Ang & Ran แองและรัน คู่ป่วนจักรวาล
เขียนโดย KaminariMomo
วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 02.48 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556 03.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) -2-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่สอง
“ทำไมต้องโกรธด้วยนะ”เสียงบ่นจากเพื่อนๆทำให้รันเองก็ต้องพูด
“เขาถามฉันว่าผลวิจัยเป็นยังไง พอฉันตอบเขาก็ถามต่อว่าตัวทดลองเป็นยังไงบ้าง ฉันก็ตอบไปว่าเสียชีวิตไปแล้ว แล้วเขาก็เข้ามาทำร้ายฉันแล้วก็ด่าทอเบื้องบนอย่างรุนแรงเลย”รันว่า
“พวกเราเองก็ถูกต่อว่า บางคนก็ถูกทำร้ายแต่ยังไม่หนักหนาเท่าเธอเลยนะ รัน”เพิร์ล เพื่อนของรันกล่าวขึ้นบ้าง เธอเป็นเด็กสาวร่างบางผมสีชมพูระบ่า ดวงตากลมโตสีชมพูเข้มแสดงแววกังวลออกมาอย่างไม่คิดจะปกปิด “เธอเจอกับ ‘ราชา’ หรือเปล่านะ?”
“ราชาคืออะไร”รันหันไปถามเพิร์ลทันที จนเพื่อนสาวชะงักนิดหนึ่ง
“ราชาคือตำแหน่งของพวกโจรขโมยฝันน่ะ ได้มีข่าวลือเล่ากันมากในหน่วยพวกเราและหน่วยอื่นๆว่าโจรขโมยฝันมีอยู่คนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าราชา ซึ่งเป็นโจรขโมยฝันที่ออกตัวเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ชาวลูกครึ่งหลายครั้งแต่รัฐบาลก็เพิกเฉยทุกครั้งเพราะเห็นว่าพวกเขามีความผิดเรื่องที่ไปขโมยทั้งความฝันหรือข้าวของมากมายที่ตนต้องการ”
เพิร์ลเล่า รันขมวดคิ้วสงสัย “แล้วรัฐบาลไม่คิดว่าจะเกิดการต่อต้านจากชาวอสุราบ้างหรือ”
“ถ้าหากชาวอสุราต่อต้านขึ้นมา แม้ว่าจะเอารัฐบาลทั้งโลกมารวมกันเพื่อรวบรวมกองทัพก็เถอะ ก็ไม่สามารถสู้ชาวอสุราแค่หยิบมือได้หรอก”เพิร์ลส่ายหน้า
“อ้าว แล้วทำไมชาวอสุราถึงไม่คิดแข็งข้อล่ะ”รันยิ่งสงสัย
“พวกเขาอ้างว่า ‘ขี้เกียจสู้รบ’ จึงไม่คิดจะก่อความวุ่นวายใดๆโดยไม่จำเป็น”เพิร์ลยักไหล่ รันรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูกจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“แต่ก็ยังคงเรียกร้องเข้ามาเรื่อยๆนะ เรื่องคราวนี้เองก็คงจะใกล้มาถึงแล้วล่ะมั้ง รันคอยดูนะ”
รันขมวดคิ้ว แต่ก็ได้แค่ถอนหายใจแล้วแยกตัวไปทานอาหารกลางวันคนเดียว ในหัวก็มีแต่เรื่องที่ชาวอสุราโกรธเรื่องผลวิจัยขนาดนั้น แล้วสัตว์นรกที่ว่านั้นพวกเขาหมายถึงฝ่ายไหนกัน
...
แองหลุดออกมาจากหลอดแก้วนรกในที่สุดหลังจากถูกขังเกือบหนึ่งนาที หลอดแก้วที่ทำหน้าที่เป็นรถพิเศษด่วนจี๋ลอยกลับขึ้นไปรอเหยื่อรายต่อไปที่ต้องใช้มัน หญิงสาวผมแดงกวาดตา มองอย่างมึนๆและรู้สึกอยากอ้วกจนต้องเอามือปิดปาก
เธอมาโผล่ที่เมืองใต้ดินแห่งหนึ่ง ตึกราสูงทรงเห็ดที่แตกแขนงหลายปีกมีสีสันละลานตา เสียงจอแจของผู้คนและถนนที่มีคนซิ่งแอร์ไบค์กันกระจัดกระจายถูกกั้นออกจากถนนคนเดินอย่างชัดเจนทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุบ่อยนัก ผู้คนชาวอสุรามากมายเดินสวนไปมาและทักทายอย่างร่าเริง แต่กลับไม่มีคนแก่สักคนเดียว อย่างมากที่สุดก็ดูอายุไม่เกิน35ปีเลยสักคน
เพราะการเติบโตมันหยุดไปแล้ว มันก็แค่นั้น
แองรีบเดินไปตามถนนปูอิฐอย่างรวดเร็วโดยมุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่กลางเมือง
สำนักงานใหญ่คืออาคารทรงกระบอกที่ตั้งอยู่กลางเมือง อาคารสีขาวตั้งตระหง่านและมียามอยู่สองคนเฝ้าหน้าประตู พวกเขาทำความเคารพแก่แองแล้วปล่อยให้เข้าไปได้อย่างง่ายดาย หญิงสาวพุ่งเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องของผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้ปกครองแห่งชาวอสุราทั้งมวล
ลิฟต์พุ่งขึ้นไปชั้นสูงสุดในทันที แองเดินออกจากลิฟต์ใสแล้วเดินไปตามทางเดิน สีหน้าไม่สบอารมย์ของเธอมากพอจะทำให้อสุราทั้งหลายในชุดทำงานไม่กล้าพอจะเข้าใกล้ เธอเดินไปจนสุดทางเดินแล้วเปิดประตูสุดท้ายออกอย่างแรง
“หัวหน้า!!”เธอเรียกเสียงดังลั่นจนคนในห้องสะดุ้งเฮือกทำกาแฟกระฉอก
“อะ...อะไรอีกล่ะแอง หรือว่ารู้ข่าวเมื่อช้าวแล้ว?”เขาถามเสียงสั่น ยังตกใจไม่หาย
คนผู้มีศักดิ์เป็นหัวหน้าคือชายหนุ่มผมสีเทายาวจรดพื้นผู้สวมใส่กิโมโนสีเดียวกันนั่งจิบชาอยู่บนโต๊ะทำงานเรียบหรู ใบหน้างดงามราวกับอิสตรีฉายแววแปลกใจระคนหนักใจ และเขาก็กำลังพยายามรวบรวมความกล้าที่จะหาเหตุผลคุยกับหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็น “ราชา” ที่ทำหน้าราวกับจะฆ่าคนได้ตรงหน้าเขาอย่างเร่งด่วน
“เรียกร้องไปซะ!! ไอ้พวกรัฐบาลโง่เง่ามันส่งตำรวจแอนดรอยมาแล้วนะ”แองพูดเสียงแข็ง “แล้วที่ร้องเรียนไปซ้ำๆก็ไม่มีใครฟังบ้างเลย ฉันว่าต้องยอมเปิดเผยความลับบ้างแล้วนะ!”
“แล้วหลังจากนั้นค่อยข่มขู่รัฐบาลไม่ให้แพร่งพราย? เหอะๆ...ราชา เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ารัฐบาลปัญญาเด็กพวกนั้นน่ะกลัวเรามากขนาดที่ว่าหากเราเริ่มจับกลุ่มอย่างผิดปกติเมื่อไหร่ก็พร้อมจะยกทัพมาเจรจาถามทันที ซึ่งมันวุ่นวายมากนะ ต้องไกล่เกลี่ยทั้งทางรัฐและทางประชาชนที่ถือตะหลิวครกพลั่วหรือแม้แต่ตะไบเพื่อเตรียมสู้ทั้งๆที่ยังสั่นเป็นลูกนก”เขาถอนหายใจ
“เราไม่อยากวุ่นวาย ฉันรู้! แต่ถึงขนาดเอาแอนดรอยที่ใสซื่อเกินไปแบบนั้นมาตามจับพวกเราก็ยิ่งแล้วใหญ่เลยนะ ฉันน่ะถามเรื่องผลวิจัยแล้วก็เผลอ...!!”
“เผลออะไร ราชา”หัวหน้าพลันสายตาคมขึ้นทันที
“เผลอ...”แองแสดงสีหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะสรรหาคำมาพูดไม่ถูก จนใบหน้าเริ่มแดงขึ้นและหัวหน้าเสียเองที่เป็นฝ่ายลนลาน
“เหวอ!? เธอเป็นอะไรหรือเปล่า...คงเผลอทำผิดไปสินะ ไม่เป็นไรๆ ฉันจะรีบติดต่อรัฐบาลให้!!”หัวหน้าหนุ่มรีบพูด ใบหน้าของเขาซีดขาว จุดอ่อนอันยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มผู้นี้เห็นจะมีก็ตรงที่แพ้น้ำตา และใครที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้แม้แต่นิดเดียวก็มากพอจะทำให้เขาเผลอเอามีดบาดคอตัวเองเพื่อให้หยุดร้องได้เลยทีเดียว
“ฉันผิดเอง ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก”แองตั้งสติ แล้วจับไหล่หัวหน้าที่กำลังจะวิ่งทะลุหน้าต่างไปบอกให้เลขาติดต่อกับรัฐบาลมนุษย์อยู่รอมร่อ
“ฉันดันไปอัดตำรวจหญิงแอนดรอยคนหนึ่งเข้าน่ะ เพราะโมโหไปหน่อย โทษทีนะ”แองถอนหายใจ ยอมรับความผิดของตัวเองง่ายๆ
“ยังดีนะที่เธอพอจะพูดด้วยเหตุผลรู้เรื่อง”หัวหน้าหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฉันตอนนี้ยังขอยืนยันว่าต้องเรียกร้องไปยังรัฐบาลจริงๆนะ”แองกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เราเองจำเป็นต้องใช้ความฝันของมนุษย์ในการทดแทนเวลานอนที่เราไม่มีอีกแล้ว บอกแล้วบอกอีกก็ไม่เคยยอมเข้าใจ เราต้องอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้แล้วนะ”
“มันจะเป็นการเผยความลับของพวกเรามากเกินไปนะแอง”หัวหน้าหนุ่มมองเธออย่างสงสาร “ฉันเข้าใจว่าเธอต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลมอบสิทธิและอิสระให้กับชาวอสุรามากขึ้น แต่ว่ารัฐบาลที่ยอมให้พวกนั้นจากโลกเก่าเข้ามาเพื่อกดดันเรา และกีดกันคนจากโลกเก่าที่มีพลังมากมายออกไปไม่ให้เข้าร่วมกับเราได้ เธอคิดว่าพวกมันจะยอมฟังเสียงของพวกเราหรือ”
“เพราะอย่างนั้นถึงต้องยิ่งพูดไง”แองกล่าวเสียงแข็งขึ้น “ต้องยิ่งพูดยิ่งกรอกหูเข้าไป ฉันหวังว่าสักวันคงจะมีใครสงสัยและหาความจริงขึ้นมาเอง”
“มันต้องใช้คุณสมบัติไม่ใช่น้อยเลยนะ”หัวหน้ากุมขมับ
เขาเข้าใจดีว่าหญิงสาวตรงหน้ามุ่งมั่นมาก และสัญชาตญาณก็ยอดเยี่ยม แต่กระนั้นดูเหมือนการทำนายครั้งนี้ของเธอจะพลาดเสียแล้ว นี่ก็ผ่านมาเป็นปีแล้วแต่รัฐบาลก็ไม่มีวี่แววจะรับฟังสิ่งที่พวกเขาต้องการจะบอกให้ฟังเลย แล้วยังจับชาวอสุรามาทดลองยั่วโทสะชาวอสุราคนอื่นๆอีก เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยจริงๆว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากวันหนึ่งชาวอสุราไม่คิดจะทนอีกต่อไป
“คุณสมบัติปัญญาอ่อนนั่นน่ะเหรอ...”แองแสดงสีหน้าเอือมระอา “จะเอาอะไรมากมายกับฉันงั้นเหรอ? ทำไมถึงได้ชอบเพ่งเล็งมาที่ฉันกันจริงๆ...”
“เฮ้อ...มันก็อยู่ที่เธอนั่นแหละว่าจะเลือกใครมา”หัวหน้าส่ายหน้าและยิ้มอย่างสงสาร
คุณสมบัติของคนที่จะสามารถรับรู้ความลับของชาวอสุรา คือ...
แล้วแต่สเป็กของ ‘ราชา’ ในขณะนั้น!!!
และถ้านับกันแล้ว แองนี่ล่ะราชาในปัจจุบัน สเป็กหรือ? จะเอาอะไรกับคนที่ไม่สนใจอะไรอย่างเธอกันล่ะหือ? คนในแบบที่ถูกชะตาก็มี แต่สเป็กที่ว่าน่ะมันตีได้หลายความหมายมากๆเลยนะเฟ้ย...
แองได้แต่ทอดสายตาไปยังเบื้องนอกหน้าต่างอย่างเหนื่อยอ่อน หัวหน้าหนุ่มเห็นแล้วก็ยิ้มๆแล้วเดินมาตบไหล่เธอเบาๆ
“สำหรับเธอที่เป็นเหมือนทั้งพี่น้อง อาจารย์ และเพื่อนสนิท ฉันน่ะเป็นห่วงมากเลยนะว่าจะทำอะไรโง่ๆหรือเปล่า ยิ่งเมื่อพวกเรารู้จักกันมานานแสนนานขนาดนี้ด้วย...”
“อย่าคิดมากเลย”แองตอบ แม้สายตายังคงเหม่อลอย “ฉันจะเรียกร้องไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีใครสักคนในรัฐบาลหันมาสนใจ จนกว่าอายุขัยอันไม่สิ้นสุดของฉันจะหมดลงในสักวัน”
“ไปนอนซักหน่อยมั้ยล่ะ”ชายหนุ่มถาม
“นายก็รู้ว่าถึงนอนก็หลับไม่ได้”แองตอบ “ทั้งนายและฉัน ทุกคนที่เป็นเหมือนเราต่างหลับไม่ได้มาตั้งนานแล้ว ก็น่าจะรู้อยู่นะ”
“ถึงจะรู้ แต่ก็ยังหวังจะให้ฝันร้ายนั่นมันหายๆไปซักทีเหมือนกันนะ”เขาหัวเราะเบาๆ แต่เป็นเสียงหัวเราะแบบฝืนๆ ฝันร้ายไม่สิ้นสุดของชาวอสุราอย่างพวกเขามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและติดตามาจนแม้ปัจจุบันก็ยังฝังจำจนไม่อยากจะหลับตานอน
แองเดินไปยังประตู ก่อนเธอจะออกจากห้องก็หันมาพูดกับหัวหน้าอย่างสงบ
“เรียกร้องไปด้วยแล้วกันนะ ฉันเขียนให้แล้ว”เธอชี้ไปบนโต๊ะของหัวหน้าที่มีกระดาษจดหมายและปากกาที่กำลังขีดเขียนโดยไม่มีผู้ใดจับมัน มันถูกวางลงพร้อมๆกับที่แองเดินออกไปและปิดประตูลง
หัวหน้าหนุ่มทำได้เพียงแค่มองส่งแล้วเดินไปดูจดหมายที่เขียนเหตุจำเป็นทุกอย่างอย่างเป็นเหตุเป็นผลอย่างที่สุดของชาวอสุราโดยแทบไม่เผยความลับใดๆ เพียงเขียนถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ “ความฝัน” ของผู้คนในการทดแทนการนอนหลับของตนซึ่งรัฐบาลชอบถามกลับมาเสมอว่าแล้วทำไมถึงไม่นอนเอง แองก็มักจะตอบไปว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับความลับทางประวัติศาสตร์ของชาวอสุรา แต่บอกได้ว่ามันเป็นเหตุจำเป็นที่แก้ไม่ได้
แองเคยยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลส่งคนมาเพื่อคัดเลือกว่าผู้ใดสมควรจะรับรู้ความลับของชาวอสุรา และคนที่รัฐบาลส่งมาต่างไม่มีคุณสมบัติเพียงพอเลยสักคนรัฐบาลจึงต้องเจอกับความพิศวงของร่างกายชาวอสุราต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
แองเดินจากห้องของหัวหน้าแล้วเดินไปยังห้องพักของตัวเองในสำนักงานแห่งนี้อย่างเอ้อระเหย สายตาเหม่อลอยและถอนหายใจซ้ำๆเป็นระยะ ห้องของเธออยู่ชั้นเกือบบนสุด จึงต้องลงลิฟต์ไปชั้นหนึ่งเพื่อเข้าไปในห้องพักของตัวเอง
ที่ชั้นนี้มักจะเป็นห้องของเหล่า “ราชวงศ์” ต่างๆมากมาย ทำไมถึงเรียกว่าราชวงศ์? จริงๆชาวอสุราไม่มีเชื้อสายพรรค์นั้นหรอก แค่เรียกกันจนชินปากเท่านั้นแหละ เพราะพื้นที่ต่างๆในโลกใหม่จะมีชาวอสุราอาศัยอยู่และเพื่อควบคุมทั้งการถูกเอาเปรียบรังแก รวมถึงชาวอสุราไปเอาเปรียบมนุษย์หรือเอาเปรียบชาวอสุราด้วยกัน แต่ละพื้นที่จึงมี “เจ้าหญิง” และ “เจ้าชาย” คอยประจำการและคอยดูแลพื้นที่ที่ตนประจำอยู่ เรียกได้ว่าเป็นหัวหน้ากลุ่ม และหัวหน้าของพวกเขาก็คือ “ราชา” หรือก็คือแอง ซึ่งหากมีเรื่องใดที่ใหญ่มากก็จะเอาไปบอก “หัวหน้า” อีกทีหนึ่ง
ดังนั้นจึงเรียกพวกเขาว่าราชวงศ์ และชั้นที่สองนับจากบนสุดของอาคารก็เป็นห้องพักของพวกเขาที่มักจะทำงานไปพร้อมๆกับพักผ่อน เพราะนอกจากเวลาลงพื้นที่ก็ต้องคอยรับเรื่องร้องเรียนต่างๆและจัดทำเอกสารอยู่ในห้องแทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย
แองเปิดประตูห้องของตัวเอง ในห้องสี่เหลี่ยมเป็นสีเขียวอ่อนและมีเตียงนอนบนแคร่ไม้ไผ่ซึ่งไม่มีขา แต่ถูกแขวนไว้เป็นเปล มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่เรียงตัวเป็นรูปครึ่งวงกลมที่โล่งสะอาดตา เพราะแองหมั่นจัดไม่ให้มันรกเสมอหลังจากทำงานเสร็จ ถึงแม้ระว่างทำงานมันจะยุ่งเหยิงมากก็เถอะ และยังมีตู้เสื้อผ้ากับห้องน้ำในตัวอีกด้วย
หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่ส่ายไหว แต่ดวงตากลับไม่หลับลงไป เธอนอนมองเพดานอยู่อย่างนั้น ในใจก็คิดกังวลถึงอีกคนที่เธอทำร้ายไป
‘นัดเจอกัน...ขอโทษซักหน่อยดีกว่ามั้ยนะ?’
เธอถอนหายใจแล้วพลิกตัวนอนอย่างไม่สบายใจ
ทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของเหล่าราชวงศ์ผู้สงสัยในพฤติกรรมของราชาผู้นี้แล้ว พวกเขาคาดเดาไว้ในทันทีว่า ราชาของพวกเขาเจอคนใน “สเป็ก” แล้วอย่างแน่นอน
เสียงหัวเราะคิกคักดังพักหนึ่ง ก่อนเหล่าราชวงศ์จะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง
...
รุ่งขึ้น แองได้ส่งจดหมายไปหารันจริงๆ
เด็กสาวร่างบางมองจดหมายในมือสลับกับคนตรงหน้าที่สวมหมวกปิดหน้าและก้มหน้าก้มตาดูอึกอักไม่รู้จะพูดอย่างไร มือก็จับแก้วน้ำกระดาษหมุนไปหมุนมา
“ตกลงคุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่คะ”รันกล่าวถามอย่างรำคาญเมื่อเห็นท่าทีของแอง
“เอ้ย...ให้เวลากันบ้างสิ ฉันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนนี่นา...”แองถอนหายใจอย่างจนปัญญา
“ไม่เคยทำอะไรคะ?”เด็กสาวขมวดคิ้ว
“เออ...เฮ้อ”แองกุมขมับ แล้วพูดออกไปทีเดียว “ขอโทษที่วันก่อนฉันทำร้ายเธอนะ...มัน...ฉันควบคุมอารมย์ไม่ดีเอง ขอโทษจริงๆ...”
หญิงสาวแสดงท่าทางสำนึกผิด รันมองดูแล้วก็นึกขึ้นมาถึงเรื่องที่เพื่อนเคยบอกกับเธอเรื่องเกี่ยวกับอุปนิสัยประหลาดของชาวอสุราผู้นี้ คือถูกเรียกทั้งในหมู่โจรและตำรวจว่าเป็นคนจริง ปกติมักจะพูดขอโทษตรงๆหากทำผิดอะไร แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะเพิ่งสำนึกได้แล้วก็เลยนัดมาขอโทษ
แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอก?
“ฉัน...เอ่อ...เธอฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ย”แองขมวดคิ้ว มองหน้ารันที่ดูเหม่อไปพักหนึ่ง เด็กสาวสะดุ้งมองแองอย่างตกใจ
“เอ๊ะ คะ ฉันฟังอยู่ค่ะ”รันหันกลับมามองหน้าแองดังเดิม
หญิงสาวผมแดงจ้องมองดวงตากลมโตสีเงินของตำรวจสาวอย่างพินิจ อีกฝ่ายเหงื่อตกและยิ้มแห้งๆแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร สุดท้ายก็ตัดสินใจจะพูด แต่กลับถูกพูดขัดขึ้นมาก่อน
“เธอจะรับฟังความลับของชาวอสุราไหม?”
“คะ?”รันเอ๋อไปพักหนึ่ง...
ความลับของชาวอสุรา? สิ่งที่แม้แต่รัฐบาลก็ไม่อาจค้นหาได้แม้พยายามทำตามเงื่อนไขของพวกเขาอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำพูดว่า ‘คนที่พวกคุณส่งมาไม่มีคุณสมบัติเลย!’ แล้วก็ถูกปฏิเสธมาตลอดจนต้องไปจับชาวอสุรามาทดลองแทนจนถูกต่อต้านเงียบๆจากชาวอสุรา
“คุณจะเล่าให้ฉันฟัง?”รันอ้าปากค้าง
“ก็ใช่ แต่เธอต้องผ่านเกณฑ์ก่อนนะ ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ต้องพูดถึงอีก”แองพยักหน้า
รันพยายามประมวลผลในหัวอย่างหนักหน่วง นี่เธอมีคุณสมบัติอะไรหรือถึงได้ผ่านเกณฑ์อะไรนั่นของชาวอสุราจนอีกฝ่ายออกปากถามว่าเธอต้องการให้เล่าให้ฟังหรือเปล่า
“ฉันมีคุณสมบัติอะไรหรือคะคุณถึงจะบอกฉัน”เธอถามอย่างจริงจัง
“ก็แค่เพราะเธอดูจะมีเหตุผลพอจะรับฟังเท่านั้น”แองบอกเรียบๆ “คงจะไม่วิ่งไล่จับพวกเราไปฆ่าหรอกนะ แต่ฉันยังต้องดูนิสัยของเธอไปอีกพักใหญ่ๆถึงจะตัดสินใจบอกว่าทำไมชาวอสุราอย่างพวกเราถึงต้องล่าความฝันและไม่สามารถเลิกได้”
หญิงสาวเลี้ยงมื้อนี้ให้รัน และชวนไปหาอะไรทานต่อ รันเองได้แต่ยอมรับ แม้ว่าอยากจะทำตามหน้าที่คือจับแองไปยัดคุกตารางซะเดี๋ยวนั้น แต่เธอชั่งใจแล้ว ก็คิดว่าการได้รับรู้ความลับของชาวอสุราสำคัญกว่าการจับหญิงสาวผู้นี้ตอนนี้ อย่างน้อยค่อยจับหลังจากรู้เรื่องแล้วก็คงได้กำไรมากกว่า
การทำให้อีกฝ่ายไม่ไว้ใจเธอเสียก่อน ขณะที่ได้โอกาสจะรับรู้สิ่งที่รัฐบาลต้องการมาตลอด เธอคิดว่ามันเป็นการโง่มากทีเดียว
รันส่งข้อความแจ้งเรื่องนี้ไปยังเบื้องบนทันทีขณะที่แองเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ และได้ข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
‘ติดตามต่อไป รัฐบาลจะประชุมกันถึงเรื่องนี้จนกว่าจะได้ข้อสรุป’
เด็กสาวแอนดรอยด์เม้มริมฝีปาก ก่อนจะสะดุ้งน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงแองเรียก
“ไง เรียบร้อยหรือยัง”แองหัวเราะเบาๆ
“อ...อะไรเรียบร้อยคะ?”
“รายงานเรื่องนี้ไปซะแล้วล่ะสิท่า พวกตำรวจซื่อตรงอย่างเธอนี่อ่านง่ายจริงๆ”
รันกัดปากตัวเองอย่างนึกเจ็บใจ แม้แต่พลังของหญิงสาวตรงหน้าเธอยังไม่รู้ แต่หล่อนกลับรู้ความคิดของเธอไปซะหมดแล้วเสียอย่างนั้น เธอไม่ค่อยชอบใจเอาเสียเลย
“เอาเถอะ มันไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่ฉันสามารถวางใจเธอได้”
คำพูดพึมพำเบาๆของราชาแห่งชาวอสุราเข้าหูของเธอ รันจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดแย่ๆที่เกือบจะหลุดออกมาไปทันที ใช่แล้ว ภารกิจตอนนี้คือทำให้ความไว้วางใจที่จู่ๆก็ยื่นให้นี้รักษาอยู่ให้นานที่สุด อย่างน้อยจนกว่าจะได้รู้ความลับของชาวอสุราที่รัฐบาลพยายามมาตลอด เธอจะทำมันพังเสียตั้งแต่นาทีแรกไม่ได้เด็ดขาด เธอจึงสงบปากสงบคำและพยายามใช้ความใจเย็นของตัวเองให้มากที่สุด
“ว่าแต่คุณตำรวจ เธอชอบความเร็วมั้ย?”แองหันมาถามกลั้วหัวเราะ
“คะ?”รันชะงัก
ทว่าคำที่พูดออกไปเป็นเชิงคำถามถูกตีความเป็นคำตอบรับ แองถือว่ารันตอบว่าใช่ จึงเดินเข้าไปเอามือโอบเอวอีกฝ่ายแล้วหิ้วลอยขึ้นมาจากพื้นทั้งๆอย่างนั้น
“ว้าย?!”รันร้องลั่น เธอรีบเกาะเสื้อของแองไว้ทันที ส่วนตัวแองเองกลับหัวเราะร่วน
“พร้อมจะบินแบบไร้ความปลอดภัยไหม? ฉันไม่เอาคำตอบละกันนะ ฮะๆ”แองเดินออกไปจากร้านโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของคนในอ้อมแขน
หญิงสาวผมแดงก้าวเดินอย่างมั่นคงและรวดเร็วเข้าไปในตรอกหนึ่งไม่ไกลจากร้านนัก ริมฝีปากพลันพึมพำบางอย่าง รันที่มัวแต่โวยวายไม่ได้ฟัง รู้ตัวอีกทีก็เมื่อบางสิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า
“...ขอให้ปีกแห่งข้าจงกางสะพัด คุ้มครองทั้งแผ่นดินและผืนนภา”นั่นเป็นประโยคเดียวที่รันสามารถแปลได้จากคำพูดแปลกๆภาษาประหลาดของแอง
ฉับพลัน ตรงหน้าทั้งคู่ก็ปรากฏหน้าต่างใสเหมือนแผ่นแก้วของโฮโลแกรม แต่มันปรากฏเพียงภาพของวงแหวนอักษรและสัญลักษณ์แปลกประหลาดจนเป็นลวดลายสีแดงสดใส มันส่องแสงวาบก่อนจะขยายขนาดและแตกออกเป็นข้อมูลเล็กๆเรืองแสงจำนวนมากพุ่งไปที่หลังของแองอย่างรวดเร็ว
“อะ...อะไร..”รันทำได้เพียงถามตัวเองซ้ำๆกับเหตุการณ์ประหลาดตรงหน้า
กลุ่มข้อมูลเรียงตัวกันใหม่ ชัดเจนและมากมายจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แสงสว่างสีแดงและขาวปนเปจนคล้ายจะกลายเป็นสีแดงอ่อนๆ จัดเรียงกันอย่างละเอียดลออแล้วประณีตจนกลายเป็นรูปแบบที่ชัดเจนและจับต้องได้
โครงปีกเหล็กสีทองแดงสะบัดกาง มันเป็นเพียงโครงประหลาดทว่าสวยงาม แต่มันเป็นเพียงภาพสองมิติที่ลอยล่องอยู่กลางอากาศ เชื่อมต่อกับบอลสีแดงสดใสราวอัญมณีที่ลอยอยู่ระหว่างกระดูกสะบักตรงช่วงเอวและโครงปีกแบนๆเท่านั้น แสงสีทองแดงสว่างจางหายไป มีเพียงโครงปีกสีดำที่คล้ายลวดลายกลางอากาศเท่านั้น
“อลังการดีมั้ยล่ะ”แองหัวเราะขำเมื่อเห็นสีหน้าของรัน “มันก็เป็นแค่ปีกที่ใช้เดินทางเฉยๆ เพราะงั้นเธอไม่มีวันเห็นของจริงหรอกนะ ฮ่าๆ”
พริบตาที่รันกำลังจะอ้าปากโต้ตอบ ปีกก็กระพือ เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็สร้างลมมหาศาลจนส่งให้ร่างของคนทั้งคู่ลอยสูงเหนือพื้นดินและพุ่งขึ้นไปในอากาศ และอยู่เหนืออาคารเตี้ยๆแถบนั้นในทันที
“ว้าย!”รันร้องลั่นกับความเร็วที่ไม่ทันตั้งตัว เด็กสาวกะพริบตาถี่ๆ ลมหอบใหญ่เมื่อกี้ทำให้น้ำในตาของเธอแห้งไปเลย แองหัวเราะกับท่าทางตกตะลึงของรันอย่างไม่ปิดบัง
“ไม่อยากเชื่อว่าฉันจะมาทำอะไรแบบนี้กับคนที่เพิ่งไล่ตามจับฉันเมื่อวานเลยแฮะ ฮะๆ” แองกระพือปีกเบาๆ ร่างกายของคนทั้งคู่จึงบินสูงขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆ
“...ปีกคุณ...”รันเอี้ยวคอไปมองปีกของแองเขม็ง “เมื่อกี้ ...มันมาได้ยังไงกันคะ?”
“อืม...ยังไงดีล่ะ ถ้าเป็นสมัยก่อน คงจะต้องเรียกมันว่าเวทย์มนต์ล่ะมั้ง” แองตอบสั้นๆอย่างไม่คิดอะไรมาก เธอยังคงบินเอื่อยๆโดยอุ้มแม่สาวแสบไปด้วย
“เวทย์มนต์เนี่ยนะ? ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อเรื่องหลอกเด็กแบบนั้นหรอกค่ะ”รันถอนหายใจ
“แล้วถ้ามันเป็นจริงล่ะ?”
คำถามห้วนๆจากราชาแห่งอสุราเต็มไปด้วยน้ำเสียงอันเรียบนิ่งและแฝงความเย็นชาเอาไว้จนรันจับสังเกตได้ เธอมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวผมแดง จึงได้เห็นสีหน้านิ่งเฉยเย็นเยียบราวกับตุ๊กตาของอีกฝ่าย แววตาที่จับจ้องมาที่เธอนั้น รันสามารถบอกได้เลยว่าคำตอบที่หลุดจากปากเธออาจทำให้เธอได้คำตอบและความลับทุกอย่างของชาวอสุรา หรืออาจฆ่าเธอเสียที่นี่ก็ได้
“...ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันเป็นแอนดรอยด์ไซบอร์ก ไม่ใช่พ่อมดหมอผี จะรู้เรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน”รันส่ายหน้า “ฉันถูกเพาะเลี้ยงมาแบบวิทยาศาสตร์ค่ะ จึงไม่สามารถบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับเรื่องนามธรรมอย่างเวทย์มนต์ ถ้าตอบตามตำราที่ถูกสอนมา ฉันคงตอบว่าเห็นมันเป็นแค่อุปทานอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับคำถามว่าถ้ามันเป็นจริง ฉันไม่รู้จริงๆค่ะว่าจะตอบยังไง”
ความเงียบครอบคลุมบรรยากาศระหว่างทั้งสองพักหนึ่ง มีเพียงเสียงจากรอบข้างที่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกว่าไม่เงียบจนเกินไป แองชั่งใจโดยปล่อยไปตามความรู้สึกอย่างลำบาก
ถ้าเธอเลือกผิดชาวอสุราจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้ มันไม่ใช่แค่รับผิดชอบเพียงแค่ตาย เธอจะต้องเห็นเพื่อนพ้องเผ่าเดียวกันทุกข์ทรมาณไม่ก็มีความสุขไปจนโลกดับสลาย ปัญหาคือเธอไม่รู้อนาคตเสียหน่อย แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าจะทำอย่างไรกับแม่หนูตำรวจน้อยคนนี้ดีจึงจะทำให้ผลสุดท้ายออกมาดีที่สุด
...คงต้องแล้วแต่โชคชะตา
แองถอนหายใจออกมาก่อนจะเริ่มอธิบายให้รันฟัง
“เอาล่ะ ฟังดีๆนะ สิ่งที่ฉันทำให้ดูไปเมื่อกี้คือการเอาเวทย์มนต์บรรจุลงไปในรูปแบบของข้อมูลโฮโลแกรมแบบวิทยาศาสตร์ ซึ่งเวทยมนต์เหล่านี้มีสูตรเฉพาะตายตัวบางอย่างที่ถ้าผิดเพี้ยนไปแม้แต่นิดเดียวจะทำให้ผลที่เกิดออกมาเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ดังนั้นเพื่อป้องกันความผิดพลาด พวกเราจึงได้รับการพัฒนาให้มีเวทย์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน”แองมองรันที่ดูตั้งใจฟังขึ้นมาทันที
“สมัยก่อน การเขียนสูตรเวทย์ใช้เวลามากและต้องมีเงื่อนไขบางอย่างเพื่อให้ร่ายเวทย์สำเร็จ แต่เพราะมันยุ่งยาก เราเลยได้รับการพัฒนาให้ได้รับพลังเวทย์ที่ถูกเขียนด้วยสูตรใหม่ ซึ่งทำให้ข้อจำกัดต่างๆลดลงและใช้ง่ายขึ้น บางครั้งพวกมันยุ่งยากมาก จึงเขียนไว้ในรูปแบบข้อมูลเฉพาะตัวให้มีแต่เจ้าของเท่านั้นที่เรียกใช้ได้ แน่นอนบางอย่างมันก็ยังต้องมีเงื่อนไขเพื่อให้สำเร็จอยู่เพราะเอาออกไปทั้งหมดไม่ได้ และยังมีข้อจำกัดอีกมาก แต่ว่ามันกฎทำให้พวกเราแต่ละคนมีเอกลักษณฺเวทย์มนต์ต่างกัน และเป็นสิ่งที่เฉพาะตัวมากจนคนอื่นเลียนแบบไม่ได้”
รันฟังสิ่งที่แองพูดอย่างตั้งใจ เธอบันทึกเสียงพวกนี้เอาไว้อย่างรวดเร็ว แต่ขณะส่งข้อมูลไปยังรัฐบาล เธอกลับส่งไม่ได้จนต้องแปลกใจ
“และมันมีเวทย์พื้นฐานอยู่คือเวทย์ก่อกวน ซึ่งมันทำให้ฉันสามารถดูดหรือสกัดกั้นข้อมูลไม่ให้คนอื่นส่งบางสิ่งที่ฉันไม่ต้องการไปให้คนอื่นได้”แองหัวเราะ
“แปลว่า...”รันอ้าปากค้าง “คุณรบกวนคลื่นของฉัน ทำให้ฉันส่งข้อมูลไม่ได้!”
“แน่ล่ะ เธอมีสิทธิ์ส่งมันเมื่อไหร่ก็ได้ หลังจากฉันให้เธอผ่านด่านและให้รับรู้ทุกเรื่องแล้วเท่านั้น”แองยิ้มเจ้าเล่ห์ เอามืออีกข้างลูบหัวรันเหมือนลูบหัวเด็กน้อยให้หายโกรธ
“!!!”รันอยากจะอาละวาด หากไม่ติดว่าเธอต้องการข้อมูลจากอีกฝ่ายมากกว่านี้
คอยดูเถอะ หลังจากได้มาแล้วจะจับยัดซังเตเสียให้เข็ด! เธอได้แค่คิดเท่านั้นตอนนี้
“นี่คือสิ่งที่เรามี อสุราแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว”แองพูดต่อ ก่อนจะถอนหายใจยาว เธอเว้นช่วงเพื่อคิดและคัดกรองคำพูด
“พวกเราเกิดมาในฐานะผู้เชื่อมประสานระหว่างอดีตกับอนาคต เรามีพลังที่คนสมัยก่อนเชื่อว่ายิ่งใหญ่และเพ้อฝัน และมีพลังของคนสมัยนี้ที่คนเมื่อร้อยเมื่อพันปีก่อนฝันถึง เทคโนโลยีอันล้ำสมัย”แองถอนหายใจอีกครั้งราวกับเป็นเรื่องน่าหนักใจ “เวทย์มนต์กับเทคโนโลยีอยู่ในตัวเรา ในรูปแบบที่พิสดารและคนสมัยนั้นเชื่อว่าสมบูรณ์ที่สุดแล้ว”
“หมายความว่ายังไงกันคะ?”รันไม่อาจประมวลผลคำพวกนี้ได้ เธอขมวดคิ้วพยายามคิดอย่างหนัก
“เธอเห็นตอนฉันเรียกปีกใช่ไหม”แองขำเบาๆ “มันเป็นเวทย์มนต์ แต่เรียกและจัดเรียงข้อมูลแบบวิทยาศาสตร์ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นพลังเวทย์มนต์อย่างหนึ่งอยู่ดี”
“มันคือการนำสิ่งที่เป็นนามธรรมมาบรรจุในสิ่งที่เป็นรูปธรรมกว่านั่นล่ะ เอ...เธอจะเข้าใจไหมนะ ฉันเริ่มอธิบายซ้ำๆแล้วนะ”แองเบ้ปาก เธอไม่ชอบการพูดซ้ำซากนักหรอก
รันพยักหน้า “พอจะเข้าใจแล้วค่ะ”
“ดี!”แองยิ้ม “ทีนี้ฉันจะพาเธอหนีล่ะนะ”
“เดี๋ยว...อะไรนะคะ?”รันหันขวับไปมองหญิงสาวผมแดงเขม็ง
“รู้ไหมโลกนี้ยังมีอีกมากมายที่เธอไม่รู้ และฉันด้วย! หลังกำแพงพวกนั้นมีอะไรอยู่กันนะ ไม่อยากรู้เลยเหรอ มันอาจจะมีโลกต่างมิติก็ได้นะ หรืออาจจะเป็นทะเลทรายที่มีหิมะตก?”แองหัวเราะร่วน
“หิมะไม่ตกที่ทะเลทรายค่ะ! แล้วกำแพงที่คุณพูดถึงนี่มันอะไรกันคะ”รันรีบถามก่อนจะถูกแทรกจนไม่ได้พูดอีก แองมองเธอย่างแปลกใจก่อนจะชี้ไปที่จุดหนึ่งบนท้องฟ้า
“กำแพงสวรรค์ที่กั้นโลกเราเป็นสองฝั่งไงล่ะ ถ้าโลกนี้คือโลกฝั่งเทคโนโลยี ไม่แน่อีกฝั่งอาจจะเป็นโลกเวทย์มนต์ก็ได้นะ ไม่อยากลองไปดูเหรอ?”
“ไม่ค่ะ!!”รันตอบทันที
“แต่ฉันอยาก และเธอต้องไปกับฉัน”แองยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว “เพราะไม่งั้นเธอก็อดได้ข้อมูลชาวอสุราเหมือนกัน”
“ว่าไงนะคะ?! นี่คุณขู่ฉันเหรอ”รันอ้าปากค้าง
“เปล่านี่ แค่ว่า...ถ้าไม่ไปก็อดได้ข้อมูลแค่นั้นเอง”แองยิ้มขำราวกับพูดเรื่องจ่ายตลาดก็ไม่ปาน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ