จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  123.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) +++ แผน 'ง้อ' ที่.... 2 +++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
                พอถึงตอนบ่ายผู้เป็นนายใหญ่ก็ออกไปพบกับลูกค้ามหาเศรษฐีที่ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่งโดยไม่ให้เลขาสาวติดตามไปด้วย เขาบอกให้เธออยู่ทำงานในบริษัทตามปกติหากมีอะไรก็ให้โทรมาหาเขาได้เลยทันที และเมื่อถึงเวลาเลิกงานเขาจะให้โจเซฟลูกน้องคนสนิทของเขามารับเธอกลับไปยังคฤหาสน์เลสเซิ้ลเอง กานดาได้แต่นั่งทำงานไปถอนหายใจไป เพราะเมื่อไม่มีเจ้านายหนุ่มสุดหล่ออยู่ในห้องทำงานด้วยแล้วเธอก็กลับรู้สึกหวิวๆอย่างไรชอบกล เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง จนต้องคอยมองไปยังโต๊ะทำงานของเขาอยู่ตลอดเวลา แล้วก็พาลให้ต้องทำหน้าเศร้าสลดเมื่อนึกไปถึงว่าเจ้านายของเธออาจจะออกไปหาลูกค้าคนสำคัญที่ชื่อว่าโมนิก้าก็เป็นได้
 
 
                ความคิดต่างๆโลดแล่นไปไกลแสนไกลจนไม่เป็นอันจะทำงาน สมองหยักคิดไปต่างๆนาๆว่าเขาจะกลับบ้านดึกๆดื่นๆหรือเปล่านะ จะไปอยู่กับอดีตแฟนสาวจนลืมกลับบ้านกลับช่องเลยหรือเปล่า หรือว่าเขาแค่ออกไปพบลูกค้าจริงๆ ไม่ได้ไปหาอดีตยอดรักที่เคยมัดใจเขาได้มาก่อนเธอ….
 
 
ก่อนเธองั้นหรือ….นี่เธอคิดอะไรกัน ผู้หญิงอย่างเธอน่ะหรือจะมัดใจเขาได้ คงจะไม่มีทางเสียล่ะ
 
 
                  ถึงแม้ว่าเขาจะทำเหมือนกับเธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขาก็เถอะ แต่เจ้านายหนุ่มของเธอคนนี้ก็เป็นสุภาพบุรุษกับทุกๆคนไม่ใช่หรือ จากการที่เธอรู้จักเขามาได้สักระยะหนึ่งก็เห็นว่าเขาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงทุกคนนี่นะ ยกตัวอย่างเช่นตอนแฟนสาวเจ้านายคนเก่าของเธอหรือเลขาสาวคนเก่าของเขา เขาก็ดูแลหล่อนเป็นอย่างดี คอยเอาใจใส่และห่วงใยอย่างที่เขาทำกับเธออยู่นี่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาทำให้เธอทุกอย่าง ทั้งคอยดูแลและเอาใจใส่ คอยห่วงใยและคอยปกป้องเธอ มันก็เป็นแค่อุปนิสัยของความเป็นสุภาพบุรุษในตัวเขาเท่านั้นเอง
 
 
“จะไปคิดอะไรมากกานดา ผู้หญิงอย่างเธอใครเขาจะมาชอบมารักกันล่ะ”
 
 
                หญิงสาวพึมพำออกมาเพื่อตอกย้ำกับตัวเองให้รู้ว่าตัวเธอนั้นไม่มีค่ามากพอให้เขาหรือใครมามอบหัวใจให้ ก็เธอไม่ได้วิเศษเลิศเลอเหมือนอย่างใครๆ ตัวก็เล็กกระจ้อยร่อย หน้าตาก็ธรรมดาไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลยสักนิด แถมยังไม่ร่ำรวยเงินทองเสียอีก มีแต่พอกินพอใช้ไปวันๆ แล้วอย่างนี้ใครเล่าจะมาหลงมารักให้เปลืองหัวใจ
 
 
               คิดไปมันก็ยิ่งเหมือนตอกหมุดอันใหญ่เข้าที่หัวใจของตัวเอง เพราะมันทำให้เธอนึกย้อนไปถึงอดีตของความรักอันขื่นขม ครั้งที่เธอได้พบรักกับชายหนุ่มรูปงามในสมัยที่เธอยังศึกษาเล่าเรียนในระดับปริญญาตรี ความรักครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพราะคำว่า ‘หลอกลวง’
 
 
               เขาเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยที่แทบจะไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่รู้จัก และเป็นรุ่นพี่ในคณะที่เธอเรียนแถมยังเป็นนักกีฬาแล้วยังร่ำรวยอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเขาเพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่าง ทั้งหน้าตาอันหล่อเหลาไม่มีใครเกิน ทั้งฐานะที่ร่ำรวย ทั้งเก่งไปหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องการทำกิจกรรมต่างๆก็ตาม จนเธอไม่คิดเลยว่าจะมีวันนั้น วันที่เขามาขอคบเธอเป็นแฟนต่อหน้าต่อตาทุกๆคนที่อยู่ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
 
 
               ตอนนั้นเธอเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งเข้ามาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยได้เพียงแค่เทอมเดียว เธออยู่ในกลุ่มที่เรียกได้ว่าเป็นเด็กเรียนและไม่โดดเด่นอะไรเลยสักนิด กิจกรรมอะไรที่ทางคณะหรือทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นเธอก็ไม่ได้ไปเข้าร่วมกับเขาเสียเท่าไหร่ เนื่องด้วยหลังเลิกเรียนเธอต้องไปทำงานนอกเวลาเพื่อเป็นเงินทุนมาใช้จ่ายในแต่ละเดือน ทำให้เธอไม่มีเวลาใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาวิทยาลัยอย่างคุ้มค่ากับเขาบ้าง แต่แล้ววันหนึ่งก็เหมือนพรหมลิขิตบันดาลชักพาให้ชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นเข้ามาในหัวใจของเธอ เริ่มจากที่เธอเดินชนเขาโดยบังเอิญในหอสมุดของมหาวิทยาลัย รอยยิ้มบางๆและน้ำเสียงอันนุ่มนวลที่กล่าวคำขอโทษแก่เธอช่างทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพียงชั่วครู่ที่เขาและเธอได้สบตากัน มันช่างเหมือนเวลาหยุดหมุนโดยเร็วพลันยิ่งนัก และตั้งแต่นั้น….เธอก็คอยแอบเฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆตลอดมา
 
 
              แต่แล้ววันหนึ่งวันที่เธอนั่งทานข้าวอยู่ในโรงอาหารกับเพื่อนร่วมคณะสองสามคน เขาก็กลับเดินมาหาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนที่อยู่ในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก เธอจำได้ว่าวันนั้นเขาเดินโปรยยิ้มมาให้เธอตั้งแต่ไกล และเมื่อเขามายืนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอเขาก็คุกเข่าลง ก่อนจะเอ่ยความในใจอันแสนจะหวานซึ้งให้เธอได้รับรู้ และยื่นช่อดอกไม้นั้นให้กับเธอเป็นคำถาม ซึ่งถ้าหากเธอรับดอกไม้ช่อนั้นก็แสดงว่าเธอยอมตกลงปลงใจที่จะคบหากับเขา และแน่นอนว่าเธอ….ก็รับช่อดอกไม้แสนสวยนั้นมาอย่างที่ไม่ต้องคิดให้ยืดเยื้อใดๆทั้งสิ้น
 
 
              เส้นทางรักอันแสนสวยงามถูกเคลือบไปด้วยยาพิษอย่างที่เธอไม่รู้ตัว แฟนหนุ่มคนแรกของเธอผู้นี้คอยดูแลและเอาใจใส่แถมยังตามใจเธอแบบชนิดที่เรียกได้ว่าเหมือนดั่งเธอเป็นเจ้าหญิงเลยทีเดียว หากแต่เธอคอยเตือนตนอยู่เสมอว่าไม่ให้หลงระเริงไปกับความร่ำรวยของเขา เธอยังคงเป็นกานดาคนเดิมที่ต้องทำงานนอกเวลาหลังเลิกเรียน ไม่แม้แต่จะยอมให้เขายื่นมือเข้ามาช่วยเลยสักนิดถึงแม้ว่าเขาจะอยากช่วยแค่ไหนก็ตาม เพราะเธอไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเธอยอมคบกับเขาเพียงเพราะเขาร่ำรวย และใช้เขาเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพตัวเองเท่านั้น หากแต่เธออยากให้ทุกคนมองว่าเธอรักเขาจากใจจริง ไม่ได้หวังสิ่งใดจากเขาเลยทั้งสิ้นเพียงแค่ความรักที่เขามีมอบให้เธอก็เพียงพอ
 
 
              และแล้วทุกอย่างที่เหมือนดั่งฝันก็พลันแหลกสลาย เมื่อชายหนุ่มผู้แสนดีกลับกลายเป็นซาตานร้ายที่คิดเพียงแค่จะพรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น วันสอบปลายภาควันสุดท้ายที่หลังจากสอบเสร็จเธอก็ไปออกเดทกับเขาตามที่สัญญาไว้ วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดตั้งแต่ที่เธอจำความได้ เขาพาเธอไปดูหนังที่เธออยากจะดู พาไปทานร้านอาหารที่เธอชอบทาน ซื้อตุ๊กตาหมีที่เธออยากได้ให้เป็นของขวัญ ตามใจเธอทุกอย่างแบบไม่มีข้อยกเว้น ทำให้เธอตายใจทุกๆทางเท่าที่เขาจะสามารถทำได้!
 
 
              วันนั้นกว่าที่จะดูหนังเสร็จก็ปาไปเกือบจะสองทุ่มแล้ว เธอไม่คิดระแวงอะไรเลยสักนิดเมื่อแฟนหนุ่มเอ่ยปากขอพาเธอกลับบ้านเพราะเขาเห็นว่ามันมืดแล้วและอาจจะเกิดอันตรายกับเธอได้ และใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอกลับกับเขา เธอก็เลยไว้วางใจและไม่คิดว่าเรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้นได้เลย จนกระทั่งเขาเลี้ยวรถเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งที่ทำให้เธอถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก
 
 
             เหตุการณ์สะเทือนอารมณ์เกิดขึ้นทันทีเมื่อเธอพยายามจะหนีแต่เขากลับต่อยเข้าไปที่ท้องของเธอและลากเธอเข้าไปในห้องซึ่งติดตั้งกล้องวีดีโอเอาไว้ทุกด้าน ในตอนนั้นเธอหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด น้ำตาหยดใสไหลพรากไม่ขาดสาย ปากก็พร่ำถามเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเธอแล้วก็ได้คำตอบทุกสิ่งอย่างจากปากร้ายว่าที่เขายอมขอเธอเป็นแฟนนั้นไม่ได้เพราะความรักแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะ ‘พนัน’ ที่เขาได้พนันกับเพื่อนๆไว้ว่าเขาจะพรากความบริสุทธิ์จากเธอได้ภายในหนึ่งเดือน!
 
 
             สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดนั้นมันก็แค่เป็นการหลอกลวงให้เธอตายใจ แล้วมันก็ยิ่งตรงตามแผนมากเข้าไปใหญ่เมื่อเธอกลับหลงรักเขามากมายเสียจนไว้เนื้อเชื่อใจขนาดนี้ ความจริงเขาจะหลอกนอนกับเธอแล้วทิ้งไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เขาขอคบกับเธอก็ได้เพียงแต่เขายังรู้สึกสงสาร และอยากให้เธอลิ้มรสของการมีแฟนเสียบ้างด้วยความเวทนา แล้วก็ใช่ว่าเธอจะหน้าตาไม่สละสวยอะไรเพราะเธอก็เป็นที่หมายปองของผู้ชายในคณะมากอยู่เหมือนกัน แม้แต่เพื่อนของเขาเองจนเขาต้องยกพนันนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการเอาชนะผู้ชายทุกคน
 
 
             น้ำตาหยดใสไหลร่วงรินเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เจ็บช้ำหัวใจมากที่สุด ตอนที่แฟนหนุ่มคนแรกของเธอพยายามปลุกปล้ำเธอหากแต่เธอก็พยายามปกป้องตัวเองอย่างสุดชีวิต แต่ด้วยแรงอันน้อยนิดที่มีเทียบไม่ได้กับแรงอันมหาศาลของอีกฝ่ายทำให้เธอต้องถูกทำร้ายจนแทบกระอักเลือด เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายดังก้องไปทั่วโสตประสาทและกัดกินหัวใจของเธอจนแทบจะหมดสิ้น ไม่มีอีกแล้วคนที่แสนดีกับเธอ ไม่มีอีกแล้วคนที่เป็นเสมือนพ่อพระที่ดึงเธอออกมาจากเงามืด ไม่มีอีกแล้วสุภาพบุรุษที่เธอเคยหลงชื่นชมและมอบความรักให้จนหมดหัวใจ
 
 
และหากว่าวันนั้นพนักงานในโรงแรมที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นและลองตรวจเช็คไม่เข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทัน วันนั้น….คงเป็นวันสุดท้าย….ของชีวิตเธอ
 
 
รักครั้งแรกของเธอ มันเหมือนดั่งเป็นความฝันอันเลวร้าย ที่ยากจะลืมเลือน….
 
 
‘ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!’
 
 
                เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวหลุดพ้นจากความคิดอันแสนปวดร้าวนั้นได้ มือเรียวเล็กปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างก่อนที่ร่างบอบบางจะเดินไปยังประตูด้วยความสงสัย แล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นคือลูกน้องคนสนิทของผู้เป็นนายใหญ่นั่งเอง
 
 
“คุณวิลให้ผมมาอยู่ดูแลคุณกานดาที่นี่ครับ” โจเซฟกล่าวเป็นภาษาไทยสำเนียงฝรั่งก่อนจะโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับหญิงสาวของเจ้านายหนุ่ม
 
 
“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิคะคุณโจเซฟ” กานดานยิ้มรับพลางเชิญให้ชายหนุ่มเข้ามาด้านในห้องทำงานใหญ่ “ดื่มกาแฟหน่อยไหมคะ ฉันจะได้ไปชงมาให้”
 
 
“อ้อ….ไม่เป็นไรครับผมดื่มมาแล้ว” เสียงทุ้มเข้มตอบกลับพลางยืนตัวตรงอยู่ข้างโต๊ะทำงานของหญิงสาวและนำแขนไขว้ประสานมือไปด้านหลัง ดั่งบอร์ดี้การ์ดที่กำลังรักษาความปลอดภัยให้เจ้านายอยู่ไม่มีผิด
 
 
“ไม่เมื่อยหรอคะคุณโจเซฟ ไปนั่งที่โซฟาเถอะค่ะ” เสียงหวานบอกด้วยความเป็นห่วง
 
 
“ไม่เป็นไรครับ คุณกานดาทำงานต่อเถอะครับคิดซะว่าผมไม่ได้อยู่ในห้องนี้ก็ไดครับ”
 
 
                โจเซฟกล่าวด้วยความสุภาพก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้เป็นนายใหญ่ได้สั่งไว้ จนกานดาได้แต่เลิกคิ้วมองร่างใหญ่เล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันมาทำงานของตนต่อดังเดิม หากแต่ในใจก็นึกหวาดหวั่นอยู่เหมือนกันเมื่อต้องมาอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสองอีกครั้งอย่างนี้ จนต้องภาวนาอยู่ในใจแทบจะทุกนาทีว่าขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย
 
 
อย่าให้เรื่องในอดีตอันเลวร้ายกลับมาเกิดขึ้นกับเธออีกเลย….
 
 
 
 
                ทางด้านคนที่ออกมาทำธุระด้านนอกตอนนี้ก็วิ่งวุ่นอยู่ในสวนหลังคฤหาสน์หลังจากที่เจรจาธุรกิจกับลูกค้ารายใหญ่เสร็จสรรพแล้ว วิลเลียมเกณฑ์คนในคฤหาสน์มาช่วยกันจัดสวนสวยหลังบ้านให้กลายเป็นสถานที่สำหรับดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ด้วยการควบคุมของเขาเอง เขาสั่งให้คนสวนช่วยกันตัดตกแต่งต้นไม้ให้สวยงามกว่าเดิม ให้เหล่าแม่บ้านทั้งหลายช่วยกันจัดโต๊ะดินเนอร์และบริเวณโดยรอบที่ใช้กระถางดอกไม้ทรงสูงมาตั้งไว้ล้อมรอบโต๊ะให้ดูสวยงาม อีกทั้งทางเข้ามายังลานดินเนอร์นี้ก็ถูกจัดด้วยกระถางดอกไม้ทรงสูงที่มีดอกคามิเลียจาโปนิก้าสีชมพูอ่อนประดับเป็นพุ่มอยู่ในกระถางนั้นอย่างสวยงาม และมีสายผ้านุ่มสีขาวผูกไว้ระหว่างกระถางตลอดทางเดิน ดูแล้วเหมือนสถานที่จัดงานแต่งงานไม่มีผิด
 
 
“ป้าจวนครับ ช่วยโทรบอกโจเซฟทีว่าให้พากานดานั่งรถเล่นแถวริมชายหาดก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยเป็นภาษาไทยกับแม่บ้านประจำตระกูลเมื่อดวงตาคมมองไปยังนาฬิกาข้อมือและเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานมาแล้ว
 
 
“ได้ค่ะคุณวิลเลียม” รัญจวนรับคำก่อนที่นางจะรีบเดินเข้าไปยังคฤหาสน์และโทรศัพท์หาโจเซฟตามที่นายใหญ่สั่งทันที
 
 
                วิลเลียมมองไปรอบด้านพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย พลางคิดไปว่าถ้าหากแม่กระรอกน้อยของเขาได้มาเห็นสิ่งที่เขาตั้งใจทำให้เธอ เธอจะรู้สึกอย่างไรนะ จะดีใจจนกระโดดโลดเต้นเลยหรือเปล่า หรือจะทำตาแวววาวเหมือนที่เธอชอบทำเวลาที่เจอเรื่องตื่นเต้นหรือไม่ คิดแล้วก็อยากให้เธอได้มาเห็นเร็วๆจริง แต่งานมันยังออกมาไม่ค่อยเพอร์เฟ็คเลยนี่นะ คงจะต้องให้เธอรอต่อไปอีกหน่อยแล้วล่ะแม่กระรอกน้อยแสนหวาน
 
 
“คุณวิลเลียมคะ” เสียงของแม่บ้านประจำตระกูลดังขึ้นอย่างร้อนรนทำให้ผู้เป็นนายใหญ่ต้องหันไปมองด้วยความสงสัย
 
 
“ว่าไงครับป้าจวน” ผู้เป็นนายถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
 
 
“โจเซฟบอกว่าเขาและคุณกานดาใกล้จะมาถึงที่คฤหาสน์แล้วค่ะ เราโทรบอกช้าเกินไป” นางตอบด้วยสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย
 
 
“ตายล่ะ ผมยังเตรียมงานไม่เสร็จด้วยสิ….เอางี้….ป้าคอยดักกานดาไว้ก่อนไม่ให้เธอเข้ามายุ่มย่ามในสวนหลังคฤหาสน์นะ แล้วก็ช่วยบอกกับเธอทีว่าผมยังไม่กลับ ตกลงนะครับป้า” วิลเลียมบอกก่อนจะหันไปสั่งให้ผู้ร่วมแผนปฏิบัติการทุกคนเร่งมือให้งานเสร็จโดยเร็ว
 
 
“แล้วถ้าเธอถามว่าคุณไปไหนล่ะคะ” นางถามต่อเพราะกลัวว่าแขกสาวคนสำคัญจะนึกครึ้มถามขึ้นมา
 
 
“เธอไม่ถามหรอกครับป้า แต่ถ้าถามก็ตอบไปว่าผมยังติดธุระอยู่คงกลับมาค่ำๆ”
 
 
“ได้ค่ะ เอ่อ….แล้วเรื่องคืนนี้จะเอายังไงคะ”
 
 
“ทำตามแผนเลยครับป้าจวน พอเธอขึ้นห้องไปแล้วก็เตรียมตัวสับสวิตช์ไฟในห้องเธอได้เลย เดี๋ยวผมจะให้โรสส่งสัญญาณนะ” เสียงทุ้มตอบก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงแผนปฏิบัติอันชวนสยองในคืนนี้
 
 
“แผนนี้มันจะดีหรอคะคุณวิล ถ้าหากคุณกานดาเขาเป็นคนกลัวผีมากๆขึ้นมาเธอหัวใจวายตายจะทำยังไงคะ คนไทยยิ่งเชื่อเรื่องพวกนี้มากอยู่ด้วยนะคะ” รัญจวนเอ่ยด้วยความไม่แน่ใจในแผนของผู้เป็นนายเท่าใดนัก
 
 
“กลัวมากๆน่ะสิดีป้าจวน ผมจะได้ปลอบเธอได้ถนัดถนี่หน่อย” วิลเลียมกล่าวพลางยิ้มกรุ้มกริ่มให้คนเห็นอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าคืนนี้อาจจะเกิดศึกรักศึกสวาทขึ้นเป็นแน่
 
 
“แหมคุณวิล นี่คิดจะรวบหัวรวบหางหรือเปล่าคะเนี่ย” นางแซวอย่างรู้ทัน
 
 
“โอย….ไม่ครับป้า ผมแค่อยากให้เธอไม่กลัวเวลาที่ต้องอยู่ใกล้ๆผมเท่านั้นเอง….ถึงผมจะอยากทำตามที่ป้าบอกก็เถอะ” ชายหนุ่มตอบตามที่คิดจริงๆ ก่อนที่เขาจะพูดประโยคสุดท้ายออกมาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์จนคนเห็นรู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อย
 
 
“ให้มันจริงเถอะค่ะ เดี๋ยวจะมาบ่นว่าปวดๆเมื่อยๆต้องให้อิฉันนวดให้อีก” แม่บ้านอาวุโสประจำตระกูลเอ่ยอย่างประชดเล็กน้อย ก็กระไรเวลาที่เจ้านายหนุ่มไปเสพสุขเสพรักกับหญิงใดมา เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นต้องหอบกายมาให้นางบีบนวดให้ทุกที ไม่รู้ว่าใช้ยุทธวิธีเยอะหรืออย่างไรถึงได้ปวดเมื่อยไปหมดเช่นนั้น
 
 
“โถ่ป้าจวน….นวดให้นิดๆหน่อยๆจะเป็นอะไรไปล่ะครับ” วิลเลียมแกล้งว่าพร้อมกับบีบนวดต้นแขนอวบของแม่บ้านสูงวัยเบาๆ
 
 
“นั่นไง! เดี๋ยวป้าจะฟ้องคุณดา” รัญจวนว่ากลับทันควันพร้อมกับทำตาขวางใส่เจ้านายหนุ่ม
 
 
“โอ้! ผมล้อเล่นน่ะครับป้า….จริงๆ….ผมไม่ทำอะไรคุณดาของป้าหรอกครับ อย่าฟ้องเธอแล้วนะครับป้า” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยเสียงออดอ้อนพลางทำหน้าเว้าวอนให้น่าสงสารพร้อมกับนำแขนแกร่งโอบกอดร่างท้วมเอาไว้เป็นการเอาใจ
 
 
“ให้มันจริงนะคะคุณวิลเลียม ป้าไม่อยากให้คุณผิดใจกับคุณกานดาอีกนะคะ แค่เรื่องที่เกิดขึ้นก็แทบจะมองหน้ากันไม่ติดแล้ว” นางกล่าวเสียงเครียดเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้านายทั้งสองผิดใจกัน นางไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่แค่ได้เห็นรอยจ้ำช้ำแดงบนคอขาวนวลของแขกคนสำคัญ กับอาการหมางเมิงของเธอที่มีต่อเจ้านายหนุ่มของนาง แค่นี้นางก็ปะติดปะต่อเรื่องได้มากพอแล้ว
 
 
“ครับป้าผมจะไม่ทำอะไรเธอทั้งนั้น ผมแค่อยากให้เธอรู้สึกว่าผมสามารถปกป้องเธอได้ และเธอสามารถอยู่ใกล้ๆผมได้อย่างไม่ต้องกลัว….ผมจะไม่พรากอะไรไปจากเธอเด็ดขาดถ้าหากเธอไม่เต็มใจ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและแย้มยิ้มออกมาด้วยความจริงจัง
 
 
“ถึงจะเต็มใจก็ไม่สมควรค่ะคุณวิล เพราะคุณกานดาเธอเป็นคนไทย ถึงสมัยนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างไรจริงๆแล้วคนไทยก็ยังถือคติที่ต้องแต่งงานกันก่อนถึงจะร่วมหอกันได้นะคะ” แม่บ้านสูงวัยประจำตระกูลว่า “อีกอย่าง….ใช่ว่าถ้าคุณพรากสิ่งรักไปจากคุณกานดาแบบที่เธอเต็มใจได้แล้วและคุณกับคุณดาจะแต่งงานด้วยกันเสียเมื่อไหร่ อย่าทำอะไรให้เป็นตราบาปติดตัวเธอไปเลยนะคะ ป้าสงสารเธอค่ะ”
 
 
“โอ๋ๆ รู้แล้วครับป้า ผมจะไม่ทำอะไรคุณดาของป้าก่อนแต่งงานแน่นอนครับ” วิลเลียมกล่าวก่อนจะหอมแก้มนิ่มของแม่บ้านสุดที่รักเป็นการเอาใจ
 
 
“เอ….พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะคุณวิลเลียม” รัญจวนเหลือบมองผู้เป็นนายพลางกล่าวออกมาอย่างจับผิด
 
 
“เปล่าหนิครับ เอ้อ….มาร์เรีย ไปเอาน้ำมาให้ป้าเจนนี่ดื่มหน่อยสิ สงสัยจะคุยกับฉันจนคอแห้งไปหมดแล้ว” คนถูกจับผิดรีบปล่อยร่างท้วมให้เป็นอิสระก่อนจะหันไปพูดกับแม่บ้านอีกคนที่กำลังจัดช่อดอกไม้อยู่
 
 
“แหม….เปลี่ยนเรื่องเชียว….โอ้ะ! สงสัยจะมาถึงกันแล้วค่ะคุณวิล” เสียงนุ่มของหญิงสูงวัยเอ่ยก่อนที่นางจะทำตาโตเมื่อได้ยินเสียงบีบแตรจากรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์
 
 
“ทำตามที่บอกนะครับ” วิลเลียมกล่าวพลางจับต้นแขนนิ่มเล็กน้อย
 
 
“ค่ะๆ ได้เลยค่ะ” นางตอบกลับก่อนที่ร่างท้วมจะรีบกุรีกุจอกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังคฤหาสน์ทันที
               
 
 
               กานดาเดินเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าอ่อนล้า หลังจากที่เธอนึกถึงเรื่องอันชอกช้ำใจก็ทำให้ตอนนี้หัวใจของเธอมันหมองหม่นจนไม่อยากยิ้มออกมาเลยสักนิด กายสาวเดินเนือยเข้าบ้านจนคนเป็นลูกน้องคนสนิทของนายใหญ่ที่คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดต้องแปลกใจ พลางนึกคิดไปว่าเกิดเรื่องอะไรกับหญิงสาวของเจ้านายหนุ่มกันเธอถึงได้ทำตัวห่อเหี่ยวถึงเพียงนี้ หากแต่มันไม่ใช่กงการอะไรของเขาที่จะเข้าไปถามไถ่ คงทำได้แค่คอยดูแลเธอตามคำสั่งไปอย่างนี้เท่านั้นเอง
 
 
“กลับมาแล้วหรอคะคุณดา เหนื่อยมากไหมคะทำไมวันนี้หน้าดูซีดๆจัง” รัญจวนรีบออกมารับแขกสาวคนสำคัญด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
 
 
“ดาไม่เป็นอะไรค่ะคุณป้า คงจะเพลียเพราะช่วงนี้ต้องปรับตัวให้กับเวลาที่เปลี่ยนไปน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบพลางฝืนส่งยิ้มบางๆให้กับคนตรงหน้า
 
 
“ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนเถอะค่ะ นี่ก็ใกล้ค่ำมืดแล้วจะได้มาทานข้าวเย็นกัน” นางบอกก่อนจะดันร่างบางให้เดินไปทางบันไดขึ้นชั้นบน
 
 
“แล้วนี่คุณเอมิลี่กับคุณมีอาไม่อยู่หรือคะ บ้านเงียบเชียว” เสียงหวานถามไปถึงเจ้าของคฤหาสน์สาวทั้งสอง
 
 
“คุณเอมมี่และคุณเมียร์ไปงานเลี้ยงของสองพี่น้องฟองเซ่น่ะค่ะ” เสียงนุ่มตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้ม “ส่วนคุณวิลเลียมยังไม่กลับค่ะ”
 
 
“งั้นหรอคะ….” กานดาเอ่ยแผ่วอย่างลอยๆ ใจดวงน้อยเริ่มรู้สึกไหวหวั่นขึ้นมาเมื่อคิดว่าตอนนี้เขาคงจะอยู่กับอดีตคนรักปักษ์ดวงใจเป็นแน่แท้
 
 
“งั้นดาขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” เธอหันไปกล่าวกับแม่บ้างสูงวัยพลางแย้มยิ้มเจื่อนๆให้กับนาง
 
 
“ค่ะ เชิญตามสบายเลยค่ะคุณกานดา ถ้าโต๊ะอาหารพร้อมเมื่อไหร่ป้าจะขึ้นไปเรียกนะคะ” รัญจวนกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มเหมือนให้กำลังใจหญิงสาวทางอ้อม ก่อนจะเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อยและมองร่างระหงที่เดินขึ้นบันไดไปด้วยความแปลกใจ
 
 
“เอ….มีเรื่องอะไรกันน้า” นางพึมพำกับตัวเองพลางขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
 
 
“คุณวิลเลียมเรียกแหนะครับคุณเจนนี่” โจเซฟเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายส่งสัญญาณบอกให้เรียกแม่บ้านประจำตระกูลที่ยังคงยืนทำหน้าสงสัยอยู่ปลายบันได
 
 
“เธอเป็นไงบ้างครับป้า สงสัยอะไรหรือเปล่า” วิลเลียมถามขึ้นทันทีเมื่อร่างท้วมเดินมาใกล้ตนแล้ว
 
 
“เธอดูแปลกนะคะคุณวิล เหมือนกับว่าเธอมีเรื่องอะไรในใจ….คุณไปทำอะไรเธอมาอีกหรือเปล่าคะเนี่ย” รัญจวนตอบพร้อมกับเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นด้วยความสงสัยอีกครั้ง ก่อนจะมองหน้าเจ้านายหนุ่มอย่างจับผิด
 
 
“โอ้! เปล่านะครับป้า ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย….หรือว่าเธอน้อยใจที่ผมไม่ยอมพาเธอไปพบลูกค้าด้วย” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธทันควัน ก่อนจะสันนิษฐานออกมาให้คนตรงหน้าได้คลายความกังวลลงบ้าง
 
 
“ไม่รู้สิคะ สีหน้าเธอดูเศร้าๆ….ป้าไปช่วยมอร์แกนทำอาหารก่อนแล้วกันนะคะ” นางกล่าวก่อนที่ร่างท้วมจะหันหลังกลับเข้าคฤหาสน์อีกครั้งทิ้งให้ผู้เป็นนายยืนท้าวเอวขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดอยู่ด้านหลัง
 
 
               กานดารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนหย่อนกายได้เยอะขึ้น ร่างระหงล้มตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรงเมื่อเธอแต่งตัวเสร็จ ดวงตากลมหวานค่อยๆหลับตาลงช้าๆละทิ้งความเศร้าหมองทุกอย่างไปจากใจและสูดผ่อนลมหายใจเข้าออกแบบช้าๆเพื่อลืมเรื่องราวต่างๆที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิด หากแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นก็ไม่ยอมออกไปจากสมองของเธอเสียที จนตอนนี้น้ำตาหยดใสไหลร่วงรินอาบแก้มนิ่มไปหมดอย่างห้ามไม่ได้เสียแล้ว
 
 
“จะไปคิดถึงมันอีกทำไมกานดา เลิกคิดถึงเรื่องบ้าๆนี้ได้แล้ว!”
 
 
               หญิงสาวพูดออกมาแทบจะเป็นเสียงกรีดร้อง ก่อนที่เธอจะนำหมอนมาปิดหน้าของเธอพร้อมกับหลับตาแน่นเพื่อให้ลืมทุกสิ่งอย่างที่เธอคิด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดี เธอจึงตัดสินใจเช็ดหน้าเช็ดตาให้ดูดีก่อนที่จะเดินออกจากห้องเพื่อหาน้ำเย็นๆมาดื่มให้กายสาวรู้สึกกระปรี้ประเปร่าเสียบ้าง
 
 
“ทำอะไรคะคุณมอร์แกนกลิ่นหอมเชียว”
 
 
              เสียงหวานถามขึ้นมาดังๆถึงแม้ว่าเธอยังเดินไม่ว่าไม่กี่ก้าวเธอจะเดินถึงห้องครัวแล้วก็ตาม หากแต่ทำให้คนที่กำลังส่งจานอาหารให้เจ้านายใหญ่จากประตูครัวด้านหลังต้องรีบหันขวับและส่งยิ้มกว้างให้เธอในทันที ส่วนผู้เป็นนายก็รีบหลบหลังกำแพงอย่างไม่ทันระวังทำให้จานกระเบื้องที่อยู่ในมือนั้นตกแตกกระจายไปทั่วพื้นสร้างความสงสัยให้กับหญิงสาวยิ่งนัก
 
 
“เกิดอะไรขึ้นคะ” กานดาชะเง้อคอมองไปทางประตูด้านหลังหากแต่กายกำยำของพ่อครัวประจำตระกูลกลับบังขวางเอาไว้ไม่ให้เธอมองได้ถนัด
 
 
“เปล่า….เปล่าจ้ะ แมวน่ะ” มอร์แกนรีบตอบออกไปก่อนจะเหลือบมองคนที่ยืนหลบอยู่หลังกำแพงเล็กน้อย
 
 
“แมวหรอคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยความฉงนสงสัยว่าในคฤหาสน์แห่งนี้เขาเลี้ยงแมวกันด้วยหรือ เธอมาอยู่ตั้งหลายวันแล้วทำไมถึงไม่เห็นสักตัว
 
 
“จ้ะๆ แมวจ้ะ” เสียงนุ่มตอบพร้อมกับทำตัวเก้ๆกังๆไม่รู้จะเดินไปทางซ้ายหรือทางขวาดี
 
 
“เมี๊ยว~ เมี๊ยว~”
 
 
              จู่ๆเสียงแมวแบบแปลกๆก็ดังขึ้นทำเอาหญิงสาวและพ่อครัวหนุ่มเทียมต้องหันไปมองเป็นตาเดียว หากแต่คนนึงมองด้วยความสงสัย อีกคนนี่สิกลับแทบจะหลุดขำออกมาเมื่อผู้เป็นนายใหญ่ช่างกล้าเลียนเสียงสัตว์ตามที่เขาบอกกับสาวเจ้าเอาไว้
 
 
“เห็นไหมจ๊ะ แมวมันร้องเหมียวๆอยู่นี่แน่ะ….ไปๆเจ้าแมว อย่ามายุ่มยามแถวนี้นะ” มอร์แกนทำทีเป็นไล่ก่อนที่เขาจะชะโงกหน้าออกไปตรงประตูและพูดแบบไร้เสียงให้เจ้านายของเขาออกไปจากบริเวณห้องครัวและรีบปิดประตูครัวด้านหลังทันที
 
 
“เมี๊ยว~….แหม่….ได้ทีล่ะเอาใหญ่เลยนะมอร์แกน” วิลเลียมร้องเหมียวเป็นการส่งท้ายพลางบ่นพ่อครัวของเขาอยู่ในใจอย่างอดเสียไม่ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินก้มตัวออกไปจากหลังกำแพงที่เขาหลบอยู่เพื่อไปยังสวนหลังคฤหาสน์ที่ตอนนี้เตรียมการใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
 
 
“อย่าพึ่งไล่ไปสิคะ ฉันอยากเล่นกับมันสักหน่อย” กานดาพูดน้ำเสียงเศร้าๆเพราะเธอหวังจะได้เล่นกับเจ้าแมวเหมียวตัวน้อยสักพักเพื่อให้ลืมเรื่องเศร้าที่บัดนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอไม่ยอมไปไหน
 
 
“โอ้! ไม่ได้จ้ะ ไม่ได้….ไปนั่งที่บาร์ก่อนนะ ต้องการอะไรหรือเปล่าจ๊ะเอาน้ำไหม….น้ำๆ อยากดื่มน้ำใช่ไหม” เสียงนุ่มรีบปฏิเสธทันควันก่อนที่ร่างกำยำจะเดินมาดันให้ร่างเล็กไปนั่งที่เก้าอี้บาร์และหันซ้ายแลขวาอย่างรนๆก่อนจะเทน้ำเปล่าใส่แก้วให้เธอดื่ม
 
 
“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานกล่าวพลางเอื้อมมือเล็กไปรับแก้วน้ำมาจากมือแกร่ง
 
 
“หิวหรือยังจ๊ะ ทานคุกกี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวอีกแปปอาหารก็เสร็จหมดแล้วจ้ะ” ว่าแล้วพ่อครัวประจำคฤหาสน์ก็นำถาดคุกกี้หอมกรุ่นมาไว้ตรงหน้าของแขกสาวคนพิเศษของเจ้านายใหญ่
 
 
“ขอบคุณนะคะ….แปลกจังเลยนะคะทำไมวันนี้คฤหาสน์ดูเงียบๆจัง” หญิงสาวหยิบคุกกี้ขึ้นมาหนึ่งชิ้นพร้อมกับกล่าวขอบคุณก่อนจะเปรยขึ้นมาลอยๆให้คนต้องเก็บความลับร้อนตัวเล่น
 
 
“เป็นปกตินะจ้ะ ที่นี่ก็เป็นแบบนี้แหละ” มอร์แกนรีบแก้ต่างก่อนจะหันเหสายตาไปมองแม่บ้านที่ยืนส่งสัญญาณให้เขาอยู่ตรงประตู “เอ้อ….ไม่ลองไปเดินเล่นที่สวนหลังคฤหาสน์หน่อยล่ะ ตอนนี้ดอกไม้กำลังออกดอกสวยเลยนะ”
 
 
“จริงหรอคะ….เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะเผื่อจะได้เจอเจ้าแมวตัวนั้นด้วย” กานดากล่าวพลางส่งยิ้มหวานแบบดีใจให้กับคนตรงหน้า หากแต่คำพูดของเธอนั้นกลับเกือบทำให้คนฟังสำลักน้ำที่กำลังจะดื่มเลยทีเดียว
 
 
‘นี่เจ้านายของเขากลายเป็น ‘เจ้าแมวตัวนั้น’ ไปเสียแล้ว แต่เอ….ต้องเรียกว่าเสือโคร่งตัวใหญ่สิถึงจะถูก’ พ่อครัวประจำตระกูลคิดอยู่ในใจพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยให้กับความคิดของตน ก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้ว่าจะต้องตอบเธอ
 
 
“เอ่อ….จ้ะๆ มันคงจะวิ่งเล่นอยู่ที่สวนนั่นแหละจ้ะ หาดีๆนะจ๊ะ”
 
 
“ค่ะ….ขอบคุณสำหรับน้ำและคุกกี้อีกครั้งนะคะคุณมอร์แกน” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับหนุ่มเทียมอีกครั้ง
 
 
“ด้วยความยินดีจ้ะ” เสียงนุ่มตอบพลางฉีกยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเมื่อร่างเล็กเดินออกจากห้องครัวไปแล้ว
 
 
                ร่างเล็กเดินเอื่อยไปทางหลังคฤหาสน์ด้วยความเหงาหงอย ด้วยความที่ฟ้ามืดแล้วทำให้อากาศเย็นลงจนเธอต้องกอดกายตัวเองให้คลายหนาว แสงนวลของจันทราผสมผสานกับแสงนวลจากเสาไฟทำให้ค่ำคืนที่เงียบเหงาดูจะอบอุ่นหัวใจขึ้นมาได้บ้าง หมู่ไม้นานาพันธุ์ที่แข่งกันชูช่อออกดอกสะพรั่งช่างสวยงามจนใบหน้าหวานใสต้องอมยิ้มตามไปกับมัน หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับเป็นรอยยิ้มที่หมองเศร้าเงียบเหงามากกว่าจะเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
 
 
“เสียงเพลงหนิ….”
 
 
                กานดาเอ่ยขึ้นพลางเลิกคิ้วอย่างฉงน ก่อนที่เธอจะเดินตามเสียงเพลงบรรเลงอันไพเราะจับใจนั้นไปด้วยความสงสัย ก่อนจะยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อสองข้างทางที่เธอเดินมีราวดอกไม้และผ้าสีขาวกั้นขนาบข้างดั่งกับเธอกำลังเดินเข้าสู่งานวิวาห์ไม่มีผิด และแล้วสิ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก ดวงตากลมจ้องมองลานสวนกว้างตาไม่กระพริบ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วดั่งเจอเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้น นักเล่นไวโอลีนที่บรรเลงเพลงเป็นท่วงทำนองแสนไพเราะส่งยิ้มให้กับเธอก่อนจะเดินไปยืนหลังโต๊ะรับประทานอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี และก่อนที่เธอจะได้ทันตั้งตัว ร่างเพรียวบางก็ถูกแม่บ้านประจำตระกูลพาไปนั่งที่เก้าอี้เสียแล้ว
 
 
“อะ….อะไรกันคะ”
 
 
                เสียงหวานเปรยถามออกมาเสียงแผ่วพลางมองโต๊ะอาหารที่จัดตกแต่งด้วยเทียนไขสีขาวกับพุ่มดอกคามิเลียสีชมพูอ่อนแสนงามหวานจับใจ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อจากนั้น ร่างสูงสง่าของเจ้านายใหญ่ประจำตระกูลก็ปรากฏกายพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ที่คนได้เห็นถึงกับต้องเจ็บจึกตรงกลางใจเลยทีเดียว
 
 
“คุณวิล….” กานดาลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสับสน
 
 
“เซอร์ไพรส์….สำหรับคนสวยของผม” วิลเลียมกล่าวพลางยื่นช่อดอกไม้นั้นให้กับหญิงสาว ก่อนจะส่งยิ้มนุ่มละลายหัวใจให้กับเธอ
 
 
                หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งงันมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสับสนและตกใจ หากแต่มือเรียวเล็กกลับยืนไปรับช่อดอกไม้นั้นมาตามมารยาทอย่างคนไม่รู้สึกตัว ทำเอาชายหนุ่มที่เห็นสีหน้าและอากัปกิริยาแบบนั้นตั้งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะอมยิ้มและเอื้อมมือแกร่งไปกุมมือเล็กและยกขึ้นมากดจุมพิตลงบนหลังมือเพื่อเรียกสติของเธอ
 
 
“อึ้งขนาดนั้นเลยเหรอดา” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยอย่างติดตลกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีปฏิกิริยากับเขาแล้ว
 
 
“ดา….ดา….” กานดาได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ภาพเก่าๆจากรักครั้งแรกของเธอประดังประเดเข้ามาในหัวจนเธอต้องหันไปมองใบหน้าอันหล่อเหลาของผู้เป็นนายใหญ่อีกครั้งก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่นด้วยความสับสน
 
 
“เป็นอะไรหรือเปล่า คุณมี….เรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” วิลเลียมถามขึ้นเพราะสังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ
 
 
“ไม่….ไม่ค่ะ” หญิงสาวรีบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย ใบหน้าหวานก้มลงมองดอกไม้ช่องามในมือก่อนที่เธอจะหันเหสายตาไปมองเชิงเทียนแทน
 
 
“นั่งลงก่อนเถอะ” เสียงทุ้มว่าพลางนำมือแกร่งดันกายสาวเล็กน้อยเพื่อให้เธอนั่งลงเช่นเดิม ก่อนที่เขาจะหันไปหาเหล่าแม่บ้านให้นำอาหารสุดหรูของดินเนอร์มื้อพิเศษนี้มาวางได้เลย
 
 
                อาหารรสเลิศถูกจัดมาเป็นขั้นลำดับ เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อยสุดแสนจะอร่อยที่ประณีตแม้กระทั่งการจัดตกแต่งจานที่ใส่ ต่อมาเป็นจากหลักซึ่งก็คือสเต้กฟิเลมิยองกับซอสไวน์แดงที่หาใครทำได้อร่อยเทียบกับเชฟมือทองประจำตระกูลนี้ไม่มีอีกแล้ว สุดท้ายคือของหวานอย่างไอศกรีมราสเบอร์รี่ที่มีผลราสเบอร์รี่สดอยู่โดยรอบด้วย ซึ่งอาหารทุกอย่างล้วนแล้วแต่สร้างความพิเศษให้ค่ำคืนอันแสนโรแมนติกได้ดียิ่งนัก
 
 
               ทั้งคู่ทานไปพูดคุยกันไปจนหญิงสาวลืมเรื่องเลวร้ายไปเสียสนิท ตอนนี้ใบหน้าหวานมีแต่รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขจนคนเห็นอดที่จะอมยิ้มตามไปไม่ได้ ชายหนุ่มเอาแต่มองคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ ดวงหน้าสวยหวานสมวัยต้องรับกับแสงจากดวงจันทราและเทียนไขให้เปล่งประกายน่าชมน่ามองยิ่งนัก เหมือนดั่งว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่หลุดมาจากในเทพนิยายก็มิปาน รอยยิ้มของเธอนั้นช่างแสนหวานและยั่วยวนหัวใจเขาได้เป็นอย่างดี ปากอิ่มสวยสีแดงระเรื่อก็ยิ่งน่าฝังจุมพิตมากเข้าไปใหญ่ จนตอนนี้หัวใจของเขามันเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ แทบจะบังคับตัวเองไม่ให้ดึงร่างงามเข้ามาโอบกอดไม่ไหว หากเป็นหญิงสาวคนอื่นแล้วล่ะก็เขาไม่มีมันมานั่งทนแบบนี้เป็นแน่
 
 
แต่เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆที่เคยผ่านมา เธอคือผู้หญิงที่ล้ำค่ายิ่งกว่าคนไหนๆ ไม่ใช่คนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ใช่คนที่เขาจะมีไว้เป็นคู่นอน….หากแต่จะมีไว้เป็นคู่ชีวิต!
 
 
“ชอบไหมครับ” วิลเลียมถามขึ้นพลางมองคนตรงหน้าอย่างมีความสุข
 
 
“ชอบมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณวิล แต่ทีหลังไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้ดาไม่ใช่คนสำคัญอะไร ดาเกรงใจค่ะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงอ้อมแอ้ม รู้สึกเกรงใจที่เขาดันมาทำอะไรให้เธอมากมายขนาดนี้ รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจทุกทีเมื่อนึกหวาดหวั่นกับความดีที่เขามอบให้ มันจะเป็นเครื่องมือที่หลอกให้เธอตายใจเหมือนครั้งนั้นอีกหรือเปล่านะ….
 
 
“ที่ผมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการขอโทษคุณที่ผมทำร้ายจิตใจของคุณในวันนั้น….ผมทำเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะ หายโกรธผมเถอะนะครับดา” เขาอธิบายให้เธอเข้าใจ ก่อนจะทำหน้าอ้อนใส่เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกเห็นใจขึ้นมาบ้าง
 
 
“ดาบอกแล้วไงคะว่าดาไม่ได้โกรธคุณแล้ว” กานดาตอบกลับเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะก้มหน้าทานไอศกรีมต่อ
 
 
“ถ้างั้นให้ผมอยู่ใกล้ๆคุณได้หรือเปล่า ยกเลิกข้อห้ามที่คุณบอกผมซะ ผมไม่คิดจะทำอะไรคุณจริงๆนะดาวันนั้นผมแค่….เอ่อ….ผมแค่….” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะพูดแบบตะกุกตะกักเมื่อมาถึงเหตุผลที่ว่าทำไมวันนั้นเขาถึงทำแบบนั้นกับเธอ
 
 
ทำไมน่ะหรือ….ก็เพราะว่าเขาเกิดหึงหวงเธอขึ้นมาน่ะสิ!
 
 
“คงไม่ได้หรอกค่ะ เอ่อ….คือดาถือน่ะค่ะว่ามีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง เราป้องกันเอาไว้ดีกว่ามานั่งแก้นะคะ” หญิงสาวเงยหน้าตอบก่อนจะส่งยิ้มแหยๆให้กับคนตรงหน้า 
 
 
‘โถ่….กานดา….คุณไม่รู้หรือว่าแค่คุณอยู่ห่างผมเพียงก้าวเดียว ผมก็แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว’ วิลเลียมบ่นอุบในใจหากแต่สีหน้าของเขากลับฟ้องออกมาอย่างชัดเจนจนคนที่ได้เห็นอย่างรัญจวนถึงกับต้องแอบอมยิ้มเลยทีเดียว
 
 
“งั้นก็สุดแล้วแต่คุณเถอะ….เออนี่ดา ผมเล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับคฤหาสน์เลสเซิ้ลให้คุณฟังหรือยัง” เขาตอบกลับอย่างเนือยๆก่อนจะเปลี่ยนมาทำเสียงเป็นตื่นเต้นจนหญิงสาวรู้สึกแปลกใจ
 
 
“อะไรหรอคะ” กานดาถามกลับด้วยความสงสัย
 
 
“ก็เรื่อง….ผมจะพูดดีไหมนะ….นี่คุณกลัวผีหรือเปล่า” เสียงทุ้มทำเป็นไม่ค่อยอยากจะพูดแต่ก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและร้อนรนอย่างยวดยิ่ง
 
 
“ทะ….ทำไมหรอคะ” คนได้ยินคำถามดังนั้นก็นึกใจสั่นขึ้นมา ก็เธอน่ะกลัวเรื่องพวกนี้ยิ่งกว่าอะไร!
 
 
“ก็….ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่….คฤหาสน์หลังนี้มีผีสิงอยู่เท่านั้นเอง”
 
 
“อะไรนะคะ!” เสียงหวานอุทานออกมาด้วยความตกใจ ดวงหน้าใสทำตาโตแทบจะเท่าไข่ห่านจนคนชอบแกล้งต้องแอบอมยิ้มและรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าไปตามสถานการณ์ทันที
 
 
“ผมจะบอกคุณตั้งแต่มาแล้วแต่ผมกลับลืมน่ะ ตอนกลางคืนคุณได้ยินเสียงหรือเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า” ร่างแกร่งโน้มตัวมาเล็กน้อยและถามออกไปแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
 
 
“ไม่….ไม่หนิคะ” หญิงสาวตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือนิดๆ
 
 
“รู้ไหมว่าทุกคืนกลางดึกน่ะ จะมีเสียงหวีดร้องของผู้หญิงขอให้ช่วยทุกคืนเลย แล้วก็จะมีเสียงกอกแกกๆ บางครั้งก็มีเสียงเคาะประตู รู้ไหมว่าพวกเราได้ยินกันหมดทุกคน แปลกนะที่คุณไม่ได้ยิน” วิลเลียมกล่าวพลางเอนหลังพิงพนักเก้าดั่งเดิม
 
 
“ฉันไม่ได้ยินจริงๆค่ะ ตะ….แต่ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อนะคะ” เสียงหวานรีบบอกด้วยความที่กลัวว่าจะไปเป็นการลบหลู่สิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นเข้า
 
 
“นี่เมื่อคืนผมเจอกับตัวเองสดๆร้อนๆเลย ตอนช่วงประมาณตีหนึ่งเห็นจะได้….ตอนแรกผมได้ยินเสียงเหมือนคนครางฮือๆเบาๆ ตอนนั้นผมกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร แต่สักพักอยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากฝักบัว ผมก็เลยเดินไปดูเพราะนึกว่าตัวเองลืมปิดแต่เปล่าเลยดา พื้นห้องน้ำงี้แห้งสนิทเลย ผมก็เลยกลับมานอนต่อแต่ใจก็นึกๆแล้วล่ะว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ”
 
 
               ชายหนุ่มเริ่มเล่าอย่างออกรสออกชาดโดยไม่รีรอ เขาเล่าตามที่แม่บ้านสูงวัยประจำตระกูลเคยเล่าให้เขาฟังเอาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อจะได้สมจริงและน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ก็ไอ้เขาน่ะ….เกิดมาจนเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วเรื่องผีปีศาจอะไรนี้เขายังไม่เคยเจอะเจอเลยสักครั้ง แล้วเขาก็ไม่คิดจะเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย แต่แม่กระรอกน้อยของเขาคงจะเชื่อจนสนิทใจเลยล่ะสิถึงได้นั่งตัวรีบเป็นกระรอกขี้กลัวขนาดนี้
 
 
‘ปึ้ง!!!’ จู่ๆมือแกร่งก็ตบโต๊ะเสียงดังลั่นทำเอาทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นและได้ยินเรื่องที่เขาเล่าต้องสะดุ้งโหยงไปตามๆกัน
 
 
“พอผมล้มตัวลงนอนเท่านั้นแหละดา รู้ไหม….เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทันทีเลย มันดังแบบช้าๆเป็นจังหวะ….แบบนี้ดา ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’” ว่าแล้วมือแกร่งก็เคาะโต๊ะตามคำพูด เล่นเอาคนที่นั่งฟังเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น
 
 
“คะ….คุณวิล” เสียงหวานเรียกคนตรงหน้าด้วยความกลัว
 
 
“ยังไม่จบดา….เสียงเคาะประตูมันดังขึ้นอีกครั้งแบบเดิมเลย แต่คราวนี้ผมลองทำใจกล้าไปเปิดประตูดูว่ามีใครแกล้งหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นคุณที่มาเคาะประตูก็ได้ แต่พอเปิดไปแล้วผมกลับไม่เจอใคร หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ผมก็เลยรีบปิดประตูและกลับมานอนใหม่ เท่านั้นแหละดา….เสียงนี่มาเลย รู้ไหมว่าผมได้ยินเสียงอะไร”
 
 
“มะ….ไม่รู้ค่ะ” เธอตอบออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ
 
 
“เสียงร้องไห้ของผู้หญิงดา แล้วก็เสียงคนพูดว่า….ช่วย….ด้วย….แบบนี้เลยดา” เสียงทุ้มลากยาวให้สมจริงมากขึ้นไปอีก ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับคนลุกไปตามๆกันเลยทีเดียว
 
 
“คุณวิล….” ร่างเล็กรีบลุกขึ้นและดึงเก้าอี้ให้ไปตั้งอยู่ใกล้ๆชายหนุ่ม โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลยสักนิด
 
 
“ไม่พอนะดา กลิ่นนี่ลอยมาเลย มันเป็นกลิ่นเหมือนของเน่าๆน่ะ ผมนี่ไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาผ้าห่มมาปิดหน้าไว้แต่แล้วผมก็รู้สึก….รู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ตรงหน้าผม” เสียงทุ้มว่าและทำน้ำเสียงตื่นเต้นให้คนฟังรู้สึกตื่นเต้นระคนหวาดกลัวมากเข้าไปอีก
 
 
“เท่านั้นแหละดา!” จู่ๆเสียงแผ่วก็เอ่ยแบบดังลั่นจนคนที่นั่งอยู่ข้างกายสะดุ้งโหยงรีบซบหน้ากับแขนแกร่งทันที เล่นเอาคนแกล้งถึงกับต้องอมยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนที่เขาจะเล่าต่อไปอย่างนึกสนุก “ผมก็รีบดึงผ้าออกเลย แล้วผมเห็นอะไรรู้มั้ย….ผมเห็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดสีขาวก้มหน้าอยู่เหนือตัวผมเลยครับดา”
 
 
“คุณวิล….ดากลัวนะคะ” กานดาปรามเสียงสั่น พลางนำมือคล้องแขนแกร่งเอาไว้และซุกใบหน้าเข้ากับต้นแขนแข็งแรงนั้นไม่ยอมขยับไหน
 
 
“ผมอึ้งมากพูดอะไรไม่ออก ขยับตัวก็ไม่ได้ แล้วจู่ๆเสียงหัวเราะ….หึ หึ หึ….ก็ดังขึ้น จากนั้นเธอก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา แบบช้าๆ แล้วก็เริ่มทำเสียงหวีดแบบหลอนๆน่ะดา ผมเห็นปากของเธอค่อยๆฉีกออกเหมือนฉีกยิ้มแต่มันกลับมีเลือดไหลย้อยลงมาเหมือนปากฉีกมากกว่า มันสยองมากเลยดา….แล้วจู่ๆเธอก็เงยหน้าขึ้นมา!” ประโยคสุดท้ายที่จู่ๆเข้าก็พูดดังขึ้นอีกครั้งทำให้เสียงหวานต้องหวีดร้องแหลมตามด้วยความตกใจ จึงทำให้เหล่าลูกน้องทั้งหลายที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องตกอกตกใจตามไปด้วย
 
 
“พอแล้วค่ะคุณวิล ดากลัว” หญิงสาวพูดห้ามอีกครั้ง เสียงหวานสั่นเสียจนเขาคิดว่าเธออาจจะร้องไห้เสียแล้ว
 
 
“ดา….ดาครับ….” วิลเลียมเรียกคนข้างกายหากแต่เธอกลับไม่ยอมเงยหน้ามามองเขาเลยสักนิด
 
 
“ดากลัวค่ะคุณวิล หยุดเล่าเถอะนะคะ” เสียงหวานบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน น้ำตาหยดใสคลอหน่วยจนแทบจะร่วงรินอยู่รำไร
 
 
“ครับๆผมไม่เล่าแล้ว ดาไปพักผ่อนเถอะนะนี่ก็ดึกมากแล้ว” คนตัวการพูดอย่างอารมณ์ดีที่แผนปฏิบัติการเล่าเรื่องผีสำเร็จอย่างสวยหรู
 
 
“แต่ว่าดา….” ใบหน้าหวานเงยหน้ามองดวงหน้าคมอย่างกระอักกระอ่วน
 
 
จะให้เธอขึ้นนอนตอนนี้น่ะหรือ….มีหวังคงได้ประสาทหลอนกันไปข้างน่ะสิ!
 
 
“พรุ่งนี้ผมต้องเข้าประชุมแต่เช้าซะด้วยสิ เราไปนอนกันดีกว่านะ” วิลเลียมรีบตัดบทด้วยการมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มนุ่มๆให้กับหญิงสาวเป็นการปลอบใจ
 
 
                ร่างบางอ้อยอิ่งอยู่นานกว่าที่เธอจะยอมลุกไปกับเขาได้ ตลอดทางที่เดินไปยังคฤหาสน์หญิงสาวเอาแต่เกาะแขนแกร่งของชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย แถมยังเดินชิดเขาเสียจนขาแทบจะพันกันอยู่รำไร หากแต่นั่นกลับสร้างความพึงพอใจให้เขายิ่งนัก ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าโดนแกล้งก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินด้วยความหวาดหวั่น แต่แล้วจู่ๆดวงหน้าหวานก็เผลอเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชั้นบนของคฤหาสน์ที่มีแสงเพียงแค่รำไร แล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเหมือนว่าเธอเห็นผู้หญิงสาวชุดขาวยืนส่งยิ้มให้เธออยู่!
 
 
“คะ….คุณวิล” หญิงสาวรีบก้มหน้างุดและเรียกคนข้างกายพลางกระตุกแขนให้เขาหยุดเดิน
 
 
“ว่าไงครับ” วิลเลียมหันไปมองร่างเล็กอย่างสงสัย
 
 
“เมื่อกี้นี้เหมือนดาเห็น….” กานดากล่าวก่อนจะกลืนคำที่เหลือลงคอเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรจะพูดออกไป
 
 
“เห็นอะไรหรือครับ” เสียงทุ้มแกล้งถามออกไปทั้งๆที่ในใจก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเธอเห็นอะไร
 
 
ก็เขาเป็นคนวางแผนทั้งหมดนี่นะ แล้วจะไม่ให้เขารู้ได้อย่างไร!
 
 
“มะ….ไม่มีอะไรค่ะ….ไม่มีอะไร”
 
 
                เสียงหวานตอบแบบตะกุกตะกักก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยความหวาดหวั่น ร่างเล็กเดินตามหลังร่างใหญ่ขึ้นไปยังชั้นบนแบบชนิดที่เรียกได้ว่าตัวแทบจะติดกัน มือเรียวยังคงเกาะแขนแกร่งไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ใจดวงน้อยเต้นระส่ำโครงครามแทบออกมานอกอกเมื่อทั้งคู่เดินไปถึงหน้าห้องนอนของเธอแล้ว จนดวงตากลมต้องส่งสายตาอ้อนวอนคนตรงหน้าในทันทีเมื่อเขาเปิดประตูให้และหันมายิ้มนุ่มกับเธอ
 
 
“ราตรีสวัสดิ์ครับคนสวย” วิลเลียมกล่าวเสียงนุ่มและมองแม่กระรอกสาวของเขาด้วยแววตาเอ็นดูระคนเจ้าเล่ห์
 
 
“ระ….ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” กานดาตอบกลับด้วยเสียงแผ่ว เนื้อตัวเริ่มจะสั่นเมื่อนึกว่าต้องเข้าไปอยู่ในห้องคนเดียว
 
 
“ฝันดีนะครับ” ชายหนุ่มว่าก่อนที่ดวงหน้าคมจะโน้มมากระซิบบ้างอย่างข้างหูนวล ”อย่าคิดมากนะ เธอคงไม่มาหลอกคุณหรอก”
 
 
“คุณวิล….” เสียงหวานครางเรียกคนชอบแกล้งพร้อมกับทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ทันที
 
 
ก็จะไม่ให้เธอร้องไห้ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อกี้นี้เธอเหมือนเห็นสิ่งลี้ลับที่ยืนยิ้มอยู่ในห้องเธอกับตา!
 
 
“โอ๋ๆ ล้อเล่นน่ะครับ แต่ถ้ามีอะไรตะโกนเรียกผมเลยนะรู้มั้ย ผมจะรีบมาปกป้องคุณเอง….ฝันดีครับ” พูดจบร่างสูงสง่าก็รีบเดินเข้าห้องของตัวเองไปในทันที ทิ้งให้ผู้เป็นแขกคนสำคัญต้องยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้องของตัวเองเสียอย่างนั้น
 
 
                กานดามองเข้าไปในห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนที่เธอจะมองซ้ายแลขวาไปรอบด้าน บรรยากาศในคฤหาสน์มันช่างดูน่ากลัวมากกว่าปกติยิ่งนัก เหมือนกับว่านี้อากาศกลับเย็นยะเยือกผิดปกติ แถมยังเงียบเชียบจนแทบเหมือนไม่มีใครอยู่เลย คงเป็นเพราะสองสาวฝาแฝดของตระกูลที่ออกไปงานเลี้ยงยังไม่กลับ จึงทำให้อีกฟากหนึ่งของคฤหาสน์ดูเงียบสงัดผิดหูผิดตา แล้วยังมืดเสียจนเธอไม่กล้าจะยืนมองนานเพราะกลัวว่าจะเกิดตาดีไปเห็นอะไรอีกเข้า
 
 
               หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องด้วยอาการหวาดหวั่น เท้าเรียวพาตัวเองเดินมายังเตียงนอนนุ่มด้วยความรวดเร็วโดยที่แทบจะเรียกได้ว่าเธอกระโดดขึ้นเตียงเลยทีเดียว กายสาวรีบซุกเข้าใต้ผ้าห่มทันทีพร้อมกับมองไปรอบห้องด้วยความหวาดกลัว แล้วก่อนที่เธอจะได้ล้มตัวลงนอน จู่ๆ….ทั่วทั้งห้องก็มือสนิทลงเพราะไฟดับ!
 
 
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
 
 
               เสียงหวานกรีดร้องสุดเสียงทันทีอย่างไม่รีรอ ร่างเล็กนั่งชันเข่าและคู้ตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือเรียวเล็กทั้งสองข้างนำมาปิดหูไว้ดั่งไม่อยากจะได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น หากแต่เธอได้ยิน! เธอได้ยินเสียงหัวเราะๆแบบหลอนๆที่ทำให้ขวัญของเธอกระเจิดกระเจิงหายไปจนหมดสิ้น
 
 
แถมตอนนี้เธอยังรู้สึกว่ามีมือใครกำลังเอื้อมมือมาจับขาของเธอเสียด้วย!
 
 
“กรี๊ดดดดดด!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!! ออกไปนะ!!!! ฮือๆๆๆๆ”
 
 
               เธอทั้งกรีดร้องทั้งตะโกนและร้องไห้ ตอนนี้เหมือนว่าสติสัมปชัญญะจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว ดวงตากลมหลับตาแน่นไม่ยอมมองสิ่งใดทั้งสิ้น ในใจก็ภาวนาขอให้สิ่งลี้ลับที่อยู่ในห้องนี้พลันหายไปโดยเร็วที่สุดและอย่ากลับมาหลอกหลอนกันอีกเลย
 
 
                กายสาวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวอันมากล้น แต่ถึงแม้มือจะสั่นเพียงใดแต่เธอก็ยังคงนำมันแนบหูทั้งสองข้างไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เธอจะต้องใจหายวาบอีกครั้งเมื่อจู่ๆไหล่ของเธอก็ถูกอะไรบางอย่างสัมผัส….
 
 
อะไรบางอย่าง….ที่เหมือนกับมือคน!
 
 
“กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
 
 
“ดา! ผมเองวิลเลียม!”
 
 
                วิลเลียมตะโกนแข่งเสียงหวีดร้องอันแสบแก้วหูนั้นเพื่อเรียกสติของหญิงสาวให้กลับคืนมา หากแต่ร่างน้อยกลับดิ้นทุกรุนทุรายพยายามให้ไหล่เล็กหลุดพ้นจากมือแกร่งของเขา จนเขาต้องตะโกนบอกเธอหลายรอบว่าคนที่อยู่กับเธอคือเขาไม่ใช่ผีสางปีศาจที่ไหน เล่นเอากว่าเธอจะยอมเปิดตาได้เขาก็แทบจะหมดแรงตามไปด้วยเลยทีเดียว
 
 
“คุณวิลเลียม….คุณ….คุณจริงๆใช่มั้ย คุณวิลเลียมจริงๆใช่ไหมคะ” กานดาเอ่ยออกมาเสียงสั่น ดวงตากลมที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาจ้องมองคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ แสงสลัวจะเทียนไขที่เขานำมาด้วยทำให้เธอเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดพอสมควร
 
 
“ครับ ผมเอง” เสียงทุ้มตอบพลางนำมือปาดหยาดน้ำตาที่อาบแก้มนิ่มทั้งสองข้าง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมตัวสั่นอย่างนี้ล่ะ”
 
 
“เมื่อกี้ดาถูกผีหลอกค่ะ คุณวิล….ดากลัวมากเลยค่ะ คุณวิลอย่าไปไหนนะคะ อยู่กับดานะคะคุณวิล” เสียงหวานบอกด้วยความกลัวอย่างจับขั้วหัวใจ ร่างเล็กรีบกอดกายแกร่งไว้แน่นดั่งกลัวว่าเขาจะหนีไปไหน ทำให้คนที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดต้องอมยิ้มด้วยความพอใจที่แผนทุกอย่างของเขาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแถมยังเกินคาดอีกต่างหาก
 
 
“จริงหรอครับ หึ้ย! เจ้าผีบ้ากล้ามาหลอกเลขาสุดที่รักของผมได้ยังไง ผีก็อยู่ส่วนผีคนก็อยู่ส่วนคนสิมาหลอกมาหลอนอยู่ได้” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นโมโหใส่ผีปลอมๆที่เขาให้แม่บ้านหญิงคนนึงแต่งตัวมาหลอกหญิงสาว มือแกร่งก็คอยลูบผมนุ่มงามของเธอเป็นการปลอบใจ “มันไปแล้วนะครับดา ไม่ต้องกลัวนะผมอยู่นี่แล้ว”
 
 
"ดากลัวไปหมดแล้วค่ะคุณวิล ดาไม่กล้ามองอะไรเลยแม้แต่หน้าคุณ” กานดาบอกออกมาตามความจริง ตอนนี้เธอไม่กล้าเงยหน้ามองอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขยับไปไหน
 
 
“ไฟคงจะดับน่ะ แต่ห้องผมมีไฟสำรอง คุณไปอยู่ห้องผมก่อนนะ….กอดผมไว้แน่นๆนะดา” วิลเลียมเอ่ยก่อนจะส่งเชิงเทียนให้อีกฝ่ายถือไว้ก่อน “ถือไว้ก่อนนะดา อย่าปล่อยนะเดี๋ยวผมมองทางไม่เห็น”
 
 
                ว่าแล้วร่างใหญ่ก็อุ้มร่างเล็กขึ้นมาแนบอก ก่อนที่เท้าแกร่งทั้งสองข้างจะก้าวฉับอย่างมั่นคงไปยังห้องนอนของตัวเองที่ไฟยังใช้การได้ปกติ หากแต่เขาเลือกที่จะเปิดเพียงแค่โคมไฟหัวเตียงเท่านั้น กายสาวถูกอุ้มมาวางบนเตียงใหญ่นุ่มหากแต่พอกายหนุ่มนั่งลงตามปุ๊บเธอก็รีบเลื่อนขึ้นมาบนตักแกร่งทันที สร้างรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจให้กับผู้เป็นเจ้าของตักได้ยิ่งนัก แต่เสียงสะอื้นไห้เล็กๆที่ยังคงดังเล็ดลอดออกมาจากปากสวยมันก็ทำให้คนเป็นเจ้าของแผนต้องคิดโทษตัวเองอยู่ไม่น้อยที่เล่นอะไรแรงจนเกินไป ดีที่เธอจิตแข็งพอและดีที่เขาไม่แกล้งอะไรเธอไปมากกว่านั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ช็อคตายเป็นผีสาวเฝ้าห้องจริงๆแน่
 
 
“คุณวิลขา….ดากลัว” เสียงหวานครางออกมาพลางสะอื้นไห้ทำเอาคนเป็นนายต้องโอบกอดร่างระหงไว้และพูดปลอบใจให้อีกฝ่ายคลายความกลัว
 
 
“ไม่ต้องกลัวนะเด็กน้อย ผมอยู่นี่แล้ว อยู่ข้างๆคุณนะ….ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนและจะคอยปกป้องคุณจากทุกสิ่งทุกอย่างเอง เชื่อใจผมนะดา” วิลเลียมพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและจริงจัง หากแต่คนฟังก็ยังไม่หายกลัวอยู่ดี
 
 
“ค่ะ….ฉันเชื่อใจคุณ อย่าทิ้งฉันไปไหนนะคะ” เธอกล่าวพลางกอดกายแกร่งให้แน่นขึ้น และน้ำหน้าซุกอกกว้างดั่งเด็กต้องการความอบอุ่น
 
 
“แต่ต่อไปนี้คุณต้องอยู่ใกล้ๆผมแล้วล่ะ เพราะผีตัวนี้พอได้หลอกแล้วล่ะก็มันจะตามหลอกหลอนไม่เลิกถ้าคนคนนั้นอยู่เพียงลำพัง” ยังไม่วายที่เขาจะพูดแกล้งไปต่อ เพราะอยากให้แม่กระรอกน้อยแสนหวานนี้อยู่ใกล้กายแกร่งของตัวเองแบบนี้ไปตลอดกาล
 
 
“จะ….จริงหรอคะ” ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเงยหน้ามามองดวงหน้าหล่อคมตาแป๋ว
 
 
“จริงสิครับ พวกคนงานแม่บ้านพ่อบ้านเอยออกกันไปหลายรายแล้วเพราะผีตัวนี้นี่แหละ….คอยตามหลอกไม่ยอมเลิก” เขาแต่งเรื่องเป็นครั้งสุดท้าย พลางส่งยิ้มนุ่มๆเพื่อเป็นการปลอบใจคนในอ้อมกอด
 
 
“ดาจะทำยังไงดีคะ ดากลัว….ถ้าเธอตามมาหลอกดาอีก ดะ….ดา….คุณวิล” กานดาตั้งท่าจะร้องไห้อีกครั้ง ความกลัวยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม ยิ่งได้ยินสิ่งที่เจ้านายหนุ่มพูดได้แล้วเธอก็ยิ่งหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ นี่ถ้าหากว่าผีตนนั้นตามมาหลอกหลอนเธออีกเธอจะอย่างไรดี สงสัยเธอต้องหมั่นทำบุญกรวดน้ำกรวดท่าให้เจ้าหล่อนเสียหน่อยแล้ว
 
 
“คุณก็อยู่ใกล้ๆผมไว้สิ เธอจะได้ไม่ตามมาหลอกคุณได้” วิลเลียมบอกพร้อมกับนำมือแกร่งมาปาดน้ำตาบนแก้มนวลอีกครั้ง
 
 
“แล้วตอนนอนล่ะคะจะให้ดาทำยังไง” หญิงสาวถามออกไปด้วยความกังวลใจ
 
 
“อืม….คุณก็มานอนห้องผมสิครับ หรือจะให้ผมไปนอนห้องคุณก็ได้นะ” ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มกริ่ม ดวงตาคมทำแววตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยหากแต่กลับถูกกลบด้วยแววตาขี้เล่นเสียเกือบหมด
 
 
“แต่ว่าดาเป็นผู้หญิงนะคะ แล้วคุณก็เป็นผู้ชาย ดะ….ดา….”
 
 
“ผมหมายถึงให้คุณนอนบนเตียงแล้วผมนอนที่พื้นต่างหากล่ะ อย่าคิดมากสิครับคนสวย” เขาอธิบายให้เธอเข้าใจ ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง
 
 
“แต่เธอเคยหลอกคุณแล้วไม่ใช่หรอคะ” เธอกล่าวกับเมื่อนึกขึ้นมาได้
 
 
“เธอไม่กล้ามาหลอกผมอีกหรอก ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์” เสียงทุ้มตอบด้วยความมั่นใจตามที่พูด “เห็นไหม….วันนี้ผมยังไม่ถูกหลอกเลย แต่กลับไปหลอกคุณแทน”
 
 
“น่ากลัวจังค่ะ”
 
 
              ว่าแล้วร่างเล็กก็พิงศีรษะกับอกกว้างอีกครั้ง แขนเรียวก็ยังเกาะเกี่ยวลำคอแกร่องเอาไว้ไม่ยอมปล่อย หากแต่เนินอกอิ่มที่โผล่พ้นชุดนอนที่กระดุมบนหลุดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ของเธอนี่สิ มันทำให้กายแกร่งที่สงบนิ่งต้องร้อนผ่าวขึ้นมาในทันใด!
 
 
“กานดา….” เสียงทุ้มเรียกคนในอ้อมกายเสียงแผ่วทำให้ใบหน้าหวานต้องเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
 
 
“คะ….”
 
 
                เสียงหวานขานรับได้แค่นั้นก่อนจะเงียบหายไปเมื่อริมฝีปากหยักกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มฉ่ำในทันที จุมพิตแสนหวานถูกสรรค์สร้างให้ดวงตาสวยต้องหลับตาพริ้มในทันใด พร้อมหัวใจที่เต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ ริมฝีปากงามถูกริมฝีปากอุ่นมอบความหวานละมุนให้อย่างช่ำชอง จนแขนเรียวยาวทั้งสองต้องกอดแผ่นหลังกว้างเอาไว้เพราะรู้สึกเหมือนกายกำลังจะหมดเรี่ยวแรงอย่างไงอย่างงั้น ปากหยักดื่มด่ำจูบอันอ่อนหวานของอีกฝ่ายที่ไม่ประสีประสา แต่การที่เธอเผลอลืมตัวขยับโต้ตอบมาก็ช่างสร้างความพึงพอใจให้กับเขายิ่งนัก แขนใหญ่กอดกระชับกายสาวให้แน่นยิ่งขึ้น จนอกอวบอิ่มแนบชิดอกแกร่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จังหวะการหายใจของทั้งสองฝ่ายทำให้หน้าอกของเขาและเธอเสียดสีกันไปมาสร้างความสยิวซ่านให้กายสองกายได้ดียิ่งนัก บทจูบอันแสนหวานกลับกลายมาเป็นจุมพิตสวาทอันแสนเร่าร้อนโดยเร็วพลันเมื่อลิ้นอุ่นซุกไซ้เข้าไปยังโพรงปากหวานและควานเอาความหวานละมุนล้ำไปจากลิ้นเล็ก
 
 
“คะ….คุณวิล”
 
 
                เสียงหวานครางออกมาเมื่อปากหยักถอดถอนจูบออกและเลื่อนมาพรมจูบไปทั่วลำคอขาวนวลแทน มือแกร่งข้างหนึ่งไล้ไปตามแขนเรียวจนมาถึงต้นขาขาวก่อนจะเค้นคลึงอยู่ตรงสะโพกงามให้กายสาวได้ซ่านเสียว อกอวบตึงแอ่นขึ้นอย่างหลงลืมตัวทำให้ปากอุ่นซ่านต้องเลื่อนมาฝากฝังรอยจูบไปทั่วเนินอกงาม มือแกร่งอีกครั้งก็ช่วยดุนดันหลังเนียนให้แอ่นขึ้นและค้างไว้อยู่อย่างนั้น ส่วนมืออีกครั้งก็ค่อยๆเลื่อนมายังจุดกึ่งกลางใจของร่างน้อยที่ตอนนี้เริ่มจะชุ่มฉ่ำเพราะฤทธิ์แรกสวาทที่ไม่เคยเพ้อพบหรือประสบมา….           
 
 
“ดา….ผมต้องการคุณ!”
 
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรารู้ว่าคุณกำลังด่าพระเอกอยู่ใช่มั้ย! 55555555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา