พ่ายรัก

-

เขียนโดย กวางตุ้ง

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.59 น.

  9 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) พ่ายรัก2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               ขณะที่รักษณากำลังแต่งตัวอยู่นั้น รัทธชัยก็กำลังคุยกับกวินอยู่ในห้องนั่งเล่นกัน 2 คน พ่อกับแม่เขาขอตัวขึ้นไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว 2 หนุ่มกำลังคิดว่าพอจะมีผู้หญิงที่เขาจะชวนไปเป็นเพื่อนของรักษณาได้บ้างไหม แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะชวนใคร ฬีรนันท์ผู้เป็นพี่สาวเขาตัดออกไปได้เลย แค่รักษณาคนเดียวเขาก็ห่วงจะแย่ ถ้าฬีรนันท์อีกคนเขาคงหมดสนุก เพราะคงมัวแต่เป็นห่วงทั้งพี่ทั้งน้อง ตอนแรกกวินก็จะเสนอพี่ใหญ่ พี่สาวของเขา แต่คิดไปคิดมาอย่าดีกว่า พี่สาวเขาเป็นคนที่ชอบผู้หญิงสวย ไม่ได้เป็นเลสเบี้ยนหรืออะไรหรอกนะ แต่ด้วยความที่เป็นบรรณาธิการหนังสือ จึงชอบสรรหาผู้หญิงสวยๆผู้ชายหล่อๆไปสังเวยหนังสือของเธอ เขาเคยพารักษณาไปทานข้าวกับครอบครัวเขา ช่วงที่เขาบินกลับมาบ้านระหว่างเรียนป.โท พี่สาวเขาจับมือจับแก้มแตะต้องรักษณาอย่างไม่กลัวช้ำบอกอยากชวนมาเป็นนางแบบ อยากเอามาขึ้นปก ไม่มีทางเด็ดขาด ขนาดเขายังยังแทบไม่เคยแตะต้องรักษณาให้เสื่อมเสียเขาบอกตรงๆว่าเขาหวง แม้แต่กับพี่สาวเขาเองก็หวง ขณะที่คุยกับรัทธชัยอยู่นั้น สายตาของกวินก็ไปปะทะกับร่างของรักษณาในชุดเดรสสีชมพูหวาน ผมปกติที่เคยตรงยาวถึงกลางหลัง ถูกดัดลอนเป็นเกลียวใหญ่ๆล้อมรอบดวงหน้าที่ถูกแต่งเติมสีสันลงไปเล็กน้อยเกินคำบรรยายในความรู้สึกของเขา คำพูดติดที่ริมฝีปากเปล่งออกไปไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นรักษณาในแบบจัดเต็มเช่นนี้ เขาไม่เคยพารักษณาเที่ยวกลางคืน จะกลับไม่เกิน 2 ทุ่มไม่ว่าจะส่งที่คอนโดฬีรนันท์หรือที่บ้านแห่งนี้ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาเจอรักษณาในรูปแบบที่ต่างออกไป

                “มิน่า นายกลางถึงได้ปากอ้าตาค้าง ยัยรักจัดเต็มแบบนี้นี่เอง” รัทธชัย แซวน้องสาว จากที่รักษณาเขินๆสายตาของกวิน พอเจอวาจาของพี่ตัวเอง อารมณ์เขินหายทันทีแถมแจกค้อนพี่ชายตัวเองอีกต่างหาก

                “แต่เรียวว่ากระโปรงมันสั้นไปป่ะ มันหนาวนะ ร้านที่เราจะไปกันอะ” กระโปรงยาวเกือบๆถึงเข่า แต่ด้วยความที่เป็นผ้าพลิ้ว การก้าวขยับขาแต่ละครั้งจึงทำให้เนื้อผ้าสะบัดไปด้วย  

                “นั่นสิ พี่ก็ว่า ยาวกว่านี้อีกนิดดีกว่าไหม” กวินเห็นด้วยกับรัทธชัย เขาไม่อยากให้ใครเห็นขาขาวๆของเธอเลย ล้มเลิกได้ไหม ไม่ไปแล้ว

                “ไม่ได้แล้วค่ะ พี่กลาง เรียว เพราะรักชวนแตงโมไปด้วย ป่านนี้คงออกมารอแล้ว เพราะรักโทรบอกแตงโมว่าแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังออกไป” รักษณาชวน แตงโม หรือภัครมนต์ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กๆบ้านของแตงโมอยู่ถัดไปจากบ้านเธอแค่สองหลัง ใกล้แต่ไม่ค่อยได้เจอกันด้วยในเรื่องการเรียนและการทำงาน ซึ่งตอนนี้เพื่อนของเธอเป็นคุณครูสอนเด็กอนุบาลของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ภัครมนต์อายุมากกว่าเธอเกือบ 2 ปี แต่ด้วยความที่เล่นกันมาแต่เด็กเลยรู้สึกเหมือนเพื่อนกันสะมากกว่า

                “แตงโมไหนหว่า คุ้นๆชื่อแหะ แต่พี่จำหน้าไม่ค่อยได้แล้ว” รัทธชัย พยายามนึกเขารู้สึกคุ้นชื่อ แต่หน้าตานั้นเลือนรางเต็มที

                “ก็ที่อยู่ถัดจากบ้านเราไป 2 หลังอะเรียว ก็เรียวชอบไปแกล้งเขา จำได้ไหมที่ปีนต้นไม้เล่นกันในสวนอาเกียรติ พ่อของแตงโมอะ พี่ไม่ยอมช่วยแตงโมลงแล้วพี่ก็ดันลืมเขา จนผ่านไปตั้งไม่รู้กี่ชั่วโมง ที่อาเกียรติมาถามหาแตงโมที่บ้านเรา พี่ถึงพึ่งนึกขึ้นได้ แล้วก็ไปเจอแตงโมยังอยู่บนต้นไม้ ลงไม่ได้ รักก็นึกว่ากลับกินน้ำแปบเดียว พี่ตามมาคงเลิกเล้นกันแล้ว ที่ไหนได้ไปแกล้งเขาไว้ ระวังเหอะเจอกันครั้งนี้ เขาจะเอาคืน” รักษณารู้เรื่องดี เพราะไปเล่นบ้านของ ภัครมนต์บ่อย ก็เมื่อทั้งฬีรนันท์ และรัทธชัยต้องไปเรียนและอยู่หอพัก เพื่อนที่มีอยู่จึงเหลือเพียงภัครมนต์ และสิ่งนี้เองทำให้เธอรู้ความลับของเพื่อนเข้าจนได้

                รัทธชัยนิ่งไป ใช่เขาจำได้ หลังจากไปที่นั่น ยัยเด็กนั้นก็ยังอยู่ที่เดิม ท่าเดิม จากสายตาที่ขอร้องอ้อนวอนให้เขาช่วย แต่กลับกลายเป็นไม่สบสายตา เจอครั้งใดที่จะหลุบตาลงมองพื้น แล้วก็ห่างหายไปเมื่อเขาต้องไปเรียน จนเลือนไปจากความทรงจำ มาคราวนี้น้องเขากระตุ้นความทรงจำให้แล้ว ยัยเด็กนั่นจะจำเหตุการณ์นั้นได้หรือลืมเลือนเช่นเขากันนะ

                กวินขับรถมาตามทางที่รัทธชัยที่นั่งคู่เขาเป็นผู้บอกทาง รักษณาบอกอยากนั่งกับเพื่อน ให้พี่ชายตัวเองนั่งหน้า เมื่อรถเคลื่อนมาถึงประตูรั้วสีขาว ก็ปรากฎร่างระหงในชุดสีดำ ยืนลังเลอยู่ด้านใน จนรัทธชัยเปิดประตูลงไปนั่นละ เธอจ้องเขม็งเพียงแวบเดียว แล้วหลุบตาต่ำมองพื้นก่อนเปิดประตูรั้วออกมา เปิดประตูด้านหลังขึ้นรถทันที ไม่มีการพูดจา รือทักทายสักคำเดียว เขารู้ว่าเธอจำเขาได้ และเธอก็ยังจำเหตุการณ์ในอดีตนั้นได้แน่นอน ภายในรถกวินมีหน้าที่ขับรถ ด้านรัทธชัยนั้นนั่งเงียบเขากำลังคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต แต่หูเขาก็ยังฟัง 2 สาวพูดคุยกันถึงความเป็นไป แม้จะเป็นการพูดคุยที่บ่งบอกว่าต้องการคุยกันแค่ 2 คนก็ตาม ส่วนกวินนั้น เขาลอบมองรักษณาผ่านกระจกมองหลัง บ่อยครั้ง รู้สึกเหมือนพอสาวน้อยได้เพื่อนก็เริ่มลืมเขา และพูดคุยกับเพื่อนเธอเหมือนอยู่กัน 2 คนบนรถคันนี้

                เมื่อถึงหน้าร้านที่พวกเขานัดกัน หลังจากจอดรถเรียบร้อย กวินก็คล้องแขนของรักษณาทันที แม้จะเห็นสีหน้างงๆของเธอที่เงยหน้ามามอง และแม้รัทธชัยจะรู้สึกหมันไส้เพื่อนตัวเองนิดๆแต่ก็เข้าใจดี เขาจึงยื่นมือตัวเองให้ภัครมนต์เกาะด้วยหน้าที่สุภาพบุรุษที่ดี แต่ก็โดนเมินเช่นเดิม แต่จะบอกว่าเมินก็คงไม่ถูกเพราะภัครมนต์ไม่สบตาเขาเลย เหมือนเขาเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน เธอเดินตัวปลิวนำเข้าไปด้านในเหมือนเคยมาบ่อยจนชิน น่าแปลกภาพลักษณ์ครูอนุบาลที่รักษณาบอก แบบอย่างที่ดีของเด็กไม่น่าใช่สาวเจนสังคมลุคแบบนี้ เมื่อเข้ามาด้านในรัทธชัยก็เดินนำไปที่โต๊ะทันที

                “เฮ้ย กว่าจะมา พวกข้าเล่นจะหมดกลมกันอยู่แล้วนะไอ้เรียว ไอ้กลาง” หนึ่ง หรือ สิทธา ทักทาย2หนุ่ม เมื่อเห็นหน้า

                “เออนั่นสิ กว่าจะมา ว่าแต่ 2 สาวนี่ใครหวะ”เอก หรือเอกฤทธิ์ ส่งสายตาไปด้านหลัง 2 หนุ่มทันที

                “ยัยรักไง พวกเอ็งจำไม่ได้เหรอหวะ ส่วนนี่แตงโมเพื่อนยัยรัก ที่อยู่บ้านใกล้ๆกัน” รัทธชัยเป็นผู้ตอบ พลางนั่งลงเก้าอี้ที่ว่าง

                “หวัดดีค่ะพี่หนึ่ง พี่เอก พี่ซัน” รักษณายกมือไหว้ เพื่อนๆพี่ชายที่รู้จักกันดี แตงโมเลยถือโอกาสยกมือไหว้ตาม

                “โตเป็นสาวสวยจนพวกพี่จำไม่ได้เลยนะ ยัยตัวเล็ก” ซัน หรือ พร้อมพงศ์ ทักน้องสาวจำเป็นของกลุ่ม ที่มักตามรัทธชัยเป็นประจำ จนคุ้นหน้าคุ้นตากลายไปน้องน้อยน้องเล็กของกลุ่มพวกเขาไปโดยปริยาย และเพราะน้องน้อยคนนี้ละนะ ที่ทำให้สมาชิกของกลุ่มเพื่อนเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

                “ไงกลาง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หวะ แล้วจะดื่มอะไร เหมือนเดิมหรือเปล่า” พร้อมพงศ์หันไปถามเพื่อนของกลุ่มคนล่าสุดที่นั่งอยู่ข้างๆรักษณา

                “ เออ เหมือนเดิม แล้วรักดื่มอะไรครับ”กวินหันไปถามคนข้างๆ

                “อืมม ไม่รู้สิพี่กลาง มีอะไรให้ดื่มบ้างคะ” เรื่องนี้เธออ่อนจริงๆ ถึงจะอยู่ปี 3 แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าสถานที่แบบนี้เลย

                “ค็อกเทล ก็ได้มั้งกลาง ให้ยัยรักมันลองๆไว้บ้างแอลกอฮอล์นิดหน่อย คงไม่เมาหรอก แก้วเดียวพอ” รัทธชัยตัดสินใจให้ ดูก็รู้ไอ้กลางกะสั่งน้ำเปล่าให้แหงๆ แล้วก็ได้สายตาวาววับไม่พอใจมาแทน เออสรุปใครควรหวงรักษณาวะเนี่ย

                “แล้วแตงโมละครับ ดื่มอะไร” เอกฤทธิ์หันมาถาม สาวน้อยที่นั่งอยู่ระหว่างรัทธชัยและรักษณา แต่ยังไม่เปิดปากพูดสักคำเดียว

                “ เอาดรายมาตินี่ก็ได้ค่ะ” ภัครมนต์บอกสั้นๆ

                “ค็อกเทลเหมือนยัยรักก็พอหวะเอก” แค่ได้ยินชื่อเครื่องดื่ม รัทธชัยก็รู้สึกไม่เหมาะกับเธอ แต่ถึงเขาจะเปลี่ยนเครื่องดื่มให้ ภัครมนต์ก็ไม่คิดเหลือบสายตามามองเขา มันน่าหมันไส้จริงๆ เขาอยากรู้เธอจะไม่มองหน้าเขาสักครั้งเลยเหรอ

                ระหว่างรอเครื่องดื่ม 2 สาวก็หันมาคุยกัน เช่นเดียวกับ5 หนุ่มที่สนทนากันอย่างออกรสชาติ จนดีเจเปิดเพลงที่มันส์ในอารมณ์ของรักษณา บวกกับแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในร่างกายแสนจะน้อยนิด

                “แตงโม ไปเต้นกันเหอะ นู้นๆ น่าสนุกอะ” รักษณาคว้ามือแตงโมฉุดลุก ก่อนจะบอกกับกวิน ขอออกไปขยับแข้งขยับขาสักครู่ แม้จะอยากห้ามเพียงใดก็ไม่ทันสะแล้ว

                แล้ว2สาวก็หายเข้าไปในวงของขาแดนซ์ทั้งหลายที่กำลังขยับแข้งขยับขากันอย่างเมามัน จึงเป็นโอกาสของ3หนุ่ม ที่สอบถามถึง2 สาวว่ามาได้อย่างไร ทั้งๆที่ตอนแรกกะกินประสาผู้ชายยันสว่าง แบบนี้คงกลับแต่หัวค่ำแน่ๆ

 

                “ออนเดอะร็อคค่ะ” เสียงหวานสั่งเครื่องดื่มของผู้ชาย ทำให้บริกรถึงกับสะดุด เครื่องดื่มช่างไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาจริงๆ สวย หุ่นดี ภายใต้ชุดหนังสีดำแขนยาว  ฬีรนันท์เหม่อมองไปรอบๆ น้อยคนที่จะฉายเดี่ยวเช่นเธอ รู้ว่าอันตราย แต่วันนี้เธอไม่อยากเจอใคร ไม่อยากพบใคร และไม่อยากคุยกับใคร อยากได้เครื่องดื่มแรงๆสักนิดเผื่อมันจะช่วยให้เธอหลับง่ายขึ้น นอนไม่หลับจริงๆทั้งๆที่เธอใส่ชุดนอนเตรียมล้มลงบนเตียงแล้ว และสุดท้ายด้วยอารมณ์วันนี้ไม่สามารถจริงๆที่เธอจะหลับได้

                “แด่ 5 ปีที่ฉันยังไม่ยอมลืมสักที ทำไมกันนะ” ฬีรนันท์ยกแก้วน้ำสีอำพัน ขึ้นพิจารณา แก้วสาดเข้าคอพร้อมคำถามในหัวใจ

                “เหล้า...” เธอคงยังไม่เข็ดสินะ ก็เพราะเหล้าไม่ใช่เหรอ ทำให้เธอพลาดจนได้ ความคิดเธอล่องลอยไป ขณะที่มือก็หยิบแก้วใหม่ที่บริกรคนเดิมนำมาเสิร์ฟ

                เธอนึกย้อนไปเมื่ออดีต เธอเรียนจบแล้ว และอยู่ในวันสำเร็จการศึกษารับปริญญาบัตร พ่อกับแม่และน้องๆของเธอมาร่วมแสดงความยินดี เธอถือโอกาสแนะนำแฟนคนแรกที่คบกันมาเกือบ2ปีให้ทุกคนรู้จัก ชล หรือชลธีร์ เพื่อนต่างมหาวิทยาลัยที่บังเอิญรู้จักกัน จากการไปหาเพื่อนสนิทตนเอง คุยกันมา2ปีจึงตัดสินใจคบเป็นคนพิเศษ และคบกันอีก2ปีจึงตัดสินใจบอกกับทุกคน หลังจากที่ฉลองกับครอบครัวที่ร้านอาหารเสร็จแล้ว เธอมีนัดฉลองกับเพื่อนๆต่อจึงยังไม่กลับไปกับทุกคน แล้วในคืนนั้นด้วยฤทธิ์เหล้าและความไว้ใจ จึงกลายเป็นความผิดพลาดในหัวใจของเธอ เธอไม่คิดเลยว่าชลธีร์จะรังแกเธอ ทั้งที่เคยบอก ขอร้อง และเขาสัญญาแล้วว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นหลังจากงานแต่งงานและเขาก็ไม่เคยผิดสัญญา ไม่ใช่ว่าไม่เคยอยู่ตามลำพัง เขาไม่เคยทำอะไรมากกว่าไปการกอด จูบ เธอจึงเชื่อใจและไว้ใจ ครอบครัวของชลธีร์อยู่ที่จังหวัดเชียงราย และแน่นอนว่าเขาต้องไปทำงานที่นั่น เธอเคยไปบ้านของเขา พบเจอครอบครัวเขา ซึ่งก็ให้การต้อนรับอย่างดี ถึงขนาดอยากให้แต่งงานหลังจากเรียนจบ เธอได้แต่ยิ้มรับคำ ณ ตอนนั้น หลังจากที่เธอตกเป็นของเขา ซึ่งเขาก็ต้องกลับไปทำงานที่เชียงราย ส่วนเธอก็เริ่มงานที่บริษัทจิวเวอลี่แห่งนี้ ช่วงแรกเขายังบินมาหาเธอบ่อย พร้อมขอเธอแต่งงาน เธอไม่พร้อม แม้จะพลาดถึงขั้นลึกซึ้งไปแล้ว แต่เธอไม่พร้อมจริงๆ ไม่พร้อมไปใช้ชีวิตที่เชียงราย ไม่พร้อมห่างครอบครัวไปไกลขนาดนั้นจริง แรกๆก็เข้าใจ ผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า คำถามเกิดขึ้นในใจ เธอเทเหล้าครึ่งนึงลงคอ แล้ววันนี้ของ5ปีที่แล้ว โทรศัพท์เธอดัง เบอร์ของเขา เสียงในสายคือเขา แต่เขากลับพูดภาษาเหนือ ฟังอยู่เกือบ5นาที เธอรู้เขาไม่ได้พูดกับเธอ เพราะเธอไม่เคยคุยภาษาเหนือกับเขา จึงตัดสินใจจบสนทนาด้วยประโยคสั้นๆ ‘ชลโทรหาคนผิดหรือเปล่าคะ ฬีไม่เคยคุยภาษาเหนือกับชลเลยนะ’ หลังจากนั้นเขาก็โทรมา ดีใจนะที่อย่างน้อยเขาก็ตอบมาตรงๆ เขาคุยกับคนอื่นด้วย แล้วผู้หญิงคนนั้นก็รู้ว่าเขามีเธอ หลังจากที่ให้เขาเลือก คำตอบของเขาทำให้เธอถึงกับน้ำตาไหล เขาเลือกไม่ได้คนหนึ่งที่เพิ่งรู้จัก กับอีกคนเกือบ3ปี เขาเลือกไม่ได้ คืนนี้ของ5ปีที่แล้ว ความสัมพันธ์จึงจบลง เมื่อเขาไม่เลือกใคร และเธอจะเป็นได้แค่คนเดียว เธอจึงเดินออกมาเอง แล้วแก้วที่สามก็ไหลลงคออย่างรวดเร็ว

                “อีกแก้วนึงค่ะ” เธอสั่งบริกร รู้สึกจะเป็นคนเดิมสินะ

                “พี่ดื่มไป 3 แก้วแล้วนะครับ ไหวเหรอพี่” บริกรคนนั้น รู้สึกเป็นห่วง เขาเห็นมีสายตาหลายคู่มองผู้หญิงคนนี้ด้วยหลายความหมาย แต่มันไม่มีคู่ไหนที่สื่อออกมาดีเลย

                “ขอบใจที่เป็นห่วง อีก 2 แก้วพี่ก็กลับแล้วล่ะ” ฬีรนันท์ หันไปยิ้มอย่างจริงใจให้กับคำพูดที่เหมือนเป็นห่วงเธอ ห่วงจริงหรือเปล่าไม่รู้แต่ขอบคุณก็ไม่เสียหายนี่

                “ผมขออนุญาต เลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้วได้ไหมครับ” หลังจากบริกรผละไป ก็มีผู้ชายหุ่นดีแต่หน้าตาตี๋ไปหน่อยบ่งบอกเชื้อสายชัดเจน เขาเห็นเธอหันมองจึงยื่นค็อกเทลแก้วสวยให้เธอ พร้อมกับที่บริกรเอาเครื่องดื่มเธอมาให้

                “ขอบใจ ขอโทษนะฉันไม่ชอบดื่มอะไรที่มันเด็กๆ เก็บไว้ให้สาวคนอื่นเถอะ” ประโยคแรกฬีรนันท์พูดกับบริกร แต่ประโยคต่อมาเธอพูดกับหนุ่มหน้าตี๋ที่ช่างไม่มีความสังเกตอะไรเลย แถมให้ด้วยสายตาคมวาวที่สื่อไปตรงๆว่า อย่ามายุ่งกับฉัน เมื่อหนุ่มนั่นเดินหน้าแตกกลับไป

“เอามาอีกแก้วเลยน้องพี่จะกลับละ” ฬีรนันท์สาดแก้วที่4 เข้าคอไปพลางสั่ง บริกรรีบไปเอามาทันที

                “ขอบใจนะ”เธอหยิบแก้วสุดท้ายของคืนนี้ขึ้นมา พร้อมวางค่าเครื่องดื่มพร้อมทิปพิเศษให้กับบริกรที่บริการเธออย่างดี

                “ขออนุญาต ทำความรู้จักได้ไหมครับ” เสียงทุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆหู เธอหันหน้าไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหันไปจมูกเธอชนแก้มเขาแน่ เมื่อเห็นเธอยังนิ่ง เขาจึงเชิญตัวเองนั่งข้างๆเธอสะเลย

                “อยากรู้จักฉันเหรอ” ฬีรนันท์ยิ้มมุมปาก พลางยกแก้วที่5เทเข้าปากตัวเองทันที และไม่คาดคิดเธอคว้าต้นคอของหนุ่มนิรนามคนนั้นมาประกบปากและส่งของเหลวทั้งหมดเข้าปากเขาทันที

                “ฬีรนันท์ค่ะ ราตรีสวัสด์”เธอยิ้ม และลุกขึ้นยืน ก่อนคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ชายหนุ่มนิรนามยังอึ้งกับการกระทำของเธอ ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอบอกชื่อจริงกับเขา ทั้งที่ปกติแค่ฬีคำเดียวเท่านั้น

                “หวังว่าคงไม่มีอะไรนะ” เธอเดินออกมาที่รถของเธอ และรีบขับออกไปทันที 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา