ใยรักสีเพลิง
เขียนโดย dko9Nlbiu
วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ใยรักสีเพลิง 7 ร้านกาแฟริมถนนสายสำคัญฝั่งมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงของไทยหญิงสาวใน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร้านกาแฟริมถนนสายสำคัญฝั่งมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงของไทยหญิงสาวในชุดเสื้อกระโปรงติดกันดีไซด์ทันสมัย ตัวเสื้อด้านบนทำจากจากผ้ายืดหยุ่นสีชมพูสดตัดกับกระโปรงสีดำยาวเหนือเข่าฉลุลายลูกไม้ตรงชายกระโปรงรองเท้าส้นสูงสีครีมสานเป็นลวดลายช่วยเสริมบุคลิกให้ภาริษาดูสวยสง่ามากขึ้น ผมยาวสลวยเป็นมันเงาถูกเจ้าตัวรวบเป็นหางม้าไว้หลวม ๆอยู่ด้านหลังกำลังขะมักเขม้นชงเครื่องดื่มส่งให้ลูกค้าอยู่หลังเคาน์เตอร์โค้งมนยาวเกือบจรดอีกด้านของตัวร้าน ปอยผมด้านหน้าตกระผิวแก้มเนียนใสดูเหมาะเจาะรับกันไปทั้งใบหน้าเสียแต่ว่าดวงตาคู่สวยยังทิ้งร่องรอยบวมช้ำหลงเหลือให้เห็นชัดเจน
“นุ้ยมันไปซื้อผลไม้ถึงไหน ไปตั้งแต่เก้าโมงเช้า จนเลยเที่ยงยังไม่กลับอีก...” คนฟังได้แต่ยิ้มเนือย ๆ เมื่อลูกค้าคนล่าสุดเดินพ้นประตูร้าน ใบหน้าหวานแต้มรอยหม่นจนคนที่บ่นพุมพำต้องถอนใจแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“พลอยเหนื่อยก็กลับบ้านไปพักก็ได้นะ...น้าจัดการเองตอนบ่าย ๆไม่ยุ่งหรอกไปนอนพักผ่อนซะบ้างหูตาบวมไปหมด เฮ้อ...!ถ้าทรมานขนาดนี้เลิก ๆกันไปเลยดีไหม...เฮ้อ!น้าก็พูดไปนะ จะเลิกได้ยังไง ยายหนูพริมจะอยู่ยังไง”
“พลอยก็กำลังหาคำตอบค่ะ ลูกจะอยู่ได้ไหมถ้าพ่อกับแม่แยกทางกัน พลอยไม่อยากให้ใครด่าพลอยที่โง่ อยากแต่งงานจนสร้างปัญหาให้ลูก หลงคิดว่าตัวเองวิเศษสามารถคุมหัวใจผู้ชายเก่ง ๆคนหนึ่งได้ตลอดไป น้าฉัตรก็รู้นี่คะว่าพลอยกับพี่หนึ่งคบกันไม่นาน...แล้วพลอยเองก็เป็นคนตามใจเขาด้วยการรีบแต่งงานทั้งที่พี่พันทั้งห้าม ทั้งเตือนว่าจะไปกันไม่รอด..แต่พลอยก็โง่เอง พลอยก็ต้องรับผิดชอบเองพลอยจะทนให้ถึงที่สุดค่ะไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องอับอายขายหน้าชาวบ้านให้เขาดูถูก”
“เรื่องแบบนี้น่ะใช่มีเราคนเดียวเสียที่ไหนล่ะพลอยเอ๊ย...คนอื่นเขาก็เลิกกันโครม ๆ แต่ถามตัวเองให้ดีว่าเราพร้อมแค่ไหน เข้มแข็งพอหรือยัง...ลองหันหน้าคุยกันแบบเปิดอกไปเลยสิหนู พูดให้เขารู้ว่าเรากำลังทนไม่ไหวแล้ว จะหยุดหรือจะถอยห่างกับเราไม่อย่างนั้นเราก็ต้องทนทรมานโดยที่บางทีเขาก็อาจจะไม่รู้ยังไงก็มีลูกมีเต้าด้วยกัน”
หญิงสาวเหยียดริมฝีปากดูแคลนวิธีการของน้าฉัตร เพราะเธอทำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ไม่เคยมีอะไรดีขึ้น มือเรียวรับเอาแก้วกาแฟจากน้าสาวมาเช็ดไปเรื่อย ๆทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า
...หันหน้าเข้าหากัน...อยากจะบอกเหลือเกินว่าเธอกับรดิศไม่เคยเข้าใจในเหตุผลของกันและกันมานานมากแล้ว นับตั้งแต่เขารวย...! เขาก็เหมือนกับไม่ใช่รดิศที่เธอรู้จักก่อนแต่งงาน เริ่มแรก ๆเขาก็หลบ ๆซ่อน ๆไปหาความสุขกับผู้หญิงนอกบ้าน เมื่อถูกจับได้เขาก็ง้องอนแก้ตัว หนักขึ้นก็หาทางหนี ปกปิด และกลายเป็นโกหกหน้าตาย
ความเชื่อใจ ไม่มีเหลือมานานแล้ว...ที่เหลืออยู่ก็แค่ความอดทนที่รอวันขาดสะบั้น !
เมื่อทะเลาะกันบ่อยขึ้นเขาก็ตัดบท ยอมรับออกมาหน้าตาเฉยว่าเขายังต้องการไปสนุกนอกบ้านตามประสาผู้ชาย ไม่ได้จริงจังกับใครถึงกับกล้าเอ่ยปากขอแบบหน้าตาเฉย หญิงสาวเจ็บช้ำจนชาชิน พยายามทำใจเรื่อยยมา เขาไม่เคยรู้ เขาคิดเพียงแค่ภาริษาก็คือเมียซึ่งเขายกย่องเชิดชูเท่านี้เธอก็น่าจะพอใจ ภาริษาถอยออกจากห้วงนึกคิดเมื่อได้ยินเสียงน้าฉัตรลากเก้าอี้ตัวสูงมาทำท่าจะปีนป่ายเก็บแก้วที่เช็ดแล้วในชั้นด้านบน เธอจึงอาสาทำซะเองเห็นว่าจะได้คล่องแคล่วกว่า หญิงสาวถอดรองเท้าออกแล้วปีนรวดเดียวขึ้นไปยืนง่อนแง่นบนเก้าอี้ซึ่งมีเนื้อที่ให้ยืนจำกัด จนน้าสาวร้องเรียกว่าจะทำเอง
“สบายมากค่ะน้าฉัตรส่งมาทั้งถาดเลยค่ะพลอยเก็บได้” คนพูดเอื้อมรับแก้วหลายขนาดจากมือน้าสาว ค่อย ๆเรียงเก็บในชั้นทีละใบ บางจังหวะก็ง่อนแง่นคล้ายจะร่วงจนคนมองอยู่ยังแอบลุ้น ๆหวาดเสียวกับเรียวขาที่พยายามเกร็งตัวอย่างลำบาก
“พอแล้วล่ะพลอยที่เหลือเดี๋ยวน้าเก็บกับนุ้ยมันเอง หนูกลับบ้านไปเถอะรถราก็ไม่มี”
ภาริษาหันมายิ้มย่อตัวลงแย่งแก้วในมือน้าฉัตร ช่วงจังหวะนั้นเธอเห็นร่างสูงของใครบางคนเดินตรงเข้ายังประตูหน้าร้าน หัวใจหญิงสาวเต้นโครมผิดจังหวะแทบจะทันที คู่กรณีของเธอเมื่อหลายวันก่อนจะมาทำไมในเมื่อประกันภัยก็รับผิดชอบทุกอย่างแล้ว แค่นึกขึ้นได้ว่าวันนั้นเธอทำกิริยาอย่างไรใส่เขาไว้ ร่างบางก็ยืดลุกขึ้น ตั้งหน้าตั้งตาเก็บแก้วอย่างขะมักเขม้น ก็ตอนนั้นคนมันอารมณ์เสียนี่นา..แล้วเธอจะสู้หน้าอีตาคนนี้ได้ยังไง ใจที่ตุ้มต่อมผิดปกติยังพาลให้มือเท้าเธอเบาหวิวกว่าเดิมอีก รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่น้าฉัตรหวีดร้องเพราะร่างบางทรงตัวบนเนื้อที่น้อยนิดไม่อยู่ เสียงแก้วในมือน้าฉัตรร่วงแตกนำมาก่อนที่หญิงสาวจะรู้สึกว่าไม่ได้ยืนอยู่บนเก้าอี้นั่นแล้ว !
“พลอย...!เป็นไรหรือเปล่า น้าบอกแล้วว่าอย่าปีนขึ้นไป” สีหน้าสีตาคนพูดอยู่ในอารมณ์ตกใจ ชายหนุ่มผู้เข้ามาใหม่พลอยตกใจไปด้วยที่จู่ ๆร่างบางบนเก้าอี้ตัวเล็กก็เอนร่วงมาต่อหน้าต่อตา เขาก้าวเร็ว ๆเข้ามาช่วยประคองหญิงสาว ลืมไปสนิทว่าครั้งนึงเคยทำแบบนี้แล้วถูกด่า !
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” คนถูกถามทั้งเจ็บทั้งอาย จนหน้าเหลือสองนิ้ว มือใหญ่ที่เกาะประคองต้นแขนทั้งสองข้างเหมือนยาชาที่ออกฤทธิ์รวดเร็วปานสายฟ้าจนไม่กล้าขยับเขยื้อนตัว ปล่อยให้เขาประคองขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ ใบหน้านวลแดงปลั่ง ความอุ่นประหลาดจากนิ้วมือใหญ่สะอาดของเขากระจายทั่วร่างบางจนลืมความเจ็บไปชั่ววินาที น้าฉัตรมัวแต่กระวีกระวาดหาอุปกรณ์มาเก็บกวาดแก้วที่แตกเกลื่อนพื้น
“ตายแล้ว! แก้วบาดตรงไหนเนี่ยพลอย” คนอุทานทิ้งไม้กวาดในมือเข้ามาก้ม ๆเงย ๆสำรวจภาริษาเมื่อเห็นรอยเลือดบนพื้นกระเบื้องสีน้ำตาลคนร่างสูงย่อกายช่วยมองหาบาดแผล ภาริษาดึงสติกลับมา ก้มยังฝ่าเท้าข้างซ้าย เจ็บแปลบทันทีเมื่อลองยกขึ้นจากพื้นที่นองด้วยเลือดสด ๆสีแดงฉาน น้าฉัตรยกมือขึ้นทาบอกควานหายาดมวุ่นวายตามประสาคนกลัวเลือด
“โอ๊ย...จะเป็นลมตายแล้วยายพลอย น้าบอกแล้วเห็นไหม ยายนุ้ยนะกลับมาเมื่อไรจะด่าให้น่าดูเลยไปซื้อของทีครึ่งค่อนวันมันน่าไล่ออกจริง ๆ” ภาริษาหน้าซีดเป็นไก้ต้มไม่กล้าก้มมองเลือดตัวเองแต่ก็ยังพึมพำแก้ตัวแทนเด็กนุ้ย
“ไม่เป็นไรค่ะพลอยใช้นุ้ยมันเอง”
“ไปหาหมอดีกว่าครับเลือดออกเยอะ..” น้าฉัตรมองชายหนุ่มจำได้ว่าเป็นเจ้าของรถที่ภาริษาขับชนท้ายเมื่อหลายวันก่อน แล้วสูดยาดมเข้าปอดลึก ๆพลางโบกมือเป็นเชิงบอกให้พาไปทีเถอะ
ขณะปัณณทัตเอื้อมมือมาจับฝ่าเท้าที่คิดว่าเป็นปากแผลหมายจะห้ามเลือดให้แต่เจ้าตัวรีบชักออกอย่างตกใจ เกรงใจ และรู้สึกประหวั่นพรั่นไหวในหัวอกกับการกระทำของคนที่เพิ่งพบกันเพียงครั้งเดียว.. และครั้งเดียวนั้นเธอก็ยังวีนแตกใส่เขาอีกด้วย
“ไม่เป็นไรคงบาดไม่ลึกฉันไปล้างแผลในห้องน้ำก็พอแล้ว” ชายหนุ่มย่นคิ้วแล้วเผลอหันมาขอความเห็นจากน้าฉัตรซึ่งหันมาสบตาเขาพอดิบพอดีราวกับใจเดียวกัน เขาลุกขึ้นคว้าแขนคนที่กำลังทุลักทุเล คงจะเขยกไปล้างแผลในห้องน้ำจริง ๆกระมัง ชายหนุ่มหน้าขรึมมองกองเลือดจากฝ่าเท้าแล้วใจไม่ดี แผลไม่ลึกทำไมถึงเลือดกองใหญ่ขนาดนี้
“ไปเถอะครับ...ผมพาไปเองเลือดออกเยอะขนาดนี้จะล้างแผลในห้องน้ำคงไม่พอหรอกครับ ผมว่าอาจจะต้องเย็บแผล” คนฟังหน้าซีดเผือดกับคำว่าเย็บแผลจากคนเสียงนุ่ม
“ไปหาหมอดีกว่าพลอย...น้าจะเป็นลมแล้ว ไปเลยไปเร็ว ๆ น้าโทรตามนุ้ยก่อนให้มันมาเช็ดกองเลือดเนี่ย น้าทำไม่ได้หรอก กลัวเลือด” คนพูดบ่นไปสูดยาดมไป ภาริษายอมให้ปัณณทัตประคองไปขึ้นรถคนละคันกับที่เธอขับชนอย่างไม่ค่อยสะดวกใจ
“เอ่อ...ฉันกลัวเลือดจะเปื้อนรถคุณ” เสียงสั่น ๆดังขึ้นขณะหย่อนกายบนเบาะนั่งแล้วห้อยขาออกมานอกรถ รถซึ่งหรูกว่าคันที่เธอขับชนหลายเท่ามองเห็นเขายิ้มบาง ๆ ยิ้มเหมือนเขากับภาริษาสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน ยิ้มที่ทำหัวใจคนถามเต้นหวิว เห็นเขาเอื้อมผ่านตัวเธอไปด้วยท่าทางมีมารยาทไม่ใช่การถือโอกาสเฉียดเนื้อตัวผู้หญิง ดึงกระดาษทิชชู่จากกล่องสวยหน้ารถแล้วย่อกายลงนั่งภาริษามองตาม เท้าเรียวหดหนีอีกรอบเมื่อเขาซับกระดาษในมือไปยังฝ่าเท้าชุ่มเลือดของเธออย่างรวดเร็วแต่แผ่วเบา คราวนี้มือใหญ่กลับดึงไว้แน่น
“เดี๋ยวเลือดก็ไหลหมดตัวหรอกครับ...คุณพลอย” เสียงทอดอ่อนที่เปล่งชื่อเธอนั้นยิ่งทำให้พวงแก้มสวยระเรื่อขึ้นจนต้องรีบหลุบตาลงต่ำ เห็นกระดาษชำระเต็มมือใหญ่เปียกเลือดสด ๆจนชุ่มในพริบตา ชายหนุ่มล้วงหาบางอย่างในกระเป๋ากางเกง ภาริษาตาเหลือกรู้สึกเกรงใจจนกลายเป็นกระอักกระอ่วนในชั่ววินาที
“ไม่ต้องค่ะ” ผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้มถูกบรรจงซับเลือด เขาบีบกดตรงปากแผลไว้แน่นจนภาริษาต้องกัดปากกลั้นเสียงร้องแทนการเอ่ยห้ามเขา
“ผมกลัวเลือดเปื้อนรถน่ะครับ...เลยต้องสละผ้าเช็ดหน้า” เขาพูดหน้าตาเฉยเมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ภาริษาพึมพำขอบคุณขณะรถแล่นสู่โรงพยาบาล
“ทนหน่อยนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยกำชับ เธอได้แต่ยิ้มรับแทนการขอบคุณอันสุดซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มช่วยเหลือ มันเกินกว่าหน้าที่ของเพื่อนร่วมโลกที่ดี ซึ่งภาริษาคิดว่าคงไม่มีมนุษย์หน้าไหนในโลกหรอกที่จะเสียสละให้กันได้ขนาดนี้ ความประทับใจในตัวปัณณทัตแทบทะลักทลายในความรู้สึก คงมีแค่ผู้ชายในนิยาย ที่สามารถทำอะไร ๆในแบบที่ผู้หญิงทุกคนฝัน เพราะชีวิตภาริษาก็พบเจอมาแล้วว่าชีวิตรักไม่ได้จบลงสวยหรูเหมือนนิยาย แต่ปัณณทัตเป็นมนุษย์ผู้ชายตัวเป็น ๆมีเลือดเนื้ออุ่น ๆที่สัมผัสได้ เขาไม่เพียงแค่ส่งเธอทำแผล แต่เขาดูแลเธอทุกขั้นตอนในโรงพยาบาลราวกับเป็นญาติ ไม่ใช่สิ..ภาริษาเข้าข้างตัวเองมากกว่านั้น เขาทำราวกับเธอคือเจ้าหญิงที่เขาแสนรัก อะไรไม่เท่าเขาอาสามาส่งถึงเธอถึงบ้าน โดยที่ภาริษาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเพราะเท้าของเธอคงไม่อยู่ในสภาพจะกลับเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ