความงดงามของห้องโถงและห้องอาหารที่อยู่ใกล้ๆ สายตาฉันก็มองไปที่โซฟากำมะหยี่ตัวใหญ่กลางห้องโถง ผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา โดยมีเหล่าชายชุดดำนับสิบยืนอารักขาเขาอยู่โดยรอบ ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าที่นี่อาจจะเป็นคฤหาสน์ของเจ้าพ่อมาเฟีย ที่นี่มันเมืองไทยนะไม่ใช่เซียงไฮ้!

          “มาแล้วครับบอส” นายฝรั่งอะไรนั่นพูดกับผู้ชายที่นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ และเมื่อโดนทักเขาเลยเอาหนังสือพิมพ์ส่งให้ผู้ชายหน้าหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ

          “อืม” เขาครางรับสั้นๆทำให้ฉันที่ไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆตั้งแต่เดินมา ต้องขอแอบมองเขาซักหน่อย หืม... นายแบบรึเปล่า นี่ขนาดนั่งอยู่ยังดูรู้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่รูปร่างดีมาก แต่ว่าสายตาที่เขามองฉันมันยังไงๆอยู่นะ

          “เธอดีขึ้นรึยัง” เขาถามทำให้ฉันอ้ำอึ้งขึ้นมาซะเฉยๆ กลืนน้ำลายยังไม่กล้าเลยแฮะ ฉันไม่ชอบบรรยากาศรอบๆตัวเขาเลยล่ะ

          “บอสถามเธออยู่ไม่ได้ยินรึไง” นายฝรั่งกระซิบบอกฉัน เรื่องนั้นฉันรู้แล้วล่ะว่าเขาพูดกับฉันน่ะ ฉันแค่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเฉยๆเลยอ้ำอึ้งแบบนี้

          “ดีแล้วค่ะ ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ” ฉันตอบแล้วโค้งศีรษะให้เขาเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ ถ้าไม่ได้พวกเขาฉันคงแย่แน่ๆ

          “เธอเป็นพวกเด็กส่งยาของเสี่ยกวงสินะ” คำถามต่อมาทำให้ฉันขมวดคิ้วงงเลยล่ะ หน้าตาฉันบ่งบอกว่าเป็นเด็กส่งยางั้นเหรอ

          “ปะ...เปล่าค่ะ ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับเสี่ยกวง ทำไมคุณ...” ฉันยังพูดไม่ทันจบก็โดนนายฝรั่งแทรกขึ้น

          “โกหก! บอสครับ เธอต้องโกหกแน่ๆ” ฉันโกหกอะไรไม่ทราบ ทำไมต้องมองฉันเหมือนฉันเป็นผู้ร้ายแบบนั้นล่ะ

          “ฉันไม่ได้โกหกนะคะ ฉันโดนพวกมันซ้อมนะ ถ้าเป็นพวกเดียวกับมัน มันจะซ้อมฉันทำไม” ฉันแย้งมองหน้านายฝรั่งด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะไม่พอใจเขาขึ้นมาตงิดๆ

          “เพราะเธอขโมยยามันมาไงล่ะ” นายฝรั่งตอบเสียงเรียบ จริงสิ! พวกลูกน้องเสี่ยกวงมันเข้าใจว่าฉันขโมยยาล็อตที่เสี่ยกวงจะส่งให้ลูกค้าเมื่อคืนมา พวกมันบอกอะไรเขานะ ฉันไม่ได้เอายามาซักหน่อย เกิดมายังไม่เคยเห็นยาบ้าเม็ดเป็นๆซักที

          “ไม่ใช่นะคะ! ฉันไม่ได้เอามา” ฉันตอบมองหน้าผู้ชายที่เป็นเจ้านายของเขา แต่สีหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้ฉันเดาไม่ออกเลยว่าเขาจะเชื่อฉันหรือเปล่า

          “ช่างเถอะ! พาเธอออกไปส่งที่หน้าประตูซะ” พาไปส่งหน้าประตูเหรอ แต่ว่าฉันยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ของเขาเลยนะ อย่างน้อยให้ฉันได้ขัดรองเท้า หรือไม่ก็ปัดกวาดเช็ดถูแม้แต่ล้างส้วมให้เขาซักหน่อยก็ยังดี

          “ดะ...เดี๋ยวค่ะ!” ฉันร้องห้ามคนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและดูเหมือนจะเดินไปไหนก็ไม่รู้เอาไว้

          ตืด...ตืด...

            I don't wanna do this anymore. I don't wanna be the reason why Everytime.I walks out the door. I see him die a little more inside!!!

          เสียงเรียกเข้าเป็นภาษาอังกฤษของโทรศัพท์มือถือสีขาวราคาแพงดังขึ้น ทำให้คนที่โดนฉันเรียกไว้หันไปสนใจโทรศัพท์ก่อนที่จะได้ถามอะไรฉัน แต่เขาก็แค่มองดูที่หน้าจอแล้วยื่นมันให้กับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

          “มีอะไรเหรอครับนายน้อย”

          “รับสายแทนฉันที”

          “อ่า...ครับ อ๊ะ! สวัสดีครับนายท่าน” ผู้ชายคนนั้นกดรับสายและกรอกเสียงทักปลายสายอย่างสุภาพ (มาก)

          “อะไรนะครับ! อ่า...ได้ครับนายท่าน ผมจะเรียนนายน้อยให้ครับ สวัสดีครับ” หลังจากพูดคุยจบเพียงไม่กี่ประโยคเขาก็หันมาทางคนเป็นเจ้านายด้วยสีหน้าลำบากใจ

          “ว่าไงโทระ มีปัญหาอะไรอีก”

          “นายท่านบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมาที่นี่ครับ แล้วก็จะพาคุณไป๋อี้หลิงที่ท่านส่งรูปมาให้นายน้อยดูคราวก่อนมาด้วยครับ ท่านบอกว่าจะให้เธอหมั้นหมายกับนายน้อย นายท่านบอกมาแค่นี้ครับ” โทระพูดด้วยสีหน้าเครียด ที่แท้พ่อของเขาก็จะจับเขาคลุมถุงชนนี่เอง

          “Shit!” เขาสบถหยาบคายอย่างหัวเสียแล้วคว้าโทรศัพท์ในมือโทระขว้างทิ้ง แบบไม่สนใจว่าราคามันจะแพงแค่ไหน (ฉันเสียดายแทนนะ ของฉันใช้รุ่นปาหัวหมาตายอยู่เลย รุ่นจอขาวดำน่ะ)

          ตุบ!!

            โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นลอยละลิ่วลงพื้นและแตกกระจายแบบที่ไม่ต้องส่งศูนย์ซ่อมให้เสียเวลาเลยล่ะ นี่ล่ะที่เขาเรียกว่า คนรวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด (แต่ฉันเกลียดคนรวยที่ชอบทำลายข้าวของจริงๆ)

          “เธอ!” เขาหันมาแล้วชี้หน้าฉัน ง่า...ฉันไม่เกี่ยวนะ ทำไมต้องมองฉันเหมือนเอาเรื่องด้วยล่ะ ฉันไม่มีส่วนรู้เห็นกับพ่อของคุณนะ แล้วยัยไป๋ๆอี้ๆอะไรนั่นฉันก็ไม่รู้จักด้วย อีกอย่างถ้าจะให้ฉันชดใช้ค่าโทรศัพท์นั่น ฉันก็ไม่มีเงินหรอก คุณขว้างมันทิ้งเองนี่

          “ฉัน....ทำไมคะ ฉันไม่รู้เรื่องนะ อย่างมองฉันแบบนั้นสิ” ฉันรีบปฏิเสธเป็นพัลวันพร้อมเดินถอยหลังสองสามก้าวอย่างระวังภัย

          “นายน้อยครับ” โทระเรียกเจ้านายของเขาเอาไว้เมื่อเขาทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ฉัน

          “ไม่มีอะไรโทระ ฉันแค่คิดอะไรออกเฉยๆ” เขาพูดขึ้นมุมปากกระตุกยิ้มชั่วร้าย (ฉันคิดว่างั้นอะนะ)

 

          หลังจากที่เขาบอกว่าคิดอะไรออก เขาก็ลากฉันออกมาจากห้องโถงนั่นทันที ตามด้วยรอนและโทระที่ตามมาติดๆราวกับกลัวว่าฉันจะลอบฆ่าเจ้านายของพวกเขาอย่างนั้นแหละ

          “นี่! คุณจะพาฉันไปไหนคะ” ฉันถามเมื่อเขาเอาแต่ลากฉันเดินไปไหนก็ไม่รู้อย่างเดียวเลย

          “เธออยากตอบแทนบุญคุณฉันสินะ” เขาหันมาพูดกับฉัน ไอ้เรื่องนั้นมันก็ใช่นะ แล้วมันยังไงล่ะฉันงงนะเนี่ย

          “กะ...มันก็ใช่! แต่ถ้าจะให้ฉันขายตัวล่ะก็ ฉันไม่ทำหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่ส่งยาให้คุณ หรือจะให้ฉันไปนอนกับลูกน้องของคุณฉันก็ไม่เอานะ” ฉันบอกเสียงแข็งแล้วพยายามจะแกะมือเขาออก แต่มันไม่ออกอะ

          “นั่นสมองเธอเรอะ” ฉันเม้มปากแน่นกับคำตอบของเขา ก็นี่มันสมองของฉัน ฉันจะคิดแบบนี้แล้วมันผิดตรงไหน ท่าทางของเขามันเหมือนพวกมาเฟียจะตายไป

          “งั้นคุณจะพูดอะไรก็พูดมาเลย อย่าลากฉันไปไหนมาไหนแบบนี้ ฉันเจ็บแขน คุณเห็นไหมแขนฉันมีรอยช้ำเต็มไปหมด แผลฉันยังไม่หายดีเลยนะ” ฉันบอกออกไปในที่สุด เจ็บแขนมากเลย แขนฉันยังช้ำอยู่แท้ๆ

        “ได้! เรื่องก็คือ เธอต้องเป็นคู่รักของฉันในช่วงที่พ่อฉันมาที่นี่ นั่นเป็นสิ่งที่คนแบบเธอน่าจะทำได้เพียงอย่างเดียว” เขาบอกทำฉันอ้าปากค้างแมลงวันบินเข้าไปทำรังประมาณร้อยรังเห็นจะได้ (ฉันจะตายมั้ยนั่น)

          “ว่าไงนะ! เป็นคู่รักคุณเหรอ...” ฉันร้องลั่นเสียงสูงทำให้เขาต้องรีบเอามือปิดปากฉันเหมือนกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน

          “อื้อๆๆๆ” ฉันร้องแล้วพยายามแกะมือเขาออกจากปากเขาจะทำอะไรเนี่ย ฉันเจ็บปากอ่า

          “อย่าเสียงดัง! ไม่งั้นฉันฆ่าเธอจริงๆ” เขาพูดเสียงดุๆแล้วปล่อยมือออก เมื่อฉันพยักหน้าเป็นเชิงว่าจะไม่โวยวายให้ตัวเองรีบตายตั้งแต่ยังไม่แก่

          “ทำไมต้องฉันล่ะ คุณออกจะรวย จ้างสาวสวยที่ไหนก็ได้นี่” ฉันรีบแย้งทันที ให้ฉันไปขัดรองเท้า ไม่ก็เท้าปัดกวาดเช็ดถูล้างส้วมจะง่ายกว่ามั้ยหา

          “เพราะสาวสวยต้องจ้าง แต่เธอไม่ต้องจ้างไง” ว่าไงนะ! นี่เล่นแบบนี้เลยเหรอ เอาข้ออ้างเรื่องหนี้บุญคุณมาใช้เนี่ยนะ เหอะ! จำไว้เลย คุณอย่าติดหนี้ฉันบ้างก็แล้วกัน ฉันจะให้คุณล้างส้วมสาธารณะไปเจ็ดวันเจ็ดคืนเลย (แผนชั่วร้ายมาก)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา