ระบำดอกไม้ใต้เงาจันทร์

8.7

เขียนโดย อนันโย

วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.36 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,084 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 22.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) 2 ตอน ตำนานรักจิ้งจอกเก้าหาง ภาค ชายผู้เป็นที่รัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

2.

เวลาผ่านไปอีกสองชั่วยามขณะนี้ดวงอาทิตย์ลับแสงลงเหนือยอดไม้สูง   และยังไม่มีวี่แววว่าพวกเขาจะพบที่พักอาศัยที่ไหนได้  เด็กชายเงยหน้ามองขึ้นไปยังลำแสงสุดท้ายที่ค่อยๆลดต่ำลงมา  ไอหมอกหนาเริ่มจับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ   หิมะที่ใต้ฝ่าเท้าของผู้เป็นพ่อก็หนาแน่นขึ้น   แม้หิมะจะหยุดตกแล้วแต่อากาศรอบด้านเบาบางและเหน็บหนาวเพิ่มขึ้น  

 

เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงร้องของหมาป่าซึ่งดังมาจากทิศทางด้านหลังของพวกเขา   ขณะที่ผู้เป็นพ่อยังคงพยายามพาร่างใหญ่โตย้ำลงพื้นหิมะไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแต่ยังคงก้าวไปอย่างมั่นคงเรื่อยๆ   บ่อยครั้งที่เขาเงี่ยหูฟังถึงอันตรายที่กู่ร้องเพราะเขารู้สึกว่าเสียงร้องของหมาป่าเริ่มขยับใกล้เข้ามาความกังวลใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

 

“พี่   วางข้าลงเถอะ   เราจะได้เดินได้ไวกว่านี้”

 

เสียงภรรยาเจือความกังวลชัดเจน   สามีจึงหยุดคิดแล้ววางนางลงยืน   จากนั้นทั้งคู่ก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้น   พวกเขาไม่รู้ว่าทางที่ไปนั้นเป็นทางเลียบหน้าผาจนกระทั่งมาหยุดกันที่ทางผาขาด   ทำให้ต้องย้อนกลับทางเดิมไปอีกไกลกว่าจะบ่ายหน้าขึ้นเหนือได้สำเร็จ  

 

ขณะนี้ความมืดปกคลุมพวกเขาแล้วความพยายามที่จะไปต่อเบื้องหน้าจึงต้องหยุดลง   ผู้เป็นพ่อฉีกผ้าที่ตัวมาพันกับกิ่งไม้แล้วจุดไฟก่อสุมรวมกัน   โดยมีพวกเขาล้อมวงกองไฟเล็กๆนั้นเพื่อไม่ให้ลมแรงพัดมันดับเป็นรอบที่ 4  พวกเขานั่งอยู่ท่ามกลางพื้นที่ค่อนข้างโล่งใกล้ใต้ต้นไม้ไม่สูงใหญ่มันดูโปร่งมากเวลาไม่มีใบ

 

“พ่อจ๋า  ข้าหิว...”

 

เด็กหญิงร้องบอกใบหน้าแดงจัด   แก้มเล็กมีเลือดซึมจากผิวแตกจับก้อนแข็ง   ผู้เป็นพ่อล้วงมือไปใต้เสื้อคลุมบริเวณสะโพกที่มีเชือกห้อยห่อบะจ่างไว้มันเหลือเพียงสองห่อสุดท้าย   เขาดึงมันออกมาแล้วส่งให้ลูกชายกับลูกสาว   เด็กทั้งสองรับมาแล้วรีบแกะมันออกทันที   สองสามีภรรยานั่งมองลูกกินบะจ่างอย่างหิวโหยทั้งคู่รู้ดีว่าเสบียงที่มีอยู่ได้หมดลงแล้ว   และไม่นานพวกเขาจะอดตายกันอยู่บนนี้   ถ้ายังหาที่ทำกินไม่ได้ขณะที่ผู้เป็นพ่อกำลังนึกถึงอนาคตอีกสองสามวัน   ทางเบื้องหลังในความมืดก็เกิดเสียงซวบซาบและเสียงขู่คำรามครืดคราดขึ้น

 

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนฉับพลันง้าวดาบขึ้นท่าเตรียมพร้อม  ส่วนภรรยาก็กระชากฝักมีดสองคมออกยืนหันหลังให้สามีโดยมีลูกทั้งสองเกาะกันอยู่หว่างกลาง   ฝูงหมาป่าเดินวนรอบพวกเขา   แสงไฟจากกองไฟเล็กๆนั้นทำให้พวกเขาเห็นร่างหมาป่าได้ไม่ชัดเจนนักแต่สิ่งที่บอกให้รู้จำนวนของพวกมันก็คือ   ดวงตาคู่นับสิบที่วาวอยู่ในความมืด   ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามขู่พวกมันที่ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้   แต่เขาก็ได้รับคำขู่คำรามตอบกลับมาเช่นกัน

 

แล้ววินาทีที่จ่าฝูงกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มก็เป็นสัญญาณการโจมตี   พวกมันตรงเข้ากัดล้อมพวกเขาประชิด   เสียงมันร้องอย่างเกรี้ยวกราดและกรรโชกโฮกฮาก   ทั้งสองฝ่ายยังยื้อยุดยังไม่มีใครเพรียงพร้ำให้ใคร   แต่แล้วฝูงหมาป่าที่ดุดันต่างมีอาการตื่นตระหนกตกใจแล้ววิ่งกระโจนหนีหายเข้าป่าไปในความมืด   สร้างความงุนงงและตระหนกตื่นกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป   พวกเขายังอยู่ในอาการตื่นตัวและเคร่งเครียดจนเวลาผ่านไปนานมาก   ผู้เป็นพ่อจึงผ่อนคลายลงทำให้ทั้งหมดทรุดอย่างหมดแรง   หญิงสาวนั่งกอดลูกทั้งสองนอนซบกับอกอยู่บนรากไม้  โดยมีผู้เป็นพ่อยืนคุ้มกันอยู่ใกล้ๆตลอดคืน

 

รุ่งเช้า   พวกเขาเร่งออกเดินทางอีกครั้งตลอดระยะที่เดินขึ้นเขาสังเกตเห็นว่าพื้นดินเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นช่วงๆ   และราบเอียงขึ้นเรื่อยๆ   ผู้เป็นพ่อยิ้มออกมาอย่างยินดี

 

“ใกล้ถึงพื้นที่ราบแล้ว”  

 

ไม่นานหลังจากที่ผู้เป็นพ่อกึ่งจูงกึ่งลากลูกชายมาได้ไม่ไกล   พวกเขาก็เห็นพื้นที่ราบบนภูเขาสูงเมื่อมองย้อนกลับไป   จึงเห็นต้นไม้หนาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวลดหลั่นเบื้องล่างไกลๆนั้นปรากฏหมู่บ้านของพวกเขาที่กระจายกันอยู่เล็กๆ

 

“พ่อขา   บ้านเราเล็กจัง”  เด็กหญิงหัวเราะร่ากับภาพเบื้องหน้า

 

“บ้านเราอยู่ตรงไหนครับแม่”  เด็กชายชี้มือให้มารดาเห็นว่าใช่ตรงที่ชี้หรือไม่  ผู้เป็นพ่อระบายยิ้ม

 

“เราไปกันต่อเถอะ   ยังอีกไกลนักกว่าจะหาที่อยู่ได้”  ผู้เป็นพ่อรั้งร่างเล็กให้ก้าวเดินต่อไป  

 

พวกเขาเดินกันมาจนตะวันขึ้นตรงหัว   บรรยากาศข้างบนนี้เย็นสบายไม่หนาวเหมือนเบื้องล่างด้วยเพราะดวงอาทิตย์สาดส่องถึงพื้นดินและไม่มีต้นไม้หนาแน่นนัก   จนเลยบ่ายมาแล้ว   พวกเขาทั้งหมดก็ต้องประหลาดใจเมื่อมาถึงลำห้วยสายเล็กๆไหลผ่าน   น้ำใสแจ๋วมองเห็นฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่าย   ทั้งหมดวิ่งเข้าไปใกล้

 

“ว้าว   น้ำเย็นจังค่ะพ่อ  อูย...เย็น”เด็กหญิงกล่าววักน้ำลูบหน้าลูบแขน

 

“มีปลาด้วย   เรามีอาหารกินแล้ว    เดี๋ยวข้าลงไปจับมาให้นะ”  

 

เด็กชายถอดรองเท้าถกกางเกงขึ้นเข่าแล้วเดินลุยน้ำเย็น   ใบหน้าเขาแจ่มใสเมื่อวิ่งไล่จับปลาในน้ำที่ว่ายหลบหนีมือเล็ก   โดยมีน้องสาวช่วยกันไล่จับ   เสียงหัวเราะของลูกๆทำให้จิตใจของผู้เป็นพ่อและแม่สดชื่นขึ้น

 

“ข้าว่าธารน้ำนี่คงเกิดจากน้ำตกที่ไหนสักแห่งบนนี้   ข้าคิดไม่ผิดจริงๆว่าข้างบนนี้ต้องอุดมสมบูรณ์”   ชายหนุ่มกล่าวยิ้ม

 

“ถึงหน้าร้อนอากาศบนนี้คงจะเย็นสบายกำลังดีปลูกพืชผลก็คงจะงอกงาม   นะพี่”  ภรรยากล่าวหน้าชื่น

 

“ข้าตกลงใจแล้ว   เราจะสร้างกระท่อมกันแถวนี้   ต่อจากนี้ไปบริเวณนี้จะเป็นบ้านของพวกเรา”  

 

เมื่อหัวหน้าครอบครัวประกาศดังนั้นลูกๆจึงร้องอย่างดีใจ   ชายหนุ่มเลือกสร้างกระท่อมห่างจากธารน้ำไปประมาณ 800 เมตร  พวกเขาเริ่มลงมือตัดต้นไม้แล้วมัดมันต่อกันอย่างแน่นหนา   สองผัวเมียต่างช่วยกันวางโครงเสาโดยมีลูกๆช่วยกันมัดใบไม้แห้งติดกับกิ่งไม้ทำเป็นเพดานคลุมหลังคา  เวลาล่วงเลยบ่ายแก่กระท่อมหลังเล็กแต่มั่นคงพอจะอยู่อาศัยได้ชั่วคราวก็เสร็จ   หัวหน้าครอบครัวบอกทุกคนว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพวกเราจะต้องทำงานหนัก   เพราะจะต้องสร้างบ้านที่แข็งแรงเป็นการถาวร   จากนั้นชายหนุ่มก็ไปจับปลามาเป็นอาหารเย็นให้ทุกคนได้กินอิ่มหนำ    

............................................

แล้วจะมาต่อให้นะ  เป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า~

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา