ฉันอยาก ลัก เธอ
-
เขียนโดย พีที
วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.08 น.
2 ตอน1
1 วิจารณ์
5,191 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 18.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เชิญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "ดีนะ ที่เซียดไปนิดเดียว"คนเป็นแม่ยังไม่หายรู้สึกผิด "ว่าแต่หนูเป็นลุกเต้าใคร มาเที่ยวหรือ ไม่รู้รึไงว่าแถวนั้นโจรชุม"ตอนนี้เธอย้ายก้นมานั้งเก้าอี้ข่้างเตียงส่าวนคนที่เหลือยืนรอมเตียงเหมือนฉันดำลังจะวิิ่งหนี
"ค่ะมาเที่ยว ที่บ้านไม่ว่าหรอกค่ะ สบายดีเดียวก็หาย ตอนนั้นขอโทษด้วยค่ะลืมดูรถ ห่วงของมากไปหน่อย"ฉัยกล่าวเพื่อเป็นการปลอบขวัญ แต่จริงๆหัวยังโนนูนโด่ปวดแสบอยู่ยังไม่หาย
"จะห่วง อะไรนัก มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ"ชายผมยาวพูดขึ้นเหมือนลอยๆ"ของในกระเป๋านั้นไม่เห็นมีอะไรเลย นอกจากของพวกนี้"เขาหยิบกระเป๋าเป้ที่อยู่ข้างๆคุณนายร่างอวบมาว่างบนตัก จากนั้นผู้หวังดีคนนั้นก็ปรับเตียงให้ ฉันไม่รอช้ารีบหยิบกระเป๋ามาค้นหา ของทุกอย่างอยู่ครบ จะไม่ให้ครบได้ไงในเมื่อกระเป๋าตังอยู่ที่ตัวฉันส่วนของในกระเป๋านั้นนอกจากกระดาษกับ สมุดโน๊ตเล่มนั้น ฉันหยิบขึ้นมากอดด้วยความรักและดีใจที่มันไม่จากไปใหน คนบนเตียงดุดีใจมากจนคนรอบข้างรู้สึกเหมือนถูกลืม
"ข้างในนั้นมีอะไร??"ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าแอบกระซิบกับคนข้างๆ"อย่าบอกนะว่าเป็นบันทึกรัก แหวะ!"เขาทำหน้าคลื่นไส้และเอียนกับการกระทำของพวกผู้หญิง
"ปล่าวข้างในไม่มีอะไรเลย"เมื่อได้ยินคำตอบจากคตรงข้ามถึงกับสงสัย ในตัวเธอคนนี้
หลายวันผ่านไปฉันพึ่งรู้ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นถูกรถชนเสียชีวิตหลังจากฉันสลบไปตรงอีฝ่ากถนน ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้เขาพบจุดจบแบบนั้นและรู้สึกแย่ หลังจากนั้นฉันก็ได้พบคุณหมอ สรัช หรือเรียกสั้นๆว่า คุณหมอรัน และขอร้องให้เขาซื้อกระดาษวาดรูแขนาดเล็กและกระดาษมาให้แก้เหงา แถมเขายังใจดีซื้อสีน้ำมาให้ด้วยฉันด้วย นั้นเป็นการซื้อใจคนไข้มีปัญหาอย่างฉัน ฉันวาดรูปใบกน้าผู้ป่วย มือเท้า ไปๆมาลากเข้ามาสู่เรื่องความตายและการดับสูญ
"ฉันคิดว่าเธอจะวาดรูปสวยๆงามๆเสียอีก คนแถวนี้จะได้สดชื่น"คุณหมอเจ้าเก่าเดินมาดูอาการและวิจารณ์ภาพวาดเน่าๆของฉันฉันยิ้มตอบรับคำชมนั้น และหลายวันที่ผ่านมาฉันตัดสิ้นใจแล้วฉันจะบอกความจริงกัยเขา
"คุณเคยบอกฉันให้ปรึกษาคุณได้"ฉันว่าและพายายามสบตาเขาคุณหมอ เมื่อเราสบตากันเขาก็พยักหน้าเหมือนเป็นคำกล่าวว่า ว่ามา"จริงๆแล้วฉันมาโดยไม่บอกใครฉันไม่มีที่ไปไม่อยากกลับบ้าน ถึงแม้ว่าคุณจะส่งฉันกลับ ฉันก็จะไปที่อื่นอยู่ดี" คุณหมอจองหน้ามาทางฉันเหมือนสังสัยในการกระทำของหญิงสาว
"แล้วคุณจะนอนที่ใหน? หาเงินเองได้ไม? และที่สำคัญ คุณดูแลตัวเองได้หรือปล่าว?"เขายิงคำถามที่ทำให้สีหน้าหนักแน่นของคู่กรณีเปลี่ยนสี "คุรมีที่พักหรือยัง"
"ยัง"ฉันก้มหน้าตอบเหมือนเด็กถูกผู้ปกครองพิพากษาว่าผิดจริง
"แล้วเธอจะนอนที่ใหน"เขาจองมาเหมือนอยากจะตบหัวเต็มแก
"ฉันนอนที่ใหนก็ได้ ข้างถนนก็ได้"แต่ฉันก็ยังพายายามเถียง
"เธอฟังนะ ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าตาธรรมดา ตัวอวบ เตี้ย ไม่มีเสน่ห์ วาดรูปก็หนากลัวอย่างงี้ คงโดนคนจอนจัดแถวนั้นกระทืบตาย หรือไม่ก็โดนจับตัดแขนตัดขาเป็นขอทาน"เขาว่าจบรอฟังคนตรงหน้าเถียง แต่พบแต่ความเงียบ เพราะในใจแม้ว่าจะชินกันคำบรรยายรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ แต่ก็อดที่รู้สึกเสียใจไม่ได้
"หมอรัน หมอเคยรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรับความจริงอะไรบางอย่างได้ไม"ฉันว่าดวงตาสีดำ จ้องมองตาสีน้ำตาลดวงโตสวยของคนตรงหน้า"หมอคงไม่สินะ เพราะหมอรันไม่เหมือนฉัน ฉันมันอัปลักษณ์" ดวงตาสีดำของหญิงสาวเริ่มเออล้นด้วยน้ำตาในขณะที่ริมฝีปากของเธอยิ้ม "ฉันมัน.."แต่แล้วก็ต้องหลบตามุดหน้าเข้ากลับผ้าหุ่ม
"ผม..ขอโทษ"เขาพูดด้วยน้ำเสียรู้สึกผิดสุดขีด และก่อนที่เขาจะพายายามอะไรไปมากกว่านี้ หญิงสาวในผ้าห้มก็เปิดออกจ้องตาของชายหนุ่ม
"ฉันเข้าใจ คุณไปได้แล้วฉันสบายดี"หลังจากคืนนั้นฉันเริ่มรู้สึเกลียดกระดาษวาดรูปนั้นรุ้สึกเจ้บตรงหัวใจที่แผลเก่า แต่ใหนแต่ไร ฉันนั้งดูละครตลกเรื่องหนึ่ง มีตัวละครตลกผู้หญิงแสดงแต่จะว่าไปก็ไม่เชิงแสดงเหมือนเอามาให้ด่ามากกว่า และนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกต่ำต่อยกว่าคนทั่วไปไม่ว่าหน้าตา ผิวพรรค์ พรสวรรค์ ทุกอย่างในตัวฉันคือความธรรมดา และฉันอาจเป็นคนแปลกๆที่ดูละครตลกแต่กลับรู้สึกเจ็บใจแทน ตลก แต่ก็ตลกนะ ตลกร้าย
อยุ่ๆฝนก็ตกฉันตื่นมาและลองเดินเข้าห้องน้ำไม่อยากจะเชื่อว่าเพียง หนึ่งอาทิตย์ ฉันสามารถฟื้นตัวเร็วได้ขนาดนี้ หลังและหัวไม่มีอาการปวดเลยแผลสดตามตัวเริ่มแห้งตกสเก้ตเหลือเพียงเฝือกตรงขาขาว ฉันได้พบกับ หมอรันอีกครั้งตอนมื้อเช้า เขาเข้ามาตรวจดูอาการคนไข้เตียงตรงข้าม ซึ่งลื่นล้มในห้องน้ำ เลยแหวะมาดูอาการของฉัน ซึ่งดูเหมือนจะมาเพื่อปรับความเข้าใจเสียมากกว่า พอเขาเข้ามาถึงเตียงปุบ ฉันเลยยิงคำถามด้วยสีหน้า เรียบเฉย
"ฉันออกโรงพยาบาลได้หรือยัง"
"ถ้าคุณออกไป คุรตอบผมได้ไมว่าคุณจะพีกที่ใหน" ตอของเขาเหนื่อยใจกับความเอาแต่ใจของคนไข้รายนี้
"ฉันจะอยุ่ที่ใหนมันก็ไม่สำคัยหรอก ฉันออกจากโรงพยาบาลไปก็หมดหน้าที่คุณ"ฉันเถียง
"เอาอย่างงี้ไม ผมให้คุณอยู่ที่พักเดียวกับผม"เขายืนขอเสนอด้วยความใจเย็น"เห็นแก่ว่าผมก็เคนยหนีออกจากบ้านก็แล้วกัน" เขาถอนหายใจ
"ฉันไม่อยู่"ร่างคนป่วยทำเสียงเข็ง
"งั้นก็ตอบผมมาสิ ว่าคุณจะไปออยุ่ที่ใหน"เขาเท้าสะเอวถามและเอาแฟ้มสีเท่ามาฟาดเบาๆที่หัวคนไข้ในความดูแลของเขา"และหลังจากนี้ผมก็กลับแล้ว พอดีเลยมีคนเที่ยวเป็นเพื่อน"
นับจากวันนั้นฉันก็ถูกเชิญเข้าบ้านริมทะเลหลังขนาดเล็กทำจากดินหรือที่เรียกกันว่าบ้านดินในสมัยนี้หนึ่งนอนหนึ่งห้องน้ำมีลานว่างให้เป็นที่นั้งเล่นห้องครัวอยุ่ที่ด้านข้างของตัวบ้านซึงติดกับห้องนั้งเล่น มีพื้นที่สนามหญ้าก้วางพอเล่นแบดลินตันได้แต่ติดตรงที่มีต้นไม้ใหญ่ปลูกดอกไม้และที่สำคัญมีหุ่นปูน ฉันเข้ามานั้งอยู่ที่ห้องนั้งเล่น เสื้อผ้าชุดเดิม กระเป๋าเหมือนเดิม เราสองคนทำความเข้าใจกันว่าที่รับฉันเข้ามาเพื่อเป็นเพื่อนท่องเที่ยว เพราะเขาเป็นแค่หมออาสาชั่วคราว เขาอายุ 28ปี ซึ่งตอนนี้ฉันอายุ 20 เราห่างกัน แปดปี เขามีอิสะระที่จะเที่ยวเล่นหรือใช้เงินเป็นต้น และเมื่อเขาเห็นฉันนอนอยู่โรงพยาบาลเข้าคิดถึงเขาตอนเป็นวัยรุ่น ตอนนั้นเขาอายุ 23 ปี เงินไม่มีงานก็ไม่มีทำอะไรไม่เป็นนองกจาก พูดได้สองภาษา เขาหนีมาเพราะ แม่ของเขาแต่งงานใหม่กับเพื่อนของตัว เขารับไม่ได้ แต่เมื่อเขาเข้าใจทำใจได้เขาจึงกลับไปแต่นั้นทำให้เขาเปลี่ยนไปเขาไม่เคยอยู่กับที่เขาออกไปข้างนอกหนึ่งเดือนกลับมาเพี่ยงครึ่งนึง เป็นอย่างนี้ตลอดมาจนปัจจุบัน
"เธอคือเพื่อน และฉันอยากจะช่วยเธอ"เขาบอกและตบตรงบ่า ตั้งแต่ออกโรงพยบาลมาเขาเรื่อมเปลี่ยนคำพูดและกิริยาเหมือนเป็นกันเองมากขึ้น คนตัวสูงเกาผมหยิกสีดำเดินไปโชนหห้องครัว ในขณะที่สายลมพัดเข้าผ่านหน้าต่างบานใหญ่เขามาทำให้ผ้าม้านสีฟ้าอ่อนโบกไปตามลม ดวงตาสีดำจับจองไปที่สุดเส้นสายตาขอบทะเล และเป็นอีกครั้งที่หัวใจเต้นผืดจังหวะ
"เธออยากพายเรือเล่นไม"คนตัวโตเดินมาสะกิดที่แขน"แต่ตอนนี้ ทานข้าวก่อน"
สายลมเวลา ไกล้ค่ำแถบชายทะเล ท้องฟ้าสีเมฆสะท้อนเป็นเป็นสีส้ม มีเพียงเสียงใบพายกระทบน้ำ ล่องพามาไกล้กับเกาะเล็กๆไม่ห่างไกลจากที่บ้านเท่าไร ฉันมองดูเมฆ มันพัดไหวไปตามลมมันให้ความรู้สึกอ่อนโยนและสบาย ความเงียบปกคลุมคนทั้งสอง แค่คิดจะเอยปากสนทนาก็ลำบากใจสายตาชำเลืองมองที่คนผมหยิกตรงหน้าก็พบกับแววตาที่สุดจะเหงามองออกไปทางด้านหลังของฉัน
ทั้งคู่หารู้ไมว่า แววตาในตอนสาดแสงพลังความต้องการบางอย่างเหมือนกัน
ในมือของของหญิงสาวถือสมุดโน๊ตกอดเอาไว้ เมื่อความเงียบทำให้รู้สึกอึดอัดเธอจึงเปิดสมุดไปยังหน้าที่มีกระดาษบางๆคั่นไว้
"นั้น..รูปอะไร?"คนตัวโตรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเพื่อนร่วมทาง เห็นรูปวาดด้วยหมึกดำ จึงหยิบจากเมื่อไปอย่างถือวิสาสะ"ใครวาดเนี้ย" เมื่อมองได้ไม่ทันชัดก็ถูกเจ้าของพายายามกระซากดึงคืนแต่ไรผลเมื่อคนผมหยิกหลบทัน
"เอามานะ"หญิงสาวโว้ยใสอย่างเดือดพล้าน
"ขอดูแค่นี้เองอย่าโมโหสิ แบบเดียว" คนตัวโตบิดตัวหนีจากการรุกร่านของหญิงสาวจนเรือสั่นแอ่น"อย่าดิ้นสิเดียวเรือล้ม"ฝ่ายชายเตือน ได้ผลเธอยอมหยุด
เขามองดูกระดาษในมือเป็นภาพการตูนวาดจากหมึกสีดำ มีผู้เด็กหญิงสามคนคนกลางเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวยิ้มหน้าบานปากก้วางใสเสื้อยืนคอกลมธรรมดา แสดงให้เห็นว่าเป็นคนขี้เล่น โอบคนแขนทั้งสองข้างทางซ้ายเมื่อเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวหยักโซกใส่ชุดกระโปรงลายทางมีโบว์ตรงไหล่สองมือกุมไว้ที่หน้าท้อง มองดูก็รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูแน่นอน และคนข้างขวาเธอผมสั้นซอยท่าทางซุกซนหน่อยๆ หน้าตาหน้ารักที่สุดในสามคน ใส่เสื้อเชิ้ตทับเสื้อยืดคอกลมด้วนใน
"เอ๋? เพื่อนหรอ"คนผมหยิกเอียงคอถาม"ถ้าให้เดานะ เธอคนกลางใช่ไม?"เขาเดาส่งๆ
"ใช่"หญิงสาวหน้าแดง "เอาคืนมาได้แล้ว"ก่อนที่จะกระซากออกจากมือได้สำเร็จ
"วาดสวยดีนะ เธอวาดหรอคงจะนานแล้วสินะ" เขาว่าและถือไม้พายเรือต่อ
"ใช่ นานแล้ว"หญิงสาวเปิดสมุดและสอดกระดาษเก็บไว้ทีเหมือนเดิม
เรือไกล้เข้าฝั่งเกาะเเล็กน้อย ท้องฟ้ามืดสนิท เมื่อแต่มองกลับไปทางเดิมก็ยังเห็นไฟจากฝั่งที่เราออกมา มีต้นไม้ใหญ่ตรงทางเข้า เสียงลมพัดกระทับอดกหญ้า เบาๆพัดไหวไปตามสายลม แสงสีเขียวอ่อน ค่อยๆมาราวกลุ่มใหญ่ที่ต้นไม้ มันเป็นวงจรธรรมชาติที่สวยงาม หน้าเศร้า เพราะเดียวมันก็ตายหลังจากนี้เพียงไม่นาน ให้ทำไงได้มันเกิดมาเพื่อนผสมพันธ์ สายตาของหญิงสาวมองดูแสงเล็กๆอย่างเย็นชา ต่างจากคนข้างๆ เขามองมันด้วยความยินดี
คงจะดี..หากเราเกิดมาเพื่อพบบางสิ่งที่สำคัญกับชีวิตอย่างมีความหมาย
"ฉันชอบมันนะ เธอละ"ฝ่ายชายชลอเรือถาม "มันสวยดีนะ" เขายิ้ม
"หรอ"น้ำเสียงเรียบเฉยไร้ความรู้สึก "ฉันเกลียดหิ่งห้อย มันเกิดมาเพื่อนผสมพันธ์แล้วก็ตาย" ฝ่าายหญิงตอบแต่สายตายยังมองไปที่กลุ่มแสงระหยิบระหยับ
"แล้วเธอเกิดมาเพื่อนอะไร"เหมือนการโต้วาที หัวข้อหิ่งห้อย"มันยังดีที่เกิดมาเพื่อกันและกัน"เขาว่า หญิงสาวแอบเห็นนัยตานั้นแอบสั่นไหววูบหนึ่งก่อนจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม
"ไม่รู้สิ"เธอเงียบ เหมือนนั้งคิด "เพื่อเจ็บและผิดหวังแล้วก็ตายอย่างโดดเดียว" เธอตอบหน้าตาย "คุณละ"
ฝ่ายชายเงียบผิดปกติเมื่อได้คำตอบของคนตรงหน้าฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ เหมือนคนที่นั้งอยู่ตรงหน้านั้นเจอเรื่องราวไม่หน้าจดจำจนต้องหนี มาไกลเพียงนี้ เขาดูบัตรจากกระเป๋าสตางค์ของเธอพบว่าเธอมาจากภาคเหนือสุดของประเทศไทย และพึงจบ ป.ตรี เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง
"ค่ะมาเที่ยว ที่บ้านไม่ว่าหรอกค่ะ สบายดีเดียวก็หาย ตอนนั้นขอโทษด้วยค่ะลืมดูรถ ห่วงของมากไปหน่อย"ฉัยกล่าวเพื่อเป็นการปลอบขวัญ แต่จริงๆหัวยังโนนูนโด่ปวดแสบอยู่ยังไม่หาย
"จะห่วง อะไรนัก มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ"ชายผมยาวพูดขึ้นเหมือนลอยๆ"ของในกระเป๋านั้นไม่เห็นมีอะไรเลย นอกจากของพวกนี้"เขาหยิบกระเป๋าเป้ที่อยู่ข้างๆคุณนายร่างอวบมาว่างบนตัก จากนั้นผู้หวังดีคนนั้นก็ปรับเตียงให้ ฉันไม่รอช้ารีบหยิบกระเป๋ามาค้นหา ของทุกอย่างอยู่ครบ จะไม่ให้ครบได้ไงในเมื่อกระเป๋าตังอยู่ที่ตัวฉันส่วนของในกระเป๋านั้นนอกจากกระดาษกับ สมุดโน๊ตเล่มนั้น ฉันหยิบขึ้นมากอดด้วยความรักและดีใจที่มันไม่จากไปใหน คนบนเตียงดุดีใจมากจนคนรอบข้างรู้สึกเหมือนถูกลืม
"ข้างในนั้นมีอะไร??"ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าแอบกระซิบกับคนข้างๆ"อย่าบอกนะว่าเป็นบันทึกรัก แหวะ!"เขาทำหน้าคลื่นไส้และเอียนกับการกระทำของพวกผู้หญิง
"ปล่าวข้างในไม่มีอะไรเลย"เมื่อได้ยินคำตอบจากคตรงข้ามถึงกับสงสัย ในตัวเธอคนนี้
หลายวันผ่านไปฉันพึ่งรู้ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นถูกรถชนเสียชีวิตหลังจากฉันสลบไปตรงอีฝ่ากถนน ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้เขาพบจุดจบแบบนั้นและรู้สึกแย่ หลังจากนั้นฉันก็ได้พบคุณหมอ สรัช หรือเรียกสั้นๆว่า คุณหมอรัน และขอร้องให้เขาซื้อกระดาษวาดรูแขนาดเล็กและกระดาษมาให้แก้เหงา แถมเขายังใจดีซื้อสีน้ำมาให้ด้วยฉันด้วย นั้นเป็นการซื้อใจคนไข้มีปัญหาอย่างฉัน ฉันวาดรูปใบกน้าผู้ป่วย มือเท้า ไปๆมาลากเข้ามาสู่เรื่องความตายและการดับสูญ
"ฉันคิดว่าเธอจะวาดรูปสวยๆงามๆเสียอีก คนแถวนี้จะได้สดชื่น"คุณหมอเจ้าเก่าเดินมาดูอาการและวิจารณ์ภาพวาดเน่าๆของฉันฉันยิ้มตอบรับคำชมนั้น และหลายวันที่ผ่านมาฉันตัดสิ้นใจแล้วฉันจะบอกความจริงกัยเขา
"คุณเคยบอกฉันให้ปรึกษาคุณได้"ฉันว่าและพายายามสบตาเขาคุณหมอ เมื่อเราสบตากันเขาก็พยักหน้าเหมือนเป็นคำกล่าวว่า ว่ามา"จริงๆแล้วฉันมาโดยไม่บอกใครฉันไม่มีที่ไปไม่อยากกลับบ้าน ถึงแม้ว่าคุณจะส่งฉันกลับ ฉันก็จะไปที่อื่นอยู่ดี" คุณหมอจองหน้ามาทางฉันเหมือนสังสัยในการกระทำของหญิงสาว
"แล้วคุณจะนอนที่ใหน? หาเงินเองได้ไม? และที่สำคัญ คุณดูแลตัวเองได้หรือปล่าว?"เขายิงคำถามที่ทำให้สีหน้าหนักแน่นของคู่กรณีเปลี่ยนสี "คุรมีที่พักหรือยัง"
"ยัง"ฉันก้มหน้าตอบเหมือนเด็กถูกผู้ปกครองพิพากษาว่าผิดจริง
"แล้วเธอจะนอนที่ใหน"เขาจองมาเหมือนอยากจะตบหัวเต็มแก
"ฉันนอนที่ใหนก็ได้ ข้างถนนก็ได้"แต่ฉันก็ยังพายายามเถียง
"เธอฟังนะ ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าตาธรรมดา ตัวอวบ เตี้ย ไม่มีเสน่ห์ วาดรูปก็หนากลัวอย่างงี้ คงโดนคนจอนจัดแถวนั้นกระทืบตาย หรือไม่ก็โดนจับตัดแขนตัดขาเป็นขอทาน"เขาว่าจบรอฟังคนตรงหน้าเถียง แต่พบแต่ความเงียบ เพราะในใจแม้ว่าจะชินกันคำบรรยายรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ แต่ก็อดที่รู้สึกเสียใจไม่ได้
"หมอรัน หมอเคยรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรับความจริงอะไรบางอย่างได้ไม"ฉันว่าดวงตาสีดำ จ้องมองตาสีน้ำตาลดวงโตสวยของคนตรงหน้า"หมอคงไม่สินะ เพราะหมอรันไม่เหมือนฉัน ฉันมันอัปลักษณ์" ดวงตาสีดำของหญิงสาวเริ่มเออล้นด้วยน้ำตาในขณะที่ริมฝีปากของเธอยิ้ม "ฉันมัน.."แต่แล้วก็ต้องหลบตามุดหน้าเข้ากลับผ้าหุ่ม
"ผม..ขอโทษ"เขาพูดด้วยน้ำเสียรู้สึกผิดสุดขีด และก่อนที่เขาจะพายายามอะไรไปมากกว่านี้ หญิงสาวในผ้าห้มก็เปิดออกจ้องตาของชายหนุ่ม
"ฉันเข้าใจ คุณไปได้แล้วฉันสบายดี"หลังจากคืนนั้นฉันเริ่มรู้สึเกลียดกระดาษวาดรูปนั้นรุ้สึกเจ้บตรงหัวใจที่แผลเก่า แต่ใหนแต่ไร ฉันนั้งดูละครตลกเรื่องหนึ่ง มีตัวละครตลกผู้หญิงแสดงแต่จะว่าไปก็ไม่เชิงแสดงเหมือนเอามาให้ด่ามากกว่า และนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกต่ำต่อยกว่าคนทั่วไปไม่ว่าหน้าตา ผิวพรรค์ พรสวรรค์ ทุกอย่างในตัวฉันคือความธรรมดา และฉันอาจเป็นคนแปลกๆที่ดูละครตลกแต่กลับรู้สึกเจ็บใจแทน ตลก แต่ก็ตลกนะ ตลกร้าย
อยุ่ๆฝนก็ตกฉันตื่นมาและลองเดินเข้าห้องน้ำไม่อยากจะเชื่อว่าเพียง หนึ่งอาทิตย์ ฉันสามารถฟื้นตัวเร็วได้ขนาดนี้ หลังและหัวไม่มีอาการปวดเลยแผลสดตามตัวเริ่มแห้งตกสเก้ตเหลือเพียงเฝือกตรงขาขาว ฉันได้พบกับ หมอรันอีกครั้งตอนมื้อเช้า เขาเข้ามาตรวจดูอาการคนไข้เตียงตรงข้าม ซึ่งลื่นล้มในห้องน้ำ เลยแหวะมาดูอาการของฉัน ซึ่งดูเหมือนจะมาเพื่อปรับความเข้าใจเสียมากกว่า พอเขาเข้ามาถึงเตียงปุบ ฉันเลยยิงคำถามด้วยสีหน้า เรียบเฉย
"ฉันออกโรงพยาบาลได้หรือยัง"
"ถ้าคุณออกไป คุรตอบผมได้ไมว่าคุณจะพีกที่ใหน" ตอของเขาเหนื่อยใจกับความเอาแต่ใจของคนไข้รายนี้
"ฉันจะอยุ่ที่ใหนมันก็ไม่สำคัยหรอก ฉันออกจากโรงพยาบาลไปก็หมดหน้าที่คุณ"ฉันเถียง
"เอาอย่างงี้ไม ผมให้คุณอยู่ที่พักเดียวกับผม"เขายืนขอเสนอด้วยความใจเย็น"เห็นแก่ว่าผมก็เคนยหนีออกจากบ้านก็แล้วกัน" เขาถอนหายใจ
"ฉันไม่อยู่"ร่างคนป่วยทำเสียงเข็ง
"งั้นก็ตอบผมมาสิ ว่าคุณจะไปออยุ่ที่ใหน"เขาเท้าสะเอวถามและเอาแฟ้มสีเท่ามาฟาดเบาๆที่หัวคนไข้ในความดูแลของเขา"และหลังจากนี้ผมก็กลับแล้ว พอดีเลยมีคนเที่ยวเป็นเพื่อน"
นับจากวันนั้นฉันก็ถูกเชิญเข้าบ้านริมทะเลหลังขนาดเล็กทำจากดินหรือที่เรียกกันว่าบ้านดินในสมัยนี้หนึ่งนอนหนึ่งห้องน้ำมีลานว่างให้เป็นที่นั้งเล่นห้องครัวอยุ่ที่ด้านข้างของตัวบ้านซึงติดกับห้องนั้งเล่น มีพื้นที่สนามหญ้าก้วางพอเล่นแบดลินตันได้แต่ติดตรงที่มีต้นไม้ใหญ่ปลูกดอกไม้และที่สำคัญมีหุ่นปูน ฉันเข้ามานั้งอยู่ที่ห้องนั้งเล่น เสื้อผ้าชุดเดิม กระเป๋าเหมือนเดิม เราสองคนทำความเข้าใจกันว่าที่รับฉันเข้ามาเพื่อเป็นเพื่อนท่องเที่ยว เพราะเขาเป็นแค่หมออาสาชั่วคราว เขาอายุ 28ปี ซึ่งตอนนี้ฉันอายุ 20 เราห่างกัน แปดปี เขามีอิสะระที่จะเที่ยวเล่นหรือใช้เงินเป็นต้น และเมื่อเขาเห็นฉันนอนอยู่โรงพยาบาลเข้าคิดถึงเขาตอนเป็นวัยรุ่น ตอนนั้นเขาอายุ 23 ปี เงินไม่มีงานก็ไม่มีทำอะไรไม่เป็นนองกจาก พูดได้สองภาษา เขาหนีมาเพราะ แม่ของเขาแต่งงานใหม่กับเพื่อนของตัว เขารับไม่ได้ แต่เมื่อเขาเข้าใจทำใจได้เขาจึงกลับไปแต่นั้นทำให้เขาเปลี่ยนไปเขาไม่เคยอยู่กับที่เขาออกไปข้างนอกหนึ่งเดือนกลับมาเพี่ยงครึ่งนึง เป็นอย่างนี้ตลอดมาจนปัจจุบัน
"เธอคือเพื่อน และฉันอยากจะช่วยเธอ"เขาบอกและตบตรงบ่า ตั้งแต่ออกโรงพยบาลมาเขาเรื่อมเปลี่ยนคำพูดและกิริยาเหมือนเป็นกันเองมากขึ้น คนตัวสูงเกาผมหยิกสีดำเดินไปโชนหห้องครัว ในขณะที่สายลมพัดเข้าผ่านหน้าต่างบานใหญ่เขามาทำให้ผ้าม้านสีฟ้าอ่อนโบกไปตามลม ดวงตาสีดำจับจองไปที่สุดเส้นสายตาขอบทะเล และเป็นอีกครั้งที่หัวใจเต้นผืดจังหวะ
"เธออยากพายเรือเล่นไม"คนตัวโตเดินมาสะกิดที่แขน"แต่ตอนนี้ ทานข้าวก่อน"
สายลมเวลา ไกล้ค่ำแถบชายทะเล ท้องฟ้าสีเมฆสะท้อนเป็นเป็นสีส้ม มีเพียงเสียงใบพายกระทบน้ำ ล่องพามาไกล้กับเกาะเล็กๆไม่ห่างไกลจากที่บ้านเท่าไร ฉันมองดูเมฆ มันพัดไหวไปตามลมมันให้ความรู้สึกอ่อนโยนและสบาย ความเงียบปกคลุมคนทั้งสอง แค่คิดจะเอยปากสนทนาก็ลำบากใจสายตาชำเลืองมองที่คนผมหยิกตรงหน้าก็พบกับแววตาที่สุดจะเหงามองออกไปทางด้านหลังของฉัน
ทั้งคู่หารู้ไมว่า แววตาในตอนสาดแสงพลังความต้องการบางอย่างเหมือนกัน
ในมือของของหญิงสาวถือสมุดโน๊ตกอดเอาไว้ เมื่อความเงียบทำให้รู้สึกอึดอัดเธอจึงเปิดสมุดไปยังหน้าที่มีกระดาษบางๆคั่นไว้
"นั้น..รูปอะไร?"คนตัวโตรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเพื่อนร่วมทาง เห็นรูปวาดด้วยหมึกดำ จึงหยิบจากเมื่อไปอย่างถือวิสาสะ"ใครวาดเนี้ย" เมื่อมองได้ไม่ทันชัดก็ถูกเจ้าของพายายามกระซากดึงคืนแต่ไรผลเมื่อคนผมหยิกหลบทัน
"เอามานะ"หญิงสาวโว้ยใสอย่างเดือดพล้าน
"ขอดูแค่นี้เองอย่าโมโหสิ แบบเดียว" คนตัวโตบิดตัวหนีจากการรุกร่านของหญิงสาวจนเรือสั่นแอ่น"อย่าดิ้นสิเดียวเรือล้ม"ฝ่ายชายเตือน ได้ผลเธอยอมหยุด
เขามองดูกระดาษในมือเป็นภาพการตูนวาดจากหมึกสีดำ มีผู้เด็กหญิงสามคนคนกลางเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวยิ้มหน้าบานปากก้วางใสเสื้อยืนคอกลมธรรมดา แสดงให้เห็นว่าเป็นคนขี้เล่น โอบคนแขนทั้งสองข้างทางซ้ายเมื่อเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวหยักโซกใส่ชุดกระโปรงลายทางมีโบว์ตรงไหล่สองมือกุมไว้ที่หน้าท้อง มองดูก็รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูแน่นอน และคนข้างขวาเธอผมสั้นซอยท่าทางซุกซนหน่อยๆ หน้าตาหน้ารักที่สุดในสามคน ใส่เสื้อเชิ้ตทับเสื้อยืดคอกลมด้วนใน
"เอ๋? เพื่อนหรอ"คนผมหยิกเอียงคอถาม"ถ้าให้เดานะ เธอคนกลางใช่ไม?"เขาเดาส่งๆ
"ใช่"หญิงสาวหน้าแดง "เอาคืนมาได้แล้ว"ก่อนที่จะกระซากออกจากมือได้สำเร็จ
"วาดสวยดีนะ เธอวาดหรอคงจะนานแล้วสินะ" เขาว่าและถือไม้พายเรือต่อ
"ใช่ นานแล้ว"หญิงสาวเปิดสมุดและสอดกระดาษเก็บไว้ทีเหมือนเดิม
เรือไกล้เข้าฝั่งเกาะเเล็กน้อย ท้องฟ้ามืดสนิท เมื่อแต่มองกลับไปทางเดิมก็ยังเห็นไฟจากฝั่งที่เราออกมา มีต้นไม้ใหญ่ตรงทางเข้า เสียงลมพัดกระทับอดกหญ้า เบาๆพัดไหวไปตามสายลม แสงสีเขียวอ่อน ค่อยๆมาราวกลุ่มใหญ่ที่ต้นไม้ มันเป็นวงจรธรรมชาติที่สวยงาม หน้าเศร้า เพราะเดียวมันก็ตายหลังจากนี้เพียงไม่นาน ให้ทำไงได้มันเกิดมาเพื่อนผสมพันธ์ สายตาของหญิงสาวมองดูแสงเล็กๆอย่างเย็นชา ต่างจากคนข้างๆ เขามองมันด้วยความยินดี
คงจะดี..หากเราเกิดมาเพื่อพบบางสิ่งที่สำคัญกับชีวิตอย่างมีความหมาย
"ฉันชอบมันนะ เธอละ"ฝ่ายชายชลอเรือถาม "มันสวยดีนะ" เขายิ้ม
"หรอ"น้ำเสียงเรียบเฉยไร้ความรู้สึก "ฉันเกลียดหิ่งห้อย มันเกิดมาเพื่อนผสมพันธ์แล้วก็ตาย" ฝ่าายหญิงตอบแต่สายตายยังมองไปที่กลุ่มแสงระหยิบระหยับ
"แล้วเธอเกิดมาเพื่อนอะไร"เหมือนการโต้วาที หัวข้อหิ่งห้อย"มันยังดีที่เกิดมาเพื่อกันและกัน"เขาว่า หญิงสาวแอบเห็นนัยตานั้นแอบสั่นไหววูบหนึ่งก่อนจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม
"ไม่รู้สิ"เธอเงียบ เหมือนนั้งคิด "เพื่อเจ็บและผิดหวังแล้วก็ตายอย่างโดดเดียว" เธอตอบหน้าตาย "คุณละ"
ฝ่ายชายเงียบผิดปกติเมื่อได้คำตอบของคนตรงหน้าฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ เหมือนคนที่นั้งอยู่ตรงหน้านั้นเจอเรื่องราวไม่หน้าจดจำจนต้องหนี มาไกลเพียงนี้ เขาดูบัตรจากกระเป๋าสตางค์ของเธอพบว่าเธอมาจากภาคเหนือสุดของประเทศไทย และพึงจบ ป.ตรี เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ