Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  49.87K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) นานแล้วที่เราไม่ได้...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

มิรันยังคงพิจารณาแกนปีกในมือของเธออย่างละเอียดต่อไป แม้ว่าเธอจะทำแบบนี้มานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม... ด้วยคำพูดที่ชวนงงอย่างสุดโต่งของมิรันที่พูดออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ได้ทำให้จิตใจที่มีเมล็ดพันธุ์แห่งความอยากรู้อยากมีส่วนร่วมของเด็กชายที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอรู้สึกกระวนกระวายจนอยู่ไม่สุข

"มีอะไรเหรอครับ... ผมไม่รู้เรื่องอะไรแน่ครับถ้าคุณไม่บอกรายละเอียดเพิ่มเติมกับผมเลย"

หลังจากที่ดวงตาสีน้ำเงินที่มีวงแหวนแปลกๆที่ส่งเสียงน่ารำคาญทำการพิจารณามากว่าสี่สิบนาที มิรันก็วางแกนปีกชิ้นนั้นลงบนโต๊ะวงกลมแล้วเรียกให้ฮิซาชิมานั่งที่ฝั่งตรงข้าม เพราะบทสนทนานี้ยาวแน่ๆ...


"ฉันสแกนแกนปีกนี้ละเอียดแล้วนะ... แกนปีกชิ้นนี้น่ะพิเศษกว่าแกนปีกอื่นๆ พิเศษกว่าแกนปีกแปรรูปของฉันซะอีก..!"

มิรันอธิบายในสิ่งที่เธอรู้ทันทีโดยปล่อยให้เด็กชายตรงหน้าเธอนั่งงงอยู่อย่างนั้นต่อไป

"มันพิเศษตรงไหนเหรอครับ... ผมว่าแกนปีกแปรรูปนี่มันพิเศษกว่าแกนปีกคงรูปเป็นไหนๆเลยนี่ครับ"


"ที่ฉันพูดน่ะไม่เกี่ยวกับว่ามันเป็นแกนปีกคงรูปหรือแปรรูป... ที่พิเศษคือลักษณะทางกายภาพของมันต่างหาก"
ถึงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย... ฮิซาชิก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศมันเริ่มอึมครึมขึ้นยังไงก็ไม่รู้ มันดูหนักแปลกๆจนไม่น่าที่จะมีมนุษย์ธรรมดาคนไหนที่จะทนอยู่ในที่แห่งนี้ได้นานเกินกว่า10วินาที

"ลักษณะกายภาพ...เหรอครับ!?"

"ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ... แกนปีกชิ้นนี้น่ะ...ไม่ใช่แกนปีกธรรมดาที่มีอยู่ในตัวของเผ่าพันธุ์ใดๆเลย เจ้าแกนปีกนี้น่ะมีลักษณะเด่นของอควารอยด์กับแองเจลอยด์รวมอยู่ในตัวมันทั้งหมดก็ว่าได้ล่ะมั้ง..!"

"เจ้าแกนปีกชิ้นนี้น่ะมีลักษณะเฉพาะของอควารอยด์ที่สามารถซ่อมแซมตัวเองและสามารถคืนชีพให้กับเจ้าตัวได้ รวมกับลักษณะเฉพาะของแองเจลอยด์ที่สามารถเปล่งพลังที่เกินขีดจำกัดร่างกายออกมาได้... เป็นแกนปีกที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ!"

เมื่อได้ยินดังนั้นฮิซาชิก็ลองนึกย้อนกลับไปถึงปาฏิหารย์ที่มิคาสะเคยทำให้เกิดขึ้นได้มาแล้ว...

ทั้งการรักษาปีกที่ขาดไประหว่างการต่อสู้กับโยโซระ ทั้งการงอกคืนของปีกและแขนขวาที่ขาดกระจุยไประหว่างการต่อสู้กับอาคาริ รวมทั้งโหมดสงครามที่เขารู้ดีว่าอควารอยด์ไม่สามารถมีได้อีกด้วย ทั้งหมดนั้นเกินกว่าที่อควารอยด์จะทำได้!

ซึ่งเมื่อนำเอาเรื่องปาฏิหารย์เหล่านั้นมาประกอบเป็นชิ้นส่วนตัวต่อโมบิลสูทตามที่มิรันเกริ่นเอาไว้เมื่อสักครู่นี้ ทุกอย่างก็ประกอบเป็นหุ่งแอสเทรียได้อย่างสมบูรณ์พอดี

"แต่ว่านะ... เด็กคนนี้ก็ไม่เลวเลยล่ะ! สามารถวิวัฒนาการตัวเองไปถึงขั้นที่สามที่ยากจะเข้าถึงได้ซะด้วย แต่ก็นะ...ความพิเศษของแกนปีกนี่แหละคือจุดอ่อน"

มิรันพูดขัดคออีกแล้ว... ลักษณะแกนปีกที่โดดเด่นขนาดนี้มีข้อเสียด้วยงั้นเหรอ

"จะว่าไงดีล่ะ... เพราะลักษณะของอควารอยด์กับแองเจลอยด์ที่มีอยู่ในแกนปีกชิ้นเดียว ความขัดแย้งทางกายภาพนี่แหละจะทำให้พลังของเด็กคนนี้ถูกบั่นทอนเหลือแค่ครึ่งเดียว ดีไม่ดีอาจจะเหลือต่ำกว่าครึ่งเอาด้วยนะ..! เพราะงั้นเด็กคนนี้จึงไม่เหมาะที่จะออกไปต่อสู้กับใคร เธอสามารถทำได้เพียงใช้ห้ามปรามจราจลของพวกมนุษย์เท่านั้นแหละ"

จะว่าไปมันก็จริง... พลังของมิคาสะในขั้นที่หนึ่งนั้นต่ำมาก ต่ำกว่าพลังขั้นที่หนึ่งของชิบุกิเกือบสามเท่าเลยก็ว่าได้ นั่นเป็นเพราะความขัดแย้งของแกนปีกหรือเปล่า...


"แล้วก็... seiriคนที่เธอพูดถึงเมื่อกี้... การสร้างแกนปีกของอควารอยด์ที่ชื่อ"สคริวล่า"น่ะเสร็จสมบูรณ์แล้วนะ!"

อะไรอีกล่ะ..! คราวนี้จะมาไม้ไหนกันแน่...

"สคริวล่า... ชิบุกิน่ะเหรอ!!"

"อืม..."

"นายบอกว่าสคริวล่าเป็นน้องสาวฉันใช่หรือเปล่า... ตามจริงแล้วสคริวล่าน่ะควรจะเกิดก่อนฉันซะอีก ถ้าไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้นละก็นะ..."

"เกิดเรื่อง... เรื่องอะไรเหรอครับ..!" ฮิซาชิเริ่มสนใจในสิ่งที่มิรันกำลังจะเล่า ซึ่งอันที่จริงมันก็แทบจะไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเขาเลย

"ระหว่างที่พวกนักวิทยาศาสตร์กำลังสร้างแกนปีกของสคริวล่าอยู่น่ะ... อยู่ดีๆแกนปีกของเธอก็แยกเป็นสองส่วนที่สมบูรณ์ แต่มีส่วนนึงที่ได้รับประจุพลังมากเกินไปครึ่งหนึ่ง และอีกส่วนถูกดึงเอาพลังครึ่งหนึ่งออกไป ตอนนี้พวกนักวิทยาศาสตร์กำลังแก้ไขเรื่องนี้อยู่"


อ๋อ..! ส่วนนึงดึงพลังออกไปครึ่งนึง... เพราะงั้นถึงมีพลังเป็นสามเท่าของมิคาสะกับยูนะที่ใช้พลังได้แค่ครึ่งเดียวในร่างพื้นฐานร่างแรกสินะ
แต่แล้วฮิซาชิก็เกิดสะกิดใจอยู่สองอย่าง...

"แต่ว่า... ตอนที่ผมสู้กับนูเรตัสในยุคของผม... มันบอกว่าพวกseiriสามเผ่าพันธุ์ถูกสร้างขึ้นด้วยข้อมูลDNAของมนุษย์ เรื่องนี้มันเป็นยังไงมายังไงกันแน่!"

ฮิซาชิถามความลับทางราชการกับอควารอยด์สาวที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหารอย่างไม่กลัวความผิด แต่แทนที่มิรันจะขัดขวางเขา เธอกลับยอมตอบแต่โดยดีโดยไม่เกรงกลัวต่อกฏอัยการศึกเกี่ยวกับการเก็บรักษาข้อมูลลับทางราชการที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและสันติภาพของมนุษย์ทั่วโลกเลยแม้แต่น้อย

หรืออาจเป็นเพราะมิรันนั้นแข็งแกร่งพอที่จะมีชีวิตรอดได้ต่อให้พวกมนุษย์จะส่งseiriมาจัดการเธอยกโขยงกันนะ


"เธอรู้ด้วยเหรอ...เรื่องนั้นน่ะ!" มิรันพยักหน้ายืนยันความคิดของเด็กชาย

"เป็นความจริง! พวกนักวิทยาศาสตร์ได้หาวิธีต่อสู้กับศัตรูที่ยังไม่ปรากฏตัวตามคำพยากรณ์อย่างสุดความสามารถ จนไปเจอข้อมูลวิจัยที่ว่ามนุษย์สามารถเอาพลังในร่างกายออกมาใช้ได้แค่60%เท่านั้น มันหมายความว่าหากมนุษย์สามารถดึงพลัง100%ออกมาใช้ได้ละก็... พลังของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า! เพราะงั้นก็เลยมีการวิจัยพัฒนาร่างกายมนุษย์ขึ้นอย่างลับๆ"

"คำพยากรณ์... หมอลักษณ์น่ะเหรอครับ!?"

"เปล่า... คำพยากรณ์จากเครื่องเร่งปฏิกิริยาควอนตัม คำพยากรณ์ที่ให้เอาไว้เมื่อ45ปีที่แล้วนั้นบอกว่าในอีก75ปีข้างหน้า...30ปีต่อจากนี้จะมีผู้รุกรานกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์จนไม่เหลืออยู่บนโลก แม้แต่อาวุธใดๆก็ไม่สามารถต่อกรกับมันได้..."

อีก30ปีต่อจากสมัยนี้... สามปีหลังจากการต่อสู้ที่โหดร้ายในสมัยของฮิซาชิ แต่อันที่จริงแล้วมนุษย์ก็คงจะถึงจุดจบใน27ปีถัดจากนี้แล้วด้วยซ้ำนะ!?

"เพราะอาวุธทำอะไรไม่ได้...เพราะการจะปกป้องมนุษย์จำเป็นต้องใช้มนุษย์...สินะครับ!?"

มิรันนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ ก่อนที่เธอจะเข้าสู่เรื่องเดิมที่พูดค้างเอาไว้

"เพราะการดึงเอาพลัง100%ที่กักเก็บอยู่ในร่างกายสิ่งมีชีวิตออกมาใช้นั้นไม่สามารถคงสภาพได้นานและยังมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะงั้นร่างกายคนเราจึงปิดผนึกมันไว้ใช้เวลาจำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะหากเอามันมาใช้อย่างต่อเนื่อง ร่างกายมนุษย์จะรับไม่ไหวและล้มตายไปอย่างน่าสมเพช..."

"เพราะงั้นเลยต้องสร้างร่างโคลนเพื่อหลีกเลี่ยงจำนวนคนตาย...ใช่ไหมครับ!"

"ใช่..! เพราะงั้นร่างโคลนมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อการทดลอง แต่ก็เหมือนกับร่างมนุษย์จริงๆ ทุกคนที่ใช้ทดลองเสียชีวิตทั้งหมด และแล้วพวกนักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบคำตอบที่จะทำให้การวิจัยนั้นสัมฤทธิ์ผล..."

ถึงตรงนี้ฮิซาชิก็นิ่งไป เขาย้อนกลับไปถึงช่วงที่เขาถูกดัดแปลงพันธุกรรม ในช่วงเวลานั้นมีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้น แม้จะยังเป็นทารกก็รู้สึกได้ เขายังคงจดจำเรื่องเหล่านั้นได้ไม่ลืม...


"เมื่อการใช้มนุษย์ไม่ได้ผล... ก็ต้องสร้างร่างเทียมโดยใช้ข้อมูลพันธุกรรมของมนุษย์เป็นต้นแบบ พวกเขาพัฒนาตัวอ่อนของสิ่งมีชีวิตที่เริ่มกลายพันธุ์จากมนุษย์ไปเป็นสิ่งอื่นที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ มนุษย์ที่มีปีกอยู่ที่แผ่นหลัง... ตอนแรกพวกเขาสามารถสร้างนางฟ้าออกมาได้สำเร็จแล้วตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตนั้นว่า'แองเจลอยด์' ต่อมาพวกนักวิทยาศาสตร์เริ่มทำการพัฒนาสายพันธุ์แองเจลอยด์ให้มีความสามารถที่เหล่านางฟ้าไม่สามารถมีได้ เช่น การดำน้ำเพื่อใช้ในการกู้ภัยใต้ทะเล หรือการทนต่อสภาพแวดล้อมที่เข้มงวดและการต่อสู้ที่รุนแรง พวกเขาก็ได้พัฒนาพวกนั้นขึ้นจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น และเรียกสิ่งนั้นว่า'อควารอยด์' กับ 'เทอร์รารอยด์' เรื่องมันก็แค่นี้เอง..!!"


พอได้ฟังการอภิปรายอันแสนยาวเหยียดและน่านอนของมิรันจบลงแล้ว มือทั้งสองข้างของฮิซาชิก็สั่นไม่หยุด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาน่ากลัวราวกับจอมปิศาจไม่มีผิด

"จะบอกว่า... สิ่งที่พวกนักวิทยาศาสตร์ทำไปทั้งหมด... ก็เพื่อปกป้องตัวเองอย่างนั้นเหรอ..!"

"จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะ... ที่พวกเขาทำไปก็เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ดำรงอยู่ต่อไปเท่านั้นเอง..!"

ในตอนนั้นเองฮิซาชิก็เริ่มมาอาการโกรธแค้นสุดขีด สายตาที่เขาจ้องไปข้างหน้านั้นเหมือนกับมีพายุสายฟ้าพัดกระหน่ำอยู่ในใจของเขาอย่างรุนแรง เขาไม่ได้จ้องไปที่มิรันที่อยู่ตรงหน้าของเขาสักหน่อย...

"มีอะไรเหรอ... ฮิซาชิคุง..."

"ทำไมพวกเขาไม่คิดบ้างนะ... ว่าทุกคนที่พวกเขาสร้างขึ้นมาน่ะไม่ได้อยากที่จะต่อสู้เลย... พวกนั้นน่ะอยากที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข อยากออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน... อยากแต่งตัวสวยๆ... อยากจะมีแฟนเหมือนกับคนอื่นๆ..! ทำไมพวกนั้นถึงไม่คิดแบบนั้นบ้าง!!"

ในหัวของเขาตอนนี้มาภาพของผู้ที่เคยอาศัยอยู่... เคยต่อสู้... เคยต่อสู้ร่วมกับเขาลอยขึ้นมาไม่หยุด เขาอาศัยอยู่กับพวกเธอมานานจนรู้ใจของอีกฝ่ายดี...

"ยูนะก็แค่อยากแต่งตัวสวยๆให้คนอื่นได้เห็น... ริกะก็แค่อยากอยู่ร่วมกับฉันไม่ว่าจะที่ไหน... ฮานามิก็แค่อยากจะมีเพื่อนเท่านั้น... โยโซระก็แค่อยากได้ความรักจากคนอื่น... ฮิโรมิก็แค่อยากจะมีคนให้ความสำคัญ... ยัยมิคาสะก็แค่อยากที่จะรักใครสักคนหนึ่งโดยไม่หวังอะไร... ยัยอาคาริก็แค่อยากจะมีคนสำคัญให้นึกถึง... ยัยชิบุกิก็แค่อยากจะทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ... ส่วนฉันก็แค่อยากจะให้คนอื่นๆมีความสุขเท่านั้น พวกเราทุกคนก็ต้องการแค่นี้เท่านั้นเอง!"


"พวกแกมีสิทธิ์อะไร..!! ถึงได้มาแย่งชิงทุกๆอย่างไปจากพวกเราแล้วมาแก้ตัวข้างๆคูๆว่าทำเพื่อพวกมนุษย์กันหา!!!!"

ฮิซาชิตะโกนด้วยความเจ็บแค้นดังทะลุประตูบ้านออกไปถึงข้างนอก คราวนี้เป็นคราวของมิรันที่ต้องปลอบใจช้ำๆของฮิซาชิให้รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง

แต่ในตอนนั้นเอง...ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้นในพื้นที่บริเวณนั้นจนข้าวของทุกอย่างล้มระเนระนาดกันทั้งหมด

"นั่นมัน...อะไรกัน!?"

เมื่อทั้งสองคนออกไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกบ้าน พวกเขารวมทั้งผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นก็เห็นอะไรบางอย่างคล้ายเหล็กแหลมสีเหลืองขนาดใหญ่ปักลงบนยอดตึกทะลุลงมายังพื้นดิน สิ่งที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวนั้นก็คือซากตึกที่ถล่มลงมานั้นเอง

แต่โชคยังดีที่ตึกที่ถล่มลงมานั้นเป็นตึกร้างที่ไม่มีใครผ่านเข้าออกมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายรายแน่ๆ...



แต่ยังไม่ทันที่ความโกลาหลจะสงบลง เจ้าเหล็กแหลมตัวปัญหานั้นก็เกิดประกายแสงสีฟ้าออกมาก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนสภาพไปราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังออกมาจากดักแด้อย่างนั้น...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา