Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  50.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

40) ตัดสายฟ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ภายใต้ท้องฟ้าสีครามที่สะท้อนแสงอาทิตย์เจิดจรัสไปทั่วบริเวณนั้น สีฟ้าครามที่แสดงออกถึงความแข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกันได้ถูกแทนที่ด้วยสีแดงสดจากความบอบช้ำและบาปสถานหนักที่สุดเท่าที่มนุษย์จะก่อขึ้นมาได้จนกลายเป็นสีสันแห่งความโหดร้ายจนสุดบรรยาย
แต่ในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกครั้งยิ่งใหญ่นั้น... ความเปลี่ยนแปลงที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็ได้บังเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว
 
"มาดูนี่หน่อยสิครับหัวหน้า... ผลลัพธ์การคำนวณการบิดเบี้ยวของบรรยากาศที่เพิ่งปรากฏเมื่อกี้""ได้ผลออกมาเป็นยังไง... เหมือนกับก่อนที่อุโมงค์มิติจะเปิดขึ้นครั้งแล้วๆมาหรือเปล่า!?""มันก็ดูคล้ายๆกันนะครับ เพียงแต่เป็นแค่การสั่นไหวของห้วงมิติเบาๆก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ"
"งั้นก็ดีไป...แต่ยังไงก็จับตาดูบรรยากาศที่บิดเบี้ยวนี้เอาไว้อย่างให้คลาดสายตาเชียวนะ ว่าแต่มันเกิดขึ้นที่ไหนเหรอ"
 
     หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยการวิเคราะห์บรรยากาศเหนือพื้นโลกแห่งกรมอุตุนิยมวิทยาภายในห้องวิจัยที่บันทึกผลสภาพอากาศแบบอิงเวลาจริงแล้ว นักวิทยาศาสตร์หนุ่มก็ได้ทำการค้นหาตำแหน่งที่คลื่นสั่นพ้องถูกส่งออกมาจากกลางท้องฟ้าทันที
     ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ครั้งนี้ก็ดูไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่... สังเกตได้จากสีหน้าของชายคนนั้นที่ซีดลงทันทีหลังจากที่ได้เห็นภาพจากกล้องดาวเทียมของพื้นที่บริเวณนั้นเข้าไปด้วย ซึ่งในขณะนี้ไม่มีอะไรให้ใช้เป็นจุดสังเกตได้อย่างชัดเจนบนพื้นโลกเลยเพราะสิ่งที่เห็นได้จากกล้องตัวนั้นมีเพียงแสงสีฟ้าและน้ำเงินที่สลับกันเปล่งประกายออกมาเท่านั้น
"หัวหน้าครับ... สถานที่ที่บรรยากาศสั่นไหวนั้นคือเกาะอิชิงากิ ประเทศญี่ปุ่น... ที่ๆมีเซย์ริสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ครับ"
...................................................
 
     เลือดหนึ่งหยดต้องแลกด้วยเลือดหนึ่งร่าง กำปั้นต้องเอาคืนด้วยกำปั้นที่รุนแรงยิ่งกว่า และการโจมตีที่เฉียบคมจะต้องโต้ตอบด้วยการโจมตีที่แม่นยำและอำมหิตยิ่งกว่า ถึงแม้ว่าการโจมตีแบบที่เหมือนกับจะฆ่ากันให้ตายนั้นจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งสองฝ่ายสักเท่าไหร่...
"ถ้าการที่เท้าข้างหนึ่งของฉันต้องก้าวลงไปในหุบเหวของคนบาปจะทำให้โลกทั้งใบรอดพ้นจากการถูกทำลาย... มันก็คุ้มค่ามากแล้ว!!!"
     การต่อสู้ระหว่างมิรันที่ถนัดในการต่อสู้ในระยะประชิดกับฮานามิที่ถนัดด้านการต่อสู้ระยะไกลนั้นได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่าห้านาทีโดยยังไม่มีฝ่ายใดที่ได้เปรียบเสียเปรียบเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยทั้งสองฝ่ายยังเพิ่งจะประหมัดกันอย่างเบาๆเหมือนกับการหยั่งเชิงหรือทักทายกันเท่านั้นเอง แต่ถัดจากนี้ต่างหากที่จะเป็นการต่อสู้ที่แท้จริง...
"เซย์ริไม่สามารถนอนได้...เธอพูดอย่างนั้นเองสินะ!? ถ้าอย่างนั้นเธอนี่แหละที่จะได้เป็นเซย์ริคนแรกที่จะทำลายข้อจำกัดนั้น!!"      เซย์ริทั้งสองแยกตัวออกจากกันหลังจากที่การต่อสู้แบบทั่วๆไปที่พวกมนุษย์ใช้กันไม่สามารถเข้าถึงตัวอีกฝ่ายได้ก่อนจะหันหน้าเข้าเขม่นกันดังเช่นที่ผ่านๆมา แต่จะมีสิ่งเดียวที่ต่างออกไปจากเมื่อคราวก่อนๆก็จะมีเพียง เสียงตะโกนห้ามของเด็กชายที่ดังรบกวนทั้งคู่มาตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้แล้วนั่นเอง
          "หยุดต่อสู้กันสักทีเถอะ!! จะสู้กันไปให้มันได้อะไรขึ้นมากันเล่า!!"
 
"ฮิซาชิ... ดูเหมือนนายจะยังไม่เข้าใจอะไรบางอย่างนะ! เรื่องนั้นพวกเราจะแสดงให้เห็นผ่านการต่อสู้นี้เอง! ย้าก!!!"     เสียงพูดขัดคอของนางฟ้าที่พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นปีศาจได้ตลอดเวลาดังขึ้นปิดปากของมนุษย์ที่ถูกกักขังเอาไว้ภายในม่านพลังของเธอก่อนจะวิ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ของเธอด้วยความมุ่งมั่นที่จะสังหารอย่างสุดหัวใจ และดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนั้นจะไม่ได้ใส่ใจเลยว่าอีกฝ่ายจะเตรียมการต้อนรับอย่างไร
     "ยัยโง่เอ๊ย... ทั้งๆที่เธอน่าจะรู้นะว่ามันจะเป็นยังไง"
     ฝีเท้าของมิรันตรงเข้าใกล้ฮานามิทุกขณะเป็นสัญญาณว่าเธอกำลังจะเอาจริงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่นนั้นฮานามิจึงตอบมนองความตั้งใจนั้นด้วยการปล่อยพลังแสงใส่ที่พื้นข้างๆตัวมิรันที่วิ่งเข้าหาเธอโดยไม่มีลูกเล่นใดๆอย่างต่อเนื่องจนเริ่มเสียหลักอย่างช้าๆ      จนในที่สุดการวิ่งเข้าหาของมิรันก็หยุดลงด้วยลำแสงที่ปล่อยออกมาดักหน้าทิศทางการวิ่งของเธออย่างพอดิบพอดีจนต้องต้องรับการโจมตีที่ระเบิดออกเป็นม่านควันบดบังทัศนวิสัยตรงหน้าทั้งหมด
     และเมื่อม่านควันจางลงจนเริ่มเห็นทิวทัศน์ที่อยู่ด้านหลังนั้นเป็นเงาลางๆ ก็ปรากฏร่างของฮานามิกระโดดออกมาจากกำแพงธรรมชาติประเคนลูกเตะใส่มิรันอย่างรุนแรงในระยะประชิด แต่โชคดีที่มิรันมีสัญชาตญาณป้องกันตัวสูงพอที่จะยกแขนขึ้นมาป้องกันไว้ได้ทันอย่างทันท่วงที
     แต่ในจังหวะกลับตัวกลางอากาศนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนของเหล่านักสู้ที่จะถูกตอบโต้อย่างรุนแรงจนไม่สามารถกลับมาเล่นเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกต่อไป ซึ่งมิรันที่รู้ในเรื่องนี้ผ่านการดูบันทึกการต่อสู้ของยอดวรยุทธ์ในตำนาน "ทาคายามะ กามุ" ก็ได้อาศัยช่วงที่ฮานามิกำลังจะลงสู่พื้นนั้นเองเตะขาขวาออกไปด้านหน้าอย่างสุดแรงเพื่อหวังผลเอาชนะ     น่าเสียดายที่ฮานามิไม่ใช่พวกอ่อนหัดขนาดนั้น... ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่มีมากกว่ามิรันถึงสามปีจึงทำให้เธอสามารถใช้ทักษะที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ในการที่จะหลบการโจมตีในมุมอับสายตากลับตัวกลางอากาศหลุดรอดจากหายนะไปได้อย่างฉิวเฉียด และกลับเข้าสู่ท่าเตรียมต่อสู้ได้โดยไม่มีแม้แต่เศษดินเปื้อนบนปีกเลยแม้แต่ฝุ่นผง
          ก็ฮานามิไม่ใช่มนุษย์นี่นะ!     การต่อสู้ของยอดฝีมือและจอมพลังแห่งยุคดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีช่วงให้หยุดพักหายใจ ส่วนหนึ่งก็มาจากการท้าทายอำนาจมืดของฮานามิเองที่กวักมือเรียกให้มิรันเข้าไปหา ซึ่งเด็กสาวผมฟ้าก็ได้ตอบสนองการเชิญชวนนั้นด้วยการเงื้อเท้าเตะคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่องเหมือนนักเทควันโดระดับประเทศ น่าเสียดายที่ฮานามิสามารถตีลังกากลับหลังหลบลำแข้งของเธอได้ทั้งหมด
     ก่อนที่ลูกตื๊อของมิรันที่ไม่ยอมแพ้ต่อการสัมผัสอากาศตลอดเวลาจะทำให้เธอสามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ของเธอได้เป็นครั้งแรก และด้วยแรงกระแทกของลูกเตะที่ซัดเข้าไปอย่างเต็มกำลังนั้นจึงทำให้ร่างของฮานามิกระตุกขึ้นจนพ้นจากพื้นช่วงระยะหนึ่ง
               และนั่นก็ต้องแลกด้วยอิสรภาพของขาข้างนั้นของเธอเช่นกัน!
 
          "ฮานามิ..!!"
     ยังไม่ทันที่มิรันจะได้คิดอะไรต่อจากนั้น ลำตัวของนางฟ้าที่สามารถตรึงขาขวาของเธอได้ก็มุดลงด้านล่างก่อนจะซัดลำแข้งเข้าไปที่ขาซ้ายที่ปักหลักอยู่บนพื้นเพียงข้างเดียวจนล้มลงไปกับพื้นโดยไม่รู้ตัว แต่ก่อนที่คู่ต่อสู้จะได้เล่นงานขั้นต่อไปนั้นเอง... มิรันก็ได้รับสัญญาณเตือนจากร่างกายให้รีบกลิ้งตัวออกจากตำแหน่งที่ล้มลงไปโดยเร็วที่สุด     และหลังจากที่เธอกลิ้งตัวออกมาเพียงไม่ถึงวินาที พื้นทรายตำแหน่งที่ใบหน้าอันขาวผ่องของมิรันน่าจะอยู่หากยังทำนิ่งเป็นลูกตะกั่วที่พุ่งทะลุร่างเป้าหมายต่อไปก็ถูกหมัดของฮานามิกระแทกจนผิวทรายระเบิดขึ้นไปกลางอากาศอย่างรุนแรง     "ไม่คิดจะออมแรงกันหน่อยเลยหรือไง... แต่ต้องแบบนี้สิถึงจะสมเป็นแองเจลอยด์ที่วิวัฒนาการเป็นระดับสามได้เป็นคนที่สอง!"     ท่อนขาทั้งสองสะบัดหมุนเป็นใบพัดที่ทรงพลังจนฮานามิไม่สามารถเข้าใกล้ได้ทำให้เป็นโอกาสให้มิรันได้กลับตัวขึ้นมาก่อนจะตั้งท่าเตรียมต่อสู้เป็นครั้งที่สอง แต่ฮานามิกลับไม่ยอมให้จังหวะการรุกไล่ต้องขาดตอนไปจนคู่ต่อสู้ได้ฟื้นตัวกลับมา เช่นนั้นเองที่ทำให้มิรันถึงกับยืนไม่ติดพื้นเลยทีเดียว     "ลูกสาวที่น่ารักเอ๋ย... ถึงเธอจะวิวัฒนาการตัวเองอีกสักกี่ครั้งก็ไม่มีทางสู้ฉันได้หรอกน่า เรื่องนั้นเธอน่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ"     จริงอย่างที่ฮานามิพูด ถึงระดับพลังของทั้งสองจะใกล้เคียงกันเพราะระดับวิวัฒนาการที่อยู่ในระดับเดียวกันก็ตาม แต่ประสบการณ์การต่อสู้ของทั้งสองคนก็ยังห่างกันมากอยู่ดี เพราะอย่างนั้นจึงทำให้มิรันกลายเป็นฝ่ายถูกเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว แม้ว่าเธอจะสามารถตั้งรับได้อย่างถูกจังหวะจนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ตาม     แต่ในระหว่างที่ฮานามิกำลังครองความได้เปรียบในการต่อสู้นั้นเอง... ร่างกายของเธอก็เริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาจนการโจมตีเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด และในที่สุดเข่าของแองเจลอยด์ผมน้ำเงินก็ทรุดลงแตะพื้นทรายจนได้     "มิรัน... เธอทำอะไรกับแกนปีกของฉัน! ทำไมร่างกายของฉันถึงรู้สึกประหลาดอย่างนี้"     ในตอนนั้นเองที่กระพุ้งแก้มของฮานามิเกิดขยายตัวออกก่อนจะพ่นของเหลวบางอย่างออกมาเป็นสาย ซึ่งนั่นเองที่ทำให้มิรันรู้สึกพอใจมาก     "คิดว่าฉันไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อนจะสู้กับแองเจลอยด์ที่แข็งแกร่งอย่างเธอเลยหรือยังไง กับเจ้านี่..."          มิรันยกมือขวาขึ้นเป็นจังหวะเกือบจะพร้อมกันกับที่ฮานามิกระอักเลือดออกมาอีกครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นเองที่สายตาที่เลือนลางชั่วครู่หนึ่งของฮานามิสังเกตเห็นแสงสีฟ้ากระพริบขึ้นมาบนฝ่ามือที่กางออกครึ่งหนึ่งของมิรันก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นกระแสไฟฟ้าเข้มข้นในพริบตา     "แสงนั่น... ไม่จริงน่า!?" ฮานามิแสดงสีหน้าเหมือนกับค้นพบทฤษฎีใหม่แห่งจักรวาลขึ้นมา     "จากที่ฉันได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการต่อสู้การอาร์พาทีเมื่อหลายเดือนก่อนทำให้ฉันรู้สึกตัวถึงจุดอ่อนของพวกเราทั้งหมด... ที่ผ่านมาฉันฝึกฝีมือในการใช้ท่าไม้ตายใหม่นอกเหนือจากท่าที่ได้มาจากเธออย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะต่อสู้กับผู้นำมาซึ่งความวิบัติ จนกระทั่งฉันมาคิดได้อย่างหนึ่ง..."     "คิดอะไรได้..! ยังไงมันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องดีเท่าไหร่แน่!" เสียงหอบแห้งดังขึ้นขัดการอธิบายจนหยุดไปพักหนึ่ง     "ในการต่อสู้ครั้งนั้นทำให้ฉันเกิดคิดขึ้นมาได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่นี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนที่รู้ไปถึงจุดอ่อนของเซย์ริอย่างพวกเรา เพราะอย่างนั้นฉันเลยพยายามฝึกร่างกายตัวเองให้ทนทานต่อกระแสไฟฟ้าแรงสูงได้ แต่ฉันก้เกิดคิดขึ้นมาได้อีกว่าถ้าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการต่อสู้ครั้งนี้เป็นหนึ่งในเซย์ริเช่นกัน... ลำพังการฝึกร่างกายให้ทนทานเห็นจะไม่ใช่เรื่องดีแล้ว เพราะงั้นเลยออกมาเป็นนี่ไงล่ะ!"     มิรันยกแขนขึ้นไว้เหนือศีรษะก่อนจะเร่งพลังในร่างให้สูงขึ้นถึงขีดสุด ในจังหวะนั้นเองที่บนฝ่ามือข้างนั้นของเธอมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงปรากฏขึ้นก่อนจะขยายอาณาเขตครอบคลุมไปถึงข้อมือจนเกิดเป็นเสียงความถี่สูงที่น่ารำคาญแก้วหูอย่างมาก แสงสว่างที่เกิดขึ้นนั้นส่องออกไปจนแม้แต่ฮิซาชิที่อยู่ห่างออกไปยังมองเห็นได้ชัดเจน     "ท่าไม้ตายนั่น...หรือว่า!!"     "มิรัน... ท่าไม้ตายนั่น..!" ฮานามิเริ่มมีเรี่ยวแรงกลับคืนมาจนสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งหนึ่ง แต่การลุกยืนในครั้งนี้ของเธอกลับดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม     "ใช่...ฮานามิ! ท่าไม้ตายนี้ใช่ว่าจะฝึกกันได้ง่ายๆ ที่ผ่านมาฉันก็เกือบตายเหมือนกันกว่าจะรวบรวมคลื่นไฟฟ้าจากทั่วร่างให้ไหลมารวมกันที่มือข้างเดียวแบบนี้ได้... เพราะงั้นกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นนี้จึงสามารถทำลายระบบประสาทของคู่ต่อสู้ได้รุนแรงกว่ากระแสไฟฟ้าทั่วๆไป แถมยังสามารถกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อได้ดีกว่ากระแสไฟฟ้าจากเครื่องมือแพทย์ซะอีก ฉันขอตั้งชื่อท่าไม้ตายนี้เองก็แล้วกัน"               "ตัดสายฟ้า... เป็นไง!?"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา