Chronicle of Dune
เขียนโดย kann
วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.28 น.
แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556 18.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เจดกัดริมฝีปากใบหน้าบึ้งตึงสองตามองไปที่หน้าต่างห้องของตัวเองอย่างหงุดหงิดตอนนี้เป็นเวลาเช้าแต่ทว่าข้างนอกนั้นมืดสนิทพร้อมกันเสียงฟ้าร้องดังระงมขึ้นมาเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นติดต่อกันมาเป็นวันที่สามหรือสี่วันแล้วเธอก็ไม่แน่ใจหญิงสาวเริ่มจะสงสัยว่าลุงเบนจามินคนรับใช้เก่าแก่ของบ้านเธอพูดเรื่องจริงหรือเปล่าที่ว่าเมืองทรานส์แห่งเต็มไปด้วยแสงอาทิตย์อันอบอุ่นตอนแรกครอบครัวของหญิงสาววางแผนไปพักผ่อนกันที่ กรีนสโตน สถานที่ร่มรื่นเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีและแสงแดดอันอบอุ่นเป็นเมืองท่องเที่ยวอับดันต้นๆของโลกที่แห่งนั้นพิเศษสุดๆว่ากันว่าเป็นสถานที่เดียวบนสาธารณรัฐอันหญิ่งใหญ่ทีี่ยังมีสถานที่ซึ่งเรียกว่า ป่าอยู่จริงๆแต่ว่างานนั้นสำคัญกว่าความต้องการของหญิงสาวเสมอ
พ่อของเธอมีธุระที่นี่และแม่ผู้ตามใจพ่อยิ่งกว่าใครจึงได้เปลี่ยนสถามที่พักผ่อนของครอบครัวมาเป็น ทรานส์ หรือสุดขอบโลก ว่ากันว่าหลังกำแพงที่ผู้นำสูงสุดได้สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันความโกรธเกรี้ยวของโลกที่มีต่อคนในอดีตพื้นที่ข้างหลังกำแพงนั้นจะเรียกว่าพื้นที่สีดำไม่มีใครรู้ว่าอะไรอยู่ข้างหลังกำแพงนั่นบ้างก็บอกว่าไม่มีอะไรอยู่เลยมีแต่ภัยธรรมชาติบ้างก็บอกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่หลังกำแพงนั่นแต่ก็ไม่มีใครสามารถหาข้อสรุปได้รู้เพียงแค่ว่าฝนที่ตกอย่างโหมกระหน่ำนั้นต้นตอมากจากหลังกำแพง
“อลัน” สิ้นเสียงของหญิงสาวจอสี่เหลี่ยมสามมิติปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าบนจอมีคำว่า ALAN เขียนอยู่ตรงกึ่งกลางอลันนั้นเป็นสมองจักรกลเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำของประชาชน ในสาธารณรัฐมันเหมือนกับเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรบริการสาธาราณะ การเงิน การคมนาคม การสื่อสาร ทุกๆอย่างนั้นทำผ่านระบบดิจิตอลทั้งหมดควบคุมผ่านระบบประมวลผลหนึ่งเดียวที่เรียกว่า ทรัส (Trust) ถูกฝังไว้ในใจกลางโลกคอยควบคุมระบบต่างๆให้เป็นไปด้วยดีสมองกลทุกตัวนั้นสามารถเชื่อมต่อกับระบบของ ทรัส ได้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของของมัน
“ต้องการอะไรครับ คุณหนู” จอสี่เหลี่ยมสีฟ้ากระพิบขึ้นมาตามจังหวะคำพูด ของ อลัน หญิงสาวนิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกำลังคิด “อาหารเช้า” เจดพูด จอสี่ฟ้ากระพริบปริบๆแล้วทันใดนั้นประตูหน้าห้องของเธอก็เปิดออกหุ่นยนต์สาวใช้ตัวหนึ่งเข็นโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิดกลิ่นหอมโชยออกมาจนทำให้ท้องของเจดร้องขึ้นเธอรีบเดินไปที่โต๊ะนั่นแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่หุ่นยนต์สาวใช้เลื่อนให้เธอรีบหยิบช้อนส้อมและลงมือกิน
ดูน เช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันเครื่องทั้งๆที่มือทั้งสองข้างของเขาเลอะไปด้วยคราบน้ำมันเช่นกันมันทำให้เขาคิดได้และรีบหยุดเช็ดหน้าตัวเองสองมือเลื่อนลงมาเช็ดเสื้อขาวที่ตอนนี้ดูไม่ขาวอีกต่อไปแล้วเสียงตะโกนโหวกเหวกแข่งกับสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาผู้คนเบียดเสียดวุ่นวายพยายามที่จะอุดรูรั่วของน้ำซึ่งยังคงทะลักออกมา กลิ่นเหม็นนของท่อนั้นเตะจมูกของดูนจนเด็กหนุ่มต้องนิ่วหน้า น้ำนั้นยังคงทะลักออกมาจากท่อ
“หัวหน้ายังไม่ได้อีกหรือไง กลิ่นมันชักแรงขึ้นๆเรื่อยแล้วข้าว่าอีกไม่นานมันต้องพุ่งออกมาแน่ๆ” ริคชายวัยกลางคนหนึ่งในผู้ร่วมงานของดูนตะโกนถาม ดูนหันกลับไปมองริคแล้วส่ายหน้าแต่เขาไม่คิดว่าริคจะเห็นเพราะหมอกจากไอ้ร้อนของเครื่องปรับอากาศหลายแสนอันที่ติดอยู่เหนือชั้นล่างสุดของเมือง ทรานส์ นั้นหนามากในวันที่ฝนตกกระหน่ำแบบนี้ สถานที่ซึ่งดูนอาศัยอยู่นั้นเรียกว่า ชั้นล่าง พวกเขาเป็นคนที่เกิดมาเป็นคนชนชั้นล่างเป็นทาสให้คนข้างบนใช้งานเท่านั้น ห้ามสบตา ห้ามพูดด้วยถ้าไม่ได้ถูกทักก่อน และห้ามขึ้นไปข้างบนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูกส่งออกไปนอกกำแพง
เมืองทรานส์นั้นถูกสร้างขึ้นตามแนวกำแพงเมืองทั้งหมดถูกสร้างขึ้นซ้อนๆกันไปเรื่อยๆเมื่อมีฝนตกนอกกำแพงหรือข้างในน้ำทั้งหมดจะถูกระบายลงข้างล่างแต่ทว่าบางทีถ้ามันเกินระดับที่รับได้มันก็จะเริ่มทะลักออกมายังชั้นล่างที่เด็กหนุ่มอาศัยอยู่
ในที่สุดดูนก็สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้เครื่องจักรเครื่องนี้ไม่สามารถทำงานได้แกนพลังงานข้างในของมันนั้นเอียงอยู่ทำให้ไม่สามารถจุดพลังขับเคลื่อนได้แต่ว่าการแก้ไขสาเหตุนี้คงต้องรื้อเครื่องออกมาประกอบใหม่เท่านั้นเท่านั้นแต่ดูเหมือนว่าเสียงโหวกเหวกโวยวายจะดังขึ้นจนดูนเงยหน้าขึ้นมามองแผ่นกั้นน้ำที่ทำขึ้นลวกๆซึ่งกั้นระหว่างท่อต่างๆเริ่มปริแตกน้ำเริ่มทะลักออกมามีเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาออกมา
"เงียบๆหน่อยโว้ยข้าจะใช้มันแล้ว"ชายหนุ่มตะคอกกลับแต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ดูนไม่มีทางเลือกเขายื่นสองมือออกมาหลับตาลงรวบรวมสมาธิพยายามไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เสียงคนโหวกเหวกเสียงสายฝนเสียงน้ำทะลักเข้ามา เพ่งสมาธิลงไปยังสองมือทันใดนั้นบรรยกาศรอบตัวของเขาเปลี่ยนไปเหมือนกับว่ามือทั้งสองของเขายื่นออกไปสัมผัสแกนพลังงานสี่เหลี่ยมได้ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาความเหนื่อยล้าที่ไม่รู้มาจากไหนเริ่มพุ่งเข้ามาจู่โจมเด็กหนุ่มเสียงลมหายใจของเขาเริ่มขาดห้วง เขาเลือกที่จะไม่สนใจมันทุ่มเทสมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับสองมือที่มองไม่เห็นพยายามที่จะปรับแกนพลังงานให้เข้าที่ดูนหายใจหอบถี่ขึ้นสองมือเริ่มขยับช้าๆจนในที่สุดแกนพลังงานก็ลงล๊อคเขาทรุดตัวลงไปนั่งแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เสียงของเครื่องจักรดังกระหึ่มขึ้นจนเขาต้องรีบกระโดดลงมา
“เสร็จแล้วโว้ย กันน้ำไว้ก่อนเครื่องกำลังทำงาน” ดูนตะโกนบอกและรีบวิ่งไปช่วยกันหยิบแผ่นกันน้ำมาปิดทับแผ่นที่มีรอยรั่ว แต่ไม่ทันแล้วน้ำมากมายเริ่มทะลักออกมาจนกระแทกเด็กหนุ่มจนปลิวกระเด็นออกมาน้ำสีดำคล้ำเปรอะเปื้อนตัวของดูน พร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าและสิ่งสกปรกที่ติดมาด้วยดูนกระแทกเข้ากับด้านฝาจนจุกโซอี้เพื่อนสนิทของดูนรีบวิ่งมาประคองเขาขึ้นมา “ไม่เป็นไรนะ” เธอถามดูนพยักหน้าพลางพยุงตัวเองขึ้นช้าๆและมองไปยังเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่
มันเริ่มส่งเสียงกระหึ่มผิดปกติไม่เหมือนทุกทีดูนเบิกตากว้างเขาคงไปปรับอะไรมันซักอย่างเป็นแน่ทำให้กำลังเครื่องของมันแรงขึ้น “ทุกคนหาที่ยึดไว้เร็วเข้า” ดูนตะโกนพลางคว้าตัวโซอี้และจับราวเหล็กเอาไว้หญิงสาวนั้นร้องออกมาและหน้าแดงไปด้วยความอายที่ถูกคนตรงหน้ากอดแต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นโซอี้นั้นกอดเขาไว้แน่น
ซู่ม! น้ำมากมายที่ทะลักออกมาถูกดูดเข้าไปในเครื่องจักรอย่างรวดเร็วหลายๆคนที่ไม่ได้จับอะไรไว้ถูกน้ำพัดจนล้มลงผู้คนมากมายพยายามคว้าตัวคนที่ล้มเอาไว้ไม่ให้ถูกมันดูดลงไปด้วยน้ำที่ถูกดูดเข้าไปถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นไอสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาน้ำนั้นลดลงไปมากแต่ก็ยังคงทะลักขึ้นมาอยู่ดีแต่เครื่องจักรทำงานของมันได้ดีเยี่ยมผ่านไปหลายสิบนาทีระดับน้ำนั้นลดลงในปริมาณที่ควบคุมได้
“ทำไมเราไม่ใช้ไอ้ระบบดูดน้ำแบบนี้กับท่อระบายน้ำพวกนี้นะ” โซอี้พูดขึ้นมาในทุกๆครั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ดูนยันตัวลุกขึ้นปัดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามร่างกายของเขาและฉุดโซอี้ขึ้นเธอมีสภาพไม่แตกต่างจากเขาเท่าไหร่นัก
“ทำไงได้นี่ใครเค้าจะมาสนใจเราไปรับเงินแล้วอาบน้ำดีกว่า” ดูนพูดแล้วออกเดินนำไปตามทางแล้วริคกับอีกหลายคนก็ตามมาสมทบมุ่งหน้าไปยังตึกที่ใหญ่ที่สุดของระแวกนี้ ‘ช่างซ่อม’ คือชื่อของตึกนี้ดูนและโซอี้คือช่างซ่อมการดูแลและซ่อมเครื่องสูบน้ำก็คืองานส่วนหนึ่งของพวกเขาริคเปิดประตูออกมาและก็พบกับชายไว้หนวดเฟิ้มสวมชุดหมีเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันและอื่นๆพวกเขาเรียกชายคนนี้ว่า ‘นายช่างใหญ่’ เขาเป็นคนฝึกสอนวิธีการซ่อมให้กับดูนและโซอี้แล้วก็ยังเป็นคนดูแลพวกเขาที่เป็นเด็กกรำพร้าด้วย
ตามกฏหมายที่ตราเอาไว้ ชนชั้นล่างไม่มีสิทธิมีลูกเกินหนึ่งใครก็ตามที่มีลูกเกินหนึ่งคนจะถูกโยนออกไปทั้งแม่และลูกทันทีผู้คนส่วนมากที่มีลูกคนที่สองก็จะใช้วิธีนำเด็กออกไปทิ้งแบบ ดูนและโซอี้ พวกเขาสองคนนั้นโชคดีถูกทิ้งไว้ข้างตึกนี้และ นายช่างใหญ่ ถ้าเป็นเด็กที่โชคร้ายหน่อยก็จะถูกปล่อยให้ตายหรือถูกโยนออกไปข้างนอกทันที ไม่รู้ว่านายช่างใหญ่ใช้เส้นสายอะไรถึงสามารถรับเลี้ยงพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ได้ไม่มีใครกล้าถามแล้วเจ้าตัวก็ไม่คิดจะพูดอะไร
“อะไรกันแค่นี้เองเหรอ” เสียงของริคโวยวายขึ้นมาเมื่อเห็นค่าแรงที่น้อยนิดของพวกเขามีเสียงหลายคนบ่นตามมาด้วยเช่นกัน “ทำไงได้ก็ข้างบนเขากำหนดมาแบบนี้ให้ข้าทำไง” นายช่างใหญ่เอ่ยกลับเขาเองก็จนปัญญาเหมือนกัน “แต่นี่มันแทบจะไม่พบสำหรับสามวันเลยนะครับ” ดูนบ่นออกมา โซอี้พยักหน้ารัวๆเห็นด้วยแต่ทั้งคู่ก็คงไม่สามารถไปทำอะไรได้มากกว่านี้พวกช่างซ่อมคนอื่นๆจึงแยกย้ายออกไปทำงานของตน
ดูนและโซอี้ขึ้นไปยังชั้นบนเพื่ออาบน้ำขจัดกลิ่นเหม็นเน่าพวกนี้ออกไปให้หมดดูนชำละล้างร่างกายแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เขาเดินลงมาเจอโซอี้ตอนนี้เธอดูสะอาดสะอ้านผมสีดำของเธอถูกรวบเอาไว้ข้างหลังลวกๆใบหน้าของเธอมีกระสีแดงจางๆเต็มไปทั่วหน้าแต่เธอคิดว่ามันเป็นสเน่ห์ของเธอและภูมิใจมันเอามากๆ
“เฮ้หัวหน้าขนมาแล้ว” เสียงริคตะโกนออกมาหน้าประตู พวกช่างซ่อมคนอื่นๆขนเครื่องสูบน้ำหลายสิบอันเข้ามาไว้ข้างในเพื่อซ่อมบำรุงดูนและโซอี้เดินไปหยิบชุดหมีที่ดูสกปรกขึ้นมาสวมเพื่อนซ่อมบำรุงเจ้าเครื่องจักรพวกนี้ให้พร้อมสำหรับครั้งต่อไป
เปรี้ยง! เสียงนั้นดังลั่นสั่นสะท้านพร้อมกับแผ่นดินที่สั่นไหว ไฟในห้องโถงนั้นกระพริบถี่ ดูนนั้นรู้สึกได้ถึงการสั่นเทือนของกำแพง โซอี้นั้นแทบจะล้มลงไปถ้าดูนไม่คว้าเธอเอาไว้ก่อน “นั่นมันอะไรกันน่ะ” โซอี้เอ่ยถามสิ่งนี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่เคยมีอะไรที่ทำให้กำแพงนั้นสั่นได้
หน้าจอสีเหลี่ยมนั้นกระพริบไปชั่วครู่หนึ่งแล้วก็กลับมาเป็นรายการทีวีที่เจดกำลังดูอยู่แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักพลางกินอาหารเช้าของเธอต่อไปหน้าจอของอลันปรากฏขึ้นแต่ครั้งนี้กลับแตกต่างมันดูเร่งรีบผิดปกติ “คุณหนูครับนายหญิงต้องการพบกับคุณหนูครับเรื่องเร่งด่วน” อลันพูดขึ้นและจอทีวีก็ดับลงเจดนิ่วหน้าและสะบัดมือจอทีวีก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง หน้าจอสีฟ้าของอลันก็ปรากฏอีกครั้งบนหน้าของเธอ “ไปแต่งตัวเถอะครับคุณหนู” อลันพยายามเร่งให้เจดไปแต่งตัวหญิงสาวถอนหายใจแล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปยังห้องแต่งตัว
“เชอะใครเป็นนายใครกันแน่เนี่ย” เจดบ่นก่อนจะหญิบเดรสสีดำขึ้นมาสวมและหยิบกำไลประจำตระกูลขึ้นมามันเป็นกำไลสีดำสนิทมันวาวสลักไปด้วลวดลายงดงามเป็นสัญลักษ์ประจำตระกูลของเธอ ดอกพริมโรส ชื่อเต็มๆของเธอนั้น เจด พริมโรส เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของ เจมส์ พริมโรส หนึ่งในสิบสองขุนนางผู้ได้รับสิทธิสืบทอดชื่อดอกไม้โบราณ
ลิลลี่ พริสโรส ทิวลิป ออคิด ซาเนีย แจสมีน ซันฟลาวเวอร์ คอสโม โลตัส เปเปอร์ และ โรส สิบสองตรกูลขุนนางที่รับใช้คนๆเดียวนั่นคือ ผู้นำสูงสุด
เจด สวมกำไลข้อมือมันเข้ากับเดรสสีดำของเธอหยิบรองเท้าส้นสูงสีแดงขึ้นมาสวมแล้วก็เดินออกมาจากห้องอลันนั้นตามเธอมาติดๆหน้าจอสีฟ้าลอยไปลอยมาชวนให้เธอหงุดหงิดเจดพยายามปัดเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมนี่ออกไปแต่เธอก็รู้ดีว่ามันจะตามเธอไปตลอดกาล หุ่นยนต์สาวใช้พึ่งเดินผ่านเธอไปเพื่อนเก็บห้องของเธอหญิงสาวเดินตามไปยังทางเดินเพื่อยังห้องของแม่เธอ เจดพึ่งสังเกตุเห็นว่าบ้านตากอากาศของเธอส่วนมากตกแต่งไปด้วยคริสตัลไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ตู้หรือตาทางเดินถูกประดับไว้ด้วยคริสตัลหลากสีบางทีแสงไฟก็สะท้อนมันจนเธอแสบตา
เมื่อเจดเข้าไปในห้องแม่ของเธอสิ่งแรกที่เห็นคือ ข้าวของกระจัดกระจายแก้วจานชามมากมายแตกกองอยู่บนพื้นหน้าต่างกลายเป็นรูโบ๋และน้ำที่นองไปทั่วพื้นที่ฝนสาดถึงไม่มีอะไรอยู่ในสภาพสมบูรณ์เลยในห้องนี้มีร่องรอยของการต่อสู้มากมายบนพื้นและผนังแต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ คราบเลือดที่กระจัดกระจายไปทั่วห้องเจดมองไปรอบๆไม่มีคนอยู่ในห้องนี้
“อลัน” เจดเรียกทันใดนั้นหน้าจอสี่เหลี่ยมมากมายก็ปรากฏขึ้นแต่ทุกจอนั้นมีแต่ภาพสีดำไม่มีการบันทึกภาพเหตุการณ์แม้แต่น้อย “เกรงว่าคงจะไม่มีใครกล้าติดเครื่องบันทึกเหตุการณ์ไว้ในห้องของ สิบสองขุนนางครับคุณหนู” จอสีฟ้าหนึ่งเดียวท่ามกลางจอสีดำมากมายเอ่ยขึ้นและหน้าจอของอลันพลันกลายเป็นสีแดง “มีการติดต่อเข้ามาจาก นายหญิงครับ” มันรีบพุ่งไปยังเบื้องหน้าของเจดทันที หน้าจอข้างในปรากฏใบหน้าของหญิงสาวขึ้นมาเธอดูสวยเยาว์วัยไม่เหมือนคนที่เป็นแม่ของเด็กสาวอายุ สิบเก้าได้ “เจด แม่ไม่เป็นอะไรกำลังเดินทางไปพบพ่อ” เจดมีสีหน้าโล่งอกเมื่อได้ยินแม่บอก
“แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นใครมันกล้าทำเรื่องแบบนี้” เจดเอ่ยถามแม่ของเธอหญิงสาวบนหน้าจอไม่ตอบใบหน้าของเธอฉายแววรีบร้อน “ไม่รู้เหมือนกันไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน แต่แม่ไล่มันไปหมดแล้ว คิดว่ามันน่าจะมีมาอีกเพราะฉะนั้นลูกรีบออกไปจากเมืองนี้ซะยานบินจะรอลูกที่ลานจอดของตระกูลเราอยากจะไปเต็มแก่อยู่แล้วด้วยใช่ไหมล่ะ” แม่ของเธอพูด เจดทำนั้นร้องออกมาในใจว่า พึ่งจะรู้เหรอแม่ “ลูกรีบเก็บข้าวของ ไม่สิไม่ต้องสนใจมันรีบขึ้นยานไปยังเมืองหลวงทันที เบนจามิน จะรอลูกอยู่ที่นั่น” เจดพยายามจะเอ่ยถามหลายคำถามที่ยังค้างอยู่ในใจแต่จอสื่อสารก็ถูกปิดลงไปก่อนที่จะได้พูดอะไร หญิงสาวพยายามติดต่อกลับไปหลายครั้งแต่ทุกครั้ง “ติดต่อไม่ได้” คำๆนี้ก็จะขึ้นมาบนจอ
เจดเบิกตากว้างมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในห้องนี้ หรือว่าเจ้าสิ่งที่แม่ไล่ไปมันกลับมาแล้วเจดหันหลังไปสิ่งที่เธอเห็นคือสิ่งมีชีวิตรูปร่างคนแต่ทว่ารูปร่างมันนั้นดูผิดปกติแขนขาที่ใหญ่เล็กไม่เท่ากันมีศีรษะล้านไม่มีปากบนใบหน้าแต่กลับอยู่ตรงท้องส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นไหล่ขวาของมันมีแผลเหวอะหวะคิดคงเป็นฝีมือแม่ของเธอ มันจ้องเขม็งมายังเจดสีหน้าโกรธแค้น “ก็น่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน่ะนะ” เจดยิ้มขำๆสิ่งมีชีวิตนี้รูปร่างน่าเกลียดมากเธอไม่รู้ว่ามันมาจากไหนทำไมถึงรอดชีวิตจากแม่เธอ
สัตว์ประหลาดตัวนั้นพุ่งจู่โจมเธอแทบจะทันที เจดกระโดดหลบแทบจะไม่ทันเธอไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้ เธอรีบรวบรวมสมาธิจากนั้นประกายสีฟ้าวิ่งพล่านออกมาจากมือขวาของเธอ เจดไม่รอช้ารีบชกมือลงยังพื้นห้องที่นองไปด้วยน้ำกระแสไฟฟ้าวิ่งไปจู่โจมเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นทันทีมันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่กลับวิ่งเข้าใส่เจดราวกับว่าความเจ็บปวดทำให้มันคลั่งขึ้นมา
มือซ้ายของเธอยกขึ้นมานิ้วชี้เพ่งตรงไปยังสัตว์ประหลาดที่วิ่งเข้ามาประกายไฟสีพุ่งออกมาจากนิ้วของเธอเหมอืนเลเซอร์เจาะทะลุขาขวาของปีศาจจนมันทรุดลงกับพื้นเจดไม่รอช้ารวบรวมพลังไปที่มือขวาพลางวิ่งเข้าไปหาเจ้าสัตว์ประหลาดเธอแตะตัวมันแล้วกระแสไฟฟ้ามหาศาลก็วิ่งเข้าสู่เจ้าสัตว์ประหลาดมันร้องกรีดร้องเสียงดังลั่นแต่เธอไม่ได้สนใจยกมือซ้ายขึ้นมาลำแสงสีฟ้าก็พุ่งเข้าทะลุปากของมัน
สัตว์ประหลาดสิ้นเสียงร้องมันล้มพับลงตรงพื้นน้ำที่นองอยู่ตรงนั้นกระเซ็นโดนหญิงสาวเธอได้กลิ่นเนื้อสุกออกมาจากเจ้าตัวสัตว์ประหลาดสงสัยเธอคงช๊อตมันมากเกินไปหน่อยน่าแปลกคือเธอสงสัยว่าทำไมมันถึงอึดขนาดนี้เธอช๊อตมันเต็มแรงไปสองทีมันยังมีแรงจะร้องอีก
“เจ้านี่มันตัวอะไรกันนะ” เจดพูดพลางดูความเละเทะของห้องนี้ถ้าแม่เธอกลับมาแล้วเจอสภาพแบบนี้คงไม่ปลื้มแน่ “อลัน เรียกหุ่นยนต์มาเก็บกวาดที่นี่เราจะไปลานจอดยานบินกัน” เธอพูดแล้วเดินออกมาจากห้องแต่ทว่า “แย่แล้วครับดูนี่ก่อนครับ” อลันบอกแล้วก็ปรากฏจอทีวีขึ้นมา หญิงสาวยืนแข็งทื่อพยายามตั้งสติมองภาพบนหน้าจอใหม่ภาวนาให้เธอตาฝาดไปเอง ภาพที่เธอจะไม่มีลืมไปอีกนานแสนนาน
รูโหว่มหึมาบนกำแพง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ