Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
33) รอยบาดแผลที่ฝังลึก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"seiriที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์... seiriที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสายพันธุ์... โคริคาวะ อัทสึชิ... คือคนๆเดียวกันไงล่ะ"
ฮิซาชิรู้สึกชาไปทั่วทั้งร่างทันทีหลังจากที่ได้ฟังความจริงของเหตุที่ก่อความรำคาญให้แก่ความอยากรู้อยากเห็นที่อัดอั้นมานานภายในใจจากปากของหญิงสาวที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้อันเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะที่เขาต้องประสบมาเมื่อก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเรื่องที่น่าชวนให้เส้นประสาทชูตั้งจะเคยเกิดกับเขามามากเพราะความสูญเสียที่ยากจะยอมรับก็ตาม... เรื่องราวเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้ายไปได้มากเท่านี้เลย
และถึงแม้ว่าในตอนนี้ฮิซาชิจะได้รู้แล้วว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังพวกที่เขาเรียกว่า"ผู้นำมาซึ่งความวิบัติ"นั้นมีอะไรพิเศษที่ทำให้พวกสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งเหล่านั้นยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี มันก็ไม่สามารถแก้ไขได้เสียแล้ว...
"เมื่อกี้...เธอว่าอะไรนะ! ทำไมseiri...ถึงได้หันมาทำร้ายมนุษย์ล่ะ!? เรื่องทั้งหมดนั่นเธอรู้สาเหตุดีใช่ไหม!!"
ฮิซาชิรีบถลาตัวเข้าไปเขย่าร่างของฮานามิที่ลุกขึ้นนั่งเหยียดขาบนที่นอนสีขาวอย่างแรงโดยลืมไปแล้วว่าฮานามิเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับมิรัน ซึ่งเธอได้แต่เก็บอาการบอบช้ำที่หน้าอกเอาไว้อย่างมิดชิดจนฮิซาชิไม่รู้ผลกระทบที่เกิดกับสาวน้อยที่เขาสะบัดร่างไปมา แต่มีสิ่งเดียวที่ฮิซาชิสังเกตได้ชัดเจนก็คือ...
ดวงตาสีฟ้าอ่อนของฮานามิมีประกายที่เศร้ามากจนฮิซาชิประมาณค่าไม่ได้เลยว่าที่ผ่านมาเธอต้องเจ็บปวดสักแค่ไหน
"ก็เพราะยัยนั่นก็เป็นหนึ่งในผู้นำมาซึ่งความวิบัติ... เหตุผลแค่นี้เพียงพอหรือเปล่า!"
อีกเสียงหนึ่งที่ไม่ใช่ทั้งฮิโรมิที่เข้ามาดึงตัวฮิซาชิออกจากเตียงผู้ป่วยเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการฟื้นฟูร่างกายที่ยังตกหล่นของฮานามิและไม่ใช่แม้กระทั่งเสียงของตัวเด็กชายเองในขณะที่กำลังเล่นมุขแต่งหญิงดังมาจากอีกฟากหนึ่งของประตูห้องพักที่ถูกเปิดอ้าออกโดยที่ทั้งสามคนที่อยู่ภายในนั้นไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย และที่บริเวณประตูนั้นเองที่เด็กสาวอีกคนหนึ่งค่อยๆแบกร่างกายที่ยังมีอาการบาดเจ็บตกค้างอยู่เดินเข้ามาแยกตัวฮิซาชิออกไป
"สิ่งที่เธอคนนี้ทำก็แค่เสแสร้งทำตัวเป็นคนดีให้พวกเราตายใจ...แม้กระทั่งตอนที่นายเกือบจะถูกฆ่าในการต่อสู้ที่ภูเขาร้างหรือตอนที่สู้กับสัตว์ประหลาดยักษ์นั่นก็ด้วย ฉันเห็นยัยนี่ปล่อยพลังใส่นายอย่างไม่ลังเลอะไรเลย... แบบนี้นายยังจะเรียกเธอคนนี้ว่าเป็นพรรคพวกได้อีกเหรอ"
แองเจลอยด์ระดับสองที่แบกร่างกายที่เริ่มทำการฟื้นฟูไปได้เล็กน้อยหลังจากการผ่าตัดมายังห้องพักผู้ป่วยที่เธอจับพลังงานอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮิโรมิได้เพื่อนำทางมายังที่ๆฮานามิอยู่ใช้มือฉุดหลังเสื้อของฮิซาชิดึงออกมาทางด้านหลังให้ห่างจากหญิงสาวที่กำลังรับบทเป็นคนเจ็บให้ได้มากที่สุด ก่อนที่เธอจะเปิดประเด็นไม่ไว้วางใจเข้ามาอีกรอบหนึ่ง
"เธอพูดอะไรของเธอน่ะ...มิรัน!? ทำไมเธอถึงว่าฮานามิเป็นพรรคพวกของผู้นำมาซึ่งความวิบัติ...เป็นลูกน้องของโคริคาวะ อัทสึชิล่ะ!"
"นายน่ะยังอ่อนหัดนะ... ก็เพราะนายเป็นคนใจอ่อนไม่เข้าท่าแบบนี้ไงถึงได้ปกป้องseiriที่เป็นเหมือนครอบครัวที่แสนสำคัญของนายไม่ได้"
ฮิซาชิที่ได้ยินมิรันพูดถึงในด้านที่ไม่ค่อยดีก็เริ่มที่จะขบฟันลงด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่ฮิโรมิเองก็ไม่เคยเห็นมิรันเป็นแบบนี้มาก่อน
"ฟังที่ฉันพูดให้จบแล้วจะแสดงเป็นคนที่ยอมรับความจริงไม่ได้บุกเข้ามาฆ่าฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะอย่างนายที่ได้รับพลังกลับคืนมาแล้วคงฆ่าฉันในตอนนี้ได้ไม่ยากอยู่แล้วนี่... เท่าที่ฉันได้รับรู้เหตุการณ์ที่เป็นฝีมือของผู้นำมาซึ่งความวิบัติทุกเรื่อง...ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆก็ต้องมียัยนี่ปักหลักรออยู่เสมอ ตอนแรกฉันก็คิดว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ซ้ำๆซากๆเท่านั้น แต่นายคงจะได้เห็นข้อความนั้นแล้วสินะ...ในมือถือของยัยแองเจลอยด์ปีกเน่าคนนั้นน่ะ!"
มิรันพูดสื่อความหมายถึงสิ่งๆหนึ่งที่ฮิซาชิรู้จักเป็นอย่างดีราวกับเป็นคนจัดฉากให้เขาได้พบกับมันด้วยตัวเอง... ข้อความในโทรศัพท์มือถือที่ถูกส่งมาจากอุปกรณ์เร่งอนุภาคฟิสิกส์ "ไครซิส"
"ถ้าอย่างนั้น... ที่ฉันเห็นมือถือของยัยนั่นวางทิ้งไว้ในบ้านก็คือ..!?"
"หึ! นายคิดว่าแองเจลอยด์ที่มีแผนการณ์วางเอาไว้เป็นอย่างดีอย่างยัยนั่นน่ะเหรอที่จะลืมของสำคัญขนาดนั้นเอาไว้ในบ้านคนอื่นด้วยเหตุผลแค่ว่ามีเด็กผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ส่งข้อความกวนประสาทมาให้น่ะ... ฉันฉวยโอกาสที่ยัยฮานามิสนใจจะกระทืบนายซุกมันเอาไว้ในกระเป๋าก่อนจะยัดมือถือของฉันเข้าไปในช่องกระโปรงให้เหมือนกับคืนของสำคัญให้ไปแล้วไงล่ะ!! เพราะงั้นฉันเลยใช้สัญญาณโทรศัพท์จากเครื่องของฉันในการตามตัวยัยนั่นไปโดยไม่รู้ตัว...ของง่ายๆ"
ฮิซาชิรู้สึกตัวในทันทีถึงเรื่องที่ท่าทีของฮานามิดูแปลกๆไปตอนที่เขายื่นโทรศัพท์คืนให้เธอ ที่จริงแล้วหากว่าคนอื่นเก็บของที่มีความสำคัญและเป็นความลับที่บอกใครไม่ได้ที่ตัวเองทำหายโดยไม่รู้ตัว ต่อให้เป็นฮานามิที่เป็นคนที่เก็บอาการมิดชิดก็คงจะมีอาการลนออกมาทางสีหน้า แต่ว่าฮานามิในตอนนั้นกลับดูนิ่งจนผิดปกติ ซ้ำยังพูดด้วยอารมณ์เชิงล้อเลียนเรื่องข้อความในโทรศัพท์ที่จะเป็นอันตรายกับเธอเองหากมีมนุษย์คนใดได้เห็นมัน
แสดงว่าฮานามินั้นก็รู้ตัวอยู่แล้วเรื่องที่โทรศัพท์ของตัวเองถูกสลับ...รวมทั้งยังรู้อีกด้วยว่าฮิซาชิไม่ได้มีเจตนาที่จะมาต่อสู้หรือมีความคิดว่าเธอเป็นคนผิดเลยแม้แต่น้อย
แค่ทั้งอย่างนั้นฮิซาชิกลับไม่รู้ตัวเลยว่าในใจของเธอนั้นมีความเจ็บปวดซุกซ่อนอยู่เพียงไหน...รวมไปถึงระดับความรังเกียจที่มิรันมีให้กับฮานามิด้วย!
"เอ้า..!! ในเมื่อเรื่องมันไปถึงขนาดนี้แล้ว...พวกเราไปเจอกันตัวต่อตัวข้างนอกหน่อยไหม! ไปต่อสู้แบบseiriให้ผู้คนเขาได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่คือผู้ปกป้องโลกที่แท้จริง!!"
มิรันที่ได้โอกาสระหว่างที่ฮิซาชิกำลังก้มหน้ายอมรับความบกพร่องในฐานะลูกผู้ชายของตัวเองนั้นเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อของฮานามิเอาไว้พร้อมทั้งเบิกเนตรสีส้มอันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการเอาจริงถึงขั้นจะฆ่าให้ตายของแองเจลอยด์อย่างเธอ แม้ว่าในขณะนี้พลังของมิรันหลังจากที่ร่างกายฟื้นตัวจากความตายมาหมาดๆจะไม่ต่างอะไรจากเด็กสาวมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่งก็ตาม...
"ขอปฏิเสธ... ด้วยพลังของเธอในตอนนี้มีแต่จะถูกฉันฆ่าเท่านั้นแหละ!"
"มาถึงป่านนี้แล้วยังมีอะไรให้เธอต้องลังเลอีกล่ะ...ฮานามิ!? เธอฆ่าพี่สาวน้องสาวของฉันไปตั้งหลายคนยังต้องมากลัวอะไรอีกล่ะ... มาสู้กับฉันตรงๆเลยดีกว่าน่า แล้วฉันจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการต่อสู้ของลูกสาวอย่างฉัน!"
ฮิโรมิเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปรัดมิรันจากด้านหลังเพื่อไม่ให้เธอได้พูดจาท้าทายความตายได้อีกจนขยับตัวไม่ได้ เพราะแม้ว่าพลังในร่างของมิรันจะเหนือกว่าฮิโรมิจนแทบจะทำร้ายอะไรไม่ได้ก็ตาม... แต่ด้วยระดับพลังที่ลดลงของมิรันจึงทำให้ฮิโรมิสามารถจับเธอล็อกได้อย่างสบาย
ส่วนฮิซาชิที่สัมผัสได้ถึงลางสังหารจากภายนอกก็พยายามดึงเอาสติของตัวเองกลับมาให้ได้มากที่สุดเพื่อรั้งมิรันเอาไว้จากการกระทำที่ไร้ความหมายให้ได้ก่อนที่ฮานามิจะลงมือกับเธอจริงๆ
"ทำไมพวกเธอถึงไปเข้าข้างยัยพยาธิไส้เดือนตัวนั้นด้วย!! ฮิโรมิ...ฮิซาชิ... สำหรับพวกเธอแล้วฉันมันไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ!"
"สุดจะทนแล้ว... อยู่สงบๆสักทียัยนี่!!!!"
ฉาดดดด!!!!!!
และแล้วในที่สุดท่าไม้ตายที่ถูกปิดผนึกเอาไว้จากการใช้งานจริงมาตลอดชีวิตของเด็กชายก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อปราบพยศของแองเจลอยด์ตรงหน้าอย่างไร้ทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ ซึ่งอาการบาดเจ็บจากการที่ฝ่ามือซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังจากทั้งตัวฟาดเข้าที่ใบหน้าที่มีพลังป้องกันเพียงเด็กสาวธรรมดาของผู้ที่ได้รับสัมผัสนั้นเข้าไปนั้นรุนแรงจนช่องปากฉีกเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ซึ่งบาดแผลนั้นก็สมานเข้าหากันในทันทีจากอัตราการรักษาตัวของseiriที่สูงกว่าที่แมงกะพรุนใช้ในการฟื้นคืนชีพเสียอีก...
"นายทำอะไรน่ะ... นายตบฉันทำไม..!? ฮิซาชิ..."
มิรันมีน้ำตาเอ่อนองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทั้งสองรู้จักกัน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้ออกมานั้นไม่ใช่ความเจ็บปวดที่แก้มซ้ายหรือความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากฮานามิ แต่เป็น...
"ทำไมล่ะ..!? ทั้งๆที่นายเคยสัญญาเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่านายจะเชื่อใจฉัน...จะปกป้องฉันจากทุกอย่างที่จะทำร้ายฉัน แล้วทำไมนายถึงได้ทำแบบนี้"
"จะปกป้องเธองั้นเหรอ... ฉันจำไม่ได้เลยนะว่าฉันไปสัญญาอะไรแบบนั้นกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่! แต่เท่าที่ฉันรู้เพียงอย่างเดียวก็คือ... เธอนี่มัน..."
ฮิซาชิก้มหน้าพูดราวกับไม่อยากจะเห็นใบหน้าที่แยกแยะระหว่างความเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีตกับสิ่งที่ควรจะทำในเวลานี้ของมิรันแม้แต่เศษเสี้ยวอณูเส้นผม ซึ่งสิ่งที่ฮิซาชิกระทำอยู่นั้นไม่มีใครในห้องพักนั้นเลยที่จะทนอยู่เฉยได้...แม้กระทั่งฮานามิก็ตาม
และในที่สุด... ประโยคที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของผู้ชายที่รวมเอาคุณสมบัติที่ควรจะมีของผู้ชายมาไว้ในร่างเดียวก็หลุดออกมาจนได้!
"เธอนี่มัน...ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงที่วันๆเอาแต่นั่งรอผู้ชายที่ข้างถนนเลยแม้แต่นิดเดียว!!"
เพียงคำพูดประโยคเดียวที่หลุดออกมาจากความอัดอั้นที่สั่งสมมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ฮิซาชิได้รู้ว่าเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกันง่ายที่สุดนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตประหลาดที่รูปร่างเหมือนกับมนุษย์ซึ่งนำมาเพียงความหายนะและความลำบากในชีวิตได้ระเบิดออกมานั้น ทำให้มิรันที่เป็นเป้าในการพูดถึงนั้นถึงกับพูดอะไรไม่ออก และอาการบาดเจ็บทางจิตใจที่รุนแรงนั้น...กระทั่งฮิโรมิและฮานามิเองก็ทนแบกรับไม่ได้เช่นกัน
"แปลว่าสำหรับนายที่ผ่านมา... ฉันมันก็แค่ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีในสายตาของนายเลยสินะ!? ทีนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมฉันถึงทำใจสนิทกับนายไม่ลง...ฉันเข้าใจแล้ว!"
เพล้ง!
สิ้นเสียงบ่นกับตัวเองที่ตอกย้ำสถานภาพอันไม่พึงประสงค์ของมิรันที่กล่าวซ้ำไปซ้ำมานั้น สาวน้อยที่ไม่อยากจะเห็นหน้าเด็กชายเพียงคนเดียวที่เธอเคยคิดว่าเป็นคนที่เอาใจใส่เธอเสมอมาโดยยอมรับทุกอย่างที่เธอเป็นอีกต่อไปกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะยกเก้าอี้ภายในห้องนั้นโยนไปที่หน้าต่างอย่างรุนแรงจนแตกเป็นเศษๆ มิรันสยายปีกสีขาวที่แทบจะไม่มีแรงกระพืออีกแล้วขึ้นมาก่อนจะกระโดดออกจากหน้าต่างนั้นไป
และแม้ว่าแผ่นปีกคู่นั้นจะรับน้ำหนักของเธอไม่ไหวจนร่วงลงไปยังพื้นดินด้านล่างอย่างไร้แรงต้านก็ตามที... และแม้ว่าฮิซาชิที่เห็นมิรันในสภาพนั้นแล้วก็ยังไม่กระโดดตามเธอลงไปก็ตามที
"เดี๋ยวก่อน..!! มิรัน!!!"
แต่แล้วความช่วยเหลือจากบุคคลที่ตาดไม่ถึงก็ได้หยิบยื่นมายังสาวน้อยโดยไม่รู้ตัว ฮิโรมิที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมที่สุดจะทนของฮิซาชิก็กระโดดพุ่งตัวไปยังร่างของมิรันที่กำลังจะตกลงกระแทกพื้นด้วยความเร็วสูงสุดจนตามทันในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งก็เกือบจะกระแทกกับพื้นดินด้านล่างพอดีเช่นกัน...
ตึง..!
"อึ่ก..! เจ็บจังเลย..."
ในที่สุดฮิโรมิที่ไม่สามารถกลับตัวได้ทันก่อนที่จะตกลงถึงพื้นก็พลิกตัวรับแรงกระแทกอันร้ายกาจเกินกว่าseiriที่แข็งแกร่งเพียงมนุษย์ธรรมดาจะทนได้เอาไว้ด้วยตัวคนเดียว ส่วนมิรันนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยเพราะแผ่นปีกที่เธอใช้ห่อร่างเอาไว้เพื่อดูดซับแรงกระแทกนั่นเอง...
แต่ถึงอย่างนั้น...ส่วนอื่นของมิรันกลับได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
"ฮิโรมิ... มันเจ็บ..สุดๆเลย!? มันเจ็บ...เจ็บจริงๆนะ"
เสียงเบาๆที่ระคนมากับเสียงสะอื้นของแองเจลอยด์ที่ไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นยืนได้นั้นยังคงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เมื่อฮิโรมิตามเธอลงมาทันที่กลางอากาศแล้ว... และความเจ็บปวดที่เจ้าตัวกล่าวมานั้นก็ยังคงปะทุอย่างรุนแรงในใจของเธออย่างต่อเนื่องจนฮิโรมิไม่สามารถช่วยอะไรได้
"เจ็บ..!? หมายถึงเมื่อกี้ที่เธอโดนฮิซาชิเมื่อกี้น่ะเหรอ!"
"เปล่า... ทำไม..! ทำไมเวลาที่ฉันนึกถึงหมอนั่น...ตอนที่หมอนั่นยิ้มให้ฉันครั้งแรก...ทำไมมันถึงได้เจ็บขนาดนี้!? ทั้งๆที่ตอนโนท่าไม้ตายของฮานามิน่าจะเจ็บมากกว่านี้แท้ๆ...หรือว่าจะเป็นเพราะฉันคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้ความหมายของมันหรือเปล่า...ฮิโรมิ!?"
"อ..อ๋อ! เรื่องนั้นฉันรู้ดียิ่งกว่าเธอซะอีกนะ! มันก็คือไอ้นั่นไงล่ะ...ไอ้นั่นน่ะ..!?"
"ฉันไม่รู้จักความรู้สึกนี้เลยสักนิด... หรือว่าฉันจะเป็นผู้หญิงไร้ค่าอย่างที่หมอนั่นว่าจริงๆ"
"ป...เป็นไปไม่ได้หรอกน่า! ผู้หญิงที่เป็นคนดีและร่าเริงสมบูรณ์แบบอย่างเธอน่ะไม่มีอีกแล้วล่ะ! ฮิซาชิคงจะเขินก็เลยเผลอระบายออกมาในแบบฉบับของเขาเท่านั้นแหละ...อย่างที่พวกเราเคยทำกับเขาไงล่ะ"
ฮิโรมิที่ไม่รู้จะพูดกับมิรันว่าอย่างไรดีนอกจากในเรื่องที่คนสมองพัฒนาช้าอย่างเธอจะเนียนๆไปได้อาศัยจังหวะที่ฮิซาชิไม่สนใจพวกเธอพามิรันที่มีผ้าพันแผลปกปิดร่างกายเกือบทุกส่วนบินออกไปจากโรงพยาบาลนั้นโดยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ทิ้งเอาไว้เพียงสายตาที่หันกลับมามองหน้าต่างที่แตกเป็นช่องขนาดใหญ่ที่มิรันโยนเก้าอี้ออกมาจนลับสายตาไปเท่านั้น...
"เธอทำแบบนี้มันจะดีแล้วเหรอ... เด็กสองคนนั้นน่ะมองเธอมาตลอดเลยนะ!?"
"ฉันน่ะคิดดีแล้วล่ะ...เพราะอย่างสองคนนั้นน่ะไม่มีทางทนรับเรื่องแบบนี้ได้อยู่แล้ว อย่างน้อยๆให้สองคนนั่นออกไปหาผู้ชายคนอื่นที่ดีกว่าฉันยังจะดีกว่ามาติดอยู่กับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่างฉันล่ะน่า"
"อย่างนั้นเหรอ... แปลว่าเธอพร้อมที่จะยอมรับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับเธอทุกเมื่ออยู่แล้วสินะ!?"
ฮิซาชิพยักหน้าตอบรับคำถามที่ฮานามิปล่อยใส่เขาเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งสิ่งที่สายตาของเขาจับจ้องไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเอาเสียเลย...
"ถ้าอย่างนั้น...ในเมื่อเด็กสองคนนั้นที่เป็นก้างมาตลอดหายไปแล้ว เธอสนใจจะมาทำเรื่องอย่างว่ากับฉันไหมล่ะ! โคริคาวะ ฮิซาชิคุง!?"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ