Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
41) การเผชิญหน้าที่จะไม่มีแม้แสงอรุณแห่งวันพรุ่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตัดสายฟ้า!!! !!!!!
กระแสไฟฟ้าที่ไหลรวมอยู่บนฝ่ามือขวาของมิรันยังคงร้องระงมเหมือนเด็กทารกกระหายนมเพื่อเติมเต็มสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำเนินต่อไปได้ น่าเสียดายที่สิ่งที่สายฟ้าสีน้ำเงินนั้นต้องการไม่ใช่น้ำนมสีขาวบริสุทธิ์แต่อย่างใด
มิรันที่อาศัยความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมจากกระแสไฟฟ้าที่กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อเป็นฝ่ายรุกเข้าหาฮานามิอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเพื่อหาช่องโหว่ในการฝังฝ่ามือขวาเข้าไปในชั้นเนื้ออย่างตรงจุด เว้นแต่ว่าฮานามิจะสามารถหลบการบุกเข้าหาได้ทุกครั้ง...
"ความเร็วนับว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง การใช้คลื่นไฟฟ้าจากร่างของตัวเองในการโจมตีอีกฝ่ายก็ถือเป็นความคิดที่ไม่เลว แต่ที่โจมตีเข้ามาเป็นเส้นตรงแบบนี้จัดว่าเป็นพวกไม่มีหัวคิดเอาซะเลยนะ"
เสียงราบเรียบจนออกแนวเย็นชาของนางฟ้าผมสีน้ำเงินที่สามารถหลบการโจมตีของหอกสายฟ้าได้อย่างง่ายดายเพียงเอี้ยวตัวไปด้านข้างเล็กน้อยทำให้นางฟ้าอีกคนหนึ่งที่ต้องการตัดสินอุดมการณ์การต่อสู้ของตัวเองเริ่มควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ แต่แทนที่ฮานามิจะอาศัยช่วงที่มิรันกำลังลมขึ้นอยู่นั้นในการโจมตีสวนกลับ
เธอกลับกวักมือเรียกให้มิรันบุกเข้ามาหาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยดังเช่นในการต่อสู้ที่ผ่านๆมาพร้อมกับไต่ระดับขึ้นไปสูงกว่าเดิม... จนมิรันกัดฟันด้วยความโกรธแค้น
"อย่ามาดูถูกฉันนะยัยปะการังฟองน้ำ!!!"
เมื่อคู่ต่อสู้ทำการท้าทายด้วยการเรียกร้องการโจมตีที่รุนแรงและอำมหิตยิ่งกว่าหลังจากที่ทำการเอียงตัวไปซ้ายทีขวาทีราวกับจะล้อเลียนพฤติกรรมขาดๆเกินๆที่นางฟ้าผมสีฟ้าแสดงออกมาโดยตลอดอย่างออกหน้าออกตา มิรันที่เริ่มจะหมดความอดกลั้นในการข่มความรู้สึกอยากฆ่าคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าก็เร่งพลังไฟฟ้าในมือขวาขึ้นสูงจนก้าวข้ามตัดสายฟ้าที่ฮิซาชิเคยเห็นผ่านๆมาเป็นเปลวเพลิงสีฟ้าลุกโหมกลางท้องฟ้าก่อนจะพุ่งเข้าหาฮานามิด้วยความเร็วสูงสุด
เป็นจังหวะเดียวกับที่ฮานามิเร่งพลังขึ้นในระหว่างที่กำลังบินด้วยความเร็วสูงสุดจนกลายเป็นเปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้มพุ่งเข้าปะทะเปลวเพลิงสีฟ้าที่ตรงเข้าหากันจนย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นทะเลเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาทุกสรรพสิ่งจนกลายเป็นผงสีขาวร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่าง
และด้วยความร้อนมหาศาลและพลังทำลายที่สูงพอๆกันที่แผ่กระจายออกมานั้นก็แผดเผาทุกสิ่งเบื้องล่างให้ระเหยไปเป็นพื้นทรายโล่งในชั่วพริบตาด้วยเช่นกัน เว้นแต่เพียงสิ่งที่ถูกปกป้องอยู่ภายในม่านเกราะพลังที่ทั้งสองกางเอาไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นที่ยังคงสภาพเดิมทุกประการ
"ไม่ได้ผลจริงๆเหรอเนี่ย..."
ร่างกายของมนุษย์เพียงคนเดียวที่นางฟ้าทั้งสองต้องการจะปกป้องเอาไว้นั้นแทบจะไม่ได้รับตำหนิจากเปลวเพลิงสวรรค์เทียมที่กระจายออกมาจากการเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่องของพวกเธอแม้แต่น้อย ทว่าทั่วทั้งร่างของเด็กชายที่ถูกจำกัดอิสรภาพนั้นกลับเต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่ได้เกิดจากเปลวเพลิงด้วยความคิดอันแสนไร้สาระของเขาเอง
ขอบในของม่านเกราะที่กางเอาไว้สองชั้นเพื่อป้องกันลูกหลงจากการต่อสู้ภายนอกนั้นเมื่อมองในมุมกลับกันก็เป็นเหมือนกับกรงขังชั้นดีที่มนุษย์ไม่สามารถแหกออกมาได้แม้ว่าจะมีกุญแจที่สามารถใช้แทนตัวปลดกลอนได้ทุกสถานการณ์อยู่กับตัว และม่านเกราะนี้ยังแข็งแกร่งมากจนแม้แต่ลำแสงพลังที่ร้ายกาจที่สุดของฮิซาชิก็ยังไม่สามารถสร้างรอยร้าวได้สักรอยเดียว
และเมื่อการบุกเข้าสังหารกันของมิรันและฮานามิดำเนินไปถึงจุดอิ่มตัว คลื่นพลังจากร่างทั้งสองก็ระเบิดออกเป็นลำแสงสลับสีพวยพุ่งทะลุชั้นบรรยากาศไปสู่ห้วงอวกาศอันมืดมิดอย่างรุนแรง ฮิซาชิหวังเพียงอย่างเดียวว่าจะไม่มีดาวดวงใดในจักรวาลได้รับความเสียหายจากพลังอันมหาศาลของเซย์ริทั้งสองคนนี้
แต่จะมีใครสักคนไหมที่จะสังเกตได้ถึงความผิดปกติเหนือชั้นบรรยากาศหลังจากที่เสาลำแสงทั้งสองนั้นสงบลงไปแล้ว
"อุ่บ..!"
"อึ่ก..!"
ไม่กี่วินาทีหลังจากที่เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มร่างของแองเจลอยด์ทั้งสองมอดลงจนไม่เหลือแม้สะเก็ดไฟ ร่างของนางฟ้าทั้งสองก็ตกลงกระแทกพื้นด้านล่างอย่างแรงจนผิวทรายเกิดการกระเด็นขึ้นไปตามหลักโมเมนตัมอีกครั้งหนึ่ง เว้นแต่ว่าในครั้งนี้ร่างของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่แค่มิรันเท่านั้นแล้ว...
"หึๆ..! ในที่สุดฉันก็สร้างแผลให้กับเธอได้แล้วนะ... ความรู้สึกเวลาที่ถูกคนอื่นทำให้บาดเจ็บมันน่าอภิรมย์ดีใช่ไหมล่ะ"
"ไม่เลวนี่ ถ้าเธอจะทำก็ทำได้ไม่ใช่หรือไง ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงต้องเอาจริงแล้วสินะ"
"พูดเหมือนกับฉันทำแบบเธอไม่ได้อย่างนั้นแหละ ยัยขนมปังแผ่น"
ฝ่าเท้าทั้งสี่กระทืบลงบนพื้นอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับประกายแสงฟ้าน้ำเงินที่ห่อหุ้มลำแขนและข้อเท้าของทั้งสองคนเอาไว้จนกลายเป็นเกราะอัศวินครึ่งเครื่องแบบพร้อมกับเข้าเผชิญหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง
แต่แล้วสายตาของนางฟ้าทั้งสองก็เหลือบไปเห็นม่านพลังที่พวกเธอกางเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้เริ่มมีรอยโป่งออกมาเล็กน้อย เช่นเดียวกับแสงสีส้มที่ลอดออกมาจากจุดที่เกล็ดหกเหลี่ยมจำนวนมากสมานตัวเป็นแผ่นเดียวกันชั่วระยะหนึ่งก่อนจะดับไป สลับกันไปเรื่อยๆเป็นลูกบอลแสงสลับสี
"เมื่อไหร่พวกเธอจะเลิกสู้กันสักที!! เซย์ริสองคนมาทะเลาะกันเองแบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร!!!"
เสียงแข็งๆที่เหมือนกับตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงทะลุผ่านม่านเกราะป้องกันสองชั้นของมิรันและฮานามิออกมาจนนางฟ้าทั้งสองที่เป็นผู้กักกันอิสระในการเดินเหินอย่างอิสระทั้งบนดินและกลางท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่จนพวกเธอเริ่มจะรู้สึกหนวกหูขึ้นมาทุกขณะ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครในสองคนนั้นที่จะปล่อยพลังออกมาจัดการปิดปากเขาแม้แต่คนเดียว
"ฮิซาชิคุง... ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดอะไรอยู่อย่างนึงนะ"
ฮิซาชิพยายามที่จะเบี่ยงความคิดให้หลุดออกจากความรู้สึกที่ผูกจิตใจของเขาให้รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก แต่พวกนางฟ้าจะตามความคิดของเขาไม่ทัน...
"พวกเราไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย พวกเราตั้งใจที่จะฆ่ากันจริงๆเลยต่างหาก!!"
เด็กชายทำหน้าเหวอในทันทีหลังจากที่แองเจลอยด์ทั้งสองประกาศความตั้งใจของตนออกมาพร้อมๆกันด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงต่อเจตนาของตัวเอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพวกเธอจะพูดออกมาได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ ทั้งมิรันที่เป็นพวกสดใสอยู่ตลอดเวลาจนเกือบจะเรียกว่าบ้า กับฮานามิที่เงียบสงบอยู่ตลอดเวลาราวกับพวกเก็บตัวจากสังคม
แต่ในตอนนี้สาวน้อยทั้งสองที่ดูไม่น่าจะเป็นพวกที่จะทำร้ายคนอื่นได้หากไม่มีตัวจุดชนวนที่มีพลังแข็งแกร่งจริงๆกลับสามารถพูดคำว่า"จะฆ่าให้ตายจริงๆ"ได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับว่าพวกเธอทั้งสองคนถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้เพียงอย่างเดียว
และเพราะคำตอบที่ได้กลับมาจากสาวน้อยผมฟ้าน้ำเงินนั้นเองที่ทำให้ฮิซาชิหมดความอดทนจริงๆจนเริ่มปล่อยพลังทำลายเกราะป้องกันที่ปิดกั้นตัวเขาอยู่อย่างสุดกำลัง แม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะมีเพียงคลื่นอัดสะท้อนกลับเข้าหาตัวเท่านั้นเอง...
"ถึงคราวที่ฉันจะใช้ตัดสายฟ้าจัดการเธออีกรอบแล้วสินะ... ถ้าเธอแน่จริงก็กรุณาเข้ามาแลกหมัดกันตรงๆเถอะนะ"
"ที่จริงฉันก็กะว่าจะรีบๆจบเรื่องนี้อยู่พอดีเหมือนกัน จะเอาแต่หลบแล้วปล่อยๆไปมันก็ไม่ใช่เรื่องอยู่แล้วนี่ มิรัน!"
เสียงพูดโต้ตอบของนางฟ้าทั้งสองถูกกลบไปด้วยเสียงแหลมความถี่สูงของกระแสไฟฟ้าในมือทั้งสองข้างของมิรันที่รวบรวมเอาไว้ก่อนจะพุ่งเข้าหากันอีกครั้งหนึ่งจนเข้าปะทะกับหมัดตรงคู่ของฮานามิอย่างสุดกำลัง จนในที่สุดคลื่นไฟฟ้าที่เป็นแตกแขนงก็ระเบิดออกเป็นม่านแสงกระจายออกไปกระทบกับม่านพลังที่ฮิซาชิอยู่ภายในนั้นราวกับกระแสน้ำที่ไหลไปถูกสิ่งกีดขวางจนแยกตัวออกเป็นสองสาย
ยิ่งไปกว่านั้นคลื่นพลังที่ระเบิดออกมานี้ยังพวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศอีกครั้งหนึ่งราวกับปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นซ้ำสอง และแสงสว่างที่เกิดขึ้นนี้ยังสามารถมองเห็นไปได้ไกลจากจุดนั้นเป็นระยะทางหลายร้อยหลายพันกิโลเมตรอีกด้วย
"ฮึ่ย!"
เกราะโลหะสองสีกระทบกับอย่างหนักพร้อมกับเสียงย่ำเท้าลงบนหาดทรายที่เหลือเพียงเม็ดทรายสีขาวและเกลือบริสุทธิ์ปราศจากน้ำทะเลโอบอุ้มหมุนวนเป็นวงกลมโดยรอบจนเกิดเป็นวงมวยปล้ำคู่หยุดโลกในชั่วพริบตา และเพราะแรงดันที่เหมือนกับจะบิดข้อมือของอีกฝ่ายเป็นมันเกลียวนั้นเองที่ทำให้นางฟ้าทั้งสองไม่สามารถหยุดเท้าของตัวเองได้อีกต่อไป
จนในที่สุด มิรันก็เป็นฝ่ายเหวี่ยงฮานามิขึ้นจากพื้นพร้อมกับหมุนควงเป็นวงจักรได้สำเร็จ!
"ฉันจะเหวี่ยงเธอออกจนเหลือแต่ร่างเปล่าๆไร้อาภรณ์ปกปิดเลยคอยดู!!"
มิรันเร่งความเร็วศูนย์กลางให้สูงขึ้นกว่าเดิมมากจนผู้ชมภายนอกแทบจะเห็นเพียงแถบสีน้ำเงินจากเกราะทั่วร่างของฮานามิที่เริ่มหลุดออกจากตำแหน่งเดิมทีละชิ้นๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงเร่งความเร็วให้สูงขึ้นไปอีกจนเกราะทั่วร่างของฮานามิหลุดออกจนหมด
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้นจนได้!!
หมับ..!
"อะไร..!"
ในจังหวะก่อนที่นางฟ้าผมสีฟ้าจะปล่อยมือที่จับแขนซ้ายของคู่ต่อสู้ให้ลอยออกไปตามแรงเหวี่ยงที่สูงเกินกว่าเครื่องจักรใดๆในโลกจะสามารถทำได้นั้นเอง ฮานามิที่ไหวตัวทันก็ยกมือขวาที่หลุดออกไปก่อนหน้านั้นจับเข้าที่ข้อมือซ้ายของมิรันอย่างทันท่วงทีจนเธอไม่สามารถปล่อยออกไปได้ ก่อนที่ฮานามิจะกลายเป็นฝ่ายจับมิรันปั่นเป็นเครื่องแยกชิ้นส่วนขยะแทน
และในที่สุดร่างของมิรันที่มีเกราะปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้ก็ถูกเปิดเผยออกมาจนเหลือเพียงชุดวันเกิดที่เป็นพลาสติกรัดรูปเท่านั้นที่ยังคงเกาะแน่นอยู่กับผิว ก่อนที่ฮานามิจะปล่อยให้ร่างของเธอลอยออกไปอย่างไร้การควบคุมและตกลงสู่พื้นทรายโดยสวัสดิภาพ ล่ะมั้ง!?
ร่างของมิรันล้มกลิ้งไปกับพื้นทรายด้วยความเร็วที่ไม่อาจประเมินได้จนตกลงสู่พื้นน้ำทะเลที่อยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งร้อยกิโลเมตรจนหยุดลงด้วยแรงต้านจากต้นไม้และชั้นหินที่ขวางอยู่ในที่สุด เพราะเช่นนั้นเองที่ทำให้ผมเผ้าที่เรียบสลวยลงมาประบ่าของมิรันดูเละเป็นองครักษ์พิทักษ์ทะเล และน้ำทะเลส่วนหนึ่งยังถูกซึมซับเข้าไปในขนนกจนเริ่มหนักขึ้นอีกด้วย
แต่เพราะน้ำหนักตัวของมิรันยังไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่จากการดูดซับความชื้นของขนนกที่ปีกบนแผ่นหลัง รวมทั้งเกราะที่หลุดออกไปจนหมดนั้นก็ได้ทำให้นางฟ้าผมฟ้ามีความคล่องตัวสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนจนสามารถบินกลับไปกระแทกใบหน้าคู่ต่อสู้ด้วยฝ่าเท้าในทันที
หากจะติดก็เพียงฮานามิสามารถมองการเคลื่อนไหวในระยะห่างที่มากเกินไปได้อย่างเฉียบคมก็พุ่งเข้าปะทะฝ่าเท้ากับเธออย่างสุดกำลังจนเกิดเป็นเปลวเพลิงสีน้ำเงินที่เท้าเข้าปะทะกับมิรันที่ทำเช่นเดียวกันด้วยความเร็วสูงสุดกลายเป็นแสงสว่างไปทั่วบริเวณ
"เหวอ..!!"
"กรี๊ด..!!"
การโจมตีปะทะกันของทั้งสองฝ่ายนั้นรุนแรงมากจนเกิดเป็นคลื่นระเบิดจากศูนย์กลางซัดเอาทั้งคู่กระเด็นออกมาอย่างรุนแรง เพียงแต่มวลรวมน้ำหนักของมิรันนั้นมากกว่าฮานามิอยู่นิดหน่อยจึงเกิดการพุ่งชนแบบไม่ยืดหยุ่นตามฮานามิไปด้วย
และในที่สุดร่างของนางฟ้าทั้งสองก็จมลงไปในพื้นทรายทั้งสองด้านโดยมีฮิซาชิเป็นศูนย์กลางพอดี ในระยะที่ห่างกันเพียงไม่เกินหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
เว้นแต่ในครั้งนี้เท่านั้นที่ไร้เสียงตอบรับจากเด็กชายที่ถูกกักขังอยู่ภายในม่านพลัง และร่างของนางฟ้าทั้งสองก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนแทบจะลุกไม่ขึ้น
"พลังสุดยอดเลยนะ ฮานามิ! แบบนี้ที่ฉันเลือกจะตัดสินกับเธอในวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่สูญเปล่าแล้วสิ!"
"มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ... แต่เธอเองก็แข็งแกร่งในระดับที่น่าพอใจเหมือนกันนี่นา ไม่อย่างนั้นที่ฉันกับ'เจ้านั่น'เลือกที่จะพัฒนาพันธุกรรมของเธอให้เป็นเซย์ริรุ่นแรกที่แข็งแกร่งที่สุดก็เปล่าประโยชน์หมดสิ!!"
ทั้งสองลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยท่าทีนิ่งสงบอย่างผิดปกติในฐานะศัตรูคู่อาฆาตที่ข่มกันไม่ลง แต่ในขณะนั้นพวกเธอเริ่มสัมผัสได้ถึงเสียงบางอย่างที่แสนทรมานใจบางอย่างดังขึ้นมาจากด้านล่างที่ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดมีชีวิตรอดอยู่ ณ บริเวณนี้ได้อีกต่อไป
เป็นเสียงที่เหมือนกับโลกทั้งใบกำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
"ว่ากันว่าเพื่อนที่แท้จริงจะต้องไม่ทิ้งกันจนกว่าจะหมดลมหายใจ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ทำให้นายลำบากใจในตอนนี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่พวกเรากำลังจะฆ่ากันอยู่นี่ล่ะสินะ! แต่นายไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ เพราะนี่จะเป็นการตัดสินว่าใครกันแน่ที่เป็นเพื่อนที่แท้จริงของนาย!!"
มิรันพูดในสิ่งที่คนทั่วไปไม่มีวันที่จะเรียงประโยคอย่างผิดไวยากรณ์จนไม่น่าให้อภัยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปราศจากความกังวลใจก่อนจะเหลือบสายตาไปยังม่านพลังทรงกลมเหมือนลูกแก้วมังกรดาวนาเม็กอย่างหมดความลังเลใจ นางฟ้าทั้งสองพยักหน้าให้กันก่อนจะก้าวเดินไปด้านข้างเพื่อไม่ให้ฮิซาชิได้รับลูกหลงจากการโจมตีขั้นสุดท้ายนี้เป็นระยะทางพอสมควร
""จนในที่สุดพวกเธอก็ได้ตำแหน่งที่ต้องการเพื่อที่จะปิดฉากการต่อสู้ที่แสนทรมานครั้งนี้แล้ว""
"รับไปซะ!! ยัยเซย์รินอกรีต!!!"
แองเจลอยด์ทั้งสองเร่งเร้าพลังจากทั่วทั้งร่างมาไว้ในตำแหน่งเดียวก่อนจะเกิดเป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัวที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เซย์ริรุ่นก่อนๆและหลังจากนี้จะมีในครอบครองในท่าเตรียมพร้อมปล่อยออกไปสลายร่างของอีกฝ่ายหนึ่งในกลายเป็นผงเถ้าละเอียดในชั่วพริบตา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างกายของพวกเธอมีเพียงชุดพลาสติกที่ปกปิดร่างกายได้ไม่ทั่วถึงคลุมเอาไว้เท่านั้นด้วยแล้ว...
และเมื่อพลังที่ประจุอยู่ในลำแสงที่สถิตย์อยู่ในมือของพวกเธอก้าวเข้าสู่จุดอิ่มตัวของพลังเป็นที่เรียบร้อย ทั้งมิรันและฮานามิก็สะบัดท่อนแขนของพวกเธอเพื่อกล่อมเกลาท่าไม้ตายนั้นตรงเข้าปะทะกันพร้อมกับเปล่งเสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้าจนเกือบจะสามารถเข้าถึงเยื่อแก้วหูของผู้โชคดีที่จะได้ฟังมันเป็นเสียงสุดท้ายในชีวิตก่อนจะฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี
เว้นแต่จะมีมนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงที่ดังกึกก้องนี้
"ฉันบอกว่าให้พวกเธอพอได้แล้วไงเล่า!!!!!!!!" !!!!!!!!!!!!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ