The Smile Devil นายปีศาจตัวร้ายกับยัยตัวเเสบ
เขียนโดย winter
วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 10.04 น.
แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557 12.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Chapter 1 บังเอิญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter I
บังเอิญ
กริ๊ง..................
เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น ฉันค่อยๆเลื่อนมือไปปิดมันตามเคย และเสยผมอันสลวยที่ตอนนี้ค่อนข้างดูยุ่งเหยิงพอสมควร ก่อนจะหยิบนาฬิกามาดูอีกครั้งว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้วนะ
“ กรี๊ด......! แปดโมงแล้วเหรอเนี่ย!” จากนั้นฉันก็รีบกระโดลงจากเตียงนอน และรีบเข้าห้องน้ำ ทันที
“ยัยลูกคนนี้ เอะอะโวยวายแต่เช้าเลยนะ ทำตัวให้เหมือนกุลสตรีซะบ้างไม่ได้รึไงนะ”เสียงบ่นตามเคยชินของแม่ฉันจากในครัว คงทำอาหารเช้าอยู่ล่ะมั้ง
“โทษทีคะแม่พอดีตื่นสายไปหน่อยอะค่ะ”
พอแต่งชุดเครื่องแบบนักเรียนเสร็จฉันก็รีบวิ่งจากห้องลงไปชั้นล่างเพื่อออกจากบ้านไปโรงเรียนทันที
“อ้าว นามิวันนี้ไม่ลูกไม่ทานข้าวเช้าเหรอ” แม่ฉันถามด้วยความห่วงใยเช่นเดิมทุกเช้า
“ไม่ดีกว่าคะ ตอนนี้มันสายแล้วแถมคาบแรกเจอคณิตฯซะด้วย ขืนมัวกินก็สายกันพอดี” พูดเสร็จฉันก็รีบคว้ากระเป๋ากับรองเท้าและขนมปังปิ้งอันหอมหวาน แล้วคาบไว้และวิ่งออกจากบ้านของฉันสู่โรงเรียนทันที
มันคงเป็นภาพที่ไม่ค่อยน่าดูนักสำหรับเด็กสาวม.ปลายวิ่งคาบขนมปังแผ่นไปโรงเรียนพร้อมๆกับทรงผมหยักศกเล็กน้อย และดูกระเซอะกระเซิง และชุดนักเรียนที่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยเพราะชายเสื้อหลุดจากกระโปรงซึ่งผู้ชายหลายๆคนอาจจะดูเรียบร้อยกว่าผู้หญิงอย่างฉันก็คงไม่แปลก แต่มันก็ไม่ใช่สภาพนี้ทุกวันหรอกนะ เฉพาะตอนตื่นสายเท่านั้นแหละ
เออจริงสิลืมแนะนำตัวไปเลยแฮะ คงจะคิดว่ายัยบ้าซกมกที่พูดอยู่นี่เป็นใครกันนะ
>>>ประวัติโดยย่อๆนะคะ
ชื่อ ฮารุนะ นามิ ส่วนใหญ่เรียกฉันว่า นามิ อายุ17ปี ตอนนี้กำลังวัยรุ่นต้นๆเลยแหละ ส่วนสูง 165 เซนติเมตร น้ำหนักไม่ขอบอกละกัน นิสัยร่าเริง สดใส มีเพื่อนฝูงเยอะ เป็นลูกลำดับที่2 ของตระกูล ฮารุนะ ส่วนพ่อท่านเสียไปนานแล้วท่านเคยทำงานเป็นบาทหลวงอยู่ที่โบสถ์โรมันอะไรก็ไม่รู้ตอนนั้นไฟไหม้ตอนประกอบพิธีกรรมทางศาสนาท่านเลยถูกไฟคลอกตาย ดีที่ฉันรอดมาได้โชคดีชะมัด(พูดเหมือนไม่ใยดีที่พ่อเลยนะเรา)พระเจ้าที่พอรับใช้ท่านคงยังไม่อยากได้เด็กดื้ออย่างฉันไปอยู่ด้วยแน่ๆ เลยมารับแค่พ่อฉันไป ฉันเลยอยู่กับแม่กับพี่แค่ 3 คนฐานะก็ไม่ได้ร่ำรวยนักเท่าไร งั้นก็จบประวัติส่วนตัวสู่ปัจจุบันละกันนะ
แต่วันนี้ช่วงเช้ามีสอบย่อย แถมตอนนี้ฉันดันมาสายซะงั้น พอถึงหน้าโรงเรียนขนาดกลางของเมืองทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ที่ตอนนี้น่าจะมีนักเรียนของที่นี้เดินกันให้วุ้นกันในตอนเช้าเหมือนก่อนๆ คงจะขึ้นอาคารเรียนกันหมดแล้วสินะ ฉันคงมาเป็นคนสุดท้ายของโรงเรียนละสิ แย่ชะมัดเลยเรา YoY
ฉันรีบวิ่งขึ้นอาคารเรียนทันทีที่เก็บรองเท้าไว้ในล็อกเกอร์เสร็จ และก็เหลือบไปเห็นจดหมายชองน้อยสีชมพูข้างๆล็อกเกอร์ของฉันเอง แต่เอ๋นี่มันล็อกเกอร์ของยัยอากิ เอ๊ะหรือว่าจดหมายรักของหนุ่มๆแน่เลยน่าอิจฉาชะมัด ไม่เห็นมีใครมาจีบเราบ้างนะ -_- พอวิ่งมาถึงห้องที่มีป้ายเก่าๆเขียนว่า 4-B หน้าห้อง ใช่อีกไม่กี่ปีฉันคงจะจบจากที่นี้แล้วแต่น่าเศร้าตรงยังหาแฟนยังไม่ได้เป็นตัวเป็นตนกับเขาซักที T_T
“ไงนามิ มาสายตามเคยนะยะ” เสียงดังจากโต๊ะด้านหน้าของฉัน
“โทษทีนะพอดีเมื่อคืนดึกไปหน่อยอะดิ เลยตื่นสาย”
ฉันพูดพร้อมฟุบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความง่วงทันทีที่ก้นงอนๆของฉันสัมผัสเก้าอี้ ของีบหน่อยละกันหวังว่ายัยอากิจะปลุกตอนอาจารย์เข้าสอนนะ (_ _) zzzz
“นามิเอ๋ยชาตินี้จะมีผู้ชายที่ไหนมาชอบเธอบ้างไหมนะ ขี้เซาชะมัดเลยแถมทำตัวเป็นนักเลงบ้าๆบอๆอีก จริงๆเลย แกนี่” นี่ปากหรือย่ะ พูดซะฉันคนนี้มันดูเลวร้ายขนาดนั้นจนไม่มีคนชอบเลยเหรอ
“ชิ ฉันหลับอยู่อย่าพึ่งกวน ครออออออก”
“อ๊ะ!จริงดิ” อะไรอีกละฟะ
“ วันนี้ช่วงบ่ายๆจะมีนักเรียนใหม่จากที่อื่นมาเรียนห้องเดียวกับเราด้วยแหละ เห็นอาจารย์บอกว่าเป็นผู้ชาย แถมเป็นหนุ่มหล่อไฮโซซะด้วย ไม่รู้จะหล่อสู้นายเบือก งี่เง่าที่พยายามจีบฉันอยู่ทุกวันนี้ได้หรือเปล่านะอยากรู้จังแฮะ”
ฉันเหลือบตามองตามยัยอากิ ปรากฏเป็นผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาพอใช้ได้แต่นายนี่ตาตี่ชะมัดเลย อ๋อ จดหมายรักของนายนั้น นั่นเองนึกว่าใคร
“แล้วไง ขอบใจย่ะที่บอก” แล้วก็หลับไป
หลังจากแหกขี้ตาตื่นมาสอบย่อยวิชาคณิตสุดหินเสร็จ ฉันก็ทนนั่งฟังยัยคูณครูสอนดนตรีสุดสวย(แต่น้อยกว่าฉัน อิอิ)แหกปากร้องเพลงอยู่ทั้งคาบละตบท้ายด้วยนั่งมองคุณครูสอนหัตถะกรรมสุดหล่อสอนถักไหมพรม ไม่ใช่แค่ฉันนะ พวกผู้หญิงทั้งห้องเลยก็ว่าได้ ที่มองอาจารย์สุดหล่อนั้นจนหยาดเยิ้ม *-*
ช่วงพักกลางวัน
และในที่สุดก็พักกินข้าวเที่ยงซะที ขืนเรียนนานกว่านี้มีหวังสาวๆในห้องกินคุณครูสุดหล่อนั้นแทนข้าวแน่ๆ อิอิ ไม่รู้ว่าของกินในตอนกลางวันจะมีอะไรน่ากินหรือเปล่านะ ฉันเดินเข้าไปในโรงอาหารของโรงเรียนที่คุ้นเคย และเดินดูข้าวกล่องที่แม่ครัวของโรงเรียนทำขาย ฉันเดินเข้าไปกะจะหยิบข้าวหน้าปลาไหลของโปรด ที่ตอนนี้มันดันเหรอแค่กล่องสุดท้ายพอดี
“ว้าว! ลัคกี้ กล่องสุดท้ายพอดีเลย” พูดจบฉันก็หยิบข้าวกล่องทันที
หมับ!
แต่ดันเป็นเวลาที่เหมาะเจาะกับใครคนหนึ่งที่ดันมาหยิบกล่องเดียวกันกับฉันพอดี ใครฟะ
“ฉันหยิบก่อน” ชายคนนั้นพูดขึ้น ฉันมองที่ตนเสียงที่แข็งๆกล่าวออกมาห่วนๆและพบว่า ผู้ชายอะไรหล่อเป็นบ้า!! ผมสีน้ำตาลที่ดูยุ่งนิดๆ จมูกโด่ง ปากสีชมพูราวกับปากผู้หญิงนัยน์ตาสีฟ้าเข้ม เขาสวมชุดเครื่องแบบเหมือนนักเรียนชายทั่วๆไปในโรงเรียน แต่ที่น่าแปลก คือเขาคล้ายๆกับ..เอ่อ..ใครก็ช่างเหอะ ไม่คุ้นหน้าแฮะน่าจะมาเรียนใหม่ แต่แต่งตัวบ้านๆแฮะ ไม่เห็นจะไฮโซซักเท่าไหร่ คงไม่ใช่มั้ง
“แต่..ฉันเจอก่อนนะ” ฉันตอบไปด้วยเสียงเรียบๆหวานๆเผื่อนายนี้จะยกให้ฉัน
“โทษทีนะ ฉันขอละกัน” เขาพูดจบก็กระชากข้าวกล่องจากมือฉันไปทันที และยิ้มอย่างผู้ชนะ
“นาย! เห็นแกตัวจริงเลยนะไม่คิดเสียสละให้ผู้หญิงเลยนะ”
“ก็แล้วมันยังไงล่ะ ผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมชายไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องเสียสละให้เธอตามที่เธอพูดด้วยล่ะ”
เขาเถียงกลับมาและทำหน้ากวนประสาทสุดๆ หนอยพูดมาได้เต็มปากว่าผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมชายไม่ใช่เหรอ แม่อยากชกให้หมอบคามือจริงๆ
“ไม่ต้องด่าฉันในใจก็ได้ ฮึ..ฮึ” รู้ได้ไงฟะเนี่ย
“นายรู้ได้ไงกัน ว่าฉันคิดอะไรหรือว่า....” หรือว่าอะไรดีล่ะเนี่ยเรา แต่พอฉันลากเสียงเท่านั้นแหละ เขาก็ทำท่าทางตกใจแปลกๆแฮะ
“หรือว่าอะไร พูดให้มันดีๆนะ ฉันก็แค่เดาใจคนอื่นเก่งเท่านั้นเอง บังเอิญน่า บังเอิญ..”
“ฉันไม่ได้พูดอะไรซะหน่อย ฉันแค่อยากกินข้าวหน้าปลาไหลก็เท่านั้นเอง กล่องสุดท้ายแล้วด้วย” ฉันทำหน้าออดอ้อนอีกครั้งแต่คงไม่เป็นผลแน่ๆ
“ไม่สน” ว่าไงนะ ทำกับเลดี้สุดสวย(ว่าไปได้)อย่างฉันได้ไงกันฟะ
“นายกินอย่างอื่นไม่ได้เหรอ” ไอ้บ้านี้พูดด้วยเปลืองน้ำลายชะมัด
“นี่ก็ของโปรดฉันเหมือนกันนะคงจะไม่ได้หรอก” ว่าจบไอ้บ้านิสัยเสียก็เดินไปจ่ายเงินกับแม่ครัวทันที
“ป้าครับไม่ต้องทอน” ไอ้บ้าเอ้ย อดเลยเรา
“ฝากไว้ก่อนเหอะแก!” ฉันโกรธแบบสุดๆตะโกนไล่หลังไอ้บ้านั้นไป
“ไง นามิ เป็นอะไรไป ยัยเพื่อนบ้อง เห็นบอกว่าจะไปหาข้าวหน้าปลาไหลของโปรดกินไม่ใช่เหรอ แล้วไหงเอาข้าวหน้ากุ้งมากินซะได้หละ”
เฮ้อ..สุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งทนกินข้าวหน้ากุ้งทอดที่เหลืออยู่ในร้านแทนซะงั้น เพราะแกไอ้หล่อใจร้าย(ยังไปชมมันอีกซะงั้นเรา)นั้นคนเดียว
“เอาะไอ้อ้าอั้นอะอิ อ้าอาอ้ออีออก..” แปล(เพราะไอ้บ้านั้นอะสิ หน้าตาก็ดีหรอก)
“พอๆ แกกลืนก่อนเหอะค่อยพูดก็ไอ้เดี๋ยวติดคอตายซะก่อน”
ยัยอากิพูดขัดขึ้นตอนฉันกำลังพูดทั้งๆที่มีข้าวอยู่เต็มปาก น่าเกลียดชะมัดเลยนะเราเนี้ยไม่ใช่แค่ วิ่งคาบขนมปังแผ่นไปโรงเรียนพร้อมๆกับทำทรงผมดูกระเซอะกระเซิง และชุดนักเรียนที่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยแล้วตอนกินยังทุเลศยิ่งกว่าเฮ้อ (-_-)
“เพราะไอ้บ้านั้นอะสิ หน้าตาก็ดีหรอกแต่นิสัยแย่ชะมัด”
พูดจบฉันก็ตักข้าวคำโตๆเข้าปากแล้วก็เคี้ยวๆๆๆให้มันจนแหลกละเอียดกว่าทุกครั้งที่เคยกิน(เจ้าคิดเจ้าแค้นชะมัดเลยเรา)แต่คิดแล้วมันน่าเจ็บใจ
“เหรอ แล้วเขาเป็นใครล่ะ” ถามทำไรฟะไอ้เพื่อนบ้าคิดแล้วมันน่าเจ็บใจ
“ไม่รู้ ไม่คุ้นหน้าเลยสงสัยเด็กใหม่” พูดจบฉันก็ยกน้ำส้มมากระดกจนหมดแก้วแล้วนั่งคุยกับอากิต่อ พะอืดพะอมชะมัดเลยอาหารมื้อนี้
“คงไม่ใช่หรอกมั้ง เห็นครูบอกว่าจะเข้ามาตอนบ่าย”
“นั้นดิ คงไม่ใช่หรอกมั้งทำท่าเหมือนคนเคยรู้จักฉันยังไงยังงั้นเลยล่ะ แถมหน้าก็ยังคล้าย....” เฮ้อ…..
“คล้ายใครเหรอ”
“..........”
“บอกหน่อยดิ” เชอะสอดรู้ชะมัด
“..........” ไหงเงียบซะงั้นล่ะเชอะ ตีหน้าเศร้าซะด้วยอยากรู้อะไรนักหนานะ
“ใครก็ช่างอย่าพึงรู้เลย ไว้เดี๋ยวบอกวันหลังละกัน” ฉันเลยพูดตัดบทก่อนยัยนี่จะเค้นถามต่อ
คาบแรกตอนบ่าย
“เอาล่ะ นักเรียนทุกคนตามที่บอกเมื่อเช้านะ วันนี้จะมีสมาชิกใหม่มาเรียนกับเราเดี๋ยวครูจะให้เขาแนะนำตัวนะ”
ครูที่ปรึกษาประจำชั้นพูดขึ้นก่อนนักเรียนใหม่อะไรนั้นจะเข้ามาแนะนำตัวหน้าห้อง แต่ทำไมไม่เข้ามาซักทีนะ
“เอ่ออาจารย์ค่ะ” เพื่อนในห้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“แล้วเขาอยู่ไหนล่ะค่ะ ไม่เห็นเขาเข้ามาซักที”
“คงอีกซักครู่ล่ะมั้งเห็น ผอ. บอกว่าจะพาเดินดูอาคารเรียนก่อนน่ะ” ชิ คุณหนูเสียจริงนะ ผอ. ถึงกับพาเดินดู
5 นาทีผ่านไป
ก๊อก...ก๊อก…ก๊อก
เสียงเคาะประตูพอเป็นมารยาทดังขึ้นช้าชะมัดเลยให้รอตั้งนาน(5นาทีเองนะนาน)คงใช่ล่ะมั้ง
“ขออนุญาตครับ”
“เย้ๆมาแล้วเหรอ” เสียงผู้หญิงในห้องเอ่ยขึ้น ชิ อยากเห็นอะไรกันนักกันหนา
“เข้ามาสิ”
ครูที่ปรึกษาประจำชั้นพูดขึ้นก่อนนักเรียนใหม่อะไรนั้นจะเข้ามาแนะนำตัวหน้าห้อง ทุกคนในห้องรวมถึงฉันพากันตื่นเต้น(ตอนนี้ฉันชักเบื่อแล้วสิขอไปห้องนำแล้วโดดดีไหมนะ)ที่จะได้เห็นโฉมหน้าของนักเรียนใหม่ แต่ (OoO)
ครืนนน...
เสียงประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับนักเรียนใหม่เดินเข้าห้องมา แต่ -_-!
“สวัสดีครับทุกคน โทษทีนะครับที่ให้รอ” (OoO)! (อาการของฉันในตอนนี้)
“ผมชื่อ โอซากะ เก็นกิชิ เรียกผมว่าเก็นก็ได้นะครับ ผมพึ่งย้ายมาจากอเมริกานะครับ ฝากตัวและหัวใจด้วยนะครับ” พอพูดแนะนำตัวและหยอดมุกเสี่ยวๆเสร็จก็เรียกเสียงวีดว้ายของยัยเพื่อนหญิงในห้องกันยกใหญ่ แต่พอนายนี่พูดจบฉันก็ลุกพรวดพราดขึ้นเรียกสายตาคนทั้งห้องมองมาที่ฉัน
“นาย! ไอ้บ้าเมื่อตอนกลางวันใช่ไหน!”
ฉันพูดพร้อมกับอารมณ์ที่ฉุนกึกอีกทีหลังตอนเที่ยง ที่แท้ก็เป็นนายนี่จริงๆด้วย
“อ๋อ...เธออยู่ห้องนี้นี่เองเดินหาตั้งนาน ยัยข้าวหน้าปลาไหล”
เขายิ้มและตอบด้วยคำพูดกวนๆ กรี๊ด...เรียกฉันแบบนี้อยากตายใช่ไหม แต่ว่า เดินหาฉันทำไรฟะ
“เธอรู้จักกันด้วยเหรอ “ ครูที่ปรึกษาประจำชั้นพูดขึ้น
“เปล่าค่ะหนูไม่รู้จักเขาหรอก แต่เมื่อกลางวัน นายนี่แยกข้าวกล่องชุดสุดท้ายของโรงอาหารไปกินหน้าตาเฉยเลย ชิไอ้บ้า” ฉันพูดเสร็จก็นั่งลงที่เดิมทันที คำพูดเมื่อกี้ทำเพื่อนอึ้งไปตามๆกันทั้งห้อง
“งั้นเหรอ เรื่องแค่นี้เองน่าจะให้อภัยกันได้นะ นามิ” ชิ ไม่สนค่ะ
“ถ้างั้น เก็นคุง ไปนั่งข้างๆนามิละกันว่างตรงนั้นพอดี” ว่าไงนะ (OoO)!
“ว่าไงนะคะอาจารย์ให้ไอ้หมอนี่มานั่งข้างหนู! ไม่เด็ดขาดที่ก็มีตั้งเยอะทำไมไม่ให้เขานั่งที่อื่นล่ะคะ” นั้นดิบ้าไปแล้วเหรออาจารย์คะ ว่าแต่มันมีโต๊ะว่างตอนไหนฟะ
“นี่คือคำสั่ง ไม่งั้นฉันจะให้เธอติดเอฟ วิชาอังกฤษของฉันโทษฐานไม่ที่เธอเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่” เกี่ยวอะไรกันตรงไหนละฟะ T-T
“และให้คำแนะนำเขาด้วยนะจ๊ะ นามิ” จนได้ ไหงครูทำร้ายหนูทางอ้อมแบบนี้ด้วยนะ
“ชิ ไหนว่าเป็นคุณหนูไฮโซ แย่งของคนอื่นกินเนี่ยนะ” ฉันพูดกับยัยอากิหวังว่าคงได้ยินนะไอ้บ้า
“ฉันว่าเขาก็หล่อไม่เบาเลยนะแถมผมก็สีน้ำตาล จมูกก็โด่ง ปากก็สีชมพู นัยน์ตาก็สีฟ้าเข้ม คล้ายกับ เอ่อ..” อากิพูดพร้อมกับอ้ำอึ้งกับประโยคที่เกือบจะหลุดปากพูด
“หยุดพูดเลยนะ เรื่องมันนานมากแล้วนะ ชิ” ฉันพูดด้วยอารมณ์ไม่พอใจเล็กน้อย
“เธอจะว่ายังไงก็ช่าง ฉันไม่ค่อยชอบนายนั้นเลยซักนิด นิสัยแย่ชะมัดไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย” ชิ พูดแล้วยังยิ้มซะอีกกวนประสาทชะมัดเลย
หลังเลิกเรียน
ฉันชวนยัยอากิไปคาราโอเกะร้านเดิมก่อนกลับบ้าน เฮ้อ...พอถึง ยัยอากิก็คลองไมค์อีกตามเคยแต่ก็ช่างเหอะได้ฟังบทเพลงอันไพเราะจากยัยเพื่อนเลิฟแล้วยังไม่ต้องออกตังค์ค่าใช้ห้องคาราโอเกะอีก(ก็แหม ก็ร้องคนเดียวทั้งชั่วโมงเลยหนิ)พอดึกหน่อยๆ ฉันก็เผลอหลับไป ก็บรรยากาศเป็นใจเหลือเกิน แถมยังเหนื่อยที่ยังต้องคอยหลบสายตาอันกวนประสาทนายนั้นซะด้วยสิ
(ในฝัน)
เอ๋ ที่นี่ที่ไหนกันนะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มืดก็มืด หนาวชะมัดแถมน่ากลัวอีกด้วย ฝันไปแหงเลย ใครก็ได้ช่วยปลุกทีฝันน่ากลัวชะมัดฉันกลัวความมืดนะ และฉันก็เหลือบไปเห็นแสงสีขาวนวลที่ดูริหรี่ แสงของอะไรบางอย่างแต่แสงอะไรก็ช่างลองตามไปดูก่อนละกันเผื่อจะเป็นทางออกก็ได้ แต่เอ๊ะ..อีกด้านของแสงสีขาวมีแสงสีขาวที่แลดูดีๆแล้วคล้ายสีเทาเปล่งออกมา เอาไงดีล่ะจะไปทางไหนดีนะ
พอลองคิดวิเคราะห์อยู่นั้นแสงทั้งสองก็ค่อยๆปรากฏเป็นรูปร่างเป็นอะไรซักอย่างที่คล้าย....กับคน และพอมองไปยังแสงสีขาวดีๆก็ปรากฏเป็น อ๊ะผมสีดำ จมูกโด่ง ปากสีชมพูราวกับปากผู้หญิงนัยน์ตาสีน้ำตาล คนที่ฉันคุ้นเคยดีที่สุด เพราะเราเป็นเพื่อนสมัยที่เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาล และพอมองไปยังแสงสีเทาก็พบกับผู้ชายผมสีน้ำตาลที่ดูยุ่งนิดๆ จมูกโด่ง ปากสีชมพูราวกับปากผู้หญิงนัยน์ตาสีฟ้าเข้ม เขาคือ....เฮ้ยไอ้บ้าเก็น มาหลอกมาหลอนกันถึงในฝันเลยเหรอ ฉันไม่รีรอที่จะคิดอีกเลยเดินไปทางด้านแสงสีขาว ภาพของชายตรงหน้าก็ยื่นมือมาทางฉันเป็นสัญญาณว่าจบมือฉันสิและพูดว่า ‘มาสิส่งมือมา’ ตามที่คาด และฉันก็เอื้อมมือไปเพื่อที่จะจับมือเขาไว้ตามคำเชื้อเชิญนั้น
หมับ..
ไม่ใช่ว่าฉันจับมือเขาไว้นะ เพราะดันมีมือที่สามมาจับมือฉันไว้แล้วดึงฉันซะเกือบปลิวตามแรงนั้นใครกันนะ พอฉันเหลือบตาดูใบหน้าของคนๆนั้นก็ ‘นายเก็น’ ก็ใช่นะสิเพราะเมื่อกี้ฉันก็บอกไปหยกๆว่ามีแสงสีเทาปรากฏเป็นนายนั้น แถมตอนนี้ยังลากฉันไปเรื่อยๆละห่างจากเพื่อนสมัยเรียนคนนั้นไปเรื่อยๆๆๆๆ จนหาเขาหายเข้าไปในหมอกควันพอหันกับมาหานายเก็นเพื่อที่จะด่าเขา ก็ปรากฏแสงสีขาวอีกครั้งและก็…
รู้สึกตัวอีกทีฉันก็ซบอยู่บนตักอุ่นๆของใครซักคน ให้ความรู้สึกอบอุ่นชะมัดใครกันนะเขาให้ความรู้สึกเหมือน ได้หนุนตักของเพื่อนสมัยเรียนคนนั้นมากๆเลยแฮะ เอ๊ะหรือว่าเป็นเขา ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นทีละนิดเพื่อปรับแสง และฉันก็ยังได้ยินเสียงของยัยอากิก็ยังร้องเพลงเรื่อยๆไม่เหนื่อยหรือไงนะ และก็ลืมตาพอที่จะให้กว้างพอ เฮ้ยใช่จริงๆด้วยคนๆนั้นใช่เขาจริงด้วยชายผมสีดำ จมูกโด่ง ปากสีชมพูราวกับปากผู้หญิงนัยน์ตาสีน้ำตาล เขา....เอ่อฉันฝันซ้อนฝันหรือเปล่านะ และฉันก็เพ่งดูเขาดีๆอีกนิดก็ปรากฏว่า OoO
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ