จอมใจ....สุดที่รัก
เขียนโดย ปลายปากกาสีน้ำเงิน
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.
แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) +++ ครอบครัวตระกูล 'เลสเซิ้ล' +++
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กานดาได้แต่ยืนทำหน้าเหรอหราเมื่อได้ยินประโยคที่สร้างคำถามมากมายให้กับเธอ ใบหน้าสวยหันไปหาแม่บ้านประจำตระกูลของเจ้านายหนุ่มอย่างขอคำตอบ หากแต่นางกลับส่งยิ้มแหยๆมาให้เธอเพียงเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้เธอเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอ….มีลูกแล้วจริงๆ!
“โอ้ะ! ป๊ะป๋ามาแล้ว!”
เสียงใสเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ดังมาจากบริเวณหน้าบ้าน ก่อนที่ลูกสาวของตระกูลเลสเซิ้ลทั้งสองจะรีบวิ่งปรี่ไปยังหน้าคฤหาสน์ เพื่อออกไปต้อนรับนายใหญ่ของบ้านด้วยความดีใจ ส่วนคนที่กำลังยืนงงก็ถูกแม่บ้านประจำตระกูลดึงให้ออกไปต้อนรับผู้เป็นนายกับนาง
“ป๊ะป๋าขา! เมียร์คิดถึงป๊ะป๋าที่สุดเลย” ร่างเล็กโผลเข้ากอดร่างแกร่งทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน
วิลเลียมโอบกอดร่างเล็กตอบพลางกางแขนอีกข้างเพื่อให้ร่างอวบอึ๋มเข้ามาร่วมวงกอดด้วย ก่อนที่ดวงตาคมจะมองไปยังร่างอ้อนแอ้นอรชรที่เดินมากับแม่บ้านสุดที่รักของเขา รอยยิ้มแสนเสน่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อคมทันทีเมื่อเห็นว่าแม่เลขาสาวป้ายแดงมองมาทางตน แต่เธอกลับไม่ส่งยิ้มกลับมาบ้างเลยสักนิด แถมยังทำหน้าเหรอหราเหมือนกำลังงุนงงกับอะไรอยู่อีกต่างหาก
“รู้จักกันแล้วใช่ไหมสาวๆ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางคลายกอดออก
“รู้จักเสียยิ่งกว่ารู้จักอีกค่ะคุณวิล” รัญจวนว่าแกมฟ้องถึงวีรกรรมของสองสาวแสนแสบอ้อมๆ
“ทำแสบอะไรอีกล่ะฮะยัยตัวยุ่งจอมดื้อ” วิลเลียมหันไปว่าสองสาวที่ยืนขนาบข้างพลางจับศีรษะของหล่อนทั้งสองให้มาชนกันเบาๆ
“โอ้ย! ป๊ะป๋าอ่ะ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” เสียงทรงเสน่ห์ตอบแบบงอนนิดๆ ก่อนจะหันไปทำตาขวางใส่แม่บ้านประจำตระกูลที่ยืนหลบอยู่หลังแขกคนสำคัญของบ้าน
“จริงหรือ” เขาถามต่อพลางหรี่ตามองคนทั้งสองอย่างจับผิด
“จริงสิคะป๊ะป๋า ไม่เชื่อก็ถามแม่นั่นดูสิคะ จริงมั้ยๆ” เสียงใสๆรีบเอ่ยก่อนจะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนทำหน้างงอยู่ตรงหน้า
“จริงหรือกานดา” วิลเลียมหันมาถามแม่เลขาสาวของเขาแทน
“จะ….จริง….จริงค่ะ พวกเธอทั้งสองคนไม่ได้ทำอะไรฉันเลยค่ะ” กานดาตอบออกมาพลางส่งยิ้มบางๆให้กับเจ้านายหนุ่มทั้งที่ตอนนี้เธอยังรู้สึกมึนงงไม่หาย
“ดีมาก….เป็นเด็กดีแบบนี้สิป๊ะป๋าจะได้ชื่นใจหน่อย” คนเป็น ‘ป๊ะป๋า’ กล่าวก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากนวลของหญิงสาวทั้งสองเป็นการตบรางวัล
กานดามองคนสามคนตรงหน้าด้วยความครุ่นคิด ดูๆไปแล้วพวกเขาก็น่าจะอายุห่างกันไม่เท่าไหร่ คงไม่ถึงกับเป็นสิบๆปีแน่ แถมพอคนทั้งสามมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตามันก็ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่ว่าพวกเขาจะต้องเกี่ยวดองกันทางสายเลือด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่จะบอกว่าเป็นพ่อลูกกันมันจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า จริงอยู่ที่เด็กฝรั่งจะโตเป็นผู้ใหญ่เร็วเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่น่าโตเร็วถึงขนาดไล่ตามพ่อผู้บังเกิดเกล้าทันขนาดนี้ หรือว่าเจ้านายของเธอจะมีเบบี๋ตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วเขาไปมีตอนอายุเท่าไหร่กันล่ะ สิบเจ็ด….สิบหก หรือว่าสิบสี่? โอ้ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว!
แล้วนี่เธอจะมาขบคิดอยู่ทำไมกัน มันไม่ใช่เรื่องของเธอไม่ใช่หรือ….
“คิดอะไรอยู่ครับคุณเลขา” เสียงทุ้มที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้กานดาต้องสะดุ้งเล็กน้อยและหันไปมองต้นเสียงด้วยความตกใจ และก็เห็นว่าร่างสูงใหญ่มายืนอยู่ข้างกายเธอเสียแล้ว
“ปะ….เปล่าค่ะ ดาไม่ได้คิดอะไร” เธอตอบพลางเสมองไปทางอื่น
“งั้นก็รีบไปห้องอาหารกันเถอะ ผมหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ย” วิลเลียมเอ่ยพร้อมกับดันร่างบางให้เดินไปทางห้องอาหาร ที่ตอนนี้อาหารทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมพร้อมเสิร์ฟไว้แล้ว เพื่อต้อนรับเจ้านายใหญ่ของบ้านและแขกสาวสุดพิเศษเป็นที่เรียบร้อยโดยฝีมือของเชฟสุดล่ำประจำตระกูล
เมื่อมาถึงห้องอาหาร หญิงสาวก็ต้องตะลึงงันอีกครั้งกับความโอ่อ่าของมัน และความอลังการของโคมไฟระย้าแสนใหญ่เหนือศีรษะที่ทำมาจากคริสตัลให้แพรวพราวเมื่อต้องแสงจากหลอดไฟ แถมโต๊ะรับประทานอาหารก็หรูหราเหมือนกับในหนังในละครที่เมืองไทยไม่มีผิด หากแต่มันสวยและหรูหรากว่านั้นเป็นหลายเท่า จนเธอแทบจะไม่กล้านั่งลงบนเก้าอีกที่ดูเหมือนจะแพงแสนแพงด้วยลวดลายอันประณีตของพนักพิง ที่วางแขน และไม่เว้นแต่ในส่วนของเบาะรองนั่ง
“เชิญนั่งครับคุณผู้หญิง”
เสียงทุ้มนุ่มของเจ้านายหนุ่มทำให้กานดาตื่นจากภวังค์อีกครั้ง เธอกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ชายหนุ่มเลื่อนให้ สายตาก็ดันหันไปมองสองสาวที่นั่งเบะปากให้เธออย่างหมั่นไส้โดยบังเอิญ ทำให้ใบหน้าหวานต้องก้มหน้า รู้สึกละอายอยู่ในใจ ที่ทำตนเป็นเหมือนเจ้าหญิงให้ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ตัวจริงรับใช้อยู่ก็มิปาน
“ขอต้อนรับสู่ครัวเลสเซิ้ลครับคุณผู้หญิง”
เสียงทุ้มออกไปทางอ่อนหวานดังขึ้นทำให้กานดาต้องเงยหน้ามองพลางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มหุ่นล่ำที่ส่งยิ้มหวานมาให้กับเธอ จนเธอรู้ได้ทันทีว่าหนุ่มในฝันของใครหลายๆคนผู้นี้ไม่ได้มีรสนิยมชมชอบผู้หญิงอย่างเธอเป็นแน่
เพราะดูๆแล้วเขาน่าจะออกแนวชื่นชอบไปทางเหล่าชายชาตรีเสียมากกว่า!
“ทานให้อร่อยนะจ๊ะ”
เชฟสุดล่ำเอ่ยกับแขกสาวพลางเสิร์ฟอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างซุปผักโขมเลื่องชื่อประจำตระกูลที่ถึงแม้มันจะอร่อย แต่หญิงสาวกลับไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะเธอรู้สึกแหยะๆเหมือนกำลังทานอาหารเด็กเล็กอยู่อย่างไงอย่างงั้น แต่ด้วยไม่อยากจะเสียมารยาท เธอจนค่อยๆละเลียดทานให้ผ่านเข้าปากเธอให้น้อยที่สุด โดยที่ยังรักษาน้ำใจคนทำที่ยืนมองดูเธอทานอยู่
และโชคดีที่เธอได้ร่ำเรียนมารยาทการรับประทานอาหารแบบสากลมาจากสมัยที่เธอศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย เพราะการรับประทานอาหาร ณ คฤหาสน์แห่งนี้เป็นไปตามแบบแผนมารยาทนั้นทั้งสิ้น เธอจึงหยิบใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าแบบถูกวิธีและไม่รู้สึกเคอะเขินแต่อย่างใด ทำให้สองสาวแสนแสบที่คอยจ้องจะเล่นงานแขกสำคัญได้แต่นั่งหงุดหงิดมองหน้ากันไปมาเพียงเท่านั้น
“อาหารอร่อยถูกปากไหมครับ” วิลเลียมหันไปถามเลขาสาวเมื่อเชฟมือทองทำการเสิร์ฟของหวานเป็นการปิดท้ายแล้ว
“อร่อยมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำอาหารอร่อยๆอย่างนี้ให้ฉันทาน” กานดาตอบกับเจ้านายหนุ่มก่อนจะหันไปขอบคุณเชฟหุ่นล่ำที่ยิ้มกริ่มทันทีเมื่อได้รับคำชม
“แล้วนี่คุณเห็นห้องพักของตัวเองหรือยัง” เขาถามต่อก่อนจะหันไปขอบคุณแม่บ้านประจำตระกูลที่เก็บถ้วยกาแฟอันว่าเปล่าให้
“เอ่อ….ยังเลยค่ะ” เธอตอบพลางส่งยิ้มแหยๆให้กับผู้เป็นเจ้าของบ้าน
“อ้าว! แล้วทำไมเธอสองคนไม่พาเขาไปที่ห้องพักล่ะ” คราวนี้วิลเลียมหันไปถามสองสาวตัวป่วนบ้าง หากแต่ใบหน้าสวยๆทั้งสองกลับทำเป็นเสมองไปทางอื่นแทนคำตอบเสียอย่างนั้น
“ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวผมจะพาไปเอง” ว่าแล้วร่างใหญ่ก็ลุกขึ้นพร้อมกับดึงแขนเรียวให้ร่างเล็กลุกขึ้นตามมาด้วย ทำเอาเจ้าของบ้านอีกสองคนต้องรีบกุรีกุจอตามไปทันที
ชั้นบนของคฤหาสน์มีห้องหับอยู่มากมายอีกเช่นกัน แถมยังแยกเป็นสองฝั่งอีกต่างหาก ฝั่งขวามือเมื่อเดินขึ้นมาจะเป็นอาณาเขตของสองสาวตระกูลเลสเซิ้ลทั้งโซน ส่วนฝั่งซ้ายมือเมื่อเดินขึ้นมาก็จะเป็นอาณาเขตของผู้เป็นนายใหญ่สุดทั้งโซนด้วยเหมือนกัน หญิงสาวเดินตามร่างใหญ่มายังฝั่งซ้ายมือซึ่งเป็นอาณาเขตของเขา พลานทำให้เธอคิดอะไรแผลงๆว่าเขาอาจจะให้เธอนอนห้องเดียวกับเขาก็เป็นได้!
“ห้องนี้แหละ” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับเปิดประตูบานสวยออกและทำหน้าพยักเพยิดให้หญิงสาวเดินเข้าไปในห้อง
และเมื่อเดินเข้ามาในห้อง เธอก็ต้องตะลึงงันเป็นรอบที่สาม ไม่ใช่เพราะความโอ่อ่าที่เธอคิดไว้แล้วแต่อย่างใด แต่ภายในห้องของทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นโทนสีชมพูทั้งสิ้น เหมือนกับห้องเจ้าหญิงในนิยายอย่างไงอย่างงั้น และยิ่งไปกว่านั้นคือตุ๊กตาคิตตี้นับสิบตัวที่วางเรียงรายอยู่บนเตียงนุ่ม ชั้นวาง และทุกมุมที่สามารถจะจัดให้สวยได้ และเธอเป็นคนที่คลั่งไคล้เจ้าคิตตี้อย่างมากเสียด้วย
แล้วเขารู้ได้อย่างไรกันว่าเธอชอบคิตตี้!
“สาวๆเป็นคนสั่งจัดห้องใหม่ให้เธอเองเลยรู้มั้ย” วิลเลียมเอ่ยพลางอมยิ้มทำให้หญิงสาวต้องทำหน้าอึ้งยิ่งกว่าเดิม
“ขอบคุณคุณสองคนจริงๆนะคะ ฉันชอบมากเลยค่ะ” กานดาหันไปขอบคุณสองสาวด้วยใจจริงพลางแย้มยิ้มจนแก้มแทบปริด้วยความดีใจ แต่หญิงสาวทั้งสองกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่นเสียอย่างนั้น
“แต่ว่า….ดาคงจะอยู่ห้องนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไม!” คำพูดของเธอทำให้สองสาวอุทานออกมาพร้อมกันทันที
“ทำไมล่ะครับ” วิลเลียมเลิกคิ้วขึ้นพลางมองหญิงสาวด้วยความสงสัย
“คือ….มันดูดีเกินไปสำหรับดาน่ะค่ะ ดาไม่เหมาะกับมันเลยจริงๆ เพราะดาเป็นแค่เลขาของคุณ แล้วก็เป็นเพียงแค่ผู้มาขออาศัยเท่านั้น อย่าทำเหมือนดาเป็นแขกคนสำคัญเลยนะคะ”
ความเป็นคนถ่อมตนทำให้เธอไม่สามารถรับน้ำใจนี้ได้เลย เพียงแค่พวกเขาเอื้ออาทรให้ที่ซุกหัวนอนแก่เธอ ออกค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโน่นนี่นั่นให้เธอก่อนจะมาที่นี่เธอก็เกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว แต่นี่พวกเขายังจะมาทำเหมือนเธอเป็นแขกสุดพิเศษอีก แล้วจะไม่ให้เธอละอายใจได้ยังไง
ที่เธอเป็นเพียงแค่คนต่ำต้อย แต่กลับได้รับการดูแลเหมือนดั่งเธอเป็นเจ้าหญิงอยู่ก็มิปาน….
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกกานดา ทุกอย่างที่ผมทำผมไม่ได้จะทำให้คุณฟรีๆหรอกนะ คุณต้องทำงานชดใช้ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมเสียไปให้คุณด้วยต่างหากล่ะ” วิลเลียมกล่าวพลางทำหน้าจริงจังแบบทีเล่นทีจริงเพื่อให้แม่เลขาสาวผู้แสนเจียมเนื้อเจียมตัวรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“แต่ว่า….” หญิงสาวยังคงลังเล เพราะความเกรงใจที่มีมันมากเหลือล้น ถึงเขาจะบอกว่าเธอต้องชดใช้เขาทุกบาททุกสตางค์ก็เถอะ
“ขืนยังเป็นอย่างนี้โดนสองสาวรุมสะกำผมไม่รู้ด้วยนะ เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำห้องให้ซะขนาดนี้” วิลเลียมเอ่ยพลางพยักเพยิดไปทางสองสาวแสนป่วนที่ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งใส่แม่เลขาสาวแสนดีอย่างอารมณ์เสีย
“แล้วผมก็บอกแล้วไงว่าจะใช้คุณทำงานชดใช้ผมทุกบาททุกสตางค์ที่ผมเสียให้คุณไป รับรองว่าคุณได้ชดใช้บุญคุณผมหมดในชาตินี้แน่นอน” เขากำชับด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ดูจริงจังไม่มีล้อเล่นเหมือนครั้งก่อน
“ก็….ก็ได้ค่ะ”
ความที่ไม่อยากให้สองสาวเสียน้ำใจและเพราะคำกล่าวของเจ้านายหนุ่มทำให้กานดายอมตกลงในที่สุด จนหญิงสาวทั้งสองเกือบจะกระโดดเมื่อได้ยินคำตอบตกลงนั้น แต่ยังดีที่เก็บอาการไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นพวกหล่อนคงได้รู้สึกเสียหน้าเป็นแน่!
“ขอบคุณพวกคุณอีกครั้งนะคะที่ทำดีกับดาขนาดนี้” กานดาหันไปขอบคุณเจ้าของบ้านสาวสวยทั้งสองอีกครั้งด้วยเสียงเคลือ รู้สึกเหมือนว่าน้ำตาเริ่มจะเอ่อคลอหน่วยขึ้นมาเสียแล้ว
“เอ้อ! เมียร์….ฉันลืมไปว่าฉันนัดครูสอนโยคะเอาไว้ ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวครูจะรอนาน ไปก่อนนะคะป๊ะป๋า” ผู้เป็นลูกสาวคนโตของบ้านรีบทำเป็นหูทวนลมและหาเรื่องออกจากวงสนทนาทันทีและยังมิวายลากผู้เป็นน้องสาวให้ไปกับหล่อนด้วย
กานดามองตามร่างสองร่างที่รีบเดินออกไปจากห้องของเธอด้วยแววตาอ่อนโยน รอยยิ้มน้อยๆยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าสวยหวาน ในใจก็นึกคิดว่าจริงๆแล้วพวกหล่อนเป็นคนดีมากเลยทีเดียว แต่ที่พวกหล่อนทำเป็นตั้งแง่ใส่เธอตั้งแต่แรก อาจจะเป็นเพราะว่ากลัวเธอจะแย่งคุณพ่อแสนดีไปก็เป็นได้ ยังไงซะเธอจะต้องพิสูจน์ให้พวกหล่อนเห็น ว่าเธอไม่คิดจะแย่งป๊ะป๋าของพวกหล่อนไปจริงๆ
เพราะฐานะที่ต่างกันลิบลับมันทำให้เธอมิอาจจะคิดใฝ่สูงเกินตัวได้เลย….
“ลูกของคุณน่ารักจังเลยนะคะ”
หญิงสาวทำหน้าชื่นมื่นกันจะหันไปพูดกับเจ้านายหนุ่มที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่ แต่พอได้ยินคำกล่าวของเธอเข้า เขาก็ต้องทำหน้าเหรอหราในทันใด เพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปมีลูกตอนไหนกัน!
“อะไรกานดา ใครมีลูกกัน” วิลเลียมถามออกมาอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เลขาสาวพูด
“ก็คุณสองคนนั้นเขาเป็นลูกของคุณวิลไม่ใช่เหรอคะ” กานดาถามกลับพลางมองหน้าเจ้านายหนุ่มอย่างสงสัย
“โอ้! ไม่ใช่แล้วดา เธอไปเอามาจากไหนนี่ ไหนบอกว่ารู้จักกันแล้วไง” เขาเอ่ยก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความคิดแปลกๆของแม่เลขาสาว
“ก็ลูกคุณเป็นคนบอกฉันเองหนิคะ พวกเธอบอกไม่ให้ฉันยั่วคุณพ่อแสนดีของพวกเธอ….ก็คือคุณไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมกับทุกหน้างุนงงยิ่งกว่าเดิม
“ยัยตัวแสบเอ๊ย….” วิลเลียมพึมพำพลางคิดคาดโทษแม่เด็กแสบทั้งสองคนเอาไว้ในใจ ก่อนจะพูดความจริงออกมา “ผมไม่ใช่คุณพ่อแสนดีของสองสาวป่วนแสบนั่นหรอกดา ผมเป็นพี่ชายในสายเลือดของพวกเธอต่างหากล่ะ เอมิลี่และมีอาเป็นน้องสาวของผมตามหลักพันธุกรรมและตามกฏหมายทุกประการ”
“แต่พวกเธอเรียกคุณว่าป๊ะป๋าหนิคะ” กานดายังคงค้านเจ้านายหนุ่มต่อ
“ก็เพราะตอนที่พวกเธอเกิด พ่อของเราท่านเสียชีวิตพอดีน่ะสิ พวกเธอก็เลยไม่เคยได้เจอกับพ่อ ผมก็เลยต้องเป็นทั้งพ่อและพี่ให้กับพวกเธอ และตั้งแต่แม่ของพวกเราเสียชีวิต ผมก็เลยต้องเป็นทั้งพ่อ แม่และพี่ชายสำหรับพวกเธอ” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงเครียดขรึม พลางขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบจะจับเป็นปมแน่น
“เอ่อ….ขอโทษนะคะคุณวิล ดาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณนึกถึงเรื่องนั้น….ดาเสียใจด้วยนะคะ” เธอรีบเอ่ยขอโทษทันทีพร้อมกับทำหน้าสลดจนคนได้เห็นต้องอมยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของเธอ
“ไม่เป็นไร แต่คราวนี้คงเข้าใจถูกแล้วนะ” เขาบอกปัดก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูขึ้นมา
“นี่เธอโทรไปหาแองจี้กับแฟรงค์หรือยัง”
“ยังเลยค่ะ เอ้อ….ดาลืมไปเลยนะคะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะรีบหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบเล็ก หากแต่ความไวของเธอไม่เท่ากับเจ้านายใหญ่เลยสักนิด
“ฮัลโหลแองจี้ ไอกับกานดามาถึงบ้านของไอแล้วนะ” วิลเลียมกล่าวกับปลายสายที่แค่เขาโทรไปเพียงสองตื๊ดเจ้าหล่อนก็รีบรับเสียแล้ว “คุยกับเขาเองแล้วกันนะ”
“ขอบคุณค่ะ” กานดาเอ่ยพลางรับโทรศัพท์มือถือมาจากมือใหญ่อย่างระมัดระวัง
“สวัสดีจ้ะฝ้าย ดาเองจ้ะ”
“เป็นไงบ้างดา อยู่ที่โน่นแล้วชอบหรือเปล่า แล้วคุณวิลดูแลดีไหมจ๊ะ” สุภัตราถามเพื่อนรักวัยทำงานเสียงใส
“ชอบมากเลยจ้ะ คุณวิลดูแลดาดีมากเลย” กานดาตอบกลับปลายสาย ก่อนจะใช้เสียงเบาลงเมื่อกล่าวประโยคหลัง แต่มันก็ดังพอที่คนยืนฟังอยู่จะได้ยิน ทำให้ใบหน้าคมเข้มอมยิ้มเล็กน้อยด้วยความพอใจ
“ดีแล้วล่ะ คุณวิลน่ะเขาเป็นคนดี ดาไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ไม่ว่ายังไงคุณวิลเขาต้องคอยปกป้องดาแน่นอน” เพื่อนสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจมากที่สุด
“เอ้อ! แล้วนี่ดาเจอเอมิลี่กับมีอาหรือยังจ๊ะ ฉันล่ะลืมบอกไปเลยว่าคุณวิลเขามีน้องสาวจอมเฟี้ยวอยู่สองคนด้วย นี่ไม่โดนพวกเธอเล่นงานไปแล้วหรือ” หล่อนเอ่ยด้วยความที่รู้จักวีรกรรมอันสุดแสนแสบซ่าของสองสาวตระกูลเลสเซิ้ลเป็นอย่างดี เพราะตอนที่หล่อนหนีมาอยู่ที่อเมริกาและได้เจอกับอดีตเจ้านายหนุ่ม หล่อนก็ถูกต้องรับจากน้องสาวแสนสวยของเขาตามแบบฉบับแสบทรวงด้วยเหมือนกัน
“เรียบร้อยโรงเรียนเลสเซิ้ลแล้วจ้ะ” กานดาตอบกลับก่อนจะหัวเราะเบาๆเล็กน้อย
“ฮาๆ ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะจ๊ะ ฝ้ายต้องวางแล้วเพราะต้องรีบไปทำกับข้าวให้ฝุ่นทานน่ะ นี่ใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ” ผู้เป็นเพื่อนกล่าวชื่นขึ้นไปอีกเมื่อพูดถึงสามีสุดที่รัก “โอ๊ะ! พูดถึงก็มาพอดีเลย งั้นแค่นี้ก่อนนะดา โชคดีนะ แล้วฉันจะโทรไปหา”
“จ้ะคุณแม่คนสวย โชคดีนะจ๊ะ” หญิงสาวกล่าวกลับก่อนจะกดวางสายและยื่นโทรศัพท์มือถือนั้นคืนให้กับเจ้าของ พร้อมกับถามคำถามออกไป “พรุ่งนี้ดาเริ่มงานได้เลยใช่ไหมคะ”
“ไม่นึกอยากจะเที่ยวเล่นก่อนบ้างหรือ” เจ้านายหนุ่มถามกลับอย่างลองเชิง
“ไม่ค่ะ ก็ดาเป็นหนี้คุณตั้งเยอะแยะหนิคะ ขืนไม่รีบทำงานชดใช้ล่ะไม่รู้ชาติไหนจะใช้ได้หมด” เสียงหวานเอ่ยติดตลกพลางส่งยิ้มหวานพิฆาตใจให้กับผู้เป็นนายใหญ่
“ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ตามใจครับ แล้วอย่ามาโอดครวญขอให้ผมพาไปทีหลังนะ” เสียงทุ้มเอ่ยแกมหยอกพลางทำตาทะเล้นใส่คนตรงหน้าดั่งอยากจะแกล้ง
“ไม่หรอกค่ะ ดาไม่ใช่คนชอบเที่ยวอยู่แล้ว” กานดายืนยันในคำตอบของตนเสียงหนักแน่น
“ครับ….ผมเชื่อ งั้นดาพักผ่อนเถอะ ถ้ามีอะไรก็เคาะเรียกได้นะ ห้องผมอยู่ข้างๆนี่แหละ” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับชี้ไปทางประตูอีกบานในห้องของหญิงสาวจนเธอต้องทำหน้าสงสัย แต่พอเมื่อเธอได้ยินคำตอบเท่านั้นแหละ ดวงตาสวยก็ต้องทำตาโตในทันที
“ห้องของผมและคุณมันเชื่อมต่อกัน แต่ไม่ต้องกลัวนะเพราะมันเป็นประตูสองบาน ถ้าคุณล็อคประตูฝั่งคุณผมก็เข้ามาทำอะไรคุณไม่ได้”
คำกล่าวของเขาทำให้เลขาสาวอย่างเธอรู้สึกโล่งใจในทันที แต่แล้วก็ต้องทำตาโตขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคำบางคำหลุดออกมาจากปากหยักพร้อมกับที่ร่างสูงใหญ่รีบเข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็ว
“ถ้าคุณไม่ยั่วผม….หรือว่าผมไม่นึกคึกอะไรขึ้นมาเสียก่อนนะ”
ว่าแล้วก็ขโมยหอมแก้มนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายเสียฟอดใหญ่ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปและไม่ลืมปิดประตูเสร็จสรรพ ก่อนที่แม่เลขาสาวแสนเดียงสาจะทันได้รู้สึกตัว และหันมาด่าว่าเขาเสียก่อน
“ไอ้คนชอบฉวยโอกาส!”
หญิงสาวบ่นอุบเมื่อตั้งสติได้แล้วพลางทำหน้ามุ่ยที่เผลอโดนเจ้านายใหญ่ฉวยโอกาสเข้าจนได้ ทั้งที่เธอตั้งมั่นไว้แล้วนะว่าจะไม่ยอมให้เขามีโอกาสฉาบฉวยได้เด็ดขาด แต่นี่อะไร ยังไม่ถึงวันนึงที่มาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่เลยด้วยซ้ำ เธอก็โดนป๊ะป๋าตัวดีเล่นงานเข้าให้เสียแล้ว
อย่างนี้คงต้องวางมาตรการอย่างแน่นหนาแล้วล่ะสิ ไม่อยากนั้นเธอคงได้โดนเจ้านายสุดหล่อโฉบฉวยโอกาสอีกเป็นแน่!
“เฮ้อ….เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรากันนะ”
เสียงหวานพึมพำออกมาพลางมองไปรอบห้องอันแสนกว้างใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งทุกชิ้นดูหรูหราและมีราคาอย่างยวดยิ่ง เตียงนอนสปริงนุ่มที่เธอได้สัมผัสและล้มตัวลงนอนมันช่างสบายและทำให้ผ่อนคลายยิ่งนัก เหมือนกับว่าตอนนี้เธออยู่ในความฝัน เป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่มีแต่คนคอยทะนุถนอม เป็นคุณหนูจอมปลอมที่พอตื่นขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างก็กลับไม่เป็นความจริง
เธอยังคงเป็นแค่กานดาคนเดิม กานดาที่เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งในบริษัทใหญ่ กานดาที่ไม่มีอะไรมาเทียบรัศมีกับใครเขาได้เลย….
‘น่าน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองเหลือเกินยัยกานดา’ หญิงสาวคิดอยู่ในใจก่อนจะเปิดกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในห้องก่อนแล้วและหยิบเริ่มจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่เธอจะเข้าไปในห้องอันแสนหรูหราที่เธอคิดว่ามันอาจจะเลี่ยมด้วยทองคำก็เป็นได้ พลางกลั้นใจอาบน้ำอาบท่าให้ห้องน้ำเปื้อนน้อยที่สุด และไม่คิดอยากจะแช่น้ำในอ่างจากุซซี่ที่ตั้งหลาตรงบริเวณที่เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามเลยสักนิด เพราะแค่ได้มาอาบน้ำในห้องน้ำอันแสนหรูหรานี้ ก็ถือว่าเป็นบุญมากโขลของเธอแล้ว
“ขอหลับสักงีบก็แล้วกัน”
เมื่ออาบน้ำและแต่งตัวเสร็จสรรพร่างระหงก็เดินออกมาจากห้องน้ำและตรงรี่กระโดดขึ้นเตียงนุ่มในทันที ความอุ่นสบายทำให้เธอค่อยๆคล้อยตาหลับ ก่อนที่เธอจะหลับสนิทไปในที่สุด แถมยังลึกจนไม่รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของห้องและเจ้าของคฤหาสน์ตัวจริงแอบย่องเข้ามามองดูเธอหลับอีกเสียด้วย!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ