กลัวดีนักรักซ่ะให้เข็ด (Twin Love at First Sight)
เขียนโดย aregayha
วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.59 น.
แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556 00.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) [ตอนที่ 1]กลัวดีนักรักซ่ะให้เข็ด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ตอนที่ 1]กลัวดีนักรักซ่ะให้เข็ด (Twin Love at First Sight)
** ต้องอ่านบทนำก่อนนะไม่งั้นจะไม่รู้เรื่องจร้า **
หนึ่งเดือนต่่อมา
เปิดเรียนไฮสกูลวันแรกไม่
ชอบ เลยพอดีฉันเป็นประเภทโง่เรียนหนังสือไปก็ไม่ฉลาดเพื่อนก็ไม่มีสักคนเพราะชอบ ทำตัวเหมือนคนโลกส่วนตัวสูง ขี้อาย (เป็นคนไม่มีใครอยากคบ)
ฉันนั่งเครียดอยู่บนรถเมล์คิดมากแล้วอยากอาเจียนยังไงก็ไม่รู้สิและพอถึง ป้ายที่เคยเจอรักแรกพบของฉันแบบว่าฉันกำลังคิดว่าผู้ชายหล่อที่เคยให้หมาก ฝรั่งฉันเป็นเนื้อคู่ของฉันไปแล้ว (คิดเองเออเอง)
"นายนั่งสิเรียวตรงนี้ว่างอยู่"
"นายก็นั่งเองสิริว"
"ไหนนายบอกเมื่อยไงเรียว"
"ฉันไม่ได้บอก"
เสียงผู้ชายสองคนเอะอะโวยวายอะไรกันอยู่บนหัวของฉันเนี่ย ฉันเลยต้องเงยหน้าขึ้นไปดูเจ้าของเสียงทั้งสองที่ฟังแล้คล้ายกันเหลือเกิน อย่างสงสัยและพอมองขึ้นไป
กรี้ดดด!! (แอบกรี้ดอยู่ในลำคอ)
นั่นมันรักแรกพบของฉันนี่เขาหล่อรากดินมากๆ ทำให้ฉันล่ะสายตาจากการมองเขาไม่ได้เลยแต่ฉันเห็นภาพซ้อนหรืออะไรทำไมเขาถึง มีสองคนละ ไม่เหมือนกันตรงสีผม และดวงตาเท่านั้นเอง
คนแรกชื่อริว (รู้ชื่อเพราะเขาพูดกันอยู่บนหัวฉัน) มีสีผมสีน้ำตาลมะฮอกกานี ดวงตาดูสดใสมากเหมือนคนชอบมองโลกในแง่ดี พูดเพราะ
คนที่สองชื่อเรียว มีผมสีน้ำตาลทองอย่างเห็นได้ชัดแถมผมซอยเท่ห์ประบ่าของเขามันก็ช่างเข้ากับ หน้าตาของเขาเหลือเกิน ดวงตาดูหม่นหมอกว่าคนแรกแถมชอบพูดจาไม่มีหางเสียงอีก
อะไรกันพวกเขาสองคนเป็นฝาแฝดกันเหรอ ทำมายังไงแบบหล่อรากดินทั้งสองคนเลยถ้าฉันมีลูกหล่อๆ แบบนี้ได้สองคนจะเยี่ยมมากเลย เฮ้ย! ฉันคิดบ้าอะไรอยู่และในที่สุดคนที่ชื่อริวก็เป็นคนที่นั่งลงข้างฉัน อ้ายย! ตื่นเต้นใจเต้น ตุบตับๆ แล้วนะพอมองดูจากสีผมและน้ำเสียงในการพูดแล้วรักแรกพบของฉันต้องเป็นคนที่ ชื่อริวอย่างแน่นอน
ฉันหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จู่ๆ ฉันจะตัดสินใจพูดบางอย่างที่บ้ามากออกไป
"นายเป็นรักแรกพบของฉันได้โปรดคบกับฉันได้ไหม!"
ฉันตะโกนใส่หน้าเขาแบบลืมอายไปเลย จนคนอื่นในรถหันมามองในความใจกล้า หน้าไม่อายของฉันก่อนจะหันกับไปและผู้ชายที่ชื่อริวก็หัวเราะออกมา การสารภาพรักของฉันมันน่าขำนักหรือไงหัวเราะอยู่ได้
"ฮ่าๆ เธอพูดจริงเหรอว่าฉันเป็นรักแรกพบของเธอ"
ริวหันมายิ้มถามฉันอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะชี้ไปที่หน้าตัวเองและเขาก็ชี้ไปที่นายเรียวที่ยืนทำหน้าบึ้งอย่างกับตูดอยู่
"หรือเธอหมายถึงเรียวมัน"
ทันทีที่เขาพูดจบนายคนที่หน้าตาไม่เป็นมิตรที่ชื่อเรียวก็หันมามองหน้าฉัน ด้วยสายตาแบบชาเย็นมาก เพราะเย็นชาคงไม่พอหลอก เขาดูน่ากลัวจนฉันอยากร้องให้เลย แงๆ
"ฉันหมายถึงนายนั่นล่ะริว"
จะมีใครที่จะใจกล้าน่าไม่อายบอกรักผู้ชายบนรถเมล์เท่าฉันอีกไหมแถมเป็น ผู้ชายที่ไม่รู้จักดีด้วย ปกติฉันก็ขี้อายจะตายไม่เคยทำอะไรแบบนี้หรอก (จริงๆ นะ) แต่เพราะฉันชอบเขามากจริงๆ เลยทำให้ตัวเองสามารถที่จะทำอะไรบ้าๆ ได้
"เธอพูดจริงเหรอ"
ริวถามฉันซ้ำอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อ เขากำลังทำให้ฉันอายนะให้ตายสิจะถามซ้ำอะไรนักหนา
"จริงสิ" ฉันพยายามยิ้มบอกเขาไปอย่างอายๆ เขาเลยยิ้มและเอามือมาลูบหัวฉันเบาๆ สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยน
"ถ้างั้นฉันขอคิดดูก่อนนะแล้วจะให้คำตอบไม่นานหรอกโอเคนะเพราะยังไงเราก็อยู่โรงเรียนเดียวกันอยู่แล้ว"
ทำไมเขารู้ล่ะฉันเพิ่งสังเกตว่าเราใส่ชุดนักเรียนแบบเดียวกันแปะ!
"เธอชื่ออะไรส่วนชื่อฉันเธอคงรู้แล้ว"
"แอลลี่" ฉันยิ้มอย่างสดใสตอบเขา
"เธอเนี่ยดูดีๆ สวยมากเลยนะ"
กรี้ดด! เขาชมว่าฉันสวยด้วยก็ฉันสวยจริงๆ ตามที่เขาบอกนั่นแหละผิวหน้าฉันเนียนสวยดวงตากลมโต จมูกเล็กที่ค่อนข้างโด่ง ผิวขาวซีด ผมสีน้ำตาลแดงยาวสลวยถึงปลายหลังถูกรวบไว้ด้านหลังให้ดูเรียบร้อยด้วยยางรัด ผมรูปโบว์สีดำหุ่นฉันก็ดี
พอถึงป้ายหน้าโรงเรียนฉันก็เดินลงจากรถเมล์พร้อมพวกเขาสองคนแบบฉันเดินอยู่ด้านหลังเขาสองคนที่ตัวสูงหุ่นดีเวอร์ทั้งคู่เลย
"ริวอย่าบอกนะว่านายสนใจเธอนะ"
พอพูดจบนายคนที่หน้าตาไม่เป็นมิตรที่ชื่อเรียวก็ชี้มาที่หน้าฉันทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ใช่ฉันว่าเธอสวยและดึงดูดฉันดี" ริวพูดก่อนที่เขาจะยิ้มให้ฉันและเขาก็เดินต่อไปพร้อมกับฝาแฝดของเขา
ริวบอกว่าเขาสนใจฉันด้วยล่ะแบบนี้ฉันก็ยังมีลุ้นที่เขาจะตกลงเป็นแฟนฉันสิ ฉันเดินมาจนถึงห้องพักอาจารย์เพราะฉันเป็นนักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ส่วนทำไมถึงย้ายมาที่โรงเรียนนี้ตอนมัธยมปลายปีสองก็เพราะไอ้โรคขี้กลัวของ ฉันนั่นแหละทำให้อยู่โรงเรียนเก่าฉันไม่มีเพื่อนสักคนเพราะฉันดันไปกรี้ดใส่ หน้าผู้ชายที่เป็นดาวโรงเรียนอย่างนายเลิฟลี่เข้า (แบบเป็นโรคกลัวผู้ชายหน้าตาหล่อ) ตอนที่เขามาสารภาพรักฉันหลังจากนั้นฉันเลยโดนแฟนคลับของนายเลิฟลี่ทำร้ายเอา แค่นั้นยังไม่พอนายเลิฟลี่ยังตามตื้อฉันไม่เลิกแถมยังกรีดกันผู้ชายทุกคนไม่ ให้ยุ่งกับฉันจนฉันไม่มีใครกล้าคบด้วยหรือเป็นเพื่อนด้วยเพราะกลัวขำขู่ของ เลิฟลี่ ฉันเลยไปขอร้องให้แม่หาโรงเรียนให้ใหม่แม่เลยให้ย้ายโรงเรียนไปเรียนอีกที่ ที่อยู่ไกลบ้านไปนิดหนึ่ง
"วันนี้เรามีเพื่อนใหม่ย้ายมาเรียนที่ห้องเจ็ดแนะนำตัวสิจ้ะ"
อาจารย์เอ่ยพูดฉันเลยออกไปแนะนำตัวแบบก้มหน้าก้มตาเพราะไม่อยากมองสายตาของนักเรียนคนอื่นในห้องที่กำลังนั่งจ้องมาที่ฉันอยู่
"ชื่อ แอลลิตา ชามาร์ ชื่อเล่นชื่อ แอลลี่ ค่ะ"
"ไปหาที่นั่งได้แล้วจ้ะ"
พออาจารย์พูดจบฉันก็เดินไปนั่งโต๊ะด้านหลังที่ยังว่างอยู่ทันทีโดยก้มหน้า ก้มตาเดินมาไม่มองหน้าใครทั้งสิ้นแต่จู่ๆ ก็มีคนย้ายมานั่งข้างฉันเพราะเขาวางกระเป๋าลงเสียงดัง
ตุบ!
ตรงโต๊ะด้านข้างฉันจนฉันต้องหันไปมองใบหน้าที่รู้จักว่าเขาคือนายเรียวนั่น เองเขามานั่งข้างฉันแล้วจ้องฉันด้วยสายตาเย็นชาของเขาตาแทบไม่กระพริบเลย
"นายมองฉันทำไม"
"ฉันแค่คิดว่าเธอใจกล้ามากที่กล้าไปสารภาพผู้ชายบนรถเมล์แถมยังน่าไม่อายด้วย"
เขาไม่พูดเปล่ายังเอานิ้วเรียวๆ ของเขาดีดหน้าผากของฉันอีกเจ็บนะโอ้ย!
"เธอมั่นใจเหรอว่าชอบริวจริงๆ นะ" เขาถามฉันอย่างจริงจัง
"ใช่ฉันชอบเขาแบบเห็นปุบก็ชอบทันทีแบบรักแรกพบ"
"งั้นเหรอ"
แล้วเขาก็ทำหน้านิ่งก่อนจะหันไปมองกระดานต่อ อะไรของหมอนี่ทำไมฉันต้องมาอยู่ห้องเดียวกับเขาด้วยถ้าได้อยู่ห้องที่ริวอ ยู่น่าจะดีกว่าเยอะ แถมฉันยังรู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้เวลานั่งข้างๆ เรียวแบบนี้ใจเต้นแรงตลอดเวลาเลย
พักเที่ยง
ฉันไม่กล้าเดินลงทานข้าวที่โรงอาหารเพราะไม่มีเพื่อนพาไปฉันเลยต้องทนนั่ง หิวอยู่บนห้องแทนรู้สึกโดดเดียวแบบนี้อีกแล้วเรา และสักพักก็คนเดินมาที่หน้าห้องซึ่งก็คือนายเรียวนั่นเองเขาเดินมาพร้อมกับ ผู้หญิงเป็นฝูงเลยที่เดินตามเขามาดูท่านายเรียวจะฮอตหน้าดูในหมู่สาวๆ
"เฮ้! พวกเธอกลับห้องตัวเองไปเลยฉันจะเข้าห้องแล้ว"
"แต่ว่าพวกเรา..." ยังไม่ทันที่พวกนั้นจะพูดจบก็โดนนายเรียวทำสายตาเย็นชาใส่จนยัยพวกนั้นต้อง แยกย้ายไปหมด และเขาก็เดินมานั่งลงข้างๆ ฉัน
"ไม่ไปกินข้าวรึไง"
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย ทำไมนายต้องมาทำหน้าตาเบื่อโลกใส่ฉันด้วย
"ไม่หิวไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น"
จะว่าไปเรียวเขาก็หล่อนะแต่ทำไมฉันถึงไม่กรี้ดเวลามองหน้าเขาใกล้ๆ แบบนี้เลยนะน่าแปลกคงเพราะเขาหน้าตาเหมือนกันกับริวละมั้ง
"เธอจ้องหน้าจนหน้าฉันมันจะพลุนเป็นรูแล้วยัยโง่"
ในปากเขาต้องมีหมาอยู่แน่ๆ ไม่งั้นคงพูดจาดีๆ เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา
"ฉันหล่อละสิ"
-O- เขาทำฉันอ้าปากหวอเลย นอกจากจะมีหมาอยู่ในปากแล้วยังหลงตัวเองอีก
"ถ้าฉันหล่อก็รีบๆ ขอฉันเป็นแฟนสิบางทีฉันอาจจะตกลง"
"ฉันชอบริวต่างหากไม่ใช่นาย"
"ริวมันมีอะไรดีกว่าฉัน"
โอ้ย! คำถามนี้ตอบง่ายมาก เขาไม่มีหมาอยู่ในปาก เขาดูนิสัยดีกว่านายเยอะ แถมเขาหล่อมากๆ
"ตอบสิว่าเธอชอบมันตรงไหน"
"เขาดูนิสัยดีกว่านายแล้วเขาก็เป็นรักแรกของฉันด้วย"
"..."
แล้วเรียวก็เงียบไปก่อนที่เขาจะดูเศร้าๆ หรือว่าฉันคิดไปเอง แล้วเขาก็ไม่ยอมพูดกับฉันอีกเลยจนเลิกเรียนฉันได้แต่เดินมองหลังเขาที่เดิน อยู่ด้านหน้าฉัน แล้วก็มีใครบางคนเรียกชื่อฉันเสียงคุ้นมากๆ
"แอลลี่"
ริวเหรอเขามาเดินข้างๆ ฉันก่อนจะยิ้มให้ฉันอย่างสดใสน่ารักมาก
"กำลังจะกลับบ้านเหรอ" เขาถามฉัน
"ใช่" ฉันตอบเขา
"นายมาคุยบ้าอะไรกับยัยโง่นี่" อันนี้เสียงนายปากหมาอย่างเรียวพูดแทรกขึ้นมา
"นายมายุ่งอะไรด้วยเรียว" ริวถามกับพลางมองเรียวอย่างสงสัย
"นายไม่เหมาะกับยัยโง่แบบนี้หรอกริวฉันว่านายไปคบกับผู้หญิงที่ดูฉลาดๆ สมกับนายดีกว่า"
ไอ้บ้าเรียวนายมีหมาอยู่ในปากแถมเป็นมารขัดขวางความรักของฉันจริงๆ ไอ้คนบ้า ฉันจะเกลียดนายไปตลอดชีวิตเลยคอยดูนะ
"บังเอิญฉันไม่ชอบผู้หญิงฉลาดเพราะมันน่าเบื่อ"
ริวหน้ารักที่สุดเลยแบบนี้ก็ชอบฉันได้สิเพราะฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จัดว่าฉลาด หรอกจริงๆ โง่ เซ่อ ซุ่มซ่าม ขี้กลัว (ไม่มีอะไรฉลาดสักนิด)
"ตามใจนายแล้วกันไปล่ะ ไม่อยากเห็นหน้าคนโง่นานๆ เห็นแล้วมันขัดหูขัดตา"
เรียวพูดพลางเหลือบตามาที่ฉันก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง คอยดูนะสักวันฉันจะเอาเกลือมายัดใส่ปากไอ้บ้าเรียวให้เค็มถึงใจเลยจะได้เลิก ปากเสียสักที
"แอลลี่ ไปซื้ออุปกรณ์การทำรายงานกับฉันไหม"
ริวชวนฉันเหรอมีหรือจะปฎิเสธ อยากไปจนตัวสั่นอยู่แล้ว
ร้านขายอุปกรณ์การทำรายงาน
ฉันแอบมองดูริวที่ยืนเลือกกระดาษทำรายงานอยู่เขาดูขยันกว่าฉันเยอะดูจริงจังกับการเลือกกระดาษมากๆ ฉันเลยยืนเลือกดูปากกามีแ
ต่อัน หน้ารักๆ ทั้งนั้นเลยและฉันก็หยิบปากการูปโบว์ขึ้นมาก่อนจะลองเขียนเล่นแล้วก็วางไป เหมือนเดิมจริงๆ ก็อยากได้อยู่แต่เปลืองเงินเลยไม่ซื้อดีกว่า สักพักฉันก็เดินออกมารอริวจ่ายเงินอยู่หน้าร้านวันนี้แถวนี้คนเยอะจังกลัว เจอคนหล่ออ่ะมองพื้นดีกว่า
"ทำไมก้มหน้าแบบนั้นละเบื่อเหรอ"
ริวถามฉันก่อนที่เขาจะยื่นบางอย่างให้ฉันมันก็คือปากการูปโบว์นั่นเอง ทำไมเขารู้ละว่าฉันอยากได้
"เอาไปสิเห็นเธออยากได้นี่"
"ขอบคุณนะ"
ริวเนี่ยนอกจากจะหล่อแล้วยังนิสัยดีอีกด้วยไม่เหมือนเรียวเลยหมอนั่นปากหมา มากๆ ทั้งที่ทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกันแต่นิสัยกับไปคนละแบบกันเลย
"ฉันไปส่งที่บ้านนะ" ริวพูด
"ไม่ต้องก็ได้"
"ไม่เป็นไรหรอกยังไงก็กลับทางเดียวกันอยู่แล้วนี่"
"อือ"
ฉันเลยไม่ปฎิเสธความมีน้ำใจของริว ทำไมเขาช่างเป็นผู้ชายที่ใจดีขนาดนี้นะ สมแล้วที่เป็นรักแรกพบของฉัน อิๆ
"แอลลี่เรียนอยู่ห้องไหนเหรอ" ริวถาม
"ห้องเจ็ด" ฉันยิ้มตอบ
"ห้องเดียวกันกับเรียวเลยสิ"
"ใช่" แล้วริวก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ฉันก่อนที่ริวจะค่อยๆ เอามือของเขามาจับมือฉัน ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นรัวหมดเลยฉัน
"ที่แอลลี่ถามเมื่อเช้านะฉันตกลงนะ"
เขายอมคบกับฉันเหรอเหลือเชื่อมากๆ แทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยทำไมเขาตัดสินใจได้ไวขนาดนี้นะ ฉันรีบหันกับไปมองริวและเขาก็กำลังหน้าแดงเพราะความอายอยู่น่ารักๆ
"จริงเหรอถ้าริวพูดจริงแอลลี่ก็ดีใจมากเลย"
"จริงสิ" ริวตอบ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าริวจะตอบตกลงคบกับฉันมันคืออะไรที่ไม่เคยคาดหวังไว้เลยว่า เขาจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้ แทบไม่อยากเชื่อ อยากเอาถังน้ำมาทุบหัวตัวเองสักสิบรอบเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ฝันอยู่จริงๆ
"แม่คุณพ่อไม่อยู่บ้านเหรอคะ"
"ลูกมีอะไรจะปรึกษาพ่อเหรอ ถ้างั้นลูกคงต้องไปโรงพยาบาลเพราะวันนี้พ่อคงกลับดึก"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
พ่อของฉันเป็นหมอที่คอยให้คำปรึกษาโรคโฟเบียกับฉันเสมอฉันเลยอยากลองปรึกษา พ่่อดูเรื่องอาการกลัวของตัวเองสักหน่อยเพราะพักหลังมาฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ ก็ฉันดันไม่กลัวเวลาจ้องหน้าริวนะสิถ้าเป็นปกติฉันคงกลัวเขาแทบหลบในท่อไป แล้ว (ไม่ได้เวอร์มันคือเรื่องจริง)
บนรถเมล์ระหว่างไปโรงเรียน
ริวเดินเก้าขึ้นมาบนรถแล้วใจเต้นตึกตักๆ สุดๆ แค่เห็นหน้าเขาฉันก็ตัวจะละลายแล้วผู้ชายอะไรหล่อละลายร่าง กรี้ด!! (เวอร์)
แต่พอมองเห็นหน้าตาบูดบึ้งของเรียวที่เดินตามหลังริวขึ้นมาฉันถึงกับหุบยิ้ม ทันที ริวเดินมานั่งข้างๆ ฉันและยิ้มให้ฉันอย่างสดใส แบบยิ้มได้บาดใจกระชากใจมาก ฉันเลยยิ้มมองเขาตาแป๋วๆ แบบคิดว่าจะได้ดูน่ารัก
"แอลลี่เมื่อคืนว่าจะโทรหาแต่ลืมขอเบอร์"
จริงสิฉันยังไม่ได้ให้เบอร์ริวเลยริวเลยยื่นมือถือมาให้ฉันและฉันก็กดเบอร์ให้เขาไปทันที
"เบอร์ฉัน" ฉันพูด
"งั้นเดียววันนี้จะโทรหานะ" ริวพูด
"อย่ามาทำเป็นสวีทกันแต่เช้าเห็นแล้วมันอยากอ๊วก"
แน่นอนว่าประโยคแบบนี้มีคนเดียวที่พูดคือเรียวที่ยืนทำหน้าบึ้งอยู่ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงชอบพูดจาหาเรื่องฉันนัก ถ้าไม่ติดว่าฉันแอ๊บอยู่ไม่งั้นฉันจับเขาหักคอแบบนักมวยปล้ำหญิงในทีวีไป แล้ว
"ดูเธอสิทำหน้าบึ้งเชียว"
เรียวทำเป็นล้อฉันก่อนที่เขาจะเอามือมาหยิกแก้มขาวๆ ของฉัน เจ็บนะ!
"เรียวอย่าแกล้งแอลลี่สิ"
ริวพูดและก็ปัดมือของเรียวออกจากแก้มของฉัน แก้มฉันต้องแดงแน่ๆ เลย
"แค่คบยัยนี่วันเดียวทำเป็นหวงแล้วเหรอ"
เรียวพูดขึ้นเขารู้เรื่องที่ฉันคบกับริวแล้วเหรอแสดงว่าริวคงบอกแล้วอิๆ ดีใจไม่หายเลยเรื่องที่เขายอมเป็นแฟนกับฉันเนี่ย
"ไม่ได้หวง"
พอริวพูดจบทำเอาฉันอึ้งแทบอยากจะร้องให้ เขาไม่คิดจะหวงฉันเลยเหรอ ริวบ้า คนใจร้าย ไม่ยอมๆ พูดแบบนั้นเดี๋ยวงอนนะ
พอลงจากรถเมล์ฉันก็เดินดุ่มๆ ด้วยขาสั้นๆ ทำไงได้พ่อกับแม่ให้มาแค่นี้ ฉันรีบเดินโดยไม่สนใจริวเพราะงอนกับคำพูดของเขานั่นแหละถึงไม่หวงฉันก็ไม่ ควรพูดออกมาตรงๆ แบบนั้นเพราะมันทำร้ายจิตใจสาวน้อยไร้เดียงสาอย่างฉันนี่สิ
สักพักเรียวก็เดินตามฉันขึ้นมาบนห้องก่อนที่เขาจะมานั่งจ้องหน้าฉันแบบไม่มี เหตผลเขาสะกดคำว่า เกรงใจ หรือ มารยาทเป็นรึเปล่าอยู่ดีๆ ก็มานั่งจ้องหน้าฉันอย่างกับฉันไปติดหนี้เขาไว้จ้องอยู่ได้
"นายจ้องหน้าฉันทำไมไม่ทราบ"
"ริวมันต้องตาบอดไปแล้วแน่ๆ ที่คบคนโง่ๆ เซ่อซ่า อย่างเธอ"
นั่นไงไม่น่าถามเขาเลยมาเป็นชุดเลย ไอ้คนปากปีจอ
"ฉันมัน โง่ เซ่อซ่า แล้วนายมีปัญหาอะไรกับฉันไม่ทราบ"
ฉันถามเขาด้วยสีหน้าโมโหก่อนจะทำแก้มป่องใส่เขา จู่ๆ เขาก็ดันหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า
"ฮ่าๆๆ"
ฉันไปจั๊กจี้ส้นเท้าเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาถึงหัวเราะขนาดนี้ ไอ้บ้า!
"จะว่าไปเธอก็น่ารักดีนะ"
ฉันหูฝาดไปหรือเปล่าเรียวชมว่าฉันน่ารักเหรอ
"เวลาเธอทำหน้าโกรธแล้วแก้มป่องเหมือนมะเขือเทศมากเลยฮ่าๆ"
บ้า!! เขาว่าฉันเป็นมะเขือเทศเหรอหน้าฉันไม่เหมือนสักหน่อยหน้าฉันไม่ได้กลมสัก หน่อย ทำไมเขาถึงชอบยั่วโมโหฉันนักนะอยู่ใกล้แล้วรู้สึกหงุดหงิดตลอดเลย แถมยังโชคร้ายต้องมาอยู่ห้องเดียวกับหมอนี่ทุกวันอีก แถมเขายังมานั่งโต๊ะข้างๆ ฉันอีกอยากตายวันล่ะสามรอบอย่างต่ำ (พูดเล่นไปแบบนั้นเอง) ฉันยังคงทำหน้าบึ้งใส่เขาไม่หาย
"โกรธเหรอที่ว่าเธอเหมือนลูกตำลึงสุกนะ"
ว๊ากก!! ตะ...ตำลึงสุกเหรอ เมื่อก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีนายยังเรียกฉันว่ามะเขือเทศอยู่เลย นายช่างสรรหาคำมาเปรียบเทียบฉันได้น่ารักจนหน้าถีบออกจากหน้าต่างห้องเรียน จริงๆ
"ฉันเกลียดนาย" ฉันพูดใส่อารมณ์
"เธอมันโง่!"
หลังจากนั้นฉันก็ไม่คุยกับเขาอีกเลยจนพักเที่ยงก็ไม่มีใครอยู่บนห้องสักคนมี แต่ฉันนั่งเหงาอยู่คนเดียว ก็ฉันไม่มีเพื่อนไปกินข้าวด้วย รู้สึกว่าฉันจะเป็นคนสวยที่ไม่มีใครคบเป็นเพื่อนจริงๆ
แล้วตอนนั้นเองก็มีชายหนุ่มหัวล้านคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะวางซองจดหมายลงที่โต๊ะของฉันและบอกว่า
"พี่เลิฟลี่ฝากมาให้ครับ"
นายนั่นออกไปจากห้องแล้วปล่อยให้ฉันตาโตอ้าปากหวออยู่คนเดียวก่อนจะหยิบซองจดหมายขึ้นมาอ่านดูว่าใครส่งมาอีกครั้ง
จาก เลิฟลี่
ฉันแทบอยากจะร้องให้กลั้นใจตายเมื่อเห็นแน่ชัดว่าคนที่ฝากจดหมายมาให้ฉันคือ เลิฟลี่จริงๆ เขาคือผู้ชายหล่อๆ จากโรงเรียนเก่าของฉันที่เคยสารภาพรักฉันและเขาก็โดนฉันกรี้ดด! ใส่หน้าเสียงดังกับไปแทนคำตอบก่อนที่ฉันจะวิ่งหนีเขาไปแต่เขาก็ไม่ยอมเลิก จีบฉันเขาคลั้งฉันหนักมากซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นบ้าอะไรกับฉันนักหนา ถึงได้ตามตื้อผู้หญิงที่มองหน้าเขาได้ไม่เกินสิบห้าวินาทีก็ร้องลั้นใส่หน้า เขาตลอดอย่างฉันเขาพิศวาสฉันตรงไหนฉันลงทุนย้ายโรงเรียนหนีเขามาแล้วแท้ๆ เขายังรู้อีกว่าฉันอยู่ที่นี่เขามีตาทิพย์มองเห็นฉันหรือไง ฉันทำใจสักสิบห้าวินาทีก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอ่าน
ข้อความในจดหมาย >> ฉันจะไปรอเธอที่ลานน้ำพลุหน้าห้างวันนี้ตอนหกโมงเย็น
ฝันไปเถอะว่าฉันจะไปหาเขาฉันเจอหน้าเขานานเกินสิบห้าวินาทีฉันก็กรี้ดลั่นขายขี้หน้าผู้คนแล้วยังไงก็ไม่ไปๆ
"จดหมายอะไรจดหมายรักเหรอ"
และเสียงของเรียวก็พูดขึ้นฉันเลยรีบเอาจดหมายยัดใส่กระเป๋าตัวเองทันที ทำไมเรียวเขาชอบโผล่มาเงียบๆ เสมอเลยทำฉันตกใจทุกทีเลย
"ไม่ใช่เพื่อนจากโรงเรียนเก่าส่งมาให้"
"แล้วทำไมเธอต้องทำหน้าซีดด้วย"
ที่ฉันหน้าซีดฉันตกใจเรื่องจดหมายที่ถูกส่งมาโดยเลิฟลี่ต่างหาก อย่าบอกนะว่าไอ้คนที่มาส่งจดหมายก็เป็นคนของเลิฟลี่ ตาเถรยายชีช่วยลูกด้วยต่อจากนี้ฉันอาจถูกคนของไอ้โรคจิตเลิฟลี่สอดแนม
"แอลลี่! เธอทำหน้าเหมือนจะร้องให้เลยอะฉันกินไม่หมดเลยเอามาให้"
เรียวตะโกนใส่หน้าของฉันก่อนที่เขาจะโยนขนมปังเนยมาให้ฉัน เขาเอามาให้ฉันเหรอเขารู้ได้ไงว่าฉันกำลังหิว ฉันจ้องหน้าเรียวด้วยความแปลกใจเขาเลยทำเป็นหันหน้าหนีฉันแต่ฉันก็รู้ได้ใน ทันทีว่าเขากำลังรู้สึกอายอยู่ จริงๆแล้วเขาก็เป็นดีแต่ทำไมต้องทำเป็นพูดประชดประชันฉันด้วย ฉันแกะขนมปังเนยกินและยิ้มกินขนมปังที่เรียวเอามาให้อย่างเอร็ดอร่อย
"เธอไม่มีเพื่อนไม่เหงารึไง" เรียวถาม
"ก็นิดหน่อยแต่คิดว่าชินแล้ว"
จริงๆ แล้วฉันโกหกเรื่องแบบนี้ใครจะชินแต่ฉันไม่เหมือนคนอื่นฉันมักจะกลัวนู่นนี่ เสมอเลยไม่อยากเป็นเพื่อนกับใครนักหรอกเพราะถ้าฉันมีเพื่อนพวกนั้นอาจจะรู้ ว่าฉันเป็นโรคขี้กลัวถึงโรคขี้กลัวของฉันมันจะไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่สำหรับ บางคนก็มองว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อยู่ดีถึงปากจะบอกว่าไม่เห็นเป็นอะไร เลยแค่นี้เองก็ตามแต่จริงๆ พวกเขาก็พากันนินทาฉันเหมือนเดิม
"งั้นฉันจะเป็นเพื่อนให้เธอเอง"
คำพูดของเรียวทำให้ฉันต้องมองเขาอยากแปลกใจและเขาก็ยิ้มและเอานิ้วเรียวของ เขามาดีดที่หน้าผากของฉัน ทำไมฉันต้องรู้สึกใจเต้นด้วยนะ
สองทุ่ม
แน่นอนว่าฉันไม่ได้ไปหาเลิฟลี่เพราะฉันเห็นเขาฉันต้องกรี้ดอยู่แล้วจริงๆ ฉันก็ไม่ได้รังเกียจนายเลิฟลี่อะไรนั่นหรอกนะแต่จะให้ฉันทำยังไงแค่ฉันเห็น ผู้ชายหล่อฉันก็กรี้ดแล้วฉันมักจะกรีดร้องต่อหน้าผู้ชายหล่อโดยไม่มีเหตผล ฉันหวังว่าเขาคงไม่รอฉันอยู่นะ แล้วเสียงมือถือของฉันก็ดังขึ้นบนโต๊ะที่ฉันกำลังนั่งมองดูนาฬิกาอยู่
ตืด~ ตืดด~
"ฮัลโหล"
(ฉันเองนะ)
เสียงผู้ชายเสียงคุ้นๆ หรือว่าจะเป็นริวเขาบอกว่าเขาจะโทรมา
"มีอะไรเหรอ"
(เมื่อเช้าโกรธฉันเรื่องอะไรรึเปล่า)
จริงสิเมื่อเช้าฉันแสดงท่าทางโมโหเขาแบบไร้สาระมาก และฟังจากเสียงริวในโทรศัพท์ที่เขาไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้เองเหรอ
"เปล่าหรอก"
(ค่อยยังชั่วนึกว่าจะโดนโกรธ แอลลี่พรุ่งนี้วันหยุดเราไปเดทกันดีไหม)
กรี้ดด!! เดทกับริวเหรอเขากำลังชวนฉันไปเดทล่ะอยากไปๆ สงบสติเข้าไว้แอลลี่
"ไปที่ไหนเหรอ" ฉันหูพึ่งใส่โทรศัพท์
(ไปดูหนังดีรึเปล่าแอลลี่ชอบดูหนังไหม)
"ชอบสิฉันชอบดูหนังมาก"
จริงๆ ฉันไม่เคยดูหนังหลอกเพราะถ้าเห็นพระเอกฉันอาจกรี้ดได้แต่ที่ตกลงไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวหลังฉายฉันจะรีบหลับทันที
(งั้นพรุ่งนี้บ่ายโมงไปเจอกันที่โรงหนังนะ)
พอวางสายจากริวเสร็จฉันก็แทบจะวิ่งรอบห้องก็ตื่นเต้นนี่ เกิดมาฉันยังไม่เคยไปเดทกับหนุ่มไหนมาก่อนเลยนะจิบอกให้
ฉันเปิดตูเสื้อผ้าและเลือกดูชุดที่คิดว่าน่ารักสรุปก็คือตัดสินใจไม่ถูกเลย รื้อเสื้อผ้ามาลองแทบทุกชุดที่มีอยู่ในตู้ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าจะใส่เด รสกระโปรงสีชมพูอ่อนที่ดูน่ารักนี่ล่ะ
เข้าไปกด ถูกใจให้ Facebook ให้ด้วยน่ะค่ะ ชื่อเพจ "นิยายรักอ่านฟรี"
ใน Facebook ชื่อ นิยายรักอ่านฟรี มีให้อ่านหลายเรื่องค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ