จอมใจ....สุดที่รัก
เขียนโดย ปลายปากกาสีน้ำเงิน
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.
แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) +++ ราตรี....แสนหวาน 1 +++
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
VS
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในห้องนอนเรียบหรูแห่งคฤหาสน์เลสเซิ้ล ร่างเล็กยังคงนอนคุดคู้อยู่บนเตียงใหญ่นุ่มที่ไม่ใช่เตียงของเธอ ใบหน้าหวานถูกแดดโลมเลียจนหญิงสาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากนิทราแสนหวาน ดวงตาสวยลืมตาขึ้นเล็กน้อยพลางทำหน้ายุ่งเพราะแสงแดดนั้นกำลังรบกวนการนอนของเธอ ก่อนที่กายสาวจะหันตะแคงไปอีกข้างและหลับตาลงอีกครั้งพลางอมยิ้มน้อยๆดั่งเหมือนกับว่าเธอกำลังมีความสุขอยู่ก็มิปาน ทำให้คนที่ตื่นก่อนตั้งนานแล้วแต่ยังคงนอนมองเธออยู่ต้องกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พลางมองใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้มด้วยความเอ็นดูและด้วยหัวใจที่อุ่นซ่านไปทั้งดวง ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มนุ่มๆให้กับคนตรงหน้าเมื่อดวงตาสวยลืมตาขึ้นมามองเขาอย่างงุนงง
“คุณวิล….” เสียงงัวเงียเรียกคนข้างกายเสียงแผ่วด้วยอาการงัวเงีย ก่อนที่ดวงตาสวยจะลืมขึ้นอย่างเต็มตาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเวลาผ่านไปจนถึงรุ่งเช้าแล้ว
“ตกใจอะไร” วิลเลียมถามเลขาสาวของเขาที่ทำตาโตแทบจะเท่าไข่ห่านแถมตอนนี้ยังดีดตัวผึงลุกขึ้นนั่งเสียแล้วด้วย
“ก็นี่มันเช้าแล้วหนิคะ แดดส่องขนาดนี้ไม่ใช่เราสายกันแล้วหรือคะคุณวิล ฉันต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วค่ะ”
ว่าแล้วร่างระหงก็รีบลุกออกจากเตียงไปแต่ด้วยความที่ไม่ยอมตั้งหลักก่อนจึงทำให้กายสาวทรุดฮวบลงในทันใด ทำให้ร่างใหญ่ที่นอนอยู่ต้องรีบดีดตัวขึ้นและรีบลงจากเตียงจ้ำอ้าวไปหาเธอด้วยความเป็นห่วงในทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่าดา” เสียงทุ้มถามคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งแหมะอยู่บนพื้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ไม่ค่ะ ดาแค่เสียหลักนิดหน่อยนะค่ะ” กานดาหันมาส่งยิ้มแหยๆให้กับชายหนุ่มพลางเอ่ยออกมา ทำให้เขาต้องส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยให้กับความเปิ่นโก๊ะอันแสนจะน่ารักน่าเอ็นดูของเธอ
“ว๊าย!!!”
เสียงหวานร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆร่างเล็กก็ถูกแขนแข็งแรงช้อนขึ้นก่อนที่กายกำยำจะลุกขึ้นและอุ้มเธอไว้แนบตัว เท้าแกร่งก้าวฉับอย่างมั่นคงไปยังห้องนอนสีหวานของแม่กระรอกสาวที่ตอนนี้นำแขนโอบเกี่ยวคอเขาไว้แน่นเพราะกลัวจะตกจากที่สูง ก่อนที่เขาจะค่อยๆปล่อยตัวเธอลงเพื่อให้เธอได้ยืนทรงตัวบนพื้นหน้าห้องน้ำ ทำเอาใบหน้าหวานต้องมองหน้าเขาด้วยความงุนงงและสงสัยในสิ่งที่เขาทำอยู่นี้
“อาบน้ำซะ ผมให้เวลายี่สิบนาทีนะ” วิลเลียมกล่าวอย่างยิ้มๆก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูขาวสะอาดผืนใหม่ ที่พับอยู่ในตู้ชั้นวางผ้าขนหนูโดยเฉพาะมาให้กับหญิงสาว
“ไปสิครับ….หรือว่าจะให้ผมอาบให้….เอามั้ย”
คำหยอกของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องรีบหันหลังขวับและเปิดประตูห้องน้ำโดยเร็วพลัน ก่อนจะรีบเดินเข้าไปข้างในและปิดประตูห้องน้ำทันทีด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว รอยยิ้มหวานแบบเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยไม่ยอมหาย เช่นเดียวกับรอยยิ้มนุ่มแบบอบอุ่นหัวใจที่ยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาด้วยเหมือนกัน ร่างเล็กยืนพิงประตูพลางนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างคนเพ้อฝัน ก่อนที่เธอจะรีบถอดเสื้อผ้าและทำการอาบน้ำจากฝักบัวอย่างเช่นเคยให้ร่างกายได้สดชื่นและกระปรี้กระเปร่า ส่วนร่างใหญ่ที่ตอนแรกยังคงยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำก็เดินกลับไปยังห้องของตัวเองและทำการอาบน้ำแต่งตัวด้วยเหมือนกัน และเมื่อเวลาเลยไปจวนจะยี่สิบนาทีหญิงสาวก็ค่อยๆแง้มประตูห้องน้ำออกเพื่อตรวจดูว่าชายหนุ่มยังอยู่ในห้องหรือไม่ แล้วเธอก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาเมื่อไม่เห็นผู้ใดอยู่ในห้องนอนแสนหวานนี้นอกจากเธอ แถมประตูเชื่อมก็ปิดสนิทอย่างไม่ต้องกลัวว่าคนที่อยู่อีกห้องจะเข้ามาได้เพราะเขาได้ทำการล็อคประตูให้เธออย่างเสร็จสรรพ หากแต่ใบหน้าสวยกลับต้องร้อนวูบวาบขึ้นมาในทันใดเมื่อเห็นชุดสำหรับใส่ไปทำงานของเธอวางเข้าคู่กับเสื้อสูทที่เหมาะสมกันอยู่บนเตียงนอนนุ่ม แถมพ่วงด้วยรองเท้าที่เข้ากับชุดอย่างลงตัวเหมือนกับว่ามีคนตั้งใจจัดไว้ให้เธออย่างไรอย่างงั้น
แล้วจะมีใครที่ไหนมาจัดเตรียมไว้ให้เธอกันนอกเสียจากเจ้านายใหญ่ประจำคฤหาสน์และของตัวเธอเอง!
“นี่เขาเปิดตู้เสื้อผ้าเราหรอเนี่ย” กานดาพึมพำเบาๆพลางมองชุดนั้นและเลิกคิ้วเล็กน้อย
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพด้วยเวลาไม่นานกานดาจึงลงไปยังชั้นล่างและเดินไปยังห้องรับประทานอาหารที่เช้าวันนี้ตระกูลเลสเซิ้ลอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา รอยยิ้มนุ่มๆของผู้เป็นพี่ชายถูกส่งให้เธอทันทีที่เธอปรากฏตัว ส่วนด้านน้องสาวฝาแฝดของเขาก็เอาแต่สนใจโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูโดยที่ไม่คิดจะเงยหน้ามาทักทายเธอเลยสักนิด แต่มันก็เป็นปกติอยู่แล้วที่สองสาวแห่งตระกูลเลสเซิ้ลจะไม่สนใจใครทั้งสิ้นนอกจากครอบครัวของตัวเอง
“มานั่งสิครับ” เสียงทุ้มนุ่มกล่าวเมื่อเห็นหญิงสาวยืนเก้ออยู่หน้าทางเข้า ทำให้ผู้เป็นน้องสาวทั้งสองต้องเหลือบตามองแขกคนพิเศษของผู้เป็นพี่ไปด้วย
ร่างเล็กเดินไปนั่งประจำตำแหน่งของตัวเอง พลางเหลือบมองสองสาวฝาแฝดที่หยุดเล่นโทรศัพท์ทันทีที่เธอนั่งลงตรงข้ามกับพวกหล่อน ก่อนที่ใบหน้าหวานจะหันไปมองเจ้านายใหญ่ของคฤหาสน์และส่งยิ้มบางๆให้เขาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะทำหน้างงนิดๆเมื่อเห็นว่าอาหารเช้าถูกเสิร์ฟให้กับทุกคนโดยพร้อมกัน
“ทานกันได้แล้วสาวๆ” วิลเลียมกล่าวกับน้องสาวแสนแสบทั้งสองก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่นั่งใจแป้วอยู่ข้างกายเมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังรอเธอมาทานมื้อเช้าด้วยกันอยู่
“นี่พวกคุณ….รอฉันหรอคะ” กานดาถามออกไปพลางมองหน้าคนทั้งสามด้วยความสงสัย
“ก็ใช่น่ะสิ เธอคิดว่าพวกฉันจะทานก่อนเธอหรือไง” เอมิลี่เอ่ยขึ้นอย่างเหวี่ยงๆนิดๆตามสไตล์ของหล่อน แต่นั่นทำให้คนที่ถูกรอต้องรู้สึกผิดอย่างยวดยิ่งที่ปล่อยให้คนอื่นรอทานข้าวเช่นนี้
“ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนต้องรอ….ขอโทษจริงๆค่ะ” หญิงสาวกล่าวและก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรพวกเราไม่ถือ ใช่มั้ยเอมมี่” มีอาพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนที่เธอจะหันไปมองพี่สาวฝาแฝดด้วยสายตาที่เตือนว่าพี่ชายของพวกเธอกำลังดูอยู่
“ใช่….พวกเราไม่ถือ” เอมิลี่บอกออกมาตามที่น้องสาวสั่ง ก่อนที่หล่อนจะเบ้ปากเล็กน้อยและหันมาสนใจอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้าแทน
“ทานข้าวเถอะกานดา เดี๋ยวเย็นชืดหมดนะ” วิลเลียมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเลขาสาวของเขาไม่ยอมทานข้าวต้มที่เขาสั่งให้พ่อครัวประจำตระกูลจัดเตรียมไว้ให้กับเธอเสียที
กานดาหันไปยิ้มเจื่อนๆให้กับเจ้านายหนุ่มแสนดีของเธออีกครั้ง ก่อนจะหันมาตั้งต้นทานข้าวต้มหมูรสเลิศที่อยู่ตรงหน้า หากแต่ในใจก็ยังกลับรู้สึกผิดอยู่ดีที่ทำให้พี่น้องแห่งตระกูลเลสเซิ้ลต้องรอเธอมาร่วมทานมื้อเช้า ถึงแม้จะตงิดใจอยู่บ้างตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หากแต่ในทุกวันเธอจะลงมายังห้องอาหารแห่งนี้ไล่เลี่ยกับผู้เป็นเจ้าของบ้านทั้งสาม จึงทำให้เธอไม่ได้คิดว่าพวกเขารอเธอแต่อย่างใดจนมาวันนี้นี่แหละที่เธอลงมาช้าไปหน่อย เลยทำให้รู้ว่ามื้ออาหารประจำคฤหาสน์เลิสเซิ้ลจะต้องรับประทานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา นอกเสียจากว่ามีใครบางคนติดธุระจึงมาร่วมทานไม่ได้จริงๆ
เมื่อรับประทานมือเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วผู้เป็นนายหนุ่มก็พาเลขาสาวแสนสวยไปทำงานตามปกติ หากแต่วันนี้บรรยากาศดูจะสดใสกว่าทุกๆวันที่ผ่านมายิ่งนัก ความสุขอบอวลไปทั่วรถยนต์คันหรูอีกครั้งจนคนที่มาทำหน้าที่เป็นสารถีจำเป็นแทนโจเซฟอย่างโทมัสต้องอดแอบอมยิ้มเสียไม่ได้ พลางนึกไปว่าอีกไม่นานเขาคงจะได้ดูแลเจ้านายคนใหม่อย่างเต็มตัวแถมคงจะพ่วงมาด้วยเจ้านายตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้นอนคุดคู้อยู่ในท้องแบนราบนั้นแล้วหรือยัง ก็ตั้งแต่เขารับใช้ตระกูลเลสเซิ้ลมาก็พึ่งเห็นวันนี้นี่แหละที่นายใหญ่ประจำตระกูลดูจะมีความสุขเป็นที่สุด แถมยังยอมตามใจหญิงสาวข้างกายทุกอย่างแม้กระทั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆทั้งๆที่ผู้เป็นนายของเขาแทบจะไม่เคยตามใจใครนอกจากน้องสาวฝาแฝดและเลขาคนเก่าเพียงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือความอ่อนโยนที่เจ้านายหนุ่มมอบให้กับหญิงสาวมันช่างนุ่มนวลเสียจนเขาไม่คิดว่าผู้เป็นนายจะทำถึงขนาดนั้นได้ และแววตาที่ผู้เป็นนายใช้มองใบหน้าหวานๆของคนข้างกายมันก็ช่างลึกซึ้งและบ่งบอกได้ถึงความรักที่มีอยู่ในหัวใจอย่างเต็มเปี่ยม
แถมทุกทีเวลาที่ผู้เป็นนายพาสาวๆขึ้นรถทีไรล่ะเป็นต้องโอบรัดฟัดเหวี่ยงกันบนรถทุกที ตัวนี้แทบจะไม่ออกห่างจากกันเลยสักนิด แล้วก็มีแต่ฝ่ายหญิงอย่างเดียวที่ทำท่ายั่วยวนทำตาหลงใหลในตัวเจ้านายหนุ่มของเขา ส่วนร่างแกร่งก็ได้แต่นั่งไขว่ห้างโอบไหล่สาวสวาทเอาไว้อย่างสบายอารมณ์ดั่งว่าพวกหล่อนเป็นแมวตัวน้อยๆที่ผู้เป็นนายของเขามีไว้เพียงแก้เหงาก็มิปาน แถมยังแทบจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพวกหล่อนจะพูดอะไร จะทำอะไร หรือกำลังออดอ้อนอยู่หรือไม่ หากแต่ดูตอนนี้สิ คนที่เคยมีอำนาจเหนือผู้หญิงคนไหนๆกลับยอมสยบให้กับผู้หญิงชาวต่างชาติตัวเล็กๆคนนึงเท่านั้น สิ่งที่เธอไม่ชอบผู้เป็นนายของเขาก็ไม่ทำ เพียงแค่จับมือกันเขายังได้ยินเสียงทุ้มขออนุญาตเจ้าของมือนั้นก่อนเลย แถมพอเสียงหวานพูดบอกอะไรนายใหญ่ของเขาก็จะตั้งใจฟังและยิ้มรับเธอทุกครั้ง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาคิดได้อย่างไรว่าคุณนายแห่งตระกูลเลสเซิ้ลคนใหม่จะต้องเป็นเลขาสาวผู้นี้แน่นอน!
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เราไม่ต้องแวะมาก็ได้แผลแค่นิดเดียวเอง” วิลเลียมเอ่ยขึ้นพลางทำหน้าบูดนิดๆเมื่อเขาโดนแม่กระรอกสาวของเขาบังคับให้มาดูรอยแผลกระสุนเฉียดตรงต้นแขนซ้าย ณ โรงพยาบาลที่เขามาทำแผลเมื่อวานนี้
“ไม่ได้ค่ะคุณวิล ยังไงก็ต้องให้หมอดูนะคะเพราะแผลอาจจะติดเชื้อได้” กานดายืนการพร้อมกับดันร่างใหญ่ให้เดินไปยังเคาน์เตอร์แผนกผู้ป่วยนอก “ที่ฉันทำเพราะฉันเป็นห่วงคุณนะคะ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากอยากจะให้คุณหายเจ็บเร็วๆเพียงเท่านั้น”
แค่ได้ยินคำเป็นห่วงของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนยวบยาบไปถึงไหนต่อไหน น้ำเสียงที่เธอใช้กับแววตาที่เธอมองมามันช่างบ่งบอกถึงความจริงใจในคำพูดนั้นได้เป็นอย่างดี แล้วอย่างนี้จะให้เขาปฏิเสธและดื้อกับเธอได้อย่างไร สงสัยเขาคงต้องบอกให้หมอตรวจดูหัวใจของเขาบ้างเสียหน่อยแล้ว เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้มันจะโอนอ่อนและหวั่นไหวง่ายเสียเหลือเกิน
แถมยังเป็นเฉพาะกับแม่เลขาสาวแสนน่ารักน่าเอ็นดูคนนี้เสียด้วย!
“สวัสดีครับคุณวิลเลียม เชิญนั่งครับ” คุณหมอหนุ่มเอ่ยทักเมื่อร่างสูงสง่าเดินเข้ามาในห้องตรวจพร้อมกับร่างเล็กที่เดินตามเข้ามาติดๆ
“สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันพาคนไข้มาตรวจแผลค่ะ” กานดาบอกกับคุณหมอด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้จนคนเป็นคนไข้ต้องทำหน้าบึ้งเล็กน้อยและรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดๆเสียแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะสนิทกับหมอนุ่มผู้นี้เพราะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลก็เถอะ!
“ช่วยถอดเสื้อให้หมอดูแผลหน่อยครับคุณวิล” หมอหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้กับผู้เป็นเพื่อนก่อนจะหันไปส่งยิ้มนุ่มให้กับหญิงสาวที่ยืนทำตาแป๋วใส่เขาอยู่
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดสุภาพเลยหมอ ต่อหน้าสาวล่ะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเชียวนะ” วิลเลียมแขวะผู้เป็นเพื่อนอย่างหงุดหงิด แถมยังตีหน้ายุ่งกว่าเดิมจนคนเป็นหมอและเพื่อนรักแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว เพราะอาการหึงห่วงของเขาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาหึงแล้วก็หวงคนที่ติดตามมาด้วยมากแค่ไหน
“ผมต้องรักษาภาพพจน์น่ะครับคุณวิลเลียมเพื่อนรัก” นายแพทย์หนุ่มกล่าวอย่างยิ้มๆ “เชิญคุณผู้หญิงออกไปรอด้านนอกก่อนนะครับ ผมขอเวลาสักครู่ครับ” ก่อนที่เขาจะหันมากล่าวกับหญิงสาว ทำให้เธอต้องยิ้มรับและออกไปด้านนอกอย่างว่าง่าย
“ผู้หญิงคนนี้สวยดีนะ….คนไทยล่ะสิใช่ไหม” ผู้เป็นเพื่อนกล่าวพลางตรวจเช็ครอยแผลที่ดูเหมือนยังอักเสบอยู่เล็กน้อย
“ไม่เกี่ยวกับนายเลยหมอ อยู่เป็นหมอเฉยๆนั่นแหละดีแล้ว” คนหวงก้างว่าพร้อมกับตีหน้ายุ่งใส่เพื่อนรักอีกครั้งจนเขาต้องหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ทำไมเล่า นายกับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อยจริงไหม” คุณหมอหนุ่มแกล้งหยอกให้ร่างใหญ่ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมแน่น “ที่ฉันรู้มาเธอคือเลขาคนใหม่ของนาย มาพักอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของนายก็เท่านั้นเอง”
“เธอเป็นเมียฉันโว้ย!” วิลเลียมตะคอกออกมาเสียงลั่นด้วยความโมโหเพื่อนหนุ่มจนอยากจะต่อยหน้าหล่อๆนั้นสักหมัดสองหมัด หากแต่คำโกหกของเขาถึงกับทำให้ผู้เป็นเพื่อนปล่อยก๊ากออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นไหว
“จริงเหรอ” นายแพทย์หนุ่มถามอย่างยิ้มๆพลางปิดแผลให้ผู้เป็นเพื่อนดั่งเดิม
“ก็จริงน่ะสิ!” เสียงทุ้มเข้มตอบแค่นั้นหากแต่กลับไม่กล้ามองสบตากับเพื่อนหนุ่มแบบตรงๆ
“ให้ฉันลองตรวจภายในให้เธอเอาไหม” คนชอบแกล้งพูดหยอกออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันถึงกับทำให้ดวงตาคมต้องส่งสายตาอาฆาตเลยทีเดียว
“ไม่ได้โว้ย! ไอ้หมอบ้า แกอยากตายหรือไงฮะ!” ว่าแล้วร่างใหญ่ก็ทำท่าจะบีบคอผู้เป็นเพื่อนตัวแสบจึงทำให้คุณหมอหนุ่มต้องหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจอย่างยวดยิ่ง
“ฉันแค่ล้อเล่นหน่าวิลเลียม ทำเป็นจริงจังไปได้” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยทำให้คนเป็นเพื่อนสงบลงได้แต่ก็ทำตาคาดโทษเขาไว้แล้ว “แต่แปลกดีนะ นายไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนที่นายนอนด้วยเป็นเมียนายหนิ….มีความรักแล้วล่ะสิ”
“ฉันยังไม่เคยนอนกับเธอ” ชายหนุ่มบอกออกมาตามความจริงทำเอาผู้เป็นเพื่อนต้องทำตาโตขึ้นมาทันที
“ไม่อยากจะเชื่อ!” คุณหมอหนุ่มกล่าวออกมาพร้อมกับทำสีหน้าแบบที่พูดจริงๆ
“เชื่อเถอะหมอ เธอเป็นคนพิเศษสำหรับฉันจริงๆ แล้วเพราะว่าเธอเป็นคนไทยด้วยฉันเลยอยากจะถะนุถนอมเธอให้มากที่สุด….อยากให้เธอเชื่อใจและไว้ใจฉัน แล้วก็อยากให้เธอแน่ใจว่าฉันคนนี้จะดูแลและปกป้องเธอได้ทั้งชีวิต….เธอเป็นหัวใจของฉันน่ะหมอ”
คำพูดของชายหนุ่มทำเอาผู้เป็นเพื่อนถึงกับพูดอะไรไม่ออก เพราะรู้สึกอึ้งทึ้งอย่างมากที่ได้ยินประโยคเหล่านั้นออกมาจากผู้ชายที่ถือได้ว่าเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ ที่มีสาวๆรายล้อมและคอยเอาอกเอาใจอยู่ไม่ขาด โดยที่เขาไม่เคยแม้แต่จะสนใจพวกหล่อนเหล่านั้นเลยสักนิด แต่กลับผู้หญิงคนนี้เขากลับให้ความสำคัญถึงขนาดนี้ แสดงว่าอีกไม่ไกลไม่ไกล….ตระกูลเลสเซิ้ลก็จะมีคุณผู้หญิงคนใหม่ต่อจากแม่ของเขาแล้วล่ะสิ!
“นายนี่น้า….ชอบทำให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อย” คุณหมอหนุ่มกล่าวพลางเขียนข้อมูลการรักษาลงในแฟ้มเอกสาร คนที่เขาจะกดปุ่มโทรหาพยาบาลที่อยู่ด้านนอก “ตามคุณผู้หญิงเข้ามาซิ”
เพียงชั่วครู่หญิงสาวก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มหวานตามแบบฉบับ ก่อนที่เธอจะทำหน้างุนงงเมื่อชายหนุ่มทั้งสองหันมองเธอก่อนจะมองหน้ากันและยิ้มกริ่มดั่งกำลังกลั้นหัวเราะอยู่อย่างไงอย่างงั้น
“แผลยังอักเสบอยู่นิดหน่อย แต่กินยาที่ให้ไปจนหมดก็คงหายแล้วครับ” คุณหมอหนุ่มเอ่ยพร้อมกับมองใบหน้าหวานทำให้เธอต้องพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาทำแผลที่โรงพยาบาลแล้วนะเพราะมันเสียเวลา ให้ภรรยาของคุณทำแผลให้ที่บ้านก็ได้เดี๋ยวผมจะสั่งชุดทำแผลไว้ให้”
“ครับคุณหมอ” วิลเลียมตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำพลางแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความชอบใจ หากแต่คนที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยากลับหน้าร้อนผ่าวจนเธอต้องก้มหน้างุดเพราะพูดอะไรออกมาไม่ถูก
“เรียบร้อยแล้วครับ” นายแพทย์หนุ่มกล่าวพลางส่งยิ้มให้กับผู้เป็นเพื่อนและผู้หญิงของเขา “อ้อ! ฉันสั่งยาบำรุงไว้ให้นายด้วยนะ ทานบ่อยๆจะได้มีแรงรู้หรือเปล่า”
“ไม่ต้องทานฉันก็มีแรงเหลือเฟือหน่าหมอ ใครจะไปรู้เดือนหน้าฉันอาจจะแวะมาที่นี่อีกก็ได้” ชายหนุ่มรีบรับมุขผู้เป็นเพื่อนทำให้คนเป็นหมอต้องยิ้มออกมาและส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยให้กับความมั่นใจของเขา ส่วนคนนอกที่ไม่เข้าใจบทสนทนานั้นก็ได้แต่ทำหน้างงว่าเจ้านายของเธอจะมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ทำไมอีก
“ไปแล้วนะหมอ แล้วเจอกันใหม่นะ”
วิลเลียมกล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องตรวจพร้อมกับเลขาแสนสวยของเขา ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มมาตลอดทางทำให้หญิงสาวต้องมองเขาด้วยความสงสัย หากแต่เมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างเธอก็ก้มหน้าและอมยิ้มตามไปกับเขาด้วย เพราะก่อนหน้านี้ที่เธอต้องออกมารออยู่หน้าห้องตรวจเธอได้ยินเสียงโวยวายของเขาจึงทำให้เธอต้องรีบเดินไปทางประตูและเอื้อมมือจะเปิด หากแต่คำสนทนาหลังจากนั้นทำให้เธอต้องชะงักและยืนฟังอยู่อย่างนั้นจนได้ยินประโยคทุกประโยคที่ชายหนุ่มพูด แถมคำสนทนาครั้งสุดท้ายมันทำให้หัวใจของเธอพองโตขึ้นมาในทันใด และเต้นรัวเร็วไม่จังหวะเมื่อได้รู้ว่าเธอเป็นคนพิเศษของเขามากแค่ไหน และที่สำคัญ….
เขาบอกว่าเธอเป็นหัวใจของเขาเสียด้วย!
“คิดอะไรอยู่หรือดา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” วิลเลียมถามขึ้นเมื่อเห็นแม่เลขาสาวเอาแต่อมยิ้มถึงแม้ว่าจะขึ้นมานั่งในรถคันหรูแล้ว
“เปล่าค่ะ คุณวิลเจ็บแผลมากไหมคะ” กานดาตอบปัดก่อนจะถามเขาต่อพร้อมกับรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ
“ไม่เลยครับ แต่แค่รู้สึกตึงๆตรงแผลน่ะ” เสียงทุ้มตอบออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่ม
“ต่อไปนี้ตอนเช้าและก็ตอนเย็นดาจะทำแผลให้คุณเองนะคะ” หญิงสาวเอ่ยพลางเอื้อมมือไปทาบมือหน้าที่วางอยู่บนตักแกร่งอย่างเบามือ
“จริงเหรอ….ถ้าคุณทำแผลให้ผมทั้งเช้าและเย็นอย่างนี้ สงสัยแผลผมคงหายภายในสามวันแน่ๆ” ชายหนุ่มกล่าวหยอกและมองสบดวงตาหวานนั้นด้วยแววตาอ่อนโยน
“ก็ดีสิคะ ดาอยากให้คุณหายเจ็บเร็วๆค่ะ” กานดาบอกก่อนจะส่งยิ้มหวานละลายหัวใจให้กับเขา ทำเอาชายหนุ่มต้องเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอและยิ้มนุ่มด้วยความเอ็นดูอย่างลืมตัว
“ออกรถได้แล้วโทมัส” วิลเลียมหันไปกล่าวกับลูกน้องหนุ่มที่นั่งแอบอมยิ้มตามไปกับภาพหวานๆของผู้เป็นนายด้วยเหมือนกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ