ปีกรักกับดักหัวใจ

10.0

เขียนโดย dollysky

วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.38 น.

  9 ตอน
  3 วิจารณ์
  18.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) I BELIVE I CAN FLY

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
               ในที่สุดวันที่พวกเขานักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 4 รอคอยก็มาถึง วันที่พวกเขาได้รับโอกาสให้บินกับเครื่องบิน CT-4A เครื่องบินฝึกรุ่นสองที่นั่งเคียงกัน เป็นประสบการณ์อีกครั้งสำหรับชีวิตการบินของพวกเขาที่ต่างเฝ้ารอคอย หลังจากที่พวกเขาเคยมีโอกาสได้สัมผัสมันมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อตอนที่พวกเขาเรียนอยู่ในชั้นปีที่ 3 
 
ว่านได้ขึ้นมานั่งบนที่นั่งนักบินที่ 2 ที่อยู่เคียงกันกับนักบินที่ 1  รุ่นพี่นักเรียนนายเรืออากาศของเค้าเมื่อสองปีที่แล้ว บัดนี้รุ่นพี่ของเขาได้เรียนจบศิษย์การบินกำแพงแสน และได้มาประจำการอยู่ที่ฝูงบิน SUNNY แห่งนี้
 
“กลัวไหมน้อง ทำใจให้สบายนะ จำได้ไหมตาม check list ที่เรียนมา” รุ่นพี่เริ่มคำถามขึ้นก่อนขณะเครื่องกำลังบินเกาะอากาศ
 
“ขณะนี้เราอยู่ที่ความสูงเท่าไร่”  รุ่นพี่เริ่มยิงคำถาม 
 
“3,000 ฟุตครับ”
 
“ความเร็วล่ะ”     “พิกัดของเราตอนนี้อยู่ที่เท่าไร่...”  ตามด้วยคำถามต่างๆนานา ที่รุ่นพี่เค้าหยิบยื่นให้ขณะทำการบิน ว่านเริ่มรู้สึกอึดอัด เพราะเขาสังเกตได้ว่าคำตอบที่เขาได้ตอบไปแล้ว แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากรุ่นพี่นักบินคนนี้เลย รุ่นพี่ยังคงความเงียบและขรึมอยู่เช่นเดิม  ว่านเริ่มเหงื่อออก..เอ หรือว่าที่เราตอบไป มันผิดวะ แต่เราก็ดูดีแล้วนี่หว่า... แต่แล้วจู่ๆ สิ่งที่เค้าไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น แล้วมันก็ยิ่งทำให้เหงื่อยิ่งแตกไหลลงมาที่ใบหน้าของเขาอย่างเห็นได้ชัด ผสมกับความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
 
เค้าได้ยินมันไม่ผิดแน่ๆ นักบินรุ่นพี่บอกให้ค้าลองบังคับเครื่องดู พร้อมยังบอกเทคนิดให้เป็นทริปเล็กน้อยๆสำหรับการบังคับเครื่องบินถ่ายทอดให้กับเขา
 
เครื่องบิน CT-4 ได้ได้เล่นเข้ามาจอดยังโรงเก็บเครื่องบิน ประสบการณ์ครั้งนี้ของเขา มันยิ่งทำให้เลือดในตัวของเขาพลุ่นพล่านอยากไปเป็นศิษย์การบินเร็วๆ เขาอยากขับมันอีก และเขาคงมีความสุขมากถ้าทั้งชีวิตของเขาจะได้อยู่บนเครื่องบินที่เขารักและใฝ่ฝันมาโดยตลอด และเจ้านั่นก็คือ เครื่องบิน F-16 เครื่องบินไอพ่นความเร็วเหนือเสียงสมรรถสูง พระเอกตัวจริงในใจของเขาตลอดกาล
 
“ว่าน  โชคดีนะ” รุ่นพี่นักบินเครื่องที่เขานั่งนั่นเอง เดินเข้ามาตบบ่าอย่างเป็นกันเอง
 
“พี่คงต้องขอต้อนรับรุ่นน้อง ศิษย์การบิน ล่วงหน้าเลยแล้วกันนะน้อง 55...เองนี่มีแววว่ะ ตั้งใจเรียน หมั่นฝึกฝนทบทวนบ่อยๆ ยิ่ง check list นี่ยิ่งต้องจำให้แม่นๆ พี่เชื่อว่าเองรุ่งแน่ โชคดีไอ้น้อง”
 
รุ่นพี่ร่างสูงหน้าตาคมเข้มพร้อมแว่นกันแดดสีดำ อายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ลักษณะเป็นกันเองดูช่างแตกต่างกับตอนอยู่บนเครื่องเสียจริงๆ กำลังเดินจากไป ว่านยังคงมองตามรุ่นพี่ด้วยความมุ่งมั่นว่าสักวันเขาจะต้องเป็นให้ได้อย่างรุ่นพี่ของเขา
 
รุ่นพี่คนนั้นหันหลังกลับมาที่เค้าพร้อมชู้นิ้วโป้งให้อีกครั้ง ก่อนที่จะหันกลับไป ว่านยิ้มให้ก่อนหันกลับไปเฝ้ามองเพื่อนๆของเขาที่เพิ่งกำลังจะเตรียมบินขึ้นพร้อมกับเพื่อนๆอีกหลายคนที่บินเสร็จแล้ว ก็มารวมตัวกันคอยให้กำลังใจเพื่อนกันอยู่ด้านล่าง
 
“โอโห ของที่ระลึกหรอวะไอ้ป้อง เอาลงเสียเกือบเต็มถุงเลยนะมึง 555” เพื่อนที่รออยู่ด้านล่างแซวป้องที่เพิ่งแท็กซี่(การเคลื่อนที่บนพื้นของเครื่องบิน)เข้ามาจอดที่ภายในโรงเก็บเครื่องบินในมือยังถือถุงอวกของตนลงมาจากเครื่องเป็นที่ระลึกอีกด้วย
 
“ใหม่ๆก็ยั่งงี้แหละไม่ต้องคิดมากหรอก” เสียงของนักบินรุ่นพี่ คนที่ทำหน้าที่ขับมาให้ ลงมาพร้อมคำปลอบใจรุ่นน้องของตนที่ในมือถือถุงอวกเอาไว้
“เฮ้อ นั่นก็อีกคนไอแมน ไหวไหมมึง” แมนยกมือขึ้นทำท่าโอเค แต่สีหน้ายังคงซีดเผือก ไม่เหมือนกับท่าทางที่ส่งมาให้กับเพื่อนเห็นแต่ไกลสักเท่าไร่
 
         ว่านมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่วันนี้ดูช่างสดใสเป็นใจให้กับการฝึกบินครั้งแรกของพวกเขา ตาคู่เข้มนั่นยังเปล่งระกายความมาดมั่นในหน่วยตาคม หมายดังว่า เขานี่แหละจะเป็นคนที่ทำความฝันของตนนั้นให้สำเร็จ เขาต้องเป็นผู้ครองฟ้าให้ได้ “ฟ้าคือบ้านเรา” ชายหนุ่มกำลังพูดกับตัวเอง เสมือนกับว่าเขาต้องการจะย้ำลงไปในจิตใจของเขาว่า ฟ้าบนนั้นคือบ้านของเขาที่เขาต้องขึ้นไปอยู่และปกป้องรักษามันไว้ด้วยชีวิต ไม่ให้ใครที่ไหนมารุกล้ำ
 
 
          ชายหนุ่มในรถยนต์แลนโรเวอร์สีดำ กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวในรถยนต์ของเขาด้วยความใจจดใจจ่อ อยากจะรีบเร่งไปบอกข่าวดีของเค้าให้หวานใจคนเดียวได้รับรู้ หลังจากที่เขาได้บอกข่าวดีกับทางบ้านของเขาแล้ว เขายังจำรอยยิ้มของพ่อกับแม่ได้เป็นอย่างดี ‘มันต้องอย่างนี้สิลูกพ่อ’ จะมีอะไรสุขใจไปกว่าการที่ลูกอย่างเขาได้ทำอะไรให้พ่อกับแม่ได้ภาคภูมิใจในตัวเขาอีกล่ะ
เพียงเวลาไม่นานรถของเขาก็มาจอดอยู่หน้าบ้าน แป๋ม สาวน้อยหนึ่งเดียวในดวงใจ เปรียบเสมือนเป็นดั่งแรงใจที่ทำให้เค้ามีวันนี้
 
  “แป๋ม....” คนเรียกทำหน้าตาตื่นเต้นสุดๆ ตรงเข้ามาจับมือหญิงสาวตรงหน้าที่กำลงัส่งยิ้มหวานอยู่  “แป๋ม พี่สอบติดศิษย์การบินแล้วจ๊ะ แป๋มดีใจกับพี่ไหม”
 
“ดีใจสิคะ พี่ว่านของแป๋มเก่งที่สุดเลยค่ะ” หญิงสาวทำเสียงแจ๋วเข้าไปซบอกกว้างของคนตรงหน้าด้วยความดีใจ ชายหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อได้ใกล้ชิดกับสาวน้อยในอ้อมกอดของตนใกล้และแนบแน่นขนาดนี้ ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวจนต้องจุมพิตไปที่แก้มของเธอไล่ลงมาที่ริมฝีปากบางได้รูป สาวน้อยไม่ได้มีท่าทางตกใจแต่อย่างใด ซ้ำยังเอามือทั้งสองข้างลูบไล้ไปที่หลังของเขา ทำให้เลือดในกายของเขายิ่งสูบฉีด การจุมพิตเริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของแป๋มก็เป็นฝ่ายดังขึ้นหยุดสัมพันธ์ที่กำลังเร่าร้อนตรงนั้น 
 
“แป๋มขอตัวไปคุยโทรศัพท์สักแป๊ปนะคะพี่ว่าน  ว่านนั่งรอแป๋มที่ห้องรับแขกก่อนแล้วกันค่ะ” 
 
คนพูดส่งยิ้มหวานให้แล้วเดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก  ชายหนุ่มมองภาพของสาวน้อยร่างบางที่ผละออกไปด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นที่ยังเกลื่อนอยู่บนใบหน้า ...ดีนะที่โทรศัพท์ดังขึ้นมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเลยเถิดไปขนาดไหน...ชายหนุ่มวาดหวังไว้ว่าเขาจะถนอมความรักของเขาและเธอครั้งนี้ให้เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เขาจะถนอมเธอไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่สมควร “พี่รักแป๋มนะครับ” ว่านพูดกับตัวเองด้วยความรักที่ล้นปรี่ในหัวใจชายหนุ่มเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีให้แก่หญิงสาวที่เขารักได้
 
      
 
บรรดาญาติของนักเรียนนายเรืออากาศต่างเดินทางมาที่โรงเรียนอย่างคับคั่ง เต็มความจุขอหอประชุมอาคารรณภากาศในโรงเรียนนายเรืออากาศ วันนี้เป็นวันเกียรติยศของลูกหลานและบรรดาหวานใจของญาติ(แฟน)ทั้งหลายของ นนอ.ชั้นปีที่ 4 ซึ่งวันนี้เป้นวันที่พวกเขาสำเร็จการศึกษาจากสถาบันแห่งนี้ จะมีพิธีประดับยศและรับประกาศนียบัตร
 
                ซึ่งก่อนหน้าจะมีพิธีในวันนี้บรรดารุ่นน้องของพวกเขาที่โรงเรียนก็ได้แสดงความยินดีกับพวกเขามาบ้างแล้ว ว่าน เติ้ล แมน ป้อง เมฆ ต่างก็เป็นที่รักของน้องๆเป็นพิเศษ พวกเขาจึงโดนบรรดารุ่นน้องจับอุ้มโยนลงบ่อน้ำหน้าตึกกันอยู่หลายรอบ ซึ่งงานนี้จะไม่มีใครถือสาใครทั้งสิ้น เนื่องจากเป็นประเพณีที่ทำกันมารุ่นต่อรุ่น ถือเป็นสิ่งที่รุ่นน้องได้กระทำเพื่อแสดงความยินดีกับความสำเร็จของรุ่นพี่ที่ตนรัก (รึเปล่า...? อันนี้ก็ยังเป็นที่กังขาสำหรับรุ่นสู่รุ่นเช่นกัน)
    “ดีใจด้วยนะครับพี่ว่าน” รุ่นน้องคนหนึ่งของเขา น้องที่เขาปั่นมากับมือ เดินยิ้มเข้ามาทัก
 
  “อืม...ขอบใจว่ะ เจอกันที่ไหนก็เข้ามาทักพี่บ้างล่ะ มีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่ได้นะ”
 
   “ขอบคุณครับพี่” 
   
   “อ่อ อะไรที่พี่เคยทำให้น้องไม่พอใจก็อโหสิด้วยแล้วกันนะ 55..ยังไงพี่ก็ทำไปเพราะอยากเห็นน้องได้ดี ด้วยความปรารถนาดีจากใจของพี่ พี่เชื่อว่าวันหนึ่งน้องจะเข้าใจที่พี่พูด” ว่านเอื้อมมือๆไปตบบ่าน้องที่เค้ารัก ยิ้มกว้างให้อย่างเป็นกันเอง
               “ผมเข้าใจครับพี่” ว่านหันมองหน้ารุ่นน้องเค้าแบบงงๆ
 
       “ผมจะเป็นแบบพี่ครับพี่ว่าน พี่ว่านคือไอดอลของผมเลย ว่างๆพี่อย่าลืมกลับมาเยี่ยมน้องๆที่นี่บ้างนะครับ”  แววตาของรุ่นน้องตรงหน้าเขาคนนี้ยังแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น และเชื่อมั่นในตัวของรุ่นพี่อย่างเขาเป็นอันมาก มันช่างเป็นเหมือนดั่งกำลังใจ ทำให้เขารู้สึกฉุ่มชื่นใจยังไงบอกไม่ถูก
 
      “อืม พูดดีนี่เรา เอ้า เดี๋ยวสองทุ่มขึ้นไปพบพี่ที่ห้องนะ พี่มีอะไรจะให้” คำพูดนั้นดูจะทำให้รุ่นน้องของเขา ยิ้มกว้างอย่างออกจะปลื้มใจเสียเหลือเกินที่ได้ยินคำพูดนี้ เค้ารู้ทันทีว่าหัวหน้ากองร้อยที่เค้านับถือนั้น ต้องมีของสำคัญมอบให้กับเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึกเป็นแน่
      ...พี่ว่าน ผมจะเป็นรุ่นพี่ที่ดีแบบพี่ว่านครับ...รุ่นน้องวัยไม่ห่างกับรุ่นพี่เขาเท่าไร่นัก ยืนมองพี่ชายซึ่งเป็นเหมือนไอดอลของเขาที่กำลังเดินห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
 
             
 
งานอาลัยดอนถูกจัดขึ้นในเวลาค่ำหลังจากพิธีประดับยศและพิธีลอดซุ้มกระบี่ที่จัดขึ้นอย่างสมเกียรติในช่วงเช้า และเช่นเคยคู่เต้นรำในงานค่ำคืนที่พิเศษนี้ของว่านก็คือเธอ ณิชา (แป๋ม) หญิงสาวควงคู่ไปกับชายหนุ่มดุจดังเทพบุตรและเทพธิดาบนฟลอเต้นรำที่ใครหลายคู่ต่างพากันอิจฉา
 
“แป๋ม ขอบคุณนะครับ” สายตาเป็นประกายของชายหนุ่มจ้องมองมายังดวงตาคู่สวยของหญิงสาวอย่างไม่วางตา จนหญิงสาวอดเขินไม่ได้จนต้องหลบสายตาหวานซึ้งของชายหนุ่ม
 
“ขอบคุณอะไรแป๋มล่ะคะพี่ว่าน” สาวน้อยทำหน้าแป๋วใสซื่อใส่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอ
 
“ก็...ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณที่แป๋มยืนอยู่เคียงข้างพี่ คอยเป็นกำลังใจให้พี่มาโดยตลอดไงล่ะครับ พี่รักน้องแป๋มนะครับ นางฟ้าตัวน้อยของพี่” เขาทั้งคู่ต่างเคียงคู่กันไปบนฟลอเต้นรำท่ามกลางบรรยากาศของความหวานที่อยู่รอบตัวของคนทั้งคู่ ...จะมีอะไรสุขใจไปกว่านี้อีกล่ะ ขอแค่เขามีเธอคอยเคียงข้างเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ย่างนี้ตลอดไปก็เพียงพอแล้ว
 
            ถึงเวลาที่ว่านและเพื่อนจะต้องก้าวออกไปจากสถาบันแห่ง สถาบันอันเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่งของพวกเขา บ้านที่เป็นทุกอย่าง เป็นที่หลอมรวมไว้ซึ่งความสุข ความทุกข์ มิตรภาพระหว่างพี่น้องและพ้องเพื่อน รอยยิ้ม หัวเราะและน้ำตา เขาจะไม่มีวันลืมเลือนเลย สายตาของว่านและเพื่อนๆต่างจับจ้องมองไปรอบๆตึกนอนของตน ที่พวกเขาเดินมาเก็บภาพบรรยากาศที่นี่ไว้เป็นครั้งสุดท้าย มันเป็นเหมือนการเดินทางมาเพื่อร่ำลาสถานที่แห่งนี้ นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้อีกแล้ว และก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไร่ ที่เขาและเพื่อนทุกคนจะได้มีโอกาสกลับมาที่นี่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
        ...แน่นอน ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา ต่อไปพวกเขาจะต้องก้าวไปฟันฝ่าอุปสรรคข้างหน้าที่กำลังรอคอยเขาอยู่อีกขั้นหนึ่ง และมันเป็นอุปสรรคครั้งสำคัญที่พวกเขาจะต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ด้วย เพื่อความสำเร็จและความฝันที่พวกเขารอคอย พวกเขาต้องก้าวผ่านมันไปพร้อมๆกัน จะไม่มีใครต้องโบกมือลาไปก่อน...
 
“ไม่ว่าทางข้างหน้าต่อไปจากนี้ มันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตามแต่มันก็จะไม่สามารถหยุดยั้งพวกเราได้ ใช่ไหมพวกเรา..” ว่านกล่าวสร้างความหึกเหิมให้แก่เพื่อนๆ ที่กำลังยืนร่ำลากันอยู่บริเวณนั้น
 
“เฮ้!...” เสียงของเพื่อนๆดังขึ้นพร้อมกันอย่างกึกก้อง หมายจะถือเป็นสิ่งย้ำเตือนในจิตใจพวกเขาว่าทางข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ภายใต้เสียงเพลงเบาๆภายในโรงเรียนที่ถูกเปิดขึ้น
 
   ...ดอนแดนดินถิ่นวิมาน ดอนงามตระการปานเมืองพรหม ดอนแดนนภาน่าสุขสม ดอนไม่ระทมต่อลมฟ้า ถึงกายจะห่างต่างแดนแสนไกล ลืมไม่ได้ดอนดินถิ่นเวหา เรืออากาศมีดอนเป็นมารดา มอบชีวาสุขสดใสให้รุ่งเรือง....
     

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา