ในเงาใจ (The shadow)
เขียนโดย tofu_baby
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.29 น.
แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 18.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) EP12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ…12…
ระหว่างที่กตัญชลีมาเปลี่ยนชุดเป็นชุดกระโปรงที่อสมาภรณ์จัดเตรียมไว้ให้
ในตึกใหญ่ของบ้าน ธีธัชก็แอบตามเธอมาด้วย
เมื่ออยู่กันตามลำพัง เธอจึงรีบเดินก้มหน้าผ่านเขาไป
“เรื่องที่ทำงานก็พอเข้าใจ แต่ตอนนี้เธอก็อยู่ที่นี่แล้ว
อยู่ที่บ้านฐิติเศรษฐพงศ์ เพราะงั้นเลิกทำตัวเป็นหุ่นยนต์สักที
ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยรู้มั้ยหนูลี”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม แต่แฝงด้วยความน้อยใจ
“ก็ลีไม่ได้อยากให้ใครมารักสักหน่อยนี่คะ”
หญิงสาวตอบพาซื่อ
“งั้นคนที่เขารักเธอก็คงผิดมากสินะ”
“ค่ะ?”
เธอพูดขึ้นอย่างงงๆ
ธีธัชทนไม่ไหวดึงหญิงสาวเข้าไปในห้องทำงานของเขา
ในจังหวะที่เธอไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะรีบปิดประตูและล๊อคกลอนทันที
หญิงสาวแทบจะร้อนผ่าวไปทั้งตัว และรู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูก
เธอได้แต่ยืนนิ่ง แต่สายตาก็มองเขาไม่วางตาเช่นกัน
เมื่อรวบรวมสติทั้งหมด...เท่าที่มี(เหลือ)อยู่ในตอนนี้ได้
“ลีออกมานานแล้ว ยัยแอลกับยัยเจ้คงตามหาแย่แล้ว
ใกล้ถึงเวลาแสดงแล้วด้วย ขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน”
เขายื่นมือยาวๆ ไปขวางหน้าเธอไว้
“ช่วยฟังเพลงนี้ก่อน แล้วค่อยออกไปไดไหม
แล้วจะไม่กวนอีกเลย”
เธอพยักหน้าตอบ หน้าขาวอมชมพูของเธอ
บัดนี้แดงก่ำจนเห็นได้ชัด
เขาเดินเข้าไปหยิบไวโอลินในกล่องพรีเมียมสุดหรูที่สั่งทำเป็นพิเศษออกมา
จากในตู้ดีไซด์แปลกตาที่ซื้อมาจากฝรั่งเศส
“ฟังให้ดีๆ นะ นี่คือความรู้สึกข้างในของนายธีธัชคนนี้
และจะไม่ปิดบังความรู้สึกนี้อีกต่อไป”
เขาเดินมากระซิบข้างๆ หูของเธออย่างแผ่วเบา
และใช้มือคู่หนารวบตัวเธอไว้เหมือนท่ากอด
ในตอนนี้ที่ระดับสายตาของเธอจึงไม่เห็นอะไรนอกจาก
ต้นคอยาวของชายหนุ่ม...
เขาใช้มือคู่หนาค้อมไปทางด้านหลังของเธอ
และจับไวโอลินพาดกับไหล่ด้านซ้ายของตัวเอง
ในตอนนี้เองที่คนทั้งคู่แทบจะตัวติดกันเลยทีเดียว...
ระยะห่างมีแค่ระยะที่ไวโอลินตัวนี้พาดอยู่ที่ไหลของชายหนุ่ม
แล้วเริ่มบรรเลงบทเพลงอันหวานซึ้ง ด้วยไวโอลินสุดรักสุดหวงนี้
สาวหน้าหวานแต่แอบห้าวคนนี้...ไม่ชอบสถานการณ์ที่ควบคุม(ตัวเอง)ไม่ได้แบบนี้จริงๆ
ทั้งที่อยากจะดิ้นให้หลุดก็ตาม แต่ร่างกายมันชาไปหมด
และยังรู้สึกว่าตัวเองตัวหดเล็กลงไปอย่างรวดเร็ว
ดูไม่เหมือนกตัญชลีขาลุยเลยสักนิด
ความรู้สึกที่เก็บไว้จนลึกสุดใจของหญิงสาว
ค่อยๆ ถูกกระเทาะออกมาจากทีละน้อยๆ
เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ปลดเปลื้องทุกความรู้สึก...
เพลง I Knew I Loved youของ Savage Gearden
สุดแสนจะคลาสสิค ถูกบรรเลงด้วยไวโอลินในท่วงทำนองที่หวานซึ้ง
และกลั่นมาจากหัวใจลึกๆ ของชายหนุ่ม
ส่งผ่านถึงสาวร่างบางจนเธอแทบจะหยุดหายใจ
เมื่อโดนจู่โจมตรงๆ แบบนี้
เมื่อเพลงจบลง เขาค่อยๆ ปล่อยให้เธอเป็นอิสระจากการเกาะกุม
จากมือทั้งสอง สายตาคู่คมของเขา
เธอเลยเป็นฝ่ายที่รีบวิ่งหนีออกจากห้อง...ทันที
และทุกท่วงทำนองนี้ไม่อาจลบไปจากใจหญิงสาวได้เลย
Maybe it's intuition
But some things you just don't question
Like in your eyes
I see my future in an instant
And there it goes
I think I've found my best friend
I know that it might sound more than a little crazy
But I believe
I knew I loved you before I met you
I think I dreamed you into life
I knew I loved you before I met you
I have been waiting all my life
There's just no rhyme or reason
Only this sense of completion
And in your eyes
I see the missing pieces
I'm searching for
I think I've found my best friend
I know that it might sound more than a little crazy
But I believe
I knew I loved you before I met you
I think I dreamed you into life
I knew I loved you before I met you
I have been waiting all my life
A thousand angels dance around you
I am complete now that I've found you
I knew I loved you before I met you
I think I dreamed you into life
I knew I love you before I met you
I have been waiting all my life
บทเพลงที่เธอรู้ความหมายของมันเป็นอย่างดี...และจำได้ไม่มีลืม
...ช่วงเวลาประมาณสองทุ่มตรงเป็นช่วงเวลาที่
ครอบครัวรัตนธำรงค์กูรมาถึงงานพอดี
รับขวัญในชุดเดรสสีชมพูแปร๋นยาวเหนือเขา
เพื่ออวดเรียวขาสวยของเธอ เข้าชุดกันกับกระเป๋าชาแนลคาร์เวียสีดำใบเก๋
เธอควงแขนมากับคุณรัฏฐ์ผู้เป็นพ่อ ส่วนอีกข้างหนึ่งคุณกรองแก้วก็เกาะแขนผู้เป็นสามีไว้
เมื่อทักทายกันเสร็จ รับขวัญก็มองหาธีธัช
“แล้วพี่ธีล่ะคะคุณป้า ตั้งแต่มาถึงขวัญยังไม่เห็นเลย”
“เข้าห้องน้ำรึเปล่า ป้าก็ไม่แน่ใจ เอ่อ อิ่ม ลองไปตามคุณธีมาสิ”
คุณหญิงหันไปสั่งคนสนิทให้ไปตามลูกชายของเธอ
"เจ้าค่ะ คุณท่าน"
เธอตอบก่อนรีบไปตามธีธัชตามที่เจ้านายสั่ง
“ไปค่ะ คุณพี่เดี๋ยวน้องพาไปนั่งที่โต๊ะค่ะ”
กรองแก้วพูด แล้วเดินไปประคองรุ่นพี่คนสนิทที่อายุห่างจากเธอหลายสิบปี
“จ้า” เจ้าของงานตอบ
รับขวัญเลยควงพ่อของเธอ และเดินเฉิดฉายเข้างานไปพร้อมๆ
กับคุณหญิงธีราอรและแม่ของเธอที่เดินนำหน้า
และเหมือนคุณอานนท์ที่เพิ่งสะสางงานที่ Son Enterprise เสร็จ
ก็มาถึงเป็นคนสุดท้ายของงาน
เขาตกใจที่เห็นธีธัชกับกตัญชลีเดินออกมาจากตึกใหญ่ด้วยกัน
แม้ว่าชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายเดินตามหลังมาก็ตาม
ชายวัยกลางขยับแว่นเล็กน้อยก่อนใช้ความคิด
“รึเราต้องหลบไปก่อนนะ ไม่งั้นคงเกิดเรื่องแน่”
เขาพูดกับตัวเอง
กตัญชลีหยุดเดินเมื่อมัลลิกาและอสมาภรณ์ตามมาเจอในสภาพกระหืดกระหอบ
“ตามหาตั้งนานแหนะยัยลี ไหนดูสิชุดที่ฉันเลือกให้เข้ากับเธอมั้ย
ยัยน้องหนูเธอว่าไง”
มัลลิกาจับเพื่อนสาวของเธอหมุนตัว
และเช๊คความเรียบร้อย
“ลีสวยสุดๆ ไปเลย ไปเถอะเราคิวเราแล้ว
นายซันนั่งรอจนยุงหามแล้วมั้ง”
กตัญชลีจำต้องเดินตามเพื่อนสาวทั้งสองที่ลากเธอไปอย่างเก้ๆ กังๆ
และเธอก็ยังควบคุมตัวเองได้มาดีเท่าที่ควร
เมื่อเห็นธีธัช ชายหนุ่มที่ทำให้เธอแอบฉุนเล็กๆ ตั้งแต่มาถึง
...รับขวัญกึ่งลากกึ่งจูงเขาไปนั่งที่โต๊ะ VIP ด้วยกันกับเธอและครอบครัวทันที
เธอชวนเขาคุยจนแทบไม่มีช่องว่างให้เขาได้เตรียมหายใจ
แต่ทุกการสนทนาก็หยุดชะงักลง
เมื่อการแสดงของอสมาภรณ์กับเพื่อนๆ เริ่มขึ้น
การแสดงของอสมาภรณ์และเพื่อนๆ เป็นที่ถูกอกถูกใจแขกในงานไม่น้อย
“หลานสาวคุณพี่กับเพื่อนๆ นี่น่ารักจริงๆ นะคะ”
ไม่เว้นแม้แต่กรองแก้วที่เอ่ยปากชม
คุณรัฏฐ์เองก็ดูจะสะดุดตากับเด็กสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนนั่นมาก
จนเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง...เป็นมันความรู้สึกของผู้ใหญ่ที่มองดู
เด็กสาวคนหนึ่งอย่างเอ็นดูและบริสุทธิ์ใจเหมือนลูกเหมือนหลาน
ธีธัชก็ยิ้มหน้าบานไม่หุบ เขาแทบจะไม่กระพริบตาเลยสักนาทีเดียว
“นี่พี่ธีไม่ได้ฟังที่ขวัญพูดเลยใช่ไหม”
“ครับ น้องขวัญว่าอะไรนะครับ”
“ช่างมันเถอะค่ะ”
เธออารมณ์บูดบึ้งขึ้นมาอีกเธอ
ดวงตาแห่งความอิจฉาลุกโชนขึ้นมา
เธอมองกตัญชลีไม่วางตา...ก่อนจะริมฝีปากบางของเธอจะเม้มเข้าหากัน
ดูเหมือนชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ จะไม่ทันสังเกตเห็น
เมื่อจบเพลงสุนทราภรณ์ มัลลิกาและอสมาภรณ์ก็เดินลงจากเวที
ตามที่ได้นัดหมายกันไว้ จะเหลือก็แต่ธวัชกับกตัญชลี
ก่อนที่สองเพื่อนสาวจะส่งสัญญาณให้คนทั้งสองบนเวที
เพื่อเริ่มเล่นเพลงวันเกิด...
ธวัชเริ่มเห็นมุมอ่อนหวานและน่ารักของกตัญชลี
ทำให้เขายิ่งรักเธอเพิ่มขึ้นจนล้นหัวใจ
โดยที่เธอเองก็ไม่ทันรู้ตัว
เมื่อเป่าเค้กเป็นที่เรียบร้อย แขกคนสำคัญ
รวมถึงบรรดาลูกหลาน รวมทั้งคนสนิทต่างก็ต่อแถวมอบของขวัญและอวยพรให้กับเจ้าของงาน
คุณหญิงธีราอรยิ้มจนแก้มแทบปริออกมา
ธีธัชเขยิบเข้าไปใกล้ๆ กตัญชลี และยืนเนียนๆ ข้างเธอ
กตัญชลีได้ทีเลยสลับที่ยืนกับธวัชบ้าง
รับขวัญมองการการะทำของคนทั้้งคู่ก็ได้แต่รู้สึกเจ็บใจ
เพราะตลอดทั้งงานธีธัชไม่สนใจเธอเลย...แม้แต่น้อย
เธอฉายแววตาร้ายๆ ออกมาอย่างลืมตัว
มือข้างหนึ่งของเธอจิกเนื้อของตัวเองจนเป็นรอย
'ฉันต้องเป็นที่หนึ่งเสมอโดยเฉพาะสำหรับพี่ธี
ใครก็แย่งพี่ธีไปไม่ได้'
เธอคิด
คุณกรองแก้วแอบเห็นกิริยาเมื่อสักครู่ของรับขวัญก็ได้แต่แอบหวั่นใจ
จึงรีบเดินเข้าไปหาลูกสาว
"เราไปลาคุณป้าแล้วกลับกันเถอะลูก"
"ค่ะคุณแม่"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ