ปีกรักกับดักหัวใจ
10.0
เขียนโดย dollysky
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.38 น.
9 ตอน
3 วิจารณ์
18.94K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) บททดสอบแรกแห่งการคว้าดาว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ take off รอบกองร้อย 30 sorti แล้วกลับมาที่ลานรวมพลให้เร็วที่สุด ให้เวลาไม่เกิน 10 นาที ใครช้า ใครอู้ เจอเรา” สิ้นเสียงประกาศิตนั้น น้องชั้น 1น้องนักเรียนใหม่ก็วิ่งแตกฮือกันตามๆกันไปเพื่อทำเวลาวิ่งรอบกองร้อยให้เร็วที่สุด แน่นอนไม่มีใครอยากเจอยกต่อไป ถ้าภายใน 10 นาทีนั้นพวกเขาทำมันไม่ทันเวลา แต่แล้วก็มีเพื่อนที่อ่อนแอมาช้ากว่าอยู่ดี
“ช้าๆๆ อู้ใช่ไหม เพื่อนเค้ามารอตั้งนานแล้ว นักเรียนช้าไป 5 นาที ทัชดาวน์(วิดพื้น) 1,000 ครั้งปฏิบัติ” เสียงว่านหัวหน้าหมวดสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“ที่เหลือชูมือขวาขึ้นชี้ฟ้า แหงนมองดาวที่กำลังรอท่านอยู่ข้างบน เอามือซ้ายอ้อมแขนขวาจับที่หูขวาไว้ สอยดาวท่าเตรียม ซ้าย 20 ขวา 20 เริ่มได้” และนี่ก็คือบทเรียนแรกที่น้องๆต้องเจอะเจอกับคำว่า ทางไปสู่เกียรติศักดิ์จักประดับดอกไม้หอมหวนชวนจิตไซร้ ไป่มี
สัปดาห์นรกของการขุดกระบี่สั้นที่นักเรียนใหม่ต้องเจอะเจอ พวกเค้าแทบไม่ได้หลับได้นอน กับการต้องไปพบพี่อันเป็นธรรมเนียมของสัปดาห์นรกทุกวันตลอดสัปดาห์นี้ ทุกอย่างที่พี่แต่ละชั้นมอบให้น้องคือความเหนื่อย ความง่วง ความหิว น้ำตาลูกผู้ชายต่างรินไหล พร้อมเสียงสะอื้นของน้องนักเรียนใหม่ที่ระงับมันไว้ไม่อยู่ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะวันสุดท้ายของสัปดาห์นรก พวกเค้าต้องพบกับพี่ชั้น4 ที่รอเชือด(รับน้อง)อยู่ในเวลา 4 ทุ่ม
“ช้า ตบแผะ 50 เริ่มได้” สิ้นเสียงอันดุดันของรุ่นพี่กล่าว การตบแผะที่ไม่ธรรมดาของนักเรียนนายเรืออากาศก็เริ่มขึ้น หลังสิ้นคำสั่งนั้น ใครไม่เคยเจอคงไม่รู้ว่า มันยากเย็นแค่ไหน มันคือการวิดพื้นในท่าที่ไม่ธรรมดา ต้องระดับเทพนั้นถึงจะทำกันได้ พวกเขาต้องพยายามเด้งตัวขึ้นและเอามือทั้งสองข้างตบกันกลางอากาศแล้วดันพื้นต่อไป จากนั้นสารพัดท่ากายบริหารอันหนักหน่วงเท่าที่รุ่นพี่จะสรรหาได้ ก็ถูกถาโถมใส่ให้กับนักเรียนใหม่เข้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มั้งแบกโลก(การทำสะพานโค้ง) ทิ้งบอม(เอาศีรษะปักลงไปกับพื้น มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ที่ด้านหลัง ยกตัวขึ้นขาเหยียดตรง) ทั้งคลานไปกับพื้นซีเมนต์ ทั้งวิ่ง ทั้งลุกนั่ง รวมกันแล้วเป็นหลายร้อยครั้งที่พวกเขาต้องทำ โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความทรมานนี้มันจะสิ้นสุดลงเมื่อไร่ บางคนถึงกับเป็นลมล้มพับไป แต่ก็ถูกปลุกขึ้นด้วยน้ำเย็นๆของพี่ๆปี 4 ที่สาดใส่ แล้วก็ยังโดนให้ไปกางมุ้ง(การนอนหงายเอามือและขาทั้งสองข้างชี้ขึ้นเกรงตัวไว้ไม่ให้ศีรษะแตะพื้น) รอจนกว่าอาการจะดีขึ้นจากนั้นต้องกลับไปขุดกระบี่ต่อ เวลา2 ชั่วโมงผ่านไป ในใจของน้องนักเรียนใหม่ดูเหมือนจะเป็นนรกบนดินที่พวกเขากำลังเจอะเจอและต้องต่อสู้กับมัน สำหรับพวกเขาสองชั่วโมงนาทีนี้มันคงไม่ต่างจากสองปีสักเท่าไร่ ทุกคนต่างแสดงความเหน็ดเหนื่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่แตกต่างจากคนที่กำลังจะขาดใจตาย ตาเริ่มปรือ ลมหายใจรวยริน แต่แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น ในขณะที่น้องนักเรียนตอนนี้กำลังอยู่ในท่าการทิ้งบอมหรือหัวตั้งสู้นั่นเอง
“นักเรียนทั้งหมดตรง ไปพักผ่อนได้ การขุดกระบี่และสัปดาห์นรกจบลงแล้ว ขอให้ทุกคนโชคดี” หัวหน้าหมวดปกป้องกล่าวขึ้นต่อหน้าน้องใหม่ที่รอฟังคำนี้อย่างใจจดใจจ่อ
เสียงเฮดังประสานกันขึ้นอย่างกึกก้อง ไม่กี่วินาทีพวกเค้าก็สลายจากลานรวมพลบริเวณสนามบอลหน้ากองร้อยอย่างสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาขึ้นไปถึงบนห้องนอน พวกเขาก็ได้พบกับกระบี่สั้นนายเรืออากาศเล่มงามวางอยู่ใต้หมอนของพวกเค้าทุกคน บางคนดีใจถึงกับน้ำตาลูกผู้ชายไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร กระบี่สั้นที่พวกเขาใช้ทั้งหยาดเหงื่อ เลือด น้ำตา และความอดทนอย่างสูง จนกว่าจะได้มันมา จากนั้นทั้งขนม น้ำหวานต่างทยอยขึ้นมาบริการให้กับน้องๆถึงโรงนอน มันเป็นน้ำใจจากพี่ๆทุกคนที่มีต่อน้องที่พวกเขายอมรับเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันอย่างเต็มตัว
และแล้ววันฉลองรับกระบี่สั้นและพิธีสวมแหวนรุ่นของนักเรียนนายเรืออากาศก็มาถึง รอยยิ้มอันชื่นมื่นขอน้องๆผู้ปกครอง รวมทั้ง ว่านที่กำลังเฝ้ามองน้องๆ พ่อแม่ของน้อง ที่ต่างมาแสดงความยินดีกับลูกชายหลานชายกับความสำเร็จขั้นแรกของพวกเค้าในโรงเรียนแห่งนี้
“อะไรที่มันได้มายากๆ เราถึงจะรู้ค่าของมัน ขอให้นักเรียนจำความสำเร็จในวันนี้ไว้ ว่านักเรียนต้องแลกมาด้วยอะไรบ้างจนกระทั่งมีวันนี้ และขอให้นักเรียนเก็บรักษามันไว้ให้ดี และใช้เป็นเป็นเสมือนเครื่องเตือนจิตใจเราเมื่อเราท้อ หรือเจอปัญหาอะไรหนักหนาที่เข้ามาในชีวิต จงจำไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ และหนทางสู่เกียรติศักดิ์นั้นจะประดับด้วยดอกไม้หอมหวนชวนจิตไร้ ไป่มี นี่คือสิ่งที่หัวหน้ากอง อยากฝากนักเรียนทุกคนไว้ สุดท้ายขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทุกคนด้วย พี่ๆทุกคนขอต้อนรับสู่บ้านฟ้าเทา” ว่านซึ่งเป็นตัวแทนนักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 4 ได้กล่าวแสดงความยินดีให้กับน้องๆในวันที่น่ายินดีวันนี้
เค้าได้เจียระไนเพชรทั้งหมดนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นไปอีกขั้นแล้วสินะ รอยยิ้มแห่งความปลื้มปิติยังคงฉายชัดอยู่บนใบหน้าและดวงตาคมคู่นั้นขณะที่เขากำลังมองลงไปที่น้องนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 1ด้วยความภาคภูมิใจ
แล้ววันเวลาแห่งความตั้งใจของว่านและเพื่อนๆชั้น 4ที่ได้ถ่ายทอดสิ่งดีๆ ความหวังดีและความปรารถนาดีทุกอย่างที่พวกเค้าเคยได้รับจากรุ่นพี่และอาจารย์ที่เคารพของพวกเขาให้แก่น้องๆที่พวกเขารักมาตลอดเกือบ1ปีที่ผ่านมาก็มาถึงวันสุดท้าย ถึงเวลาแล้วที่พวกเค้าต้องส่งมอบหน้าที่การเป็นนักเรียนบังคับบัญชาให้กับน้องชั้นปีที่ 3 ที่ได้รับเลือกขึ้นมาทำการแทน เพราะจากนี้ไปพวกเค้าจะไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลน้องๆได้อีกต่อไป ด้วยความที่เป็นนักเรียนชั้นสูงและเตรียมที่จะจบการศึกษาภาระหน้าที่และความรับผิดชอบต่างๆนานาก็ต้องสูงขึ้นตามไปด้วย พวกเค้าต้องทำโปรเจคส่ง ซึ่งถือเป็นงานยากและท้าทาย รวมทั้งยังมีผลต่อการจบการศึกษาและก้าวต่อไปของพวกเขาในวันข้างหน้าอันใกล้จะมาถึงนี้ด้วย รวมถึงพวกเขาต้องไปดูงานทั้งในและต่างประเทศ สิ่งสำคัญพวกเขากำลังจะได้เรียนรู้และขับเครื่องบินจริงที่ฝูงบิน 604 SUNNY ที่พวกเขารอคอยมาตลอดที่จะมีโอกาสสัมผัสกับเครื่องบินจริงๆสักครั้ง หลังจากที่พวกเขาได้รอคอยมานานเกือบ 4 ปี
“ต่อไปนี้ จะไม่มีคำว่าหัวหน้า และนักเรียนอีกต่อไป จะมีแต่คำว่าพี่กับน้องเท่านั้น ที่น้องๆทุกคนจะใช้เรียกพวกพี่” คนพูดเปลี่ยนสรรพนามที่ตนเคยใช้มาตลอดในการทำหน้าที่คอมแมนด์
“ตลอดเวลาที่พี่ได้มาดูแลพวกน้องในฐานะนักเรียนบังคับบัญชา พี่ต้องขอขอบใจน้องๆทุกคนที่ปฏิบัติตามในสิ่งที่พวกพี่ได้สอนเป็นอย่างดี พี่ได้เห็นพัฒนาการของน้องๆที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ พี่อยากจะบอกว่า พี่ทุกคนภูมิใจในตัวน้องๆชั้น 1 มาก สิ่งที่พี่หวังก็คือการที่ได้เห็นน้องๆในที่นี้ทุกคนได้ก้าวขึ้นมาเป็นเพชรที่ผ่านการเจียระไนจนเป็นเพชรที่น้ำงามทรงคุณค่า และเป็นกำลังที่แข็งแกร่งของประเทศชาติ พร้อมรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของการเป็นทหารต่อไป จำไว้ว่า งานสุดยอดนี้ มันมีสำหรับคนที่สุดยอดเท่านั้น” ว่านยกประโยคหนึ่งที่รุ่นพี่คนนึงเคยพูดไว้กับเขา ถ่ายทอดต่อให้กับน้องๆที่เค้ารัก
“อ่อ ต่อไปนี้ ใครมีปัญหาอะไร ก็มาปรึกษาพวกพี่ได้ทุกเมื่อนะ ไม่ต้องเกรงใจ พวกพี่ทุกคนยินดีเสมอ เว้น..เรื่องตังไว้สักเรื่องและกัน เพราะพวกพี่ก็เห็นทีจาไม่รอดเหมือนกันว่ะ 55…”
พิธีส่งมอบการบังคับบัญชาก็จบลงไปอย่างชื่นมื่น แต่น้องชั้นปีที่ 1 ก็ยังต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพี่ชั้น 3 ทำการแทนต่อไป วนเวียนไปเช่นนี้รุ่นต่อรุ่นตราบเท่าสถานบันแห่งนี้ยังคงอยู่ต่อไป หัวโขนที่พวกเขาเคยสวมใส่มันก็ถูกถอดออกมอบให้น้องชั้น 3 สวมมันต่อไป
....คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่เจอะเจอกันกับฉัน คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอเหงาใจ คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่มีใคร.....เสียงเพลงรอสายยังคงดังขึ้นจนกระทั่งเจ้าของมือถือสามารถปลีกตัวออกจากโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ในห้องสมุดโรงเรียนที่เขาได้เข้ามาศึกษาค้นคว้าเตรียมทำโปรเจคสำคัญอยู่หลายวันแล้ว
“ฮัลโหล น้องแป๋มมีอะไรหรือเปล่าครับ พี่กำลังยุ่งอยู่เลยจ๊ะตอนนี้”
“ยุ่ง ฮึ ยุ่งมากเรยนะคะพี่ว่าน พักนี้พี่ว่านไม่เคยมีเวลาให้แป๋มเลย เอะอะก็งานเอะอะก็ยุ่งๆๆๆๆ ตลอด แป๋มเบื่อคำนี้แล้ว งั้นเลิกกันไปเลยดีไหมคะ พี่ว่านจะได้มีเวลามากๆ ไม่ต้องมายุ่งยากเพราะแป๋มอีก เชิญพี่ว่านตามสบายเถอะค่ะ แค่นี้นะคะ” ตู้ด.............ตู้ด..................ตู้ด....................
“เดี๋ยวแป๋ม ฟังพี่ก่อน แป๋ม.....” ชายหนุ่มรีบโทรหาหวานใจอย่างกระวนกระวาย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ “เฮ้อ...อะไรกันนักวะ ชีวิต เซ็งเว้ย” ว่านเดินหน้าเครียดมายังกลุ่มเพื่อน จนเมฆต้องถึงกับอมยิ้มขึ้นมากับอาการของเพื่อนๆเค้าหลายคนที่ดูท่าจะไม่แตกต่างกันเท่าไร่นัก
“มึงด้วยหรอวะไอ้ว่าน ดูท่าจะอาการหนักไม่ต่างกะไอ้สองคนนั้นเรยนะ 55...” เมฆโบ้ยใบ้ไปทางแมนและเติ้ลที่นั่งพยายามกดโทรศัพท์หน้าเครียดอยู่ เหมือนกำลังพยายามอย่างสูงที่จะติดต่อหาใครสักคน
“เออดิไอ้เมฆ น้องแป๋มเค้าไม่เข้าใจกูเลยว่ะ จะให้กูทำยังไงวะ นี่มึงไม่มีปัญหากับน้องผิงบ้างเลยหรอ”
“55...โชคดีว่ะ ที่แฟนกูเข้าใจ” เมฆนั่งหน้าตาระรื่นกระดิกขา เหมือนชีวิตตนมีความสุขสะเหลือเกินที่ไม่ต้องมีปัญหาหัวใจเหมือนเพื่อนๆของเขาในตอนนี้
“เออ มึงมันโชคดี ไม่เหมือนพวกกู เห็นท่ากูต้องรีบอ่านหนังสือให้มากๆแล้วอาทิตย์นี้ ดูท่าแล้วเสาร์อาทิตย์นี้กูกลับบ้านไปคงไม่มีเวลาอ่านแน่ สงสัยต้องพาน้องแป๋มไปเที่ยวตามใจเค้าสะหน่อยว่ะ ไม่งั้นน้องเค้าเลิกกะกูแน่งานนี้ เฮ้อ!” คนพูดได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก เรียนก็ต้องไม่พลาด รักก็ต้องไม่ล้ม ...เพิ่งรู้ว่าชีวิตมันยากกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย...
“เฮ้อ...พวกกุก็คงต้องทำเหมือนมึงแหละวะคราวนี้ ไม่รอดว่ะ” เติ้ลกับแมนก็เดินคอตกเข้ามาพร้อมกัน หลังจากความพยายามที่จะติดต่อกลับแฟนของตนไม่ค่อยเป็นผล
“เฮ้ยไอ้เมฆ มึงเลิกยิ้มได้ไหมวะ ไม่ตลกนะเว้ย” เติ้ลเริ่มพาลมาหาเพื่อนรักตัวเอง ที่ยังนั่งอมยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้สำหรับใครหลายคนบนโต๊ะม้าหินตัวนี้
“ช่วยไม่ได้ว่ะ ก็คนมันมีความสุขนี่หว่า กรูนี่โชคดีจริงจริ๊งงงงงงงงง....มีแฟนที่น่ารักและเข้าใจเสมอ 55”
“ยัง ยังไม่เลิกใช่มะ ไอ้เวรนี่ มีความสุขบนความทุกข์ของเพื่อน เอ้ยไอ้แมน ไอ้ว่านกูว่าจัดให้มันสักดอกดีกว่า” เติ้ลหันไปหาแนวร่วม คนที่เห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ดูไม่ค่อยจะน่าไว้วางใจจึงรีบชิงเผ่น ออกมาจากที่โต๊ะเสียก่อน
“อย่าหนีนะไอ้เมฆ มาให้พวกกูเตะระบายความเครียดสะดีๆ ไอ้เมฆ........” ภาพของเพื่อนรัก 4 คนกำลังวิ่งไล่เตะกันรอบลานรวมพล ใต้แสงอาทิตย์ที่เหลืองส้มที่กำลังลับขอบฟ้าในเวลาอันใกล้นี้ ดูจะเป็นภาพที่ชินตาสำหรับเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆอีกหลายคนที่กระจายอยู่บริเวณใกล้ๆนั้น
“เฮ้ย อย่าไปทำมันเลย กุขอเหอะว่ะ”เสียงเพื่อนรักอีกคนหนึ่งตะโกนไล่หลังเพื่อนทั้ง 4 ไปติดๆ
“ไอ้ป้องอย่าห้ามพวกกูเลย ยาก งานนี้มันรอดยากกกก..กูบอกได้คำเดียว” เติ้ลตะโกนตอบเพื่อน ขณะที่ตนเองก็ไม่ลดละความพยายามที่จะไล่เตะเพื่อนรักให้ได้ ป้องทำท่าครุ่นคิดสักครู่แล้วก็ตัดสินใจวิ่งตามไป
“ในเมื่อห้ามไม่ได้ งั้นเดี๋ยวกุช่วยพวกมึงอีกแรงแล้วกัน” ป้องตะโกนบอกเพื่อนที่วิ่งนำหน้าอยู่
“อ่าว สาดดดนี่ กูนึกว่าจะช่วยกู เมิงนี่มันเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ไอ้เวร” เมฆคนถูกรุมตะโกนใส่เพื่อนรักป้องอย่างเหลืออด
“ช่วยไม่ได้ กุเน้นประชาธิปไตย เสียงข้างมากเว้ย 55...”
แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร จะทุกข์หรือจะสุข แต่สิ่งเดียวที่อยู่ในใจและเป็นสิ่งที่พวกเขาต่างเชื่อมั่นอยู่เสมอ นั่นก็คือเพื่อน เพื่อนที่จะคอยอยู่เคียงข้างกัน ไม่มีวันทิ้งกันไปไหน ไม่ว่าหนทางเดินของพวกเขาในภายภาคหน้าจะเป็นไปทางใดก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความรักความผูกพันของเพื่อนรักของพวกเขาได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ