The Smile Devil นายปีศาจตัวร้ายกับยัยตัวเเสบ

9.7

เขียนโดย winter

วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 10.04 น.

  21 #
  7 วิจารณ์
  28.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557 12.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) Chapter 12 ทางออก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter XII

ทางออก

 

 

Chapter of Genkichi

 

             “เก็น”

             เสียงที่สุดแสนคุ้นเคยของคนที่ผมแอบชอบตั้งแต่แรกเห็นดังขึ้นในโซตประสาทของผม ตามจริงฉันยังพอมีสติอยู่บ้างถึงไม่ร้อยเต็มก็เหอะ ผมได้ยินและเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น เจ้าปีศาจบ้าบออะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ในตัวผม มันดันควบคุมประสาทสั่งการการเคลื่อนไหวของร่างของผมซะงั้น บ้าชะมัด แถมเมื่อครู่มันใช้ปีกของมันพัดเอาคนรักของผมกระเด็นไปไกลตั้งหลายครั้ง ตอนเธอพยายามเข้ามาช่วยผม จะว่าไปเธอคนนี้กล้าหาญจริงๆ ทั้งๆที่จะปล่อยผมทิ้งไว้ในสภาพนี้แล้วหนีไปกับป้าเรย์ก็ไม่ยอมทำ แต่ก็ เธอพยายามขนาดนั้นผมก็ขอสู้ตายเหมือนกัน

             “!!!เรย์ เวย์!!!”

             เธอพูดแล้วเกิดสัญลักษณ์สีขาวตรงพื้น แล้วเธอก็พุ่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วสูง แต่เจ้าปีศาจบ้านี่มันดันสะลัดขนปีกและเสกให้เป็นใบมีดพุ่งใส่เธอ ไม่ได้การล่ะหลบเร็วนามิ!!!

             “!!!ดับเบิ้ล เวย์!!!”

             หลังเธอพูดก็เกิดลูกศรสีขาวบนพื้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มีสองอันอันหนึ่งเธอคงใช้หลบมีดพวกนี้แน่เลย และอีกอันล่ะเธอใช้ทำอะไรเพราะมันชี้ไปทาง...

 

             ด้านหลังของผม

 

             แต่ก็ตามคาด ปีศาจบ้านั้นมันสะบัดปีกอีกครั้ง แต่คราวนี้มีทั้งลมพายุและใบมีดซะด้วย ฉันหวังว่าเธอคงรับมือได้นะ

             “!!!สตรอม!!!”

 

             คราวนี้เมื่อเธอพูด ก็มีลูกศรสีขาวขนาดเล็ก จากพื้น และบิดตัวรวมกันเป็นเกลียวเหมือนพายุห่อหุ้มร่างกายเธอไว้จากใบมีดพวกนั้น และเธอก็ใช้เวย์ของเธออ้อมมาด้านหลังผมอีกครั้ง และความรู้สึกที่ผมอยากจะลองสัมผัสซักครั้งก็เกิดขึ้น เมื่อเธอกอดผมเอาไว้จากด้านหลัง น่าดีใจสุดๆเลย ว้าว เธอช่างอบอุ่นเสียจริง

             “!!!สไปรเลอร์!!!”

 

             และในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ ลูกศรพวกนั้นรวมตัวกันและรัดร่างของผมและนามิติดกันแน่น ถึงจะอึดอัดไปหน่อยแต่ก็ดีนะ ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอแบบนี้นานแค่ไหนแล้วน้า...ครั้งสุดท้ายที่อยู่ใกล้เธอคือเมื่อตอนผมป่วย ตอนนั้นผมจูบกับเธอไปทีนึงแล้วด้วย หึ หึ หึ ตอนนั้นเธอทำหน้าเหวอเลยล่ะ คงงงล่ะสิ แต่ฉันก็จริงๆเลย ชอบฉวยโอกาสตอนเธอตกใจเห็นปีสีเทามลทินของผม

 

             “I love you very mush” นามิพูด

             (ฉันรักนายมากนะ)

             “Please come back” มันดังมาก

             (ได้โปรด กลับมา)

           “I promise that” เสียงของเธอดังก็จริงแต่ก็อ้ำอึ้งบางประโยค

             (ฉันสัญญา)

             “I will love you forever” เสียงเหมือนเธอคนนั้นกำลังเขินอาย

             (ฉันจะรักนายตลอดไป)

             “Buts” คราวนี้น้ำเสียงเธอเศร้ามาก

             (แต่)

             “Please comes back to me” ใครนะช่างกล้าทำเธอเสียใจได้

             (ได้โปรด กลับมาหาฉันนะ)

 

             เอ๊ะ!!!

 

             หรือว่าจะเป็น

 

             ตัวฉันเอง

 

             หึ หึ หึ ฉันนี่มันแย่จริงทำให้เธอเสียใจเข้าจนได้(ถึงไม่รู้ว่าบ่อยแค่ไหนก็เหอะ) แต่เธอนี่ก็กล้าจริงๆเลยนะที่กล้าพูดบอกรักฉันดังขนาดนั้น ขอบใจนะคุณป้ายเรย์ที่คิดวิธีช่วยฉันแบบหวานๆอย่างนี้ให้ถึงตามจริงมันไม่ได้ผลก็ตาม

 

             ภายในตัวผมถ้าจะจินตภาพจริงๆ มันถูกแบ่งเป็นสามห้อง ที่ที่ผมอยู่คือเป็นที่ที่อบอุ่นสงบโล่งขาวสะอาดตาเมื่อผมหลับทีไรผมก็มักจะถูกส่งมาที่นี่ทันทีเสียทุกครั้ง และที่สำคัญมีโซฟาสีขาวนุ่นๆตั้งอยู่กลางห้องด้วยล่ะ ส่วนอีกห้องเป็นห้องสีเทาที่นี่โล่งเช่นกันและไม่มีอะไรอยู่เลยตอนเข้ามาโลกภายในแห่งนี้ผมมักจะมาเล่นห้องนี้ประจำ และห้องสุดท้ายในนั้นมันมืดมากๆมีแต่เสียงกรีดร้องของตัวอะไรที่ผมไม่รู้ได้ดังอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญถ้ามันรุกล้ำเข้าไปในห้องสีเทาเมื่อไหร่ผมก็จะมีสภาพเหมือนตอนนี้ ที่ผมกำลังขยับร่างกายเพื่อขัดขืนการกระทำของนามิเพื่อเรียกสติของผมในตอนนี้ และเพื่อไม่ให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้ผมต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ

             ผมลองเดินออกจากห้องสีขาวของผมเดินตรงไปที่ห้องสีเทาข้าง ประตูบานสีเทาบานใหญ่ อืม...สูงราวๆห้าเมตรได้ล่ะมั้ง และทั้งสามบานในนี้มันสูงเท่ากันอยู่แล้วล่ะ ผมค้นพบโลกในนี้ตั้งแต่จำความได้มาเล่นในนี้ แต่แค่สองห้องล่ะนะที่ผมเข้าออกได้  ไอ้ห้องบ้าๆที่ไม่ควรจะมีอยู่นั่นผมดันเขาไปไม่ได้เนี่ยสิ ทำได้เพียงแค่เอาหูของผมแนบประตูสีดำนั้นฟังเท่านั้น แต่เมื่อตอนที่ผมถูกวางยาพิษตอนไปบ้านนายเรียวทาโร่นั้น ประตูบ้านั้นดันเปิดให้ผมเข้าไปได้ซะงั้น ในนี้มีดและมันมืดมากๆมีแต่เสียงกรีดร้องของตัวอะไรที่ผมไม่รู้ดังอยู่ตลอดเวลา น่าขนลุกชะมัดห้องบ้าๆนี่มาอยู่ในตัวผมได้ไงนะ

             เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องสีเทา ประตูมันถูกแง้มอยู่ มันปิดลงไม่สะนิดเพราะโซ่ตรวนสีดำขนาดไม่ใหญ่นักขวางเอาไว้ สายของโซ่มันยาวยืดออกมาจากประตูบานสีดำที่น่ารังเกลียดนั้น ประตูนั้นเปิดออกกว้าง ผมลองเดินเลยประตูสีเทา เพื่อลองเข้าไปดูในนั้นตอนตัวปริศนานี่อยู่ในห้องสีเทานั้น

          ห้องสีดำตรงหน้าเปิดออกจนกว้าง ผมลองค่อยๆเดินเข้าไปในนั้นทีละนิดๆ ในนั้นหนาวเย็นมืดและเงียบไม่เหมาะกับที่ที่มนุษย์ควรจะอยู่ ค่อยๆเดินเข้าไปเรื่อยๆก็ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ ผมเดินมาจนถึงที่ๆหนึ่งในนี้มืดมากเลยล่ะ มองแทบไม่เห็นทางออกเลย แต่ก็คงไม่มีอะไรล่ะมั้ง

             “เก็น” อ๊ะ เสียงใครกัน

             “ใครน่ะ!!!” มันดังมาจากในห้องมืดแห่งนี้คงไม่ใช่นามิแน่ๆ

             “จำไม่ได้แล้วหรือ”

             “ใครล่ะบอกมานะ!!!”

             “หึ หึ หึ จำฉันไม่ได้แล้วจริงๆสินะ”

             “ก็แล้วใครกันเล่า!!!”

             “เธอรีบกลับไปที่ห้องของเธอซะดีกว่านะ”

             “ทำไมฉันต้องรีบกลับด้วยนานๆจะได้เข้ามาที่นี่ที”

             “เดี๋ยวมันจะมาเจอเธอซะก่อนนะสิ”

             “อะไรจะมาเจอฉัน”

             “ลูซิเฟอร์”

 

             โครม!!!

 

             ประตูที่ปิดไม่สนิดของห้องสีเทาถูกพังออกมา ถึงมันจะไม่พังจนหลุดออกมาแต่ก็เกิดลอยขีดข่วนเป็นรอยยาวตรงบนบานประตูบานสีเทานั้น แต่ไม่นานมันก็ไม่พอใจเป็นการใหญ่ ที่ประตูนั้นไม่พัง และเริ่มลงมือทำลายอีกครั้ง แต่มันดันเหลือบไปเห็นบางอย่างเสียก่อนเลยทำให้มันหยุดกระทำต่อ

             ประตูบานสีขาวมันแง้มอยู่ เลยทำให้มันถือวิสาสะเข้าไปในนั้นได้ แต่มันต้องหงุดหงิดอีกครั้งเพราะในนั้นไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากโซฟาสีขาวนุ่นๆแค่ตัวเดียว มันเริ่มอาระวาดต่อในห้องแห่งนั้นอีกครั้ง จนแล้วจนรอดทั้งผนังและโซฟาที่ถูกทำลายก็กลับคืนสภาพแล้วกลับสู่ที่มันควรอยู่ดังเดิมทุกครั้ง ดูเหมือนว่าโลกภายในถูกสร้างเพื่อไม่ให้ถูกทำลายลงได้ง่ายๆละสินะ

             มันคำรามลั่นและเดินลากโซ่ตรวนที่พันธนาการอยู่ตรงส่วนต่างๆของร้างกายมัน เดินลากโซ่ตรวนจนมาหยุดลงตรงหน้าห้องสีดำ

             “!!!มาเรีย!!!”

             “!!!นังสุนัขรับใช้แกอยู่ไหน!!!”

 

             เสียงของมันคำรามลัน และตะโกนเรียกใครซักคนที่มีชื่อว่า มาเรีย แต่ชื่อนี้มันคุ้นมากๆเลยแฮะ มันเหมือนๆกันเอ่อ...

         

             หมับ

 

             มือปริศนาลากผมเดินสู่แสงสว่างที่เป็นทางเข้าของห้องสีดำแห่งนี้ ตรงเขาไปหาปีศาจร้ายที่มีโซ่ตรวนเต็มตัว เธอคิดจะทำอะไรกัน หรือว่าเธอจะเอาฉันไปส่งให้เจ้าปีศาจนั้น

 

        

             ตุ้บ!

 

             “อ๊อก”

             ร่างของผมถูกเหวี่ยงออกจากห้องสีดำแห่งนี้ และโซ่สีขาวที่แตกต่างจากโซ่ที่พันธนาการร่างปีศาจตัวสูงใหญ่สีขาวเอาไว้ รัดร่างของมันเข้าไปในห้องสีดำ และประตูบานใหญ่สีดำค่อยปิดลงทีละนิดๆ และพอผมปรับสายตาของผมกับความมืด ก็พบว่ามีอีกร่างหนึ่งค่อยๆเดินออกจากความมืดมิดนั้นจนมาหยุดอยู่ตรงปากทางประตูแต่ก็ไม่ได้ออกมาจากห้องนั้น เป็นผู้หญิงด้วยแฮะ สวยมากๆ ผมสีน้ำตาลเหมือนฉันเลย ดวงตาสีฟ้าแต่ดูแล้วเศร้าหมองเธอยิ้มและมองมาที่ฉันอย่างอ่อนโยน แต่พอมองใบหน้าเธอดีๆอีกครั้ง น้ำตาของผมแทบไหล แต่ก็หยุดแต่ก็หยุดให้มันไหลไม่ได้ และไหลรินออกมาเรื่อยๆ

 

           เพราะเธอ...คือ....

 

           “!!!แม่!!!”

             เธอเป็นแม่ของผมเอง ไม่ผิดแน่ๆ ผมจำเธอได้ ถึงจะเป็นแค่รูปถ่ายที่พ่อเคยถ่ายกับแม่ตอนท่านมียังชีวิตอยู่ แต่ผมก็จำท่านได้

             “เก็น ลูกรัก แม่อยากจะกอดลูกซักครั้งเหมือนกันนะแต่แม่ก็ไม่มีโอกาสแบบนั้นแล้วล่ะ”

             “แม่ครับ แม่ ผมคิดถึงแม่มาตลอดเลย พ่อบอกว่าแม่ตายแล้ว แต่ทำไมแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

             “หึ หึ หึ ไม่มีเวลามาอภิบายมากซักเท่าไหร่ แต่แม่ขอพูดไว้ตรงนี้ละกัน เพราะเราอาจจะไม่ได้พบกันอีกก็ได้”

             “ทำไมล่ะครับแม่ ทำไมเราถึงจะไม่ได้เจอกันอีกล่ะครับ”

             “ฟังแม่นะ วิธีที่จะทำให้แม่ออกไปจากที่นี่ได้มีแค่สองวิธีเท่านั้น วิธีแรกคือลูกต้องถูกปีศาจนี่กลืนกินและหลุดพ้นจากผนึกของแม่ออกจากตัวลูกไปได้ และวิธีนี้แม่ไม่ยอมแน่ๆถ้าลูกจะเสียสละตัวเองเพื่อให้แม่ออกไป”

             “งั้นเหรอ แล้วอีกวิธีละครับ”

             ผมพูดแล้วค่อยเดินเข้าไปหาแม่ทีละนิดๆ และประตูบ้านั้นดันบิดเร็วขึ้นเรื่อยๆซะงั้นถึงระยะห่างระหว่างประตูกับผมมันไม่มากแต่ทำไมยิ่งวิ่งยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆได้นะ และก่อนปิดประตู

             “ และวิธีอีกวิธีคือ เอาชนะ ลูซิเฟอร์ เจ้าแห่งปีศาจตนนี้ให้ได้” ท่านเงียบไปและ “สัญญากับแม่นะว่า อย่างเสียสละเพื่อปีศาจอย่างแม่”

 

             แอ๊ด...ปัง!

 

          ห               ลังจากแม่พูดวิธีที่สองจบประตูนั้นปิดลงจนได้ เมื่อผมมาถึงที่ตรงหน้าบานประตูพอดี บ้าชะมัดผมเกือบถึงตัวแม่อยู่แล้วเชียว มืออันนุ่มๆนั้น แววตาสีน้ำเงินที่ดูเศร้าหมองนั้นแต่เมื่อมองเข้าไปแล้วดูอบอุ่นนั้น ผมน้ำตาลยาวสวยนั้น ช่างน่าจดจำเอาไว้จริง ผมอยากกอดท่านอีกซักครั้งไม่สิอีกหลายๆครั้งถ้าเป็นไปได้ แต่มันก็ต้องพังทลายลงเพราะเจ้าประตูสีดำบานน่ารังเกลียดบานนี้บานเดียว แม่บอกว่ามีสองวิธีงั้นเหรอที่จะช่วยท่านได้ และแม่แนะนำว่าวิธีแรกมันเสี่ยงต่อชีวิตฉันสินะ งั้นวิธีที่สองล่ะต้องสู้กับมันงั้นเหรอ อืม...เรื่องนี้ไว้ก่อนละกันยังไงฉันก็รู้แล้วว่าแม่ยังอยู่กับผมตลอดเวลา ภายในโลกภายในแห่งนี้ ซักวันผมต้องมาช่วยแม่ออกไปให้ได้ รอก่อนนะครับ แม่

 

             “!!!ครับแม่ ผมสัญญา!!!”

 

End chapter of Genkichi

 

             เปลือกตาของชายที่นอนนิ่งในตักฉันเริ่มพรึมกระพริบเบาๆ หลังจากจับตัวเขาได้และพูดพลาสเวิดส์ดึงสติสุดน่าอายของยัยเรย์แล้ว ร่างกายของเขาเริ่มกลับสู่สภาพเดิม ทีละนิดๆ ปีกสีเทาของเขาเริ่มขนร่วงหล่นลงพื้นจนหมดและเค้าโครงว่าจะเป็นปีกก็หายไป รอยแผลที่ถูกฉันกรีดฟันเป็นทางยาวเริ่มสมานกันจนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยขีดข่วนอะไร พลังของฉันคงมีผลต่อเขาละสินะแผลทั้งหมดถึงหายได้เร็วขนาดนี้ -_-

           “เก็น เก็น นายได้ยินฉันไหมเก็น ฟื้นซะทีสิ”

           “.....”

             “เก็น”

             “.....”

             ฉันเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขาก็ไม่มีวี่แววที่จะคืนสติขึ้นมาเลย และพอจะขอถามความเห็นกับยัยเรย์ ก็มีแสงสีฟ้าฉายออกมาจากหัวของแหวนสีฟ้าวงนี้และมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า

             “ของีบซักพักนะคะ”

             มันเขียนไว้อย่างนี้นะแต่เป็นฟอนต์อักษรที่ดูน่ากลัวๆยังไงไม่รู้แฮะ ช่างมันเถอะละกัน =3=

 

             หมับ

 

             มือหนาๆของขับจับมือฉันเอาไว้ เล่นซะตกใจเลย แต่เขายังหลับตาพรึมสนิทอยู่ และที่สำคัญฉันแอบเห็นนายนี่ยิ้มด้วยล่ะ ยิ้มอะไรของนายนี่กันนะ และชั่วขณะหนึ่งที่ฉันกำลังสงสัยฉันก็คิดออกได้สองกรณีที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้คือ ประการแรก นายนี่กำลังหมดสติและกำลังเพ้อจับโน้นจับที่มากุมไว้เพื่อพึงใจ และอีกประการคือ นายนี่ได้สติแล้วแต่แกล้งทำเป็นหมดสติ หลังจากได้สติแล้วรู้ว่าอยู่บทตักฉันและทำเนียนๆจับมือฉันอีกด้วย ฉันตัดสินใจเลือกกรณีไหนดีนะมันเป็นไปได้ทั้งคู่แต่ฉันว่า น่าจะเป็นกรณีอย่างหลังนะ เอาไงเอากันฟะ !!!=_=!!!

 

             ตุบ!!! อ๊าก!!!

             ฉันปล่อยหัวนายเก็นกระแทกพื้นและมันก็ได้ผล นายนั้นร้องทันทีเลยตอนหัวถึงพื้นดังตุบ หึ หึ หึ สะใจ นายนี้ได้สตินานแล้วแล้วทำเนียนจริงๆด้วย ฉันลุกขึ้นมองผลงานและขำเขานิดๆ

             “เธอทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันเจ็บนะนามิ” เขาโวยวายทันที และลูกขึ้นตามฉัน

             “ฉันตางหากที่ต้องโวยวาย นายมันชอบหาโอกาสลวนลามฉัน”

             “ลวนลามอะไร แค่จับมือเอง” *////* ไอ้บ้า

             “แค่จับมือเหรอ ชิ! แค่จับมือก็ไม่ได้ย่ะ ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย กล้าดียังไงมาจับมือฉัน -////- ”

             “เธอนี่ก็ ชอบโวยวายจริงๆ ฉันอุตส่าห์ เป็นหวงแทบแย่เลยนะ”

             “เรื่องนั้นไว้ก่อนละกัน แต่ก็ขอบใจเรื่องสร้อย และเรื่องที่นายช่วยฉันจากปีศาจบ้านั้นละกัน ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาความนาย เพราะนายเคยช่วยฉัน(หลายครั้งมาก)เอาไว้หรอก แต่ครั้งหน้าละก็ฉันซัดนายให้หงายแน่ จำไว้เลย”

             “จ้าๆ จะจำเอาไว้และก็สำหรับคำขอบคุณไม่เป็นไรหรอก ฉันต้องขอขอคุณเธอเหมือนกัน แหมๆ ฉันรักนายนะ อุ๊ยๆ ฉันสัญญานะว่าจะรักนาย ตามจริงเธอไม่ต้องทำแบบนั้นฉันก็ไม่โดนกลืนกินหรอกนะ”

             “ว่าไงนะ!!!” O////O

             “เพราะฉันเก่งจะตายไป เรื่องแค่นั้นทำให้ฉันตายไม่ได้หรอก ที่โดนพิษจากมีดเธอแค่แสบๆคันเท่านั้นเอง แต่ก็ขอบคุณยัยเรย์นะที่ให้เธอพูดคืนสติฉันแบบนั้น” หนอยยัยเรย์

             “ยัยเรย์ ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ เธอหลอกฉันเหรอยัยบ้า ออกมานะ!!” ฉันวีนแตกทันทีเมื่อได้ยินและหันมาโวยวายใส่ยัยเรย์ที่สถิตในแหวน

             “เธอก็ดันบ้าจี้พูดตามยัยนั้นเองนี่ ตอนนี้ยัยนั้นคงเผ่นไปไกลตั้งแต่ก่อนฉันฟื้นแล้วล่ะ อย่ามัวแต่ทะเลาะกับแหวนเลย”

             “แล้วไงยะ นายก็รู้อยู่แล้วนี่ว่านายไม่โดนกลืนกินแล้วนายทำแบบนั้นทำไม”

             “แบบไหนเหรอ”

             “นายซัดฉันซะกระเด็นเลยนะ แล้วมีดพวกนั้นอีก ถ้าโดนฉันขึ้นมาฉันจะเป็นยังไง” มันน่าโมโหนัก

             “โทษทีนะ แต่ร่างกายฉันมากกว่าครึ่งมันถูกครอบงำนี่ทำไงได้” อ่าวเหรอนึกว่าแกล้ง “ใครจะไปแกล้งอะไรเสี่ยงๆแบบนั้นกันเล่า ฉันห่วงเธอแทบแย่เลยนะ นั้นมันเป็นอีกกระบวนการในการรักษาของฉันล่ะมั้ง และมันคงเป็นระบบป้องกันตัวเอง ฉันพยายามฝืนร่างกายแค่ไหนก็ไม่ได้ผลอะนะ แต่ก็ขอขอบใจที่ได้เธอช่วยอีกแรงไม่งั้นคงกว่าจะสงบก็อีกนาน แล้วเธอไม่ห่วงฉันบ้างเลยเหรอน้อยใจนะ” นายบ้านั้นทำหน้าออดอ้อนฉันเล็กน้อย น้อยใจบ้าอะไรของนายกันล่ะยะ

             “งั้นเหรออย่างนี้นี่เอง ไม่ล่ะฉันไม่ห่วงนายเลยซักนิด ชิ ไปล่ะ”

             หลังจากฟังนายเก็นพูดแก้ตัวอยู่ ฉันเลยเดินออกไปจากบริเวณนั้นหวังว่าข้างนอกคงจะสงบลงแล้วล่ะมั้ง ไอ้เสียงโครมครามก่อนเข้ามาบ้าผีสิงก็เงียบลงไปนานแล้ว แต่ที่น่าหวั่นอยู่ตอนนี้คือ ปีศาจที่ อาละวาท อยู่เมื่อ ด้านน้องที่เพื่อนมันอีกตัวเรียกว่า..อะไรนะ...เอล หรือ เฮลนี่แหละฉันไม่ได้จำซักเท่าไหร่

 

             โครม

             เสียงโครมครามนั้นอีกแล้วสิ แสดงว่าข้างนอกยังอาละวาทอยู่เหรอเนี่ย กะจะออกไปข้างนอกเสียหน่อยแต่ไห้ตัวบ้านั้นยังอยู่นี่สิ

             “จะออกไปทำไม”

             “ฉันอยากอยู่ห่างๆนายมีไรไหม”

             “เธอก็จริงๆเลยชอบพูดทำร้ายจิตใจฉันอยู่เรื่อยตั้งแต่ไอ้ตัวร่างจำแลงนั้นแล้ว” ตัวร่างจำแลงเหรอ อ๋อ

             “ทำไม หึงฉันเหรอ ไม่พอใจที่ฉันชมคนอื่นว่าหล่องั้นเหรอ”

             “.....” ชิทำเงียบ

             “ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหมไอ้หัวสนิม”

             “นามิ”

             “อะไร”

             “เอาไว้ค่อยเถียงกันวันหลังเหอะนะ เพราะตอนนี้...”

             “อะไร”

             ช่วงที่ฉันเห็นท่าทางของนายเก็นแปลกก็มีเสียงดังลั่นจากด้านบนหลังคาบ้านผีสิง ซึ่งตอนนี่ใกล้พังเต็มทีหลังจากนายเก็นอาละวาทจนเละเทะ

             “!!!หาเจอแล้วยัยเลือดชะตากรรมต้องสาป!!!”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา