Tale of Utopia
6.9
เขียนโดย The_Paper
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.12 น.
15 บท
8 วิจารณ์
19.19K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) บทส่งท้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทส่งท้าย
“เฮือก....!” ฉันสะดุ้งสุดตัวรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเรียกของชินดังก้องอยู่ข้างหูราวกับมีใครมาตะโกนเรียกอยู่ข้างๆอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็แน่ล่ะ....ฉันคงคิดไปเอง เพราะพอตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นมีใครสักคน
นี่ฉันอยู่ที่ไหน....?
“...” ฉันกระพริบตาถี่เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา พอได้เห็นภาพรอบตัวชัดเจนมากขึ้นฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน...เป็นอย่างที่เทพธิดาบอกฉันไม่มีผิด ฉันกำลังจะได้กลับมาในที่ที่ฉันเติบโตมาจริงๆ
ฉันพบว่าฉันกำลังฟุบหลับไปบนโต๊ะเขียนหนังสือที่ฉันมักจะทำบ่อยๆ อย่างไรก็ตามฉันก็ยังยืนขึ้นพร้อมกับมองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อความแน่ใจอยู่ ที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลเบลล์จริงๆ ฉันกลับมาที่บ้านแล้ว....
ความจริงที่ฉันต้องเผชิญทำเอาฉันเผลอกำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ คำถามมากมายประดังเข้ามาในหัวของฉัน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความฝันหรือเปล่านะ....ถ้าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน ฉันคิดขึ้นมาเองทั้งหมด....มันคงจะทำร้ายจิตใจฉันมากจริงๆ ขณะนี้ภายในห้องหนังสือนั้นยังคงปกคลุมด้วยความมืดอยู่ เวลาที่โลกนี้คงจะช้ากว่ายูโทเปียอยู่สักหน่อย ถึงท้องฟ้าจะยังมืดมิดอยู่แต่ก็คงใกล้รุ่งสางแล้ว ฉันคิดขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง
“ตึกตัก...ตึกตัก...” จู่ๆฉันก็สะกิดใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ฉันยกมือขึ้นคลำตามตัวจึงพบว่าตนเองยังใส่ชุดพื้นเมืองที่ติดมาจากยูโทเปียอยู่ นอกจากนั้นยังมีซองกระดาษอีกซองหนึ่งติดมาด้วย ซองจดหมายที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะได้
ฉันคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่าน แต่ทว่าบนแผ่นกระดาษกลับไม่มีอักษรปรากฏอยู่แม้แต่ตัวเดี่ยว สิ่งเดียวที่ปรากฏให้เห็นเป็นเพียงภาพวาด ภาพวาดของสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
“ดอกไอริส...”
บ้าที่สุด!....ป่านนี้แล้วฉันยังจะมาเสียใจอะไรอีก.. ตอนนี้ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้วนะ.... ไม่มีวัน.... ฉันร้องไห้ ร้องไห้ออกมาโดยไม่ได้ต้านมันไว้อีก ร้องไห้ให้กับความอ่อนแอของตนเอง
ฉันนั่งร้องไห้ขณะที่คิดถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างเกิดขึ้นกับฉันจริงๆ แต่ความเสียใจที่ฉันรับมามันมากมายจนทำให้บางครั้งฉันก็อยากจะคิดไปว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝันบ้างเหมือนกัน
“ตาบ้า...” สุดท้ายฉันก็พึมพำขณะที่พับกระดาษแผ่นนั้นไว้ก่อนจะสอดมันกลับมาแนบตรงตำแหน่งหัวใจของฉันเองไว้ดังเดิม
ในที่สุดดวงอาทิตย์ค่อยๆฉายแสงขึ้นที่เส้นขอบฟ้า ฉันเหลือบขึ้นไปมองแสงสว่างนั้นพร้อมกับลุกยืนขึ้นราวกับต้องมนต์สะกด มือทั้งสองแตะอยู่ที่กระจก ยามรุ่งอรุณมาเยือนยังโลกของฉันแล้ว ยามที่พระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้าไม่ว่าจะเป็นที่ยูโทเปียหรือที่นี่มันก็ช่างงดงามไม่น้อยไปกว่ากันเลย..... ฉันเอาแต่ยืนมองภาพนั้นอยู่นานจนน้ำตาที่ไหลออกมาหยุดไหลแล้วเหือดแห้งไปจนไม่เหลือร่องรอยอีกต่อไป
“.....” วินาทีนั้นฉันก็รู้สึกว่าสิ่งที่ฉันเคยพยายามทำมานานแต่ไม่สำเร็จสักที ตอนนี้ถึงเวลาของมันแล้ว....ฉันรีบทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้ แล้วดึงสมุดบันทึกที่ฉันนำติดตัวไปยูโทเปียด้วยออกมา ไม่อยากเชื่อตนเองเหมือนกันว่าฉันจะเอามันกลับมาด้วยจนได้
“อ๊ะ....” แผ่นกระดาษใบนึงร่วงออกมาจากสมุดบันทึกของฉัน ฉันก้มลงไปหยิบก่อนจะหวนนึกไปถึงพลังที่ฉันใช้ได้จนคล่อง พลังของเดอะเปเปอร์.....
“ไม่จริงหน่า...” ฉันอุทานปนดีใจเมื่อพบว่ากระดาษเปล่าในมือฉันค่อยๆบรรจงพับตัวเองกลายเป็นรูปนกกระเรียน ตอนแรกฉันยังไม่แน่ใจจึงลองบังคับกระดาษให้ทำอย่างอื่นปรากฏว่าฉันสามารถทำได้โดยไม่ติดขัดอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง นี่ฉันได้บางสิ่งบางอย่างติดตัวมาจากยูโทเปียโดยไม่ได้คาดคิดด้วยหรือเนี่ย...
ฉันหัวเราะเบาๆก่อนเปิดสมุดบันทึกของตัวเองอีกครั้ง....
“ขอบคุณมากนะคะท่านเทพธิดา ส่วนตอนนี้ฉันรู้ ว่าคราวนี้ฉันต้องทำได้แล้วแน่!”
ฉันยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะจรดปากกาลงบนกระดาษพร้อมกับลากเส้นไปบนกระดาษว่า
“Tale of Utopia”
************
ระหว่างที่ฉันลงมือเขียนอยู่นั้น ฉันก็ฮัมเพลงๆหนึ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพลงนี้ทำให้ฉันนึกถึงตัวเองในตอนนี้ขึ้นมาซะจริงๆ ฉันเคยชอบเพลงนี้ก่อนที่จะเลิกชอบและลืมเลือนมันไปจนหมด แต่ตอนนี้ฉันกลับจำเนื้อเพลงเพลงนี้ได้เกือบทั้งหมด บางทีตัวฉันคงจะเอาอย่างตามเนื้อเพลงนี้เสียแล้วล่ะมั้ง.....
“ฉันหลงรักเสียงเพลงที่อยู่ในเทปม้วนเก่าเพลงนั้น
เส้นทางที่แสนคับแคบ ชื่อที่แสนเลือนราง รุ่งอรุณที่แสนพร่ามัว
รวมถึงวันคืนที่เวียนซ้ำไปมาของฤดูร้อนที่ไร้ซึ่งสีสัน.....ในมุมนั้นที่ฉันคุ้นเคยอยู่ทุกๆวัน
ฉันตระหนักได้ว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยว
ฉันไม่เคยลืมว่าฉันสามารถขี่จักรยานท้าสายลมได้เร็วเท่าไหร่กัน?....ไปให้ไกลเท่าที่ใจฉันต้องการ
ลา ลา ลา ลา ฉันร้องเพลงขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
ลา ลา ลา ลา นี่คือชีวิตของฉัน, ฉันจะเดินต่อไปด้วยพลังของฉัน.....มุ่งไปสู่ถนนสายนั้นที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด
ทางแยกปรากฏขึ้นมากมายจนทำให้ฉันมักจะหลงทางอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าบางครั้งจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ถึงบางครั้งฉันจะหลุดออกจากเส้นทาง
แต่ฉันก็ยังจะก้าวต่อไปข้างหน้า
กระทบเข้ากับบางสิ่ง ยอมรับในบางสิ่ง ฉันจะต้องเติบโตขึ้นต่อจากนี้ และฉันก็จะไม่วันลืม....
ลา ลา ลา ลา ฉันร้องเพลงขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
ลา ลา ลา ลา นี่คือชีวิตของฉัน,
ฉันจะก้าวเดินไปเบื้องหน้า แม้ว่าอาจจะต้องรู้สึกเดียวดายแต่ฉันก็รู้ว่าฉันมีความเชื่อมั่นพอที่จะก้าวต่อไปด้วยตนเองแล้ว
ในเมืองที่เราถือกำเนิดขึ้นมา.....เราต่างมีความฝัน
ทุกครั้งที่ฉันล้มลง ฉันจะจดจำไว้เสมอ.....จดจำไว้เหมือนกับบทเพลงนี้ว่าเราต่างก็มีบางสิ่งที่สามารถทำได้อยู่
ก้าวต่อไปสิ....ถึงแม้ว่าจะเป็นก้าวเล็กๆก็ตาม
ลา ลา ลา ลา ฉันร้องเพลงขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
ลา ลา ลา ลา นี่คือชีวิตของฉัน....ฉันจะก้าวเดินไปเบื้องหน้า
ลา ลา ลา ลา ฉันร้องเพลงขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
ลา ลา ลา ลา นี่คือชีวิตของฉัน,ฉันจะเดินต่อไปด้วยพลังของฉัน.....มุ่งไปสู่ถนนสายนั้นที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด
จบภาคต้น“Tale of Utopia”
By The Paper
----------------------------------------------------------------------------------
*แปลจากเพลง Tooi kono machi de (It's my life) 1st MOVIE Ending Song จากการ์ตูนเอนิเมชั่นเรื่อง Cardcaptor Sakura
ปล. คราวนี้นิยายเรื่องนี้ก็จบลงจริงๆแล้วล่ะ (สำหรับภาคค้นนะ!!!!!!) อีกพักใหญ่ๆ (ใหญ่ถึงใหญ่มาก) รับรองว่าจะมาลงภาคต่อ (ภาคปลาย) มาให้ทุกท่านได้อ่านกันอย่างแน่นอนแต่สำหรับตอนนี้ก็คงต้องลากันชั่วคราวแล้วล่ะสิขอบคุณทุกๆท่านมากเลยที่เข้ามาอ่านกัน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และก็คะแนนด้วยนะ (เราอ่านทุกคอมเม้นท์นะ แต่ไม่ค่อยได้ตอบเท่าไหร่ 5555+)อ่านมาจนถึงตอนจบแล้วแบบนี้มีอะไรอยากแนะนำก็เต็มที่เลยนะ ช่วงนี้เราอาจจะไปลงเรื่องสั้นคั่นเวลาไปบ้างเล็กๆน้อยๆตามประสาโอ๊ะ....อย่าเวิ่นเว้อเยอะดีกว่าเนอะ เอาเป็นว่าแล้วเรามาเจอกันใหม่เนอะ ขอบคุณทุกท่านที่ให้โอกาสอีกครั้งจ้า!!!!!
“เฮือก....!” ฉันสะดุ้งสุดตัวรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเรียกของชินดังก้องอยู่ข้างหูราวกับมีใครมาตะโกนเรียกอยู่ข้างๆอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็แน่ล่ะ....ฉันคงคิดไปเอง เพราะพอตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นมีใครสักคน
นี่ฉันอยู่ที่ไหน....?
“...” ฉันกระพริบตาถี่เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา พอได้เห็นภาพรอบตัวชัดเจนมากขึ้นฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน...เป็นอย่างที่เทพธิดาบอกฉันไม่มีผิด ฉันกำลังจะได้กลับมาในที่ที่ฉันเติบโตมาจริงๆ
ฉันพบว่าฉันกำลังฟุบหลับไปบนโต๊ะเขียนหนังสือที่ฉันมักจะทำบ่อยๆ อย่างไรก็ตามฉันก็ยังยืนขึ้นพร้อมกับมองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อความแน่ใจอยู่ ที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลเบลล์จริงๆ ฉันกลับมาที่บ้านแล้ว....
ความจริงที่ฉันต้องเผชิญทำเอาฉันเผลอกำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ คำถามมากมายประดังเข้ามาในหัวของฉัน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความฝันหรือเปล่านะ....ถ้าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน ฉันคิดขึ้นมาเองทั้งหมด....มันคงจะทำร้ายจิตใจฉันมากจริงๆ ขณะนี้ภายในห้องหนังสือนั้นยังคงปกคลุมด้วยความมืดอยู่ เวลาที่โลกนี้คงจะช้ากว่ายูโทเปียอยู่สักหน่อย ถึงท้องฟ้าจะยังมืดมิดอยู่แต่ก็คงใกล้รุ่งสางแล้ว ฉันคิดขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง
“ตึกตัก...ตึกตัก...” จู่ๆฉันก็สะกิดใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ฉันยกมือขึ้นคลำตามตัวจึงพบว่าตนเองยังใส่ชุดพื้นเมืองที่ติดมาจากยูโทเปียอยู่ นอกจากนั้นยังมีซองกระดาษอีกซองหนึ่งติดมาด้วย ซองจดหมายที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะได้
ฉันคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่าน แต่ทว่าบนแผ่นกระดาษกลับไม่มีอักษรปรากฏอยู่แม้แต่ตัวเดี่ยว สิ่งเดียวที่ปรากฏให้เห็นเป็นเพียงภาพวาด ภาพวาดของสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
“ดอกไอริส...”
บ้าที่สุด!....ป่านนี้แล้วฉันยังจะมาเสียใจอะไรอีก.. ตอนนี้ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้วนะ.... ไม่มีวัน.... ฉันร้องไห้ ร้องไห้ออกมาโดยไม่ได้ต้านมันไว้อีก ร้องไห้ให้กับความอ่อนแอของตนเอง
ฉันนั่งร้องไห้ขณะที่คิดถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างเกิดขึ้นกับฉันจริงๆ แต่ความเสียใจที่ฉันรับมามันมากมายจนทำให้บางครั้งฉันก็อยากจะคิดไปว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝันบ้างเหมือนกัน
“ตาบ้า...” สุดท้ายฉันก็พึมพำขณะที่พับกระดาษแผ่นนั้นไว้ก่อนจะสอดมันกลับมาแนบตรงตำแหน่งหัวใจของฉันเองไว้ดังเดิม
ในที่สุดดวงอาทิตย์ค่อยๆฉายแสงขึ้นที่เส้นขอบฟ้า ฉันเหลือบขึ้นไปมองแสงสว่างนั้นพร้อมกับลุกยืนขึ้นราวกับต้องมนต์สะกด มือทั้งสองแตะอยู่ที่กระจก ยามรุ่งอรุณมาเยือนยังโลกของฉันแล้ว ยามที่พระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้าไม่ว่าจะเป็นที่ยูโทเปียหรือที่นี่มันก็ช่างงดงามไม่น้อยไปกว่ากันเลย..... ฉันเอาแต่ยืนมองภาพนั้นอยู่นานจนน้ำตาที่ไหลออกมาหยุดไหลแล้วเหือดแห้งไปจนไม่เหลือร่องรอยอีกต่อไป
“.....” วินาทีนั้นฉันก็รู้สึกว่าสิ่งที่ฉันเคยพยายามทำมานานแต่ไม่สำเร็จสักที ตอนนี้ถึงเวลาของมันแล้ว....ฉันรีบทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้ แล้วดึงสมุดบันทึกที่ฉันนำติดตัวไปยูโทเปียด้วยออกมา ไม่อยากเชื่อตนเองเหมือนกันว่าฉันจะเอามันกลับมาด้วยจนได้
“อ๊ะ....” แผ่นกระดาษใบนึงร่วงออกมาจากสมุดบันทึกของฉัน ฉันก้มลงไปหยิบก่อนจะหวนนึกไปถึงพลังที่ฉันใช้ได้จนคล่อง พลังของเดอะเปเปอร์.....
“ไม่จริงหน่า...” ฉันอุทานปนดีใจเมื่อพบว่ากระดาษเปล่าในมือฉันค่อยๆบรรจงพับตัวเองกลายเป็นรูปนกกระเรียน ตอนแรกฉันยังไม่แน่ใจจึงลองบังคับกระดาษให้ทำอย่างอื่นปรากฏว่าฉันสามารถทำได้โดยไม่ติดขัดอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง นี่ฉันได้บางสิ่งบางอย่างติดตัวมาจากยูโทเปียโดยไม่ได้คาดคิดด้วยหรือเนี่ย...
ฉันหัวเราะเบาๆก่อนเปิดสมุดบันทึกของตัวเองอีกครั้ง....
“ขอบคุณมากนะคะท่านเทพธิดา ส่วนตอนนี้ฉันรู้ ว่าคราวนี้ฉันต้องทำได้แล้วแน่!”
ฉันยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะจรดปากกาลงบนกระดาษพร้อมกับลากเส้นไปบนกระดาษว่า
“Tale of Utopia”
************
ระหว่างที่ฉันลงมือเขียนอยู่นั้น ฉันก็ฮัมเพลงๆหนึ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพลงนี้ทำให้ฉันนึกถึงตัวเองในตอนนี้ขึ้นมาซะจริงๆ ฉันเคยชอบเพลงนี้ก่อนที่จะเลิกชอบและลืมเลือนมันไปจนหมด แต่ตอนนี้ฉันกลับจำเนื้อเพลงเพลงนี้ได้เกือบทั้งหมด บางทีตัวฉันคงจะเอาอย่างตามเนื้อเพลงนี้เสียแล้วล่ะมั้ง.....
“ฉันหลงรักเสียงเพลงที่อยู่ในเทปม้วนเก่าเพลงนั้น
เส้นทางที่แสนคับแคบ ชื่อที่แสนเลือนราง รุ่งอรุณที่แสนพร่ามัว
รวมถึงวันคืนที่เวียนซ้ำไปมาของฤดูร้อนที่ไร้ซึ่งสีสัน.....ในมุมนั้นที่ฉันคุ้นเคยอยู่ทุกๆวัน
ฉันตระหนักได้ว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยว
ฉันไม่เคยลืมว่าฉันสามารถขี่จักรยานท้าสายลมได้เร็วเท่าไหร่กัน?....ไปให้ไกลเท่าที่ใจฉันต้องการ
ลา ลา ลา ลา ฉันร้องเพลงขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
ลา ลา ลา ลา นี่คือชีวิตของฉัน, ฉันจะเดินต่อไปด้วยพลังของฉัน.....มุ่งไปสู่ถนนสายนั้นที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด
ทางแยกปรากฏขึ้นมากมายจนทำให้ฉันมักจะหลงทางอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าบางครั้งจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ถึงบางครั้งฉันจะหลุดออกจากเส้นทาง
แต่ฉันก็ยังจะก้าวต่อไปข้างหน้า
กระทบเข้ากับบางสิ่ง ยอมรับในบางสิ่ง ฉันจะต้องเติบโตขึ้นต่อจากนี้ และฉันก็จะไม่วันลืม....
ลา ลา ลา ลา ฉันร้องเพลงขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
ลา ลา ลา ลา นี่คือชีวิตของฉัน,
ฉันจะก้าวเดินไปเบื้องหน้า แม้ว่าอาจจะต้องรู้สึกเดียวดายแต่ฉันก็รู้ว่าฉันมีความเชื่อมั่นพอที่จะก้าวต่อไปด้วยตนเองแล้ว
ในเมืองที่เราถือกำเนิดขึ้นมา.....เราต่างมีความฝัน
ทุกครั้งที่ฉันล้มลง ฉันจะจดจำไว้เสมอ.....จดจำไว้เหมือนกับบทเพลงนี้ว่าเราต่างก็มีบางสิ่งที่สามารถทำได้อยู่
ก้าวต่อไปสิ....ถึงแม้ว่าจะเป็นก้าวเล็กๆก็ตาม
ลา ลา ลา ลา ฉันร้องเพลงขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
ลา ลา ลา ลา นี่คือชีวิตของฉัน....ฉันจะก้าวเดินไปเบื้องหน้า
ลา ลา ลา ลา ฉันร้องเพลงขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
ลา ลา ลา ลา นี่คือชีวิตของฉัน,ฉันจะเดินต่อไปด้วยพลังของฉัน.....มุ่งไปสู่ถนนสายนั้นที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด
จบภาคต้น“Tale of Utopia”
By The Paper
----------------------------------------------------------------------------------
*แปลจากเพลง Tooi kono machi de (It's my life) 1st MOVIE Ending Song จากการ์ตูนเอนิเมชั่นเรื่อง Cardcaptor Sakura
ปล. คราวนี้นิยายเรื่องนี้ก็จบลงจริงๆแล้วล่ะ (สำหรับภาคค้นนะ!!!!!!) อีกพักใหญ่ๆ (ใหญ่ถึงใหญ่มาก) รับรองว่าจะมาลงภาคต่อ (ภาคปลาย) มาให้ทุกท่านได้อ่านกันอย่างแน่นอนแต่สำหรับตอนนี้ก็คงต้องลากันชั่วคราวแล้วล่ะสิขอบคุณทุกๆท่านมากเลยที่เข้ามาอ่านกัน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และก็คะแนนด้วยนะ (เราอ่านทุกคอมเม้นท์นะ แต่ไม่ค่อยได้ตอบเท่าไหร่ 5555+)อ่านมาจนถึงตอนจบแล้วแบบนี้มีอะไรอยากแนะนำก็เต็มที่เลยนะ ช่วงนี้เราอาจจะไปลงเรื่องสั้นคั่นเวลาไปบ้างเล็กๆน้อยๆตามประสาโอ๊ะ....อย่าเวิ่นเว้อเยอะดีกว่าเนอะ เอาเป็นว่าแล้วเรามาเจอกันใหม่เนอะ ขอบคุณทุกท่านที่ให้โอกาสอีกครั้งจ้า!!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ